google.com, pub-6663105814926378, DIRECT, f08c47fec0942fa0 Mega topic | จัดอันดับ | 10 อันดับ| เรื่องผี| เรื่องสยองขวัญ| ที่สุดในโลก| ดูดวง| ประวัติศาสตร์

เล่าเรื่องสยองขวัญ นั่งซากหวาดผวา ศพล่อเสือ

เล่าเรื่องสยองขวัญ นั่งซากหวาดผวา ศพล่อเสือ



เมื่อหลายปีมาแล้ว คุณนิวัตถูกย้ายไปทำงานทางภาคเหนือ งานที่ทำเป็นงานที่ต้องออกป่าเป็นครั้งเป็นคราว ตัวแกเป็นข้าราชการด้วย ก็ทำให้แกมีโอกาสได้เที่ยวป่ามามากพอสมควร ถึงแม้แกจะได้ออกป่าบ่อยครั้ง แต่แกก็ไม่ค่อยชอบล่าสัตว์ ชอบไปดูภูมิประเทศและก็ความสวยงามของธรรมชาติมากกว่า แกจะยิงสัตว์ก็ต่อเมื่อมีความจำเป็นจริงๆ เช่นเพื่อการป้องกันตัวหรือว่าได้รับการขอร้องให้ช่วยยิงสัตว์ร้าย ที่รบกวนความสงบสุขของชาวบ้านเท่านั้น หน้าร้อนในปีนึงหลังจากที่แกไปอยู่ทางเหนือได้สักสองสามปี ก็มีงานที่จะต้องทำ ทางเหนือสุดของจังหวัดเชียงใหม่ใกล้กับเขตแดนประเทศพม่า

คุณนิวัตกับหัวหน้าและลูกน้องอีกสองคนต้องแวะค้างคืนที่หมู่บ้านเล็กๆ แห่งหนึ่งที่อยู่ติดเขตแดนพม่า ตอนที่แกไปถึงหมู่บ้านนั้นใกล้จะค่ำแล้ว พอเข้าไปในหมู่บ้านก็เห็นชาวบ้านกำลังจับกลุ่มพูดจากันอยู่ ท่าทางของพวกเขาบ่งบอกว่าคงจะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นแน่ๆ หัวหน้าของคุณนิวัตก็ไปสอบถามผู้ใหญ่บ้านซึ่งรู้จักชอบพอกันดี ก็ได้ความว่า ผู้หญิงที่เป็นลูกบ้านของแกคนหนึ่งออกไปหาผัก เก็บเห็ดกับเพื่อนๆ แล้วก็เกิดหายตัวไป พวกชาวบ้านก็กำลังจะออกตามหา พอรู้อย่างนั้นหัวหน้าก็เลยให้ยืมไฟฉายทั้ง 3 กระบอกที่มี ให้พวกชาวบ้านเอาไป แล้วก็กำชับว่าให้รีบกลับก่อนหัวค่ำ อย่าเสี่ยงตามในเวลากลางคืน เพราะบริเวณนั้นเป็นป่าใหญ่ อาจจะเกิดอันตรายกับคนที่ไปตามได้

หลังจากอาบน้ำและกินอาหารเย็นกันแล้ว ก็ได้รายละเอียดเพิ่มเติมจากผู้ใหญ่บ้านถึงผู้หญิงที่หายไปว่า เมื่อตอนบ่ายวันนั้น ผู้หญิงห้าหกคน ออกไปเก็บเห็ดหาผักอย่างเคย ใกล้ๆ หมู่บ้านนั่นเอง ต่างคนต่างแยกย้ายกันไป พอตกเย็นก็กู่เรียกกันเพื่อที่จะกลับบ้าน ก็ปรากฏว่าหายไปคนนึง พวกที่เหลือก็รีบกลับมาบอกทางบ้าน ก็เป็นเวลาพอดีกับที่พวกของคุณนิวัตไปถึง ที่เห็นเขากำลังจับกลุ่มกันนั่นแหละ หัวหน้าของคุณนิวัตก็ถามถึงเรื่องสัตว์ร้าย ผู้ใหญ่บ้านก็บอกว่าไม่เคยเห็นเข้ามาใกล้หมู่บ้านนานแล้ว ถ้าจะมีก็ต้องเข้าไปในป่าลึกๆ สักสองสามกิโลเมตร รอบๆ หมู่บ้านก็เป็นป่าโปร่งมีไร่สลับอยู่เป็นบางส่วน ซึ่งไม่น่าจะมีสัตว์ร้ายเข้ามาใกล้ หรืออีกประการหนึ่งคือชาวบ้านก็ออกล่าสัตว์อยู่เป็นประจำ ถ้ามีก็คงจะเคยเห็นกันบ้าง พอถึงเวลาประมาณสามทุ่ม พวกที่ออกตามผู้หญิงที่หายไปก็ทนอยกันกลับ โดยที่ไม่พบหรือได้ร่องรอยอะไรเลย

วันรุ่งขึ้นพวกของคุณนิวัตแทนที่จะได้เดินทางต่อก็ไปไม่ได้ พวกผู้ใหญ่บ้านนั้นขอร้องให้อยู่ต่อเพื่อรอดูว่าอะไรที่เกิดขึ้นกับผู้หญิงที่หายไป เช้าวันนั้นพวกชาวบ้านก็แยกย้ายกันออกไปตามหาอีกโดยแบ่งออกเป็นหลายกลุ่ม เที่ยงวันนั้นตอนที่คุณนิวัตกำลังตรวจดูเอกสารที่บ้านของผู้ใหญ่บ้านก็ได้ยินเสียงชาวบ้านเอะอะกันขึ้นก็ลุกออกมาดูที่นอกชาน ก็เห็นชาวบ้านกลุ่มหนึ่งกำลังหามแคร่ไม้ไผ่ที่ทำขึ้นอย่างหยาบๆ เข้ามา บนแคร่นั้นมีคนนอนอยู่ มีผ้าขาวม้าคลุมตั้งแต่หัวถึงน่อง ชาวบ้านที่เดินมาด้วยก็บอกว่าเป็นผู้หญิงที่หายไปเมื่อวานนี้ถูกเสือกัดตาย


หลังจากกินอาหารกลางวันกันแล้ว หัวหน้าซึ่งไปขลุกอยู่กับชาวบ้านตั้งแต่พบศพหญิงที่ถูกเสือกัดตายก็มาบอกคุณนิวัตว่า พวกชาวบ้านจะตามล่าเสือที่ฆ่าพวกของเขา โดยใช้วิธีนั่งซาก และพวกเขาก็ขอให้คุณนิวัตช่วยนั่งซากให้คู่กับพรานของพวกเขา คุณนิวัตก็ต้องจำใจตกลงเพราะไม่รู้จะปฏิเสธอย่างไร และหัวหน้าก็ขอร้องให้ช่วยด้วย แล้วอีกประการหนึ่งก็เห็นใจชาวบ้านอยู่ไม่น้อย ถ้าลองได้มีเสือกินคนอยู่ใกล้ๆ หมู่บ้านอย่างนี้ พวกชาวบ้านก็คงไม่เป็นอันทำมาหากินแน่ อาวุธของพวกชาวบ้านก็ไม่ค่อยจะดีพอด้วย

