9 ตัวจริงของผู้ชายไทยในสายตาผู้หญิง
1. อัตตาธิปไตยเป็นคำหรูๆ ชื่อเต็มของคำว่า "ชอบเอาเปรียบ เอาแต่ใจตัวเอง ไม่คิดถึงความรู้สึกของเพศตรงข้าม" ตัวอย่างที่เห็นชัดคือการที่หนุ่มไทยชอบมีกิ๊ก หรือเป็นคุณพ่อบ้านเมียเผลอ นิยมมีเมียน้อย ทั้งๆ ที่รู้ว่าภรรยาจะต้องเสียใจถ้าได้รู้ แต่เมื่อตัวเองพอใจเสียอย่างเขาก็จะทำ ขณะเดียวกันเรื่องงานบ้าน งานเรือน การดูแลลูก ชายไทยมักจะโยนให้เป็นหน้าที่ผู้หญิง ไม่นับที่ปากร้าย ชอบแซวแรงๆ โดยไม่สนใจว่าคนฟังจะสนุกด้วยหรือเปล่า ทั้งหมดนี้เข้าข่ายอัตตาธิปไตยทั้งสิ้น
2. เจ้าชู้
ขุนแผนแสนสะท้านเดินเพ่นพ่านอยู่เต็มเมืองไทยมานานแล้ว ผู้ชายไทยส่วนใหญ่ยังมีทัศนคติว่าการมีแฟนหลายคนคือความเท่ ยิ่งวิ่งรอกสับรางมากกว่าสองคนขึ้นไปก็ยิ่งการันตีความสามารถถึงแม้ว่าวันหนึ่งความลับเปิดเผยออกมาสังคมก็ยังรับได้ ไม่มีใครมาตั้งแง่รังเกียจหรือทำให้เจ้าตัวรู้สึกว่าตัวเองทำความผิดอะไร ถ้าแฟนจับได้ อย่างมากก็แค่ขอโทษขอโพย แล้วทำตัวสงบเสงี่ยมไปสักพัก จนเรื่องซาฟ้าใสแล้วค่อยออกปฏิบัติการหากิ๊กคนใหม่มาชดเชย
3. เผด็จการ
ลึกลงไปในใจหนุ่มๆ แห่งสยามประเทศยังเชื่ออยู่เสมอว่าผู้ชายเป็นช้างเท้าหน้า ส่วนผู้หญิงถ้าไม่เป็นช้างเท้าหลังก็เป็นหางช้าง เขามีความเห็นอย่างไร เธอต้องทำตามอย่างนั้น ถ้าผู้หญิงเก่งกว่า ฉลาดกว่า หรือมีรายได้มากกว่า ผู้ชายจะร้อนตัวขึ้นมาทันที ผู้หญิงบางคนจึงจำเป็นต้องแกล้งโง่ เพื่อรักษาความสัมพันธ์กับฮิตเลอร์กลับชาติเหล่านี้เอาไว้
4. ผู้ชายสำอาง
ไม่ใช่แต่ผู้หญิงที่รักสวยรักงาม อยากให้ตัวเองดูดีตลอดเวลา ผู้ชายก็มีอารมณ์นี้เหมือนกัน และนับวันก็ยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นจนกลายเป็นเทรนด์ผู้ชายหน้าใสไปแล้ว ที่จริงแล้วสาวๆ ส่วนใหญ่ก็ให้ผู้ชายหันมาเอาใจใส่กับรูปลักษณ์อยู่เหมือนกัน แต่พร้อมกันนั้นก็มีคำถามว่าผู้ชายจะสำอางไปทำไม ถ้าไม่ใช่เพื่อเรียกร้องความสนใจจากสาวๆ ผู้ชายที่แต่งตัวจัดจึงมักจะเจ้าชู้จัด เอาแต่ใจตัวเอง และจู้จี้จุกจิกมากตามไปด้วย
5. พ่อบุญทุ่ม
ผู้หญิงส่วนหนึ่งอยากมีแฟนหน้าใหญ่ใจโต กล้าจ่ายไม่อั้น อยากได้อะไรก็ตามใจทุกอย่าง แต่ก็ยังมีสาวๆ อีกหลายคนที่ไม่ชอบพฤติกรรมแบบนี้ "เขาทำเหมือนเราเป็นสินค้าที่เอาเงินซื้อได้ เหมือนในสมองเขามีแต่ เงิน...เงิน...เงินตลอดเวลา ยิ่งเขาทุ่มมากเราก็ยิ่งต้องระแวงมาก ว่าเขาจ่ายเงินแล้วมีหรือจะไม่หวังผล เขาอาจเรียกคืนจากเราจนเกินคุ้มเลยก็ได้" นาวิกา เลขานุการ บอก การจ่ายเงินแบบไม่ยั้งมือเป็นการอวดตัวเองอย่างหนึ่งของผู้ชาย และเมื่อผู้หญิงที่รับของจากเขาแล้ว เธอก็มักจะกลายเป็นเบี้ยล่าง เป็นหนี้บุญคุณเขา จนไม่กล้ามีปากเสียง ไม่กล้าโต้แย้งเวลาเขาทำร้ายร่างกายและจิตใจ เพราะถูกอำนาจเงินของเจ้าบุญทุ่มค้ำคออยู่นั่นเอง
6. ผู้ชายขี้โม้
