อัจฉริยะจอมโฉดมือระเบิดต่อเนื่องยูนาบอมเบอร์
จอมต่อต้านสังคมผู้เลื่องชื่อ ผู้เข่นฆ่าผู้คนมานานเกือบยี่สิบปี และใช้เครื่องมือทุกอย่างที่เขามีในมือ
11 ธันวาคม ปี 1985 ซาคราเมนโต้ แคลิฟอร์เนียร์ ฮิวจ์ สคัตตัน (Hugh Scrutton) วัย 38 ปี สังเกตเห็นกองขยะหน้าตาแปลกๆ หน้าร้านคอมพิวเตอร์ของเขา ขยะหลายชิ้นมีตะปูติดไว้เต็ม เขาเดินเข้าไปหากองขยะเพื่อที่จะกำจัดมัน เขาโน้มตัวลง แล้วมันก็ระเบิดใส่หน้าอกของฮิวจ์ เป็นการตายที่โหดเหี้ยมมาก การโจมตีเป็นงานง่ายๆ ของนักคณิตศาสตร์ผู้ชาญฉลาดที่กลายเป็นผู้ก่อการร้ายและเป็นผู้ที่เอฟบีไอตามล่าตัว ฉายาของเขาก็คือยูนาบอมเบอร์ (Unabomber) การสืบสวนคดียูนาบอมเบอร์นั้นเป็นการสืบสวนคดีที่มีขอบเขตกว้างไกลที่สุดของเอฟบีไอก่อนที่จะเกิดเหตุ 9/11 ต้องใช้พนักงานสืบสวนหลายร้อยคนทั่วประเทศ ทั้งแถบเวสต์โคสต์ อีสโคสต์ ระดมกำลังเพื่อช่วยกัน
การอาศัยอยู่นอกเขตเมืองช่วยให้ เท็ด แค๊คซินสกี้ (Ted Kaczynski) รอดพ้นจากเรดาห์ของเอฟบีไอ เขารณรงค์ก่อการร้ายด้วยตัวเอง จากกระท่อมกลางป่าทึบที่ห่างไกลแห่งมอนทาน่า เหมือนเข็มขนาด 10x12 ในกองหญ้าขนาด 4 ล้านตารางไมล์ เท็ด แค๊คซินสกี้ยึดหลักสามอย่าง หนึ่งคือเขาทำมันด้วยตัวเอง สองคือเขาไม่เคยบอกใคร และสามคือเขาไม่เคยทิ้งหลักฐานอะไรให้ตามจับเขาได้เลย เขาถูกเรียกว่ามือระเบิดแห่งสุสานรถอยู่หลายปี เพราะใช้วัสดุที่เก็บมาจากกองขยะหรือจากไซต์ก่อสร้าง
การก่อวินาศกรรมด้วยระเบิดของเท็ดเป็นส่วนหนึ่งของแผนที่ใหญ่ขึ้น ต้องการให้โลกอุตสาหกรรมต้องศิโรราบต่อโลกในอุดมคติ โลกที่มีสังคมเสรีภาพ ปลอดจากการรุกรานของเทคโนโลยี เป็นแนวคิดเมื่อปี 1969 ของอาจารย์คณิตศาสตร์วัย 26 ปี จากมหาวิทยาลัยเบิร์กลีย์แคลิฟอร์เนีย
สำหรับ เท็ด แค๊คซินสกี้ แล้วภารกิจนี้มีความหมายต่อเขาที่ต้องการหลีกหนีสังคมและสถาบันที่มองว่าเขามีพรสวรรค์ เขามองว่าการพัฒนานักวิทยาศาสตร์ นักวิทยาศาสตร์ ตลอดจนมหาวิทยาลัยคือการบ่มเพาะเทคโนโลยีที่ทำลายสังคมมนุษย์ เขาปฏิเสธการมีอยู่ของสังคม และมุมมองของเขาที่มีต่อโลกคือมุมมองเดียวที่ถูกต้อง