วิธีที่ชาวบ้านจะใช้ในการล่าเสือที่เรียกว่าการนั่งซากนั้นก็คือ การซุ่มยิงเสือโดยเอาซากอะไรก็แล้วแต่ที่เสือมันฆ่าแล้วกินไม่หมดมาเป็นเหยื่อล่อ เพราะว่าถ้าเป็นสัตว์ใหญ่ๆ เช่น วัว ควาย กวาง หรือว่าคนก็แล้วแต่เมื่อเสือมันฆ่าแล้วมันกินไม่หมดในครั้งเดียว มันจะมากินใหม่เมื่อมันหิว วิธีนี้ถ้าจะให้ได้ผลดีก็ต้องพยายามไม่แตะต้อง หรือไม่เข้าไปใกล้ซากก็ยิ่งดี เพราะว่าเสือนั้นเป็นสัตว์ที่ฉลาดและจมูกมันไวต่อกลิ่นมาก ข้อเสียของการนั่งซากอย่างหนึ่งก็คือ บางครั้งต้องเสียเวลานั่งหลายคืน กว่าเสือมันจะหิวแล้วก็ย้อนกลับมากิน

แต่สำหรับรายนี้คุณนิวัตก็ไม่ค่อยจะเข้าใจอยู่เหมือนกันว่า ในเมื่อพวกเขาคิดจะใช้วิธีนั่งซากแล้วทำไมถึงได้เอาศพกลับเข้ามา แทนที่จะทิ้งศพไว้ในที่ๆ เจอ แต่คุณนิวัตก็ไม่ได้ไปสนใจในเรื่องนี้มากนัก เมื่อได้รับการขอร้องก็จะนั่งซากให้คืนนึง แล้ววันรุ่งขึ้นก็จะต้องออกเดินทางกันต่อไป

ในตอนบ่ายสี่โมง หัวหน้าก็มาบอกกับคุณนิวัตว่าชาวบ้านเตรียมสถานที่จะใช้นั่งซากไว้แล้ว ให้เตรียมตัวไปได้แล้ว คุณนิวัตก็จัดของที่จำเป็น มีปืนประจำตัว กระติกน้ำ กระติกกาแฟ ไฟฉาย ส่วนข้าวห่อกับกระบอกไม้ไผ่สำหรับใช้ปัสสาวะนี่ชาวบ้านเตรียมไว้ให้แล้ว กระบอกไม้ไผ่ที่สำหรับใช้ปัสสาวะนั้นจำเป็นมาก เพราะถ้าขึ้นห้างแล้วถ้าไม่มีความจำเป็นจริงๆ จะไม่มีการลงจากห้างเลย จนกว่าจะรุ่งเช้าหรือว่ามีคนไปรับ เพราะฉะนั้นเมื่อเกิดปวดปัสสาวะขึ้นมาก็จะต้องใช้กระบอกไม่ไผ่นี้ล่ะ จะปล่อยลงมาจากบนห้างไม่ได้เพราะถือว่าเป็นการผิดป่าอย่างหนึ่ง

ระยะทางจากหมู่บ้านถึงที่นั่งซาก ใช้เวลาเดินแต่ครึ่งชัวโมง ซึ่งก็คงห่างจากหมู่บ้านประมาณสองกิโลเมตร เมื่อไปถึงสถานที่ที่จะใช้นั่งซาก ก็ได้เห็นศพผู้หญิงที่ถูกเสือกัดตาย คุณนิวัตนั้นแทบจะหันหลังกลับ เพราะไม่รู้ว่าพวกชาวบ้านเขาทำอะไรกัน คือพวกเขาเอาศพไปผูกติดไว้กับต้นไม้ เปลี่ยนเสื้อผ้าให้ใหม่หมด แถมยังผัดหน้าทาปากให้ศพอีกด้วย หัวหน้ารีบเข้ามาหาเมื่อเห็นคุณนิวัตมีท่าทางงงงัน แล้วหัวหน้าก็อธิบายให้ฟังว่าการกระทำทั้งหมดนี้เป็นวิธีของชาวพม่าคนหนึ่งซึ่งอยู่ในหมู่บ้านนี้มาหลายปีแล้ว แกมีอาชีพเก็บสมุนไพรไปขาย ช่วยรักษาโรคภัยไข้เจ็บให้ชาวบ้านด้วย พวกชาวบ้านเขาเรียกแกว่า หมอม่าน ม่านนี่เป็นภาษาท้องถิ่นหรือภาษาคนล้านนาที่แปลว่าพม่า ชาวบ้านให้ความนับถือแกมาก ด้วยวิธีของแกนี้ แกรับรองว่า เสือตัวที่ฆ่าผู้หญิงคนนี้จะต้องมาแน่นอนภายในคืนนั้น

คุณนิวัตบอกว่าบอกตรงๆ พอรู้เรื่องแล้วก็ไม่อยากจะเสียเวลากับการนั่งซากในคืนนั้นเลย เหตุผลก็อย่างที่บอกไปว่า เสือเป็นสัตว์ที่ฉลาดและไวต่อกลิ่นแปลกปลอมมาก อย่าว่าแต่เอาซากมาเปลี่ยนเสื้อผ้าผัดหน้าทาแป้งเลย แม้แต่การเคลื่อนย้ายก็ไม่ควรทำ แต่ว่าคุณนิวัตก็ปฏิเสธไม่ได้เนื่องจากหัวหน้าขอร้องให้เห็นกับแกแล้ว ผู้ใหญ่บ้านซึ่งเป็นญาติกับผู้หญิงเคราะห์ร้ายก็ยังมายกมือไว้ปะหลกๆ บอกว่าถ้าหากคุณนิวัตไม่ยอมมานั่งห้างแล้วพรานอีกคนเขาก็จะไม่ยอมนั่งด้วย เมื่อปฏิเสธไม่ได้ก็เลยตกลงกับหัวหน้าว่าถ้าได้ยินเสียงปืนแล้วก็ขอให้ออกมารับด้วยก็แล้วกัน แสดงว่ายิงเสร็จแล้ว แต่ถ้าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ตอนรุ่งเช้าคุณนิวัตจะกลับไปเอง ก็นัดไปตามกลหลักการนั่งห้างทั่วๆ ไปอย่างนั้น ทั้งๆ ที่ในใจก็คิดว่า ไม่มีเสือบ้าเสือบอที่ไหนจะมาให้ยิงหรอกในเมื่อทำกับเหยื่อแบบนี้