การได้คุยโม้โอ้อวดเป็นความสุขอย่างหนึ่งของทั้งชายหญิง แต่ชายไทยมักจะอาการหนักกว่าผู้หญิง (ซึ่งชอบนินทามากกว่า) สาวๆ ที่มีแฟนขี้โม้หรือชอบพูดจาเกินจริงบอกว่า เธออายทุกครั้งที่แฟนหนุ่มเปิดฉากบริหารลูกคอ "เวลาเขาโม้ เราจะรู้สึกว่าหน้าร้อนผ่าว อยากจะหดตัวให้เล็กที่สุดไม่ให้ใครมองเห็นได้เลย เขาไม่รู้หรอกว่าคนอื่นมองเขาอย่างไร แต่เรารู้เพราะมันก็คือสิ่งที่เรามองเขาเหมือนกัน" เล็ก ครูอนุบาลเล่า ประเด็นท็อปฮิตที่ผู้ชายชอบโม้ มักจะเป็นเรื่องหน้าที่การงาน ความสำเร็จ โม้เรื่องเงินทอง ความเก่ง ฉลาด และความเจ้าเสน่ห์ของตนเอง สรุปว่ายิ่งหลงตัวเองก็ยิ่งโม้ ทำให้ผู้หญิงเกือบร้อยละร้อยยกให้ความขี้โม้เป็นเรื่องรับไม่ได้พอๆ กับความเจ้าชู้ เพราะมันทั้งน่ารำคาญและน่าขายหน้าในเวลาเดียวกัน
7. ซูปเปอร์ฮีโร่
"ผมเก่งกว่าคุณ/คุณเป็นเพศที่อ่อนแอ/คุณต้องพึ่งผม/ผมคือผู้นำครอบครัว" ฯลฯ นี่คือตัวอย่างเล็กๆ น้อยๆ ที่บอกว่าผู้ชายบ้าความเป็นฮีโร่ขนาดไหน เพราะผู้ชายทุกคนมีสัญชาตญาณนักล่าอยู่ในตัว เขาต้องการประสบความสำเร็จ ต้องการถูกมองอย่างชื่นชม เรื่องมันแย่ตรงที่ผู้ชายบางคนอยากเป็นฮีโร่จนทนไม่ได้ที่จะมีแฟนเก่งกว่า หรือต้องทำงานใต้คำสั่งเจ้านายที่เป็นผู้หญิง บางคนก็อยากเก่งแต่ไม่ยอมลงทุน คือเก่งแต่ปากคุยโตข่มคนอื่นแต่ไม่เคยทำอะไรจริงๆ จัง คนประเภทหลังนี้ใครได้เป็นแฟน คงทั้งรักทั้งอยากจับไปเข้าค่ายดัดนิสัยเสียให้เข็ด
8. แฟมิลี่แมน
หนึ่งในลักษณะเด่นของผู้ชายไทยที่ชาวโลกยกย่อง ก็คือความเป็นคนใจดี อบอุ่น มีความรับผิดชอบต่อครอบครัวนี่เอง ผู้ชายหลายคนหยุดเที่ยวกลางคืน เลิกดื่มเหล้าเมาหัวราน้ำทันทีที่แต่งงาน อีกหลายคนเป็นเสาหลักของบ้าน คอยดูแลปกป้องสมาชิกในครอบครัวทุกคน ผู้ชายแบบนี้คือสุภาพบุรุษในฝันของผู้หญิง ไม่ว่าเขาจะรูปร่างหน้าตาอย่างไร สาวๆ ก็พร้อมจะมองข้ามข้อเสียไปได้เพื่อแลกกับข้อดีมหาศาลนั้น
9. ลูกแหง่
ไม่มีผู้ชายคนไหนอยากถูกเรียกว่าลูกแหง่ และคงไม่มีใครอยากให้แฟนตัวเองเป็นผู้ชายสายพันธุ์นี้ อาการลูกแหง่มักจะเกิดมาจากการถูกโอ๋ประคบประหงมมากเกินไปในวัยเด็ก จนกระทั่งเติบโตขึ้นมาแม่ก็ยังมีบทบาทสำคัญในชีวิต ทำให้ลูกชายกลายเป็นเด็กน้อยในร่างผู้ใหญ่ ไม่กล้าตัดสินใจ ไม่มีความรับผิดชอบ ถ้าต้องเผชิญปัญหาเขาจะหันไปขอความช่วยเหลือจากแม่มากกว่าจะหาทางสู้อุปสรรคด้วยตัวเอง อันที่จริงการที่ลูกชายรักแม่ไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไร แต่ถ้าติดแม่มากจนเป็นลูกแหง่ ความโชคร้ายมักไปตกอยู่กับแฟนสาว เพราะเธอจะถูกเปรียบเทียบกับแม่ของเขาตลอดเวลา อีกทั้งคุณแม่แบบนี้ก็มักจะหวงลูกยิ่งกว่าจงอางหวงไข่ ถึงแม้ลูกชายจะแต่งงานไปแล้ว เธอก็จะยังยื่นมือเข้ามาจัดแจงเรื่องในครอบครัวของเขาไม่เลิกเสียที
ปณิตาเล่าว่า "แฟนเป็นคนติดแม่มาก เมื่อก่อนเราก็ไม่รู้ ยังคิดเลยว่าน่ารักดีที่เขารักแม่ แต่ไหนได้ ไม่ว่าจะมีเรื่องอะไร แม่เขาจะเข้ามาจัดการหมด เราแนะนำอะไรเขาจะไม่ฟังเลย ต้องรอการตัดสินใจจากแม่เท่านั้นถึงจะเป็นคำตอบที่ถูกต้อง ยิ่งตอนจะเลิกกัน เขาเป็นคนให้แม่โทรมาบอกเลิก พิลึกไหมล่ะ เลยบอกไปว่าคุณแม่เอาลูกชายซุกใต้ผ้านุ่งไว้เถอะ หนูไม่เอาหรอกลูกแหง่พรรค์นี้