การเกลียดชังเทคโนโลยีของ แค๊คซินสกี้รุนแรงขึ้นจนทำให้เขาตัดสินใจทำบางอย่าง เขาเริ่มเห็นว่าเครื่องบินบินเหนือภูเขาที่เขาสร้างกระท่อมไว้บ่อยขึ้นและได้ยินเสียงเครื่องจักรในหัวอีกครั้ง เขาจึงตัดสินใจประกาศสงครามกับสังคมเทคโนโลยี แค๊คซินสกี้วางแผนโค่นโลกอุตสาหกรรมด้วยระเบิดเพียงลูกเดียว ในปี 1979 เขาเล็งเป้าหมายใหญ่ไปที่เครื่องบินโดยสาร
วันที่ 15 พฤศจิกายน 1979 อเมริกันแอร์ไลน์เที่ยวบิน 444 บินออกจากสนามบินชิคาโก้มุ่งหน้าสู่วอชิงตันดีซีพร้อมผู้โดยสาร 72 คน ในส่วนเก็บสัมภาระมีระเบิดของแค๊คซินสกี้ที่ถูกตั้งเวลาให้ทำงานเมื่อเครื่องบินขึ้นสู่ระดับ 30,000 ฟุต เครื่องบินลำนั้นไต่ระดับสูงขึ้น ทันใดนั้นเองระเบิดก็ทำงาน แต่ระเบิดของแค๊คซินสกี้ทำงานก่อนเวลา เนื่องจากมีปัญหาในการซีล เขาสร้างระเบิดได้ถูกต้อง แล้วเขาก็ระเบิดเครื่องบินกลางเวหาได้จริงๆ
เอฟบีไอกำลังเข้าไปสืบสวนเหตุระเบิดลึกลับบนเที่ยวบิน 444 ของสายการบินอเมริกันแอร์ไลน์ การโจมตีสายการบินพาณิชย์ดึงเอฟบีไอเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย และทำให้มีการสร้างโปรไฟล์ด้านจิตวิทยาของมือระเบิดต่อเนื่องยูนาบอมเบอร์ขึ้น ตามโปรไฟล์ระบุว่าเป็นคนหนุ่มและอาจจบการศึกษาระดับมัธยม เป็นมนุษย์เงินเดือนที่ผลิตระเบิดจากโรงเก็บรถและเป็นพวกที่ทำงานตอนกลางวันแล้วผลิตระเบิดตอนกลางคืน
เป็นโปรไฟล์ที่แค๊คซินสกี้อยากให้เอฟบีไอคิดแบบนั้น ระเบิดแบบโลว์เท็คของเขาช่วยปิดบังความรู้ของเขาจากหน่วยงานกองทัพ ทำให้ไม่รู้ว่ากำลังต่อกรอยู่กับใคร แค๊คซินสกี้เป็นเด็กหนุ่มอัจฉริยะที่จบจากฮาร์วาร์ด มีความรู้ระดับด๊อกเตอร์ ที่สำคัญคือเขามีไอคิวที่สูงมาก ฆาตกรต่อเนื่องระดับคลาสสิคส่วนใหญ่มีไอคิวประมาณ 90 แต่แค๊คซินสกี้มีไอคิวทะลุไปถึง 167 เขาเป็นผู้ก่อการร้ายสายพันธุ์ใหม่
15 ปีต่อมา แค๊คซินสกี้วางแผนวางระเบิดทั่วสหรัฐ 23 จุดด้วยกัน เพื่อท้าทายอำนาจรัฐในเกมจับให้ได้ถ้านายแน่จริงในฐานะมือก่อวินาศกรรมที่ฉลาดที่สุด เบาะแสที่อย่างที่เอฟบีไอเจอถูกออกแบบมาเพื่อสร้างความไขว้เขว เขาเริ่มด้วยการนำตัวอักษรย่อ FC บรรจุไว้ในชิ้นส่วนโลหะของอุปกรณ์ที่ใช้ทำระเบิด ในปี 1987 หลังจากตามไล่ล่าแค๊คซินสกี้มา 9 ปี เอฟบีไอก็เริ่มได้เบาะแสบางอย่าง หลังมือระเบิดต่อเนื่องยูนาบอมเบอร์ประสบความสำเร็จในการโจมตีฮิวจ์ สครัตตัน เมื่อปี 1985 แค๊คซินสกี้ก็พยายามใช้รูปแบบเดิมอีกครั้ง