ก่อนที่พวกชาวบ้านและหัวหน้าจะกลับไป หมอม่านคนนั้นแกก็เดินมาหาคุณนิวัตแล้วส่งเชือกขนาดหัวแม่มือยาวประมาณสองเมตรจำนวนสองเส้น แกบอกว่าให้เอาไว้ผูกตัวไว้กับห้างเพื่อกันตกจากห้าง และกำชับว่าพยายามคุมสติให้ดีเมื่อตอนเสือเข้ามา คุณนิวัตก็รับฟังโดยไม่ได้โต้ตอบอะไร ถึงแกจะไม่ใช่พรานอาชีพ แต่แกก็เคยนั่งห้างทาแล้วหลายครั้ง ยิงเสือมาก็หลายตัว แม้แต่นั่งซากก็เคยมาแล้ว แต่ก็เป็นวิธีนั่งแบบที่พรานทั่วไปเขาทำกัน ไม่ใช่วิธีประหลาดๆ แบบที่แกไม่เคยเห็นแบบนี้

เมื่อคุณนิวัตกับพรานของหมู่บ้านขึ้นไปอยู่บนห้างเรียบร้อย หัวหน้าและคณะชาวบ้านก็พากันกลับไปที่หมู่บ้าน คุณนิวัตก็ตรวจดูความเรียบร้อยของปืนอีกครั้ง ดึงลูกเลื่อน ส่งกระสุนเข้าไปไว้ในรังเพลิง แล้วก็วางไว้ข้างกาย พรานที่นั่งอยู่ข้างๆ ก็ตรวจดูแก๊ปปืนของแก ปืนของแกก็ปืนคาบศิลานั่นแหละ

การกระทำของคุณนิวัตและพรานนี้เป็นสัญชาตญาณของคนที่เคยเดินป่า เพราะว่าในป่านั้นมีอันตรายอยู่รอบด้าน จะประมาทไม่ได้เป็นอันขาด เพราะฉะนั้นหลังจากตรวจดูปืนดีแล้วก็เริ่มสำรวจสถานที่รอบๆ ตัว ห้างที่นั่งอยู่นี้ผูกอยู่บนคบไม้ของต้นไม้ใหญ่ ใหญ่ประมาณโอบกว่าๆ กว้างพอที่สองคนจะนั่งได้อย่างสบายๆ ลูกบวบก็ทำด้วยไม้ไผ่ผูกด้วยหวายแน่นหนาพอสมควรสูงจากพื้นประมาณ 4 เมตร หน้าห้างนั้นเป็นลาน ศพถูกมัดไว้กับต้นไม้ที่โตขนาดโคนขา ห่างจากห้างไปประมาณสักสิบเมตร ทางด้านซ้ายของต้นไม้ที่ผูกศพเนี่ยก็เป็นพุ่มไม้หนาทึบ ต้นไม้ต้นที่ใช้ผูกศพเป็นต้นที่ล้ำเด่นออกมา ก็ทำให้สามารถมองเห็นศพได้อย่างชัดเจนจากบนห้างโดยไม่มีอะไรมาบังเลย แล้วระยะจากซากถึงห้างที่เขาทำไว้นั้นมันใกล้มาก ที่ถูกนั้นมันควรจะห่างประมาณสามสิบเมตร สำหรับการนั่งซากที่ถูกต้อง เพราะอาจจะทำให้เสือได้กลิ่นนายพรานที่ดักซุ่มยิงอยู่ได้

พอสำรวจทางหนีทีไล่ดีแล้ว คุณนิวัตก็หันมาดูศพผู้หญิงเคราะห์ร้ายคนนั้น เธอถูกมัดด้วยเชือกสอดใต้รักแร้ อ้อมไปผูกไว้ด้านหลัง แล้วก็ผูกที่เอวอีกเปลาะหนึ่ง ลักษณะยืน แขนทั้งสองข้างห้อยอยู่ข้างลำตัว มือทั้งสองเกร็งเหมือนกับพยายามจะต่อสู้ก่อนตาย ท่านผู้อ่านอาจจะสงสัยว่าผู้หญิงคนนี้ถูกเสือกัดแล้วไม่ได้ถูกเสือกินไปบ้างเลยหรืออย่างไร เธอถูกเสือกินเนื้อที่สะโพกทั้งสองข้าง ซึ่งเป็นปกตินิสัยของเสือที่มักจะกินเนื้อตรงนั้นก่อน แล้วถ้าหวนกลับมากินใหม่ก็จะกินส่วนอื่นทีหลัง ศพผู้หญิงเคราะห์ร้ายที่ถูกมัดติดกับต้นไม้เบื้องหน้าคุณนิวัต ก็เหมือนกับศพคนที่ตายโหงทั่วๆ ไป ถ้าหากว่าเขาจะไม่แต่งหน้าแต่งตาให้ศพ ตาทั้งสองข้างก็เบิกโพลงเหลือกถลน ปากอ้าเห็นฟัน เมื่อได้รับการแต่งหน้าแต่งตาเข้าไปอีกก็เลยทำให้ยิ่งดูน่าสมเพชและน่ากลัวอย่างบอกไม่ถูก

พอสำรวจทุกอย่างดีแล้ว คุณนิวัตก็เอนหลังพิงกับต้นไม้ คิดอะไรในใจเงียบๆ ขณะที่แกกำลังคิดอะไรเพลิน ก็เริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติอย่างหนึ่งของป่าในบริเวณนั้น รู้สึกว่าป่ามันเงียบผิดสังเกต เพราะตามปกติแล้วมันควรจะมีเสียงนก เสียงลิงค่าง และก็แมลงอยู่บ้าง แต่นี่มันเงียบสนิท เงียบมาตั้งแต่เมื่อไหร่แกก็ไม่ทันได้สังเกต ก็ขยับตัวขึ้นนั่งสอดส่ายสายตาไปรอบๆ ตัวแล้วก็เงี่ยหูฟังอย่างไม่ไว้ใจ เพราะไอ้ความเงียบอย่างผิดปกตินี้มันเป็นรหัสของป่าอย่างหนึ่ง แสดงว่ามีอะไรไม่ถูกต้องแล้ว แล้วแกก็กำลังหาสาเหตุอยู่ พรานที่นั่งอยู่ข้างๆ แกก็คงจะจับรหัสอันนี้ได้ เพราะว่าแกก็มีกิริยาเหมือนกัน พอยกข้อมือขึ้นดูนาฬิกาก็เป็นเวลาห้าโมงเย็นเศษๆ แสงแดดยังคงสว่างเพราะว่าเป็นหน้าแล้ง ขณะที่คุณนิวัตตั้งใจคอยดูและฟังเสียงต่างๆ อยู่นั้น ก็ได้ยินเสียงใบไม้แห้งดังกรอบแกรบขึ้นในพุ่มไม้ทางด้านซ้ายมือของต้นไม้ที่ใช้ผูกศพอยู่ คงจะเป็นสัตว์เล็กๆ หรือไม่ก็พวกสัตว์เลื้อยคลาน

