เที่ยววัฒนธรรมและชมทะเลที่ “บาหลี”
เกาะบาหลี ได้รับขนานนามว่า “อัญมณีแห่งมหาสมุทรอินเดีย” อยู่ทางทิศตะวันออกของเกาะชวา บาหลีเป็นเกาะเล็กๆที่มีความยาวจากหัวเกาะถึงท้ายเกาะประมาณ 150 กิโลเมตรอยู่ติดกับเกาะชวา มีประชากรประมาณ 3 ล้านคน บาหลีได้ฉายาว่าเกาะมรกต เพราะมีต้นไม้เขียวขจีไปทั้งเกาะ เนื่องจากได้รับการอนุรักษ์สภาพแวดล้อมไว้ดีเยี่ยม มีกฎหมายไม่ให้ปลูกสิ่งก่อสร้างที่เป็นสิ่งแปลกปลอมจากธรรมชาติโดยอาคารที่สร้างจะสูงกว่า 15 เมตรไม่ได้ บาหลีเป็นตัวอย่างของแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับการดูแลรักษาไว้ให้คงอยู่ในสภาพเดิมมากที่สุด ธรรมที่บริสุทธิ์เป็นเสน่ห์ของบาหลีที่ทำให้นักท่องเที่ยวทั่วโลกอยากไปชมกับความหลากหลายและมนต์เสน่ห์ของเกาะบาหลี ถูกขนานนามมากมายว่าเป็นเกาะแห่งพระเจ้าบ้าง หรือบางคนก็ให้ฉายาบาหลีว่าเป็นจุดรุ่งอรุณของโลกบ้าง
เพราะพื้นที่ของบาหลี มีสภาพเป็นภูเขาไฟและเทือกเขา ดังนั้นการทำการเกษตรจึงต้องปรับสภาพให้เหมาะสม จึงเป็นที่มาของทุ่งนาขั้นบันได ที่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มักจะไม่พลาดที่จะแวะชม ในขณะที่รถวิ่งลัดเลาะไปตามขุนเขา ตามข้างทางจะเห็นทิวทัศน์ทุ่งนาขั้นบันไดที่เหยียดตัวอยู่ในหุบเขาเบื้องล่างสวยงาม
อีกที่หนึ่งที่ควรแวะชมคือ ถ้ำช้าง (Goa Gajah) เมื่อมาถึงก็มีคนตรวจตราให้นุ่งโสร่งและคาดผ้าที่เอวด้วย ถ้าใครไม่ใส่มาก็มีให้ยืมด้วยคนส่วนใหญ่รู้กฎนีี้อยู่แล้ว ก็จะเห็นว่าคนส่วนใหญ่นุ่งกันมาเรียบร้อยดี ระหว่างเดินลงบันไดจะเห็นบริเวณโดยรอบมีสระน้ำศักดิ์สิทธิ์น้ำไหลพุ่งออกมา แกะสลักเป็นอิสตรี 6 นาง ด้านข้างเป็นถ้ำแกะสลัก เมื่อลงไปถึงข้างล่างจึงเห็นได้ว่าปากถ้ำเป็นการเจาะเข้าไปในหินผา หน้าถ้ำแกะสลักมองดูคล้ายช้าง แต่บางคนดูว่าเหมือนยักษ์มากกว่า เมื่อเดินเข้าไปในถ้ำ ด้านซ้ายเป็นรูปปั้นพระพิฆเนศ ส่วนด้านขาวเป็นรูปปั้นศิวลึงค์ 3 แท่ง แทนพระศิวะ พระนารายณ์ และพระวิษณุ เป็นแนวคิดควสสเชื่อแบบฮินดู ที่ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างบ้านเรา และบ้านเขาต่างได้อิทธิพลต่อการดำรงชีวิตของเรา