ครั้งนี้เขาเข้าไปในร้านคอมพิวเตอร์ในซอลต์เลคซิตี้ รัฐยูท่าห์ และซ่อนระเบิดไว้ใต้กองไม้ แต่ขณะที่แค๊คซินสกี้กำลังวางกับดัก พนักงานหญิงของร้าน บังเอิญมาเห็นเขาเข้า เธอเห็นเข้าหน้าร้าน กำลังติดตั้งระเบิด และเขายืนขึ้น พวกเขาอยู่ห่างกันประมาณ 5-6 ฟุต เธอมองเขา เขามองเธอ ทั้งคู่ไม่มีแสดงท่าทีอะไร จนเขาหันหลังกลับแล้วก็เดินจากไปเงียบๆ จนต่อมาระเบิดที่เขาวางเอาไว้ก็ทำงาน ระเบิดทำให้พนักงานบาดเจ็บ พยานผู้เห็นเหตุการณ์เล่าสิ่งที่เห็นอย่างละเอียด จนเป็นประโยชน์กับการทำงานของเอฟบีไอ มีการสเก็ตช์ภาพคนร้ายและเผยแพร่ตามสื่อทุกประเภท แต่มีปัญหาอย่างเดียวคือตอนที่เขานำระเบิดไปวาง เขาปิดบังตัวตนที่แท้จริงด้วยการนำกระดาษชำระมาโปะเข้าที่แก้มสองข้าง และสวมวิกผม และนั่นเป็นภาพลักษณ์ของยูนาบอมเบอร์ ไม่ใช่ตัวตนที่แท้จริง
แค๊คซินสกี้จอมอัจฉริยะ หนีรอดจากเอฟบีไอได้อีกครั้ง พวกเขารู้เพียงว่ามือวางระเบิดนำระเบิดไปวางด้วยตัวเอง อัจฉริยะจอมโฉดคนนี้กำลังไปที่ไปรษณีย์ ซอลต์เลคซิตี้ ยูท่าห์ ปี 1987 หลังแกะรอยยูนาบอมเบอร์ 8 ปี ในที่สุดเอฟบีไอก็เริ่มได้เบาะแส เมื่อพยานคนหนึ่งให้การว่าเห็นชายคนหนึ่งเอาระเบิดไปวาง แต่ภาพสเก๊ตช์ที่ได้มานั้นเป็นแค่ชายที่พรางหน้าตา และนี่เป็นเพียงสิ่งที่เจ้าหน้าที่ได้มา
เจ็ดปีต่อมา เท็ด แค๊คซินสกี้ ทดลองระเบิดที่กระท่อมของเขาในมอนทาน่า เป็นระเบิดทำมือที่อานุภาพร้ายแรง เขาพัฒนาขึ้น ทำได้ดีขึ้นและจดบันทึกทุกอย่างอย่างละเอียด ไม่ใช่แค่บันทึกที่บอกวิธีทำระเบิด แต่บอกถึงการหลีกเลี่ยงระเบิด สงครามของเท็ด แค๊คซินสกี้เพื่อต่อกรกับเทคโนโลยี ที่เขาเชื่อว่าทำลายสังคม ช่วงสิบปีแรกของการก่อสงครามทำวินาศกรรม แค๊คซินสกี้ได้นำระเบิดไปวางเอง แต่หลังจากนี้เขาอัพเกรดปฏิบัติการขึ้นมาอีกระดับ เขาเดินทางไปทั่วแล้ววางระเบิดผ่านระบบไปรษณีย์ ด้วยการสุ่มวางตามตู้ไปรษณีย์ ทำให้ยากมากที่จะแกะรอยได้ถึงตัวเขา