คุณนิวัตพยายามมองไปทางที่เกิดเสียงด้วยความไม่ประมาท ชั่วอึดใจต่อมาเสียงนั้นก็ดังขึ้นอีก แต่คราวนี้ดังมากจนฟังออกว่าเป็นเสียงจากตัวของสัตว์ค่อนข้างใหญ่ แกก็คว้าปืนที่วางไว้ข้างๆ ขึ้นมา ค่อยๆ ปลดห้างไกเพื่อไม่ให้เกิดเสียงดัง สองสามนาทีต่อมาเสียงสัตว์ที่อยู่ในพุ่มไม้นั้นก็ดังขึ้นอีก แต่ว่าคราวนี้มีเสียงคำรามเบาๆ ตามมาด้วย เป็นเสียงคำรามของเสือขนาดใหญ่ คุณนิวัตสงสัยขึ้นมาทันทีเลยว่ามันเข้ามาใกล้ขนาดนี้ได้อย่างไร โดยที่ทั้งตัวแกและพรานอีกคนไม่ได้ยินเสียงหรือระแคะระคายเลยแม้แต่น้อย หรือว่ามันซุ่มอยู่ในพุ่มไม้นั้น ก่อนที่ทุกคนจะมาถึง ก่อนที่ชาวบ้านจะเอาศพมามัดไว้ แล้วมันซุ่มดูอยู่ตลอดเวลา

ก่อนที่คุณนิวัตจะคิดอะไรต่อไป เสียงกรีดร้องของผู้หญิงคนหนึ่งก็ดังขึ้นอย่างโหยหวน มันเป็นเสียงของคนที่ได้รับความหวาดกลัวและเจ็บปวดอย่างยิ่ง คุณนิวัตมองไปทางเสียงร้อง มันดังมาจากศพผู้หญิงที่ถูกมัดไว้กับต้นไม้นั่นแหละ สิ้นเสียงร้องโหยหวน เธอก็ยกมือขึ้น ยกมือขึ้นตบ พอผีศพยกมือขึ้นตบได้สองสามครั้ง เสียงแกรกรากจากในพุ่มไม้ก็ดังขึ้นอีก ครั้งนี้เป็นเสียงย่ำไบไม้ของสัตว์สี่เท้า พุ่มไม้ไหวไปไหวมา แล้วเจ้าของเสียงก็โผล่ออกมา มันเป็นเสือลายพาดกลอนขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่คุณนิวัตเคยเห็นเลย ตาของมันจ้องไปที่ศพหญิงที่กำลังตบมือ ทันทีที่เห็นเสือ ศพนั่นก็หัวเราะและตบมือถี่ขึ้น ซอยเท้าขึ้นลง ทำกิริยาเหมือนคนกำลังดีใจสุดขีด เสือลายพาดกลอนที่โผล่ออกมาเดินเข้าไปหาศพโดยที่ไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น

พอมันเข้าไปถึงศพ ก็ยกเท้าหน้าเขี่ยไปที่ศพเบาๆ ศพก็ยิ่งหัวเราะหนักขึ้น เอามือเล่นหัวมันบ้าง เสือก็ถอยออกมา ศพผีก็ตบมือซอยเท้า เสือก็กระโดดเข้าไปอีก ทั้งสองเล่นกันเหมือนแมวเล่นกับหนูที่มันจับได้ คุณนิวัตพยายามควบคุมสติไว้อย่างยากเย็น พยายามส่ายปากกระบอกปืนหาเป้า แต่ก็หาเป้าที่ดีพอไม่ได้ เพราะว่ามันหันหลังให้ แล้วก็ก็กระโดดไปกระโดดมา ถ้ายิงไปทั้งๆ ที่หาเป้าได้ไม่ดี แล้วมันไม่ตาย ก็จะต้องออกตามรอยกันอีก แล้วถ้าไม่ได้ตัวกลายเป็นเสือลำบากก็จะยิ่งเดือดร้อนกันใหญ่ คุณนิวัตหันไปดูพรานที่นั่งอยู่ข้างๆ เห็นแกนั่งตัวสั่น ตาค้าง ทำอะไรไม่ถูก และที่แกนั่งอยู่ได้ไม่หล่นลงไปก็เพราะเชือกที่หมอม่านให้ผูกตัวไว้กับห้างนั่นเอง

คุณนิวัตมองไปที่ลานข้างหน้าอีกครั้งหนึ่ง เสือที่ตะกี้นี้หยอกล้ออยู่กับศพได้หยุดเล่นแล้ว มันนั่งอยู่ตรงหน้าศพ จ้องหน้าศพที่ยังคงหัวเราะตบมือ ชวนให้เล่น แต่ว่าเสือนี่นั่งเฉย ตาจ้องเป๋งไปที่ตาของศพ มันจ้องอยู่ครู่เดียว ศพนั้นก็ค่อยๆ หยุดหัวเราะ มือที่ตบอยู่ก็ค่อยๆ ห้อยลงไปสภาพเดิม ตอนนั้นคุณนิวัตรู้สึกมีสติขึ้นมาหน่อย เพราะคิดว่าภาพที่เห็นนั่นเป็นภาพลวงตาหรือว่าภาพหลอนที่อาจจะเกิดขึ้นได้เมื่ออยู่ในป่าเงียบๆ แต่แล้วสิ่งที่แกคิดว่าเป็นภาพหลอนมันก็เกิดขึ้นอีก แต่ครั้งนี้มันร้ายยิ่งกว่าเมื่อตะกี้นี้ มันร้ายจนเกือบจะทำให้แกหมดสติไปเลยอย่างพรานที่นั่งข้างๆ หรือไม่ก็คงโดดลงมาให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลย

ก็ศพของผู้หญิงคนนั้น ที่กำลังถูกเสือจ้องหน้า จู่ๆ ศพก็ค่อยๆ เงยหน้าขึ้นเหลือบตาที่เหลือกถนนด้วยความกลัวก่อนจะสิ้นใจแล้วมอง มองมาที่คุณนิวัต เมื่อศพสบตาคุณนิวัต เธอก็ค่อยๆ ยกมือข้างหนึ่งแล้วชี้มาที่ห้าง เสือที่จ้องศพอยู่ พอเห็นศพชี้มือมันก็หันมามองตามที่ศพชี้ เสร็จแล้วมันก็ค่อยๆ เดินช้าๆ เข้ามาตรงหน้าห้าง โดยไม่ได้ละสายตาไปจากคุณนิวัตเลย มันเดินเข้ามาจนห่างจากห้างประมาณสักสองสามเมตร มันก็ย่อตัวลงในลักษณะที่จะกระโดดขึ้นมาบนห้างที่คุณนิวัตนั่งตัวแข็งทื่ออยู่ด้วยความกลัวจนทำอะไรไม่ถูก กำลังจะหมดสติสัมปะชัญญะอยู่แล้ว