กุงนุง กาวี (Gunung Kawi) เป็นอนุสรณ์สถานแห่งเมืองเทมปักซิริง อนุสรณ์สถานเก่าแก่ที่อยู่ในหุบเขา ต้องเดินลงไประยะทางเป็นกิโล แต่บรรยากาศข้างทางสวยงามมากอยู่ท่ามกลางทุ่งนาขั้นบันได บางจุดมองลงไปเห็นลำธารใสสะอาด รวมถึงมีร้านขายของที่ระลึกตลอดทาง เมื่อไปถึงเห็นหน้าผาหินภูเขาไฟขนาดมหึมาที่แกะสลักลงไปในผาหินสวยงามมาก เป็นบูชาจำนวน 10 แท่น สูง 7 เมตร สร้างขึ้นเพื่อเป็นสัญลักษณ์ระลึกความทรงจำถึงราชวงศ์บาหลียุคศตวรรษที่ 11 หลังจากนั้นไปที่วัดน้ำพุศักดิ์สิทธิ์ (Pura Tirta Empul) ในเมืองเทมปักซิริง ที่นี่มีบ่อน้ำพุศักดิ์สิทธิ์ใสสะอาดที่ผุดขึ้นจากใต้ดินน้ำพุสีเขียวอมฟ้า ซึ่งชาวบาหลีเชื่อว่าการได้อาบน้ำจากน้ำพุนี้เป็นศิริมงคลและขับไล่สิ่งเลวร้าย รวมถึงเป็นการรักษาโรคภัยไข้เจ็บอีกด้วย
ที่โด่งดังอีกแห่งหนึ่งก็คืิอ คินตามณี (Kintamani) หมู่บ้านของภูเขาไฟทั้งห้าของบาหลี ดินแดนในฝันยังความสูง 1,500 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ที่งดงามด้วยทิวทัศน์และอากาศ เย็นสบายตลอดทั้งปี แนบเคียงด้วยทะเลสาบน้ำใสสวยสะท้อนความงามของห้วงน้ำและภูเขาไฟตระหง่านบนเงาเรียบดุจกระจก
คินตามณี (Kintamani)คือชื่อหมู่บ้านที่ตั้งอยู่ริมปากปล่องภูเขาไฟกุนุง บาตูร์ มีทะเลสาบบาตูร์ และภูเขาไฟกุนุง บาตูร์ เป็นฉาก เป็นจุดชมวิวที่สวยงามแห่งหนึ่งของบาหลี ปากปล่องภูเขาไฟบาตูร์ บริเวณนี้เป็นปากปล่องภูเขาไฟที่เกิดจากภูเขาไฟระเบิดเมื่อประมาณ 30,000 ปีมาแล้ว แล้วยังประกอบไปด้วยหมู่บ้านเพเนโลกันและคินตามณี แต่ละหมู่บ้านจะมีวิวให้ชมอย่างเพลินตา รวมทั้งร้านขายผลไม้เมืองหนาวสดๆ
ระหว่างทางจะต้องพบกับ ปุรา อูสัน ดานู บาตูร์ซึ่งเป็นวัดใหญ่ที่ถือได้ว่าสำคัญเป็นอันดับ 2 รองจากวัดเบซากี นอกจากจะเป็นวัดที่มีความศักดิ์สิทธิ์ตามความเชื่อของคนบาหลี แล้วบรรยากาศของวัดนี้ก็ดีมากด้วย เพราะเนื่องจากอยู่ในที่สูงจึงมีหมอกปกคลุมไปทั่วบริเวณ ทำให้ดูขลังและดูศักดิ์สิทธิ์มากยิ่งขึ้นไปอีก
ปุรา เบซากิห์ เป็นวัดที่มีความสำคัญที่สุดบนเกาะบาหลี คนบาหลียกให้เป็นวัดหลวง (Mother Temple) เป็นวัดในศาสนาฮินดูที่ใหญ่ที่สุดของบาหลี ยังถือเป็นวัดศักดิ์สิทธิ์ที่สุดเหนือวัดทั้งปวง มีบริเวณกว้างใหญ่ไพศาลปรัฃะหอยด้วยวัดเล็กๆ 23 แห่งที่เรียงรายอยู่เป็นชั้นๆกว่า 7 ชั้นไปตามไหลเขา มีฉากหลังคือภูเขาไฟกุนุงอากุง สูงที่สุดในบาหลีอีกด้วย มีประวัติศาสตร์ที่ยาวนานมาตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์เลยทีเดียว วัดเล็กๆดังกล่าวก็จะมีความสำคัญต่างกันไป