ในช่วง 4 เดือนในปี 1994 - 1995 ระเปิดของแค๊คซินสกี้สังหารผู้บริหารวงการโฆษณา และล๊อบบี้ยิสต์อุตสาหกรรมไม้แปรรูป เหยื่อสองรายที่เขาฆ่าอยู่ในนิวเจอร์ซี่และซาคราเมนโต้ มันเป็นระเบิดอานุภาพร้ายแรงมีอานุภาพการทำลายล้างสูง ทั้งต่อคนและสภาพแวดล้อม เหยื่อสองคนเกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมป่า ซึ่งแค๊คซินสกี้มองว่าเป็นตัวการทำลายธรรมชาติทำให้ทางการหันมาตามล่ายูนาบอมเบอร์อีกครั้ง และแค๊คซินสกี้ก็ตัดสินใจแบไพ่ในมือมากขึ้น ตอนนั้นเขาอายุ 50 แล้ว เขาบันทึกเอกสาร 35,000 คำ บอกเล่าถึงการต่อต้านสังคม ต่อต้านเทคโนโลยี แล้วก็บอกเล่าแนวคิดของเขา
ในปี 1996 แค๊คซินสกี้แบล็คเมล์นิวยอร์คไทมส์ และวอชิงตันโพสต์ด้วยการบอกว่าจะหยุดวางระเบิดถ้าสื่อทั้งสองแห่งยอมตีพิมพ์บทความในหัวข้อสังคมอุตสาหกรรมและอนาคต ถือเป็นการเผยทัศนะของเขาที่มีต่อโลก ยิ่งเราพึ่งพาเทคโนโลยีมากเท่าไหร่ เราก็จะยิ่งเดือดร้อนมาขึ้นเท่านั้นเมื่อระบบล่มลสาย แค๊คซินสกี้มีประเด็นอยู่ตรงนี้ มันถูกเขียนขึ้นก่อนยุคที่มีสื่อสังคมออนไลน์ นี่คือการพยากรณ์เหตุการณ์ล่วงหน้าที่ทุกคนเผชิญอยู่
แต่การสะท้อนมุมมองในเชิงจิตวิทยาของเท็ดไม่ใช่สิ่งที่เอฟบีไอสนใจ พวกเขากระตุ้นให้สื่อพิมพ์บทความเพื่อที่จะได้ตามจับแค๊คซินสกี้ และเพื่อให้แน่ใจ เดวิดผู้เป็นญาติยอมรับคำพูดที่ไม่ชอบมาพากลนั้น แต่ก่อนที่จะไปถึงมือเจ้าหน้าที่ เขาได้ว่าจ้างนักสืบเอกชนคนหนึ่ง นักสืบคนนี้ส่งสำเนาจดหมายที่เขียนด้วยลายมือสามฉบับ แล้วให้เอฟบีไอเอาไปเทียบกับลายมือของยูนาบอมเบอร์ แล้วก็พบว่าผู้ที่เขียนสำเนาจดหมายทั้งสามฉบับนี้เป็นยูนาบอมเบอร์จริงๆ
เดวิดติดต่อเอฟบีไอแล้วพาพวกเขาไปยังกระท่อมของน้องชายในมอนทาน่า แล้วเท็ด แค๊คซินสกี้ก็ถูกจับกุมตัว วันที่ 22 มกราคม ปี 1998 ศาลตัดสินให้เท็ด แค๊คซินสกี้ถูกจำคุกตลอดชีวิต 8 ครั้ง สำหรับผลงานก่อการร้ายในช่วงเวลา 17 ปี สังหารคนไปสามคน บาดเจ็บอีกเกือบ 24 คน เขาถูกจองจำในชั้นใต้ดินของเรือนจำกลางในฟลอเรนซ์ โคโลราโด้ เป็นห้องขังเดี่ยวที่แยกเขาออกจากโลกเหมือนอย่างที่เขาปรารถนา
ที่มาจากรายการ Evil Genius อัจฉริยะจอมโฉด
เรื่องราวน่ารู้เรียบเรียงจากสารคดีคุณภาพในรูปแบบบทความ
กดถูกใจและแชร์แฟนเพจเพื่อติดตามและอัพเดตบทความใหม่ๆ คลิกเลย
กดถูกใจและแชร์แฟนเพจเพื่อติดตามและอัพเดตบทความใหม่ๆ คลิกเลย
บทความแนะนำ