แล้วในเสี้ยววินาทีก็รู้สึกว่ามีสิ่งหนึ่งมาเขย่าตัว แกก็อาศัยกำลังใจช่วงสุดท้ายนี้วาดลำกล้องปืนไปที่ใบหน้าของเจ้าเสือที่กำลังย่อตัวจะโดดอยู่ข้างล่าง รวบรวมเรี่ยวแรงเท่าที่มีอยู่เหนี่ยวไกปืน เสียงปืนดังสะท้านไปทั่วป่า เสร็จแล้วสติสัมปะชัญญะที่ถูกกดดันด้วยความกลัวมานานก็ดับวูบไป มารู้สึกตัวอีกครั้งเมื่อเวลาเกือบสองทุ่มที่บ้านของผู้ใหญ่บ้าน

คำแรกที่คุณนิวัตเอ่ยปากออกไปก็คือ เสือๆ ทั้งหัวหน้า ผู้ใหญ่บ้าน และหมอม่านก็ช่วยกันปลอบอยู่นานกว่าจะรู้ตัวและตั้งสติได้ หัวหน้าบอกว่าเสือตัวนั้นตายแล้ว เพราะว่าถูกกระสุนปืนของคุณนิวัตเข้าที่หัว ชาวบ้านก็หามศพมันมาไว้ที่บ้านแล้ว คุณนิวัตกัดหันรวบรวมความกล้าออกไปยืนดูมันที่ระเบียง มันเป็นเสือขนาดใหญ่จริง วัดตามยาวตั้งแต่จมูกจรดปลายหางนี่ได้เจ็ดศอกหนึ่งคืบ คืนนั้นแกนอนหวาดผวาเกือบตลอดทั้งคืน ส่วนพรานที่นั่งห้างกับคุณนิวัตเนี่ยเสียสติไปเลย แล้วก็แกมารู้ทีหลังว่าอาการแกดีขึ้นกลังจากวันเกิดเหตุเกือบหนึ่งปี

ตอนที่จะออกจากหมู่บ้าน แกได้มีโอกาสได้ถามหมอม่านถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แกเล่าว่าพิธีที่แกทำ แกเรียนมาจากชาวพม่า สมัยที่แกอยู่ในพม่า ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่แกมีโอกาสได้ใช้วิชาที่เรียนมา แกบอกว่าถ้ามันเป็นไปตามที่แกเรียนมา เสือตัวนั้นมะนควรจะมาหมอบอยู่ตรงหน้าศพผู้หญิงที่มันฆ่า เพราะว่าแกทำพิธีเรียกวิญญาณผู้หญิงคนนั้นให้สะกดเสือที่ฆ่าเธอ แต่แกไม่รู้เลยว่าเสือตัวนั้นมันฆ่าคนมาหลายศพแล้ว วิญญาณผีที่สิงอยู่ในเสือตัวนั้นมันแรงกว่า มันกลับสะกดให้ศพนั้นบอกถึงที่อยู่ของคุณนิวัตบนห้าง แกบอกว่าคุณนิวัตน่ะโชคดี มีอะไรบางอย่างคุ้มครองไว้ แกก็ถามว่ามีอะไรดี คุณนิวัตก็บอกไปว่าไม่มีหรอก แต่ก่อนที่คุณนิวัตจะขึ้นห้าง แกไหว้แม่พระธรณี ขอให้คุ้มครองด้วย เพราะว่าที่แกจะยิงเสือตัวนั้นก็เพื่อป้องกันชีวิตของชาวบ้าน ไม่ได้มีเจตนาฆ่าสัตว์โดยไม่จำเป็น และคุณนิวัตก็ไหว้แม่พระธรณีทุกครั้งที่จะต้องนอนหรือว่าไปอยู่แปลกที่ และก็คงจะเป็นแม่พระธรณีที่ช่วยชีวิตของคุณนิวัตไว้ แล้วตั้งแต่นั้นมาเวลาแกมีโอกาสทำบุญกุศลใดๆ แกก็จะอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้แม่พระธรณีทุกครั้ง และแน่นอนที่สุด หญิงเคราะห์ร้ายที่ถูกเสือกัดตายด้วย ที่คุณนิวัตได้อุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้กับเธอ

ขอขอบคุณ เรื่องเล่าอาจารย์ยอด จากอาจารย์ยอด youtube channel

กดถูกใจแฟนเพจเพื่อติดตามและอัพเดตบทความใหม่ๆ คลิกเลย

กดถูกใจ ANYAPEDIA


เรื่องเล่าสยองขวัญ

5 อันดับผีตามความเชื่อของคนอีสาน

10 ตำนานผีอาเซียนประเทศเพื่อนบ้านสุดสยอง

8 อันดับฆาตกรสุดโหดแห่งสยามเมืองยิ้ม

ตำนานผีญี่ปุ่น

เล่าเรื่องสยองขวัญ นั่งซากหวาดผวา ศพล่อเสือ

เล่าเรื่องสยองขวัญ แดนพิศวง

เล่าเรื่องสยองขวัญ เจอดีตอนธุดงค์

เล่าเรื่องสยองขวัญ สยองกลางทุ่ง

เล่าเรื่องสยองขวัญ เพื่อนเล่าให้ฟัง

เล่าเรื่องสยองขวัญ ทำไมไม่บวชให้

เล่าเรื่องสยองขวัญ ร้านเหล้าผี

เล่าเรื่องสยองขวัญ แถวนี้มีเยอะ

เล่าเรื่องสยองขวัญ 6 ปีไม่เคยลืม

เล่าเรื่องสยองขวัญ บ้านเก่า

เล่าเรื่องสยองขวัญ อยากลองจนเจอดี

เล่าเรื่องสยองขวัญ คุณแม่เล่าให้ฟัง

ตำนานผีญี่ปุ่น คาซาเนะ

ตำนานผีญี่ปุ่น บ้านแห่งจาน

ตำนานผีญี่ปุ่น ผีตระกูลเฮอิเคะ

ตำนานผีญี่ปุ่น กาซาโดคุโร



บทความแนะนำ

อาชญากรรมดำดิน เอล ชาโป กุซมัน อัจฉริยะจอมโฉดมือระเบิดต่อเนื่องยูนาบอมเบอร์ เล่าเรื่องสยองขวัญ แดนพิศวง เล่าเรื่องสยองขวัญ เจอดีตอนธุดงค์ อลิซาเบธ บาโธรี่ เคานท์เตสกระหายเลือด 25 การทรมานสุดโหดในประวัติศาสตร์ เล่าเรื่องผี มาเอาแม่ผมไปทำไม จักรพรรดิเนโร ที่โหดก็เพราะรัก