โดยวัดที่มีความสำคัญที่สุดคือ ปุรา เปนาทารัน อากุง (Pura Penataraa Aguan) ซึ่งตั้งอยู่ตรงกลางทุกๆวันจะมีคนบาหลีเดินทางมาประกอบพิธีทางศาสนา ทำให้เป็นสถานที่ที่สามารถมองเห็นธรรมเนียมประเพณี และการแต่งกายแบบพื้นเมืองทั้งชายและหญิงรวมทั้งการแบกทูนของบูชาบนศีรษะตามแบบดั้งเดิมด้วย
วัดธีร์ตะอัมปุล ตามตำนานเชื่อกันว่าพระอินทร์ทรงสร้างขึ้นตอนที่ เจาะพื้นพิภพเพื่อสร้างบ่อน้ำอัมฤต ชุบชีวิตนักรบของพระองค์สถานที่แห่งนี้ถูกสร้างขึ้นราวศตวรรษที่ 10 ว่าน้ำในสระมีอำนาจในการรักษาโรคภัยต่างๆ ชาวบาหลีจึงนิยมมาชำระร่างกายให้บริสุทธิ์ หลังจากถวายเครื่องบัดพลีแก่เทพเจ้าแห่งสระน้ำแล้ว จึงลงไปอาบน้ำในบ่อ น้ำจะมาจากแหล่งเดียวกัน แต่จะมีท่อแยกเพื่อประกอบพิธีกรรมต่างกันไป
ที่ถือว่าเป็นไฮไลท์และเป็นสถานที่ที่อยู่บนโปสการ์ดที่มีใครมาบาหลีแล้วต้องซื้อกลับไปเป็นภาพยืนยันว่ามาถึงบาหลีแล้วก็คือปุราทานาห์ลอต ซึ่งเป็นวัดที่ตั้งอยู่บนชายหาดริมทะเล 1 ใน 5 ของเกาะบาหลี เรียกได้ว่ายื่นลงไปในทะเลเลยทีเดียว สร้างโดยนักบวชฮินดูชื่อว่า ดัง นิราร์ธา ตั้งแต่สมับศตวรรษที่ 11 เพื่ออุทิศแด่เทพเจ้าและปีศาจแห่งท้องทะเลลักษณะการสร้างบนโขดหินคล้ายเกาะเล็กๆเวลาน้ำขึ้น จึงดูเหมือนวัดอยู่กลางทะเล เวลาน้ำลงผู้คนสามารถเดินข้ามทางเดินไปยังตัววัดได้ เป็นวัดที่มีความศักดิ์สิทธิ์ซึ่งชาวบาหลีให้ความเคารพบูชาอย่างมากมีทิวทัศน์และบรรยากาศที่สวยงามและด้านนอกก็เป็นตลาดขายสินค้าพื้นเมืองราคาถูกที่นักท่องเที่ยวนิยมไปกัน
ถ้าคุณจะเดินทางไปพักผ่อนริมทะเลบาหลีหาดกูต้า เป็นชายหาดที่มีกิจกรรมต่างๆมากมาย เนื่องจากมีบาร์ ร้านอาหาร คลับ และร้านค้าอยู่แทนทุกตารางนิ้วมีชาหาดที่ขาวสะอาดซึ่งเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยว และมีการเล่นโต้คลื่น ประหนึ่งว่าเป็นหาดป่าตองที่ภูเก็ตบ้านเรา ส่วนอีกชายหาดที่ขึ้นชื่อ ขานูร์ เป็นเขตที่มีหาดทรายยาวที่เรียงรายไปด้วยต้นมะพร้าวและโรงแรมระดับหรู ทำให้มีชื่อเสียงในฐานะรีสอร์ทชายหาดแห่งแรหของบาหลี สิ่งที่ดึงดูดใจของขานูร์คือ ความสงบร่มรื่นและเป็นรีสอร์ทที่เหมาะสมสำหรับครอบครัวหรือนักท่องเที่ยวที่ต้องการสัมผัสความงามของชายหาดและวิถีชีวิตของชาวบาหลี ชายหาดแห่งนี้ค่อนข้างสงบกว่าที่กูด้า