เมนูอาหาร ภัยอันตราย บทความสุขภาพ บทความวิทยาศาสตร์ เรื่องเล่าสยองขวัญ บทความชีวิตสัตว์ บทความประวัติศาสตร์ จัดอันดับ, สิบอันดับ, 10 อันดับ, ที่สุดในโลก จัดอันดับ, 10 อันดับ, เรื่องสยองขวัญ, เรื่องเล่าสยองขวัญ, ดูดวง, นิทาน, ภัยอันตราย, สมุนไพร, สุขภาพ

เรื่องราวน่ารู้เรียบเรียงจากสารคดีคุณภาพในรูปแบบบทความ
กดถูกใจแฟนเพจเพื่อติดตามและอัพเดตบทความใหม่ๆ คลิกเลย



เล่าเรื่องสยองขวัญ สยองกลางทุ่ง

เล่าเรื่องสยองขวัญ สยองกลางทุ่ง


     

หนุ่มปัจจุบันศึกษาอยู่ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี เป็นอีกคนที่ชอบฟังรายการ The Shock แต่ว่าไม่มีโอกาสได้โทรไปเล่าด้วยตัวเอง จึงขอแชร์ประสบการณ์ที่ได้รับฟังมาถ่ายทอดผ่านตัวหนังสือดังนี้

ต้องบอกกันก่อนว่าเรื่องนี้ เป็นเรื่องที่หนุ่มได้รับฟังต่อมาจากรุ่นพี่ที่มหาวิทยาลัย

เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นที่จังหวัดศรีสะเกษ เนื่องจากรุ่นพี่ของหนุ่มเป็นคนศรีสะเกษ แต่อยู่ในบริเวณติดชายแดนเพื่อนบ้านของเรานี่เอง ความร่ำลือกันในเรื่องไสยศาสตร์มนต์ดํา รุ่นพี่คนนี้ก็มักจะมีเรื่องเล่าแปลก ๆ มาเล่าสู่กันฟังเสมอ แล้วก็มีอยู่เรื่องหนึ่งเหมือนปกติ

เล่าเรื่องสยองขวัญ สยองกลางทุ่ง

การหากินของชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในบริเวณหมู่บ้านแถวบ้านรุ่นพี่นั้น ก็มักชอบจะออกหาปู หาปลา หากบ อะไรประมาณนี้ เพื่อนำมาทำกับข้าวกินในทุก ๆ วัน และลุงของรุ่นพี่คนนี้ ก็เล่าว่าแกเป็นคนที่ชอบหากบ หาปลา ในตอนกลางคืนอยู่เป็นประจำ โดยปกติก็มักจะออกหากันเป็นกลุ่มใหญ่ แต่ว่ามีอยู่วันหนึ่ง เพื่อนที่แกออกไปหาปลาด้วยเป็นประจำนั้นเกิดไม่สบาย บางคนก็ไม่สะดวก ติดธุระ แกจึงตัดสินใจไปคนเดียวในคืนนั้น แล้วก็มีความคิดในใจว่า เอ่อ ก็ดีเหมือนกัน ไปคนเดียวจะได้ไม่ต้องแบ่งกบ แบ่งปลา ให้กับใคร

พอได้เวลาค่ำ ๆ แกก็ออกเดินไปหากบ หาเขียด ในทุ่งนาเพียงลำพังคนเดียว บริเวณแถวหลังบ้านของแกนั่นล่ะ ในระหว่างที่แกกำลังหากบ หาเขียด อยู่นั้น ก็เริ่มสังเกตบริเวณรอบ ๆ ตัวว่าบรรยากาศค่ำคืนในวันนั้น มันเงียบผิดปกติ ไม่เห็นชาวบ้านสักคนที่ออกมาหากบ หาเขียด แบบแก แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรมาก ยังคงมุ่งหน้าเดินต่อไป เพราะในตอนนั้นแกกำลังติดลม เนื่องจากแกสามารถจับกบ จับเขียด ได้เยอะมากในวันนั้น เดินก้มหน้าหากบ หาเขียด ไปเรื่อย

พอเหงยหน้าอีกทีก็เดินออกไปไกลมากแล้ว แกจึงได้พยายามหันไปรอบตัว เพื่อที่จะพยายามมองหาคนที่มาหากบ หาเขียด เช่นเดียวกับแก แต่แล้วสายตาของแกของแกก็เหลือบไปเห็นแสงไฟ เป็นแสงไฟคล้าย ๆ กับไฟส่องกบที่ติดอยู่บนหัวนั่นล่ะ พอแกเห็นแบบนั้นก็ดีใจ ที่เห็นมีคนร่วมทาง ก็รีบเดินเข้าไปหา พร้อมกับตะโกนออกไปว่าเป็นยังไงบ้าง หาได้เยอะไหม แต่แล้วแกก็ต้องนิ่งไป เนื่องจากแสงไฟดวงนั้นเงียบ ไม่มีใครตอบกลับมา ยิ่งไปกว่านั้น พอแกเดินเข้าไปใกล้จนถึงบริเวณที่สามารถพอจะมองเห็นตัวกันได้นั้น แสงไฟที่ว่ากลับหายไปต่อหน้าต่อตา ลุงแกก็คิดในใจว่าเริ่มจะไม่ดีแล้ว จึงตัดสินใจเลิกกิจกรรมทุกอย่าง แล้วมุ่งหน้าเดินกลับบ้านในทันที

แต่แล้วแกก็ต้องแปลกใจอีกครั้ง เมื่ออยู่ ๆ ก็ได้กลิ่นคาว เป็นกลิ่นคาวเหมือนกับกลิ่นกบ เขียด ที่โดนชำแหละ กลิ่นนั้นค่อย ๆ แรงขึ้นเรื่อย ๆ พร้อม ๆ กับเสียงที่คนย่ำโคลนเหมือนกับกำลังวิ่งไล่ใกล้ตัวแกเข้ามาเรื่อย ๆ ดังฉึก ฉึก ฉึก ฉึก ตอนนั้นในใจก็เริ่มใจคอไม่ดี จึงได้หันไปรอบตัวเอง ไฟส่องกบที่อยู่บน ฉายแสงไฟไปทุกทิศที่แกหันไป แต่แล้วสิ่งที่แกได้พบเห็นก็คือชายแก่รูปร่างผอมโกร่ง ใส่แต่กางกาง ไม่ใส่เสื้อ ดวงตามีสีแดงก่ำ ในมือกำลังจับกบหยิบ ๆ ฉีกด้วยปาก แล้วก็กำลังเคี้ยวอย่างเอร็ดอร่อย ชายแก่คนนั้นยืนอยู่ใกล้กับลุงเพียงแค่ 2 – 3 เมตรเท่านั้นเอง