นอกจากนี้ยังมีหาดนูซาดูอา ที่เป็นชายหาดอีกแห่งที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวจำนวนมาก ที่แห่งนี้มีโรงแรมระดับนานาชาติห้าดาวอยู่หลายแห่ง นอกจากหาดทรายขาวสะอาด น้ำใส และต้นปาล์มที่เรียงรายขนานกับหาดแล้ว ยังมีแนวปะการังที่เหมาะกับการดำน้ำและเล่นกีฬาทางน้ำเนอย่างดีด้วยใกล้นูซาดูอามีวัดสำคัญคือ ปุระสาเกนัน ซึ่งเป็นวัดที่ชาวบาหลีจะมาไหว้สักการะกันในช่วงวันกุนิงกัน
เมืองท่องเที่ยวสำคัญอีกเมืองหนึ่งที่ไม่ควรพลาดคือเมืองอูบุต เป็นเมืองที่ตั้งอยู่บริเวณจอนกลางของเกาะ เป็นย่านของศิลปะ และวัฒนธรรม ในสิ่งแวดล้อมของธรรมชาติและนาข้าวย่านอูบุต ดังนั้นช่วงเย็นและช่วงเช้าจึงค่อนข้างสงบ ในยามกลางคืนจะมีการแสดงต่างๆหมุนเวียนให้เลือกชมอีกด้วย
ที่พักในย่านนี้ส่วนใหญ่จะมีขนาดเล็กตั้งแต่ห้องพักในบ้านไปจนถึงโรงแรมบูติกหรูราคาแพงลิบ ตลาดอุบุต เป็นตลาดสินค้าถูกกว่าที่อื่นและยังเป็นศูนย์กลางของงานศิลปะทของบาหลี แบบที่ใครได้มาเยือนเกาะแห่งนี้แล้วต้องไม่พลาดการมาที่นี่ จากหมู่บ้านเล็กๆที่ทำงานศิลปะ จนกระทั่งกลายเป็นหมู่บ้านที่มีชื่อเสียงโด่งดังในเช่นปัจจุบัน ดังนั้นจึงมีแกลเลอรี่ที่จัดแสดงงานศิลปะมากมาย
กล่าวกันว่า ถ้ามาถึงบาหลีแล้วไม่ได้มาดูการแสดงการร่ายรำแบบบาหลีเสมือนมาไม่ถึง อีกทั้งเมืองอุบุตได้ชื่อว่าเป็นศูนย์กลางวัฒนธรรมของบาหลีเลยทีเดียว เมืองอุบุต นอกจากจะเต็มไปด้วยร้านรวงที่แสดงงานศิลปะแล้วยังรายล้อมไปด้วยโรงละครที่เปิดการแสดงทั้งภาคกลางวันและภาคค่ำ การแสดงของพระราชวังปุริ ซาเร็ม อากุง ที่อยู่ใจกลางเมืองอุบุต ในเลาวค่ำบริเวณศาลาตรงข้ามกับพระราชวัง การแสดงงเริ่มต้นด้วยเสียงดนตรีบรรเลงบทเพลงโหมโรง ที่ดูมีมนต์ขลังให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในพิธีการอันศักดิ์ การร่ายรำที่ดูอ่อนช้อยประกอบกับเรื่องราวในทำนองธรรมะชนะอธรรมสร้างความตื่นตาตื่นใจให้ผู้ชมที่นั่งอยู่เหมือนตกอยู่ในภวังค์ เคลิบเคลิ้มจนถึงกับอึ้งไปเลยทีเดียว
การมาเที่ยวบาหลีถือเป็นการให้รางวัลแก่ชีวิตตัวเองที่มีคุณค่ายิ่งเพราะคุณจะได้พักผ่อนกับทะเลที่สวยระดับติดท็อปเทนของโลกแล้ว ธรรมชาติความเกาะยังช่วยชุบพลังชีวิตให้คุณรู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้น และวัฒนธรรมความเป็นอยู่ของคนที่นี่ยังจะทำให้คุณตื่นใจจนต้องกลับไปที่บาหลีอีกถ้ามีโอกาส