ตอนนั้นลุงตกใจ รีบรวบรวมสติทั้งหมดที่เหลือพูดออกไปว่าต่างคนต่างก็มาหากิน เพราะฉะนั้น อย่าได้มาเบียดเบียนกันเลย พอพูดจบก็หันหลังรีบวิ่งกลับบ้าน พอถึงบ้านเท่านั้น ลุงแกเข่าอ่อนทรุดลงกับพื้น จนต้องให้ป้ามาพยุงขึ้นเลย จากนั้นลุงแกก็เป็นไข้ไปหายอาทิตย์

ตามความเชื่อของคนแถวนั้น เชื่อกันว่าชาวแก่คนดังกล่าว น่าจะเป็นคนที่มีวิชาอาคม แต่ว่ารักษาเอาไว้ไม่ได้ จึงกลายเป็นผีเป้าออกหากินของสดในยามค่ำ

เรื่องราวทั้งหมดก็จบลงเพียงเท่านี้ ขอขอบคุณเจ้าของเรื่องสยองกลางทุ่ง ขอให้ท่านผู้ฟังทุกท่านรับฟังเพื่อความบันเทิงนะครับ ด้วยความขอบคุณจากผม ผี The Shock และทีมงาน สำหรับคืนนี้สวัสดีครับ

บทความแนะนำ

เล่าเรื่องสยองขวัญ นั่งซากหวาดผวา ศพล่อเสือ

เล่าเรื่องสยองขวัญ เพื่อนเล่าให้ฟัง

เล่าเรื่องสยองขวัญ ทำไมไม่บวชให้

เล่าเรื่องสยองขวัญ ร้านเหล้าผี

เล่าเรื่องสยองขวัญ แถวนี้มีเยอะ

เล่าเรื่องสยองขวัญ 6 ปีไม่เคยลืม

เล่าเรื่องสยองขวัญ บ้านเก่า

เล่าเรื่องสยองขวัญ อยากลองจนเจอดี

เล่าเรื่องสยองขวัญ คุณแม่เล่าให้ฟัง

ตำนานผีญี่ปุ่น คาซาเนะ

ตำนานผีญี่ปุ่น บ้านแห่งจาน

ตำนานผีญี่ปุ่น ผีตระกูลเฮอิเคะ

ตำนานผีญี่ปุ่น กาซาโดคุโร


25 แม่น้ำที่ยาวที่สุดในโลก เดวิด เบอร์โควิทซ์ ฆาตกรต่อเนื่องแห่งนิวยอร์ค วิเคราะห์นิยายเดอะลอร์ดออฟเดอะริงส์ (The Lord of the rings) เนื้อวากิวราชาแห่งเนื้อจากแดนซามูไร คดีวิตถาร ครูสาวทำช็อคฆ่าข่มขืนนักเรียนหญิง สมุนไพรต้นเหงือกปลาหมอ เห็ดมีพิษ สุดยอดเฮลิคอปเตอร์ อาปาเช่ (Apache Helicopter)


ดูบทความเมนูอาหารทั้งหมด ดูบทความภัยอันตรายทั้งหมด ดูบทความสุขภาพทั้งหมด ดูบทความวิทยาศาสตร์ทั้งหมด ดูบทความสยองขวัญทั้งหมด ดูบทความชีวิตสัตว์ทั้งหมด ดูบทความประวัติศาสตร์ทั้งหมด ดูบทความจัดอันดับทั้งหมด สารบัญบทความ


เล่าเรื่องสยองขวัญ เพื่อนเล่าให้ฟัง

เล่าเรื่องสยองขวัญ เพื่อนเล่าให้ฟัง


     

จริง ๆ แล้วเรื่องราวและก็เหตุการณ์ทั้งหมดนั้น มันเกิดขึ้นมาเป็นเกือบ 10 ปีล่ะ ตั้งแต่สมัยเพื่อนของผมเพิ่งจะเรียนจบปริญญาใหม่ ๆ ทุกอย่างมันเกิดขึ้นมาจากวันที่มีการเลี้ยงรุ่น สมมติเพื่อนผมคนนี้ชื่อว่าเอก็แล้วกัน

วันนั้นมีการเลี้ยงรุ่นกัน ก็ในกลุ่มนี้จะมีเพื่อนสนิทกันอยู่ทั้งหมด 5 คน เอก็เป็นหนึ่งในนั้น เพื่อน ๆ ก็มีการเลี้ยงรุ่นนัดกันตามร้านอาหาร ก็ไปกันหลายคนอยู่ ประมาณเกือบ ๆ 20 คน พอเอไปถึงที่งาน เอก็ได้เจอเพื่อนเก่า ๆ มามาย สายตาก็พยายามมองหาเพื่อนกลุ่มเดียวกันที่สนิทกันมากที่สุด ตอนนั้นมองเห็นมองเจออยู่ 3 คน ก็ดีใจ รีบตรงเข้าไปทัก ทุกคนก็ทักทายพูดคุยกันด้วยความดีใจ เนื่องจากไม่ได้เจอกันมานาน แล้วเอก็ถามว่า เฮ้ยพวกเราเกือบครบกลุ่มแล้ว เหลืออีกคนเดียว แล้วมันอยู่ไหนเนี่ย เพื่อนคนดังกล่าวที่หายไปมีชื่อว่าเม้ง

เม้งเป็นตัวฮาประจำกลุ่ม พอเอถามเพื่อนไปแบบนั้น เพื่อนในกลุ่มที่เหลือก็บอกว่า เอ่อ โทรคุยแล้ว ตอนก่อนเลิกงาน เม้งมันบอกว่าเดี๋ยวจะตรงมาจากชลบุรี รอแป๊บหนึ่ง งานเลี้ยงรุ่นก็ดำเนินต่อไปด้วยความสนุกสนาน เอทักทายเพื่อนฝูงด้วยความดีใจ

เวลาผ่านไปประมาณสัก 3 ทุ่มกว่า เม้งก็ตามมาถึงที่งาน ก็ได้แต่รีบขอโทษพรรคพวกเป็นการใหญ่ เนื่องจากตัวเองนั้นมาช้าเป็นคนสุดท้าย เอนั้นดีใจมาก ที่รู้ว่ากลุ่มของตน 5 คนนั้นมากันครบพอดี

เวลาผ่านไปเกือบ ๆ เที่ยงคืนแล้ว งานเลี้ยงก็ใกล้เลิก เพื่อนหลายคนก็ทยอยกลับกัน เนื่องจากร้านอาหารที่ว่าก็ใกล้จะปิด แต่ว่าเอและเพื่อนที่เหลืออีก 4 คนนั้น ยังอยากนั่งคุยกันต่อ หนึ่งในกลุ่มนั้นชื่อว่ากร ก็เลยบอกว่าอย่าเพิ่งรีบกลับกันเลย ไหน ๆ นาน ๆ ก็เจอกันทีหนึ่ง ไปต่อที่ห้องกูดีกว่า ก็อยู่คอนโดคนเดียว สบาย เอและเพื่อนอีก 4 คน กลุ่มเพื่อนสนิททั้ง 5 คน จึงตกลงใจไปต่อกันที่ห้องของกร ทุกคนก็ขับรถกันไป

พอไปถึงก็ตั้งวงเครื่องดื่ม นั่งเม้าส์กันต่อตามประสาผู้ชาย เวลาผ่านไปก็ดึกขึ้นมาเรื่อย ๆ จนก็จำไม่ได้ว่ามีใครสักคนพูดขึ้นมาว่าเฮ้ยเล่าเรื่องผีกันดีกว่า เหมือนตอนสมัยเข้าค่ายลูกเสือไง เพื่อนซี่ทั้ง 5 คน ก็เลยพลัดกันเล่าเรื่องผี เล่าวนกันไป วนกันไป

จนมาถึงตาของกรเป็นคนเล่า กรก็เรื่องแฟนเก่าให้ฟังว่า สมัยเรียนจบใหม่ ๆ เพิ่งได้งานไม่นานนัก ก็มีแฟนคนหนึ่ง ตอนแรกก็คบกันอยู่ดี ๆ ผ่านไปปี 2 ปี สุดท้ายต้องเลิกกัน

วันเวลาผ่านไปประมาณสัก 2 – 3 ปี กรก็ได้กลับมาเจอแฟนเก่าคนนี้อีกทีหนึ่ง แต่ว่าตอนนั้นเธอมีสีหน้าที่ดูอิดโรย ดูเครียดอยู่ตลอดเวลา ตอนนั้นทั้งคู่เลิกกันไปแล้วก็จริง แต่ว่าคบกันแบบเพื่อน ก็ได้มีการถามไถ่กันด้วยความเป็นห่วง ก็ได้รับรู้ว่าแฟนเก่าของกรเนี่ย ตั้งแต่เลิกกันไป หลังจากนั้นก็มีแฟนใหม่ แต่ว่าแฟนของเธอคนนี้ เป็นผู้ชายที่นิยมการใช้ความรุนแรง มักซ่อมเธออยู่เป็นประจำ ชอบตบตี ทำร้ายร่างกายเธออยู่เป็นประจำเวลาโมโห กรนั้นก็ได้เพียงรับฟัง ช่วยเหลืออะไรเธอไม่ได้มากนัก

จนเวลาผ่านไป จนกระทั่งวันหนึ่ง แฟนของกรนั้นโทรเข้ามาหาใหม่ แล้วก็บอกว่าขอขึ้นไปบนห้องกรได้ไหม ตอนนี้ไม่กล้ากลับบ้าน ตอนนั้นกรบอกว่า เวลาช่วงนั้นประมาณสัก 3 – 4 ทุ่ม กรกำลังจะเข้านอนพอดี ก็รีบวิ่งลงไป แฟนของกรนั้นมายืนรออยู่หน้าคอนโด ด้วยสภาพที่ดูไม่ค่อยได้ เสื้อผ้าบางส่วนนั้นเลอะเลือดอยู่ บนใบหน้าของเธอนั้นมีรอยถูกทำร้ายมาอย่างชัดเจน ส่วนอาการของเธอก็เป็นคนที่กำลังอยู่ในห้วงความกลัว ตัวสั่น พูดจาไม่ค่อยรู้เรื่องนัก

กรรีบเดินเข้าไปพยุงเธอพาขึ้นมาที่ห้อง แล้วก็ไปค้นหยุบยาเพื่อจะมาทำแผลสดให้กับเธอ แต่ว่ายาที่ห้องกรนั้นหมดพอดี กรจึงบอกกับเธอว่ารออยู่ที่นี่ก่อน เดี๋ยววิ่งออกไปซื้อยา แป๊บเดียวเดี๋ยวมา ก่อนที่กรจะปิดประตูห้องแล้วเดินออกไปนั้น แฟนเก่าของกรก็พูดว่า จริง ๆ แล้วยาก็ไม่จำเป็นหรอก มาถึงที่นี่สบายใจขึ้นเยอะ แล้วกรก็รีบวิ่งออกไปซื้อยา

พอกลับมาที่ห้อง แฟนเก่าของกรก็จากไปแล้ว มีเพียงโน๊ตเล็ก ๆ ว่าขอบคุณมาก กลับก่อนดีกว่า กรก็ได้แต่เอาถุงยาที่ว่าวางไว้บนโต๊ะห้องรับแขก โดยที่ไม่กล้าโทรกลับไปหาเธอ เนื่องจากกลัวว่าถ้าแฟนเธอรู้ อาจจะโดนทำร้ายเพิ่ม เหตุการณ์วันนั้นก็จบไป

หลังจากนั้นประมาณสัก 1 อาทิตย์ กรก็ได้พบเจอกับเพื่อนของแฟนเก่าของกร เพื่อนของแฟนเก่ากรก็คุยกับกรว่า เอ่อ ขอโทษด้วยนะ ลืมโทรไปบอก ตอนนั้นมันฉุกละหุก แล้วก็วุ่นมากจริง ๆ เพื่อนของแฟนเก่าของกรบอกกับกรว่า แฟนเก่าของกรนั้นเสียชีวิตไป 2 อาทิตย์แล้ว สาเหตุมาจากการทะเลาะกับแฟนแบบรุนแรง จึงตัดสินใจผูกคอตัวเองตาย กรได้ยินแบบนั้นก็ได้แต่ยืนนิ่งอึ้ง จนสุดท้ายต้องการหาคำตอบ จึงโทรศัพท์กลับไปหาบ้านของแฟนเก่า คุยกับแม่ของเธอ แล้วก็ได้คำยืนยันว่าแฟนเก่าของกรนั้น เสียชีวิตไป 2 อาทิตย์แล้วจริง ๆ แล้วเมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมาใคร ใครกันที่แบกร่างอันบอบช้ำมาหากรที่คอนโด รวมไปถึงโน๊ตที่วางทิ้งเอาไว้บนโต๊ะ ใครกันเป็นคนเขียน

เพื่อน ๆ ในกลุ่มนั่งฟังเรื่องผีจากกรกันอยู่นั้น ก็ได้แต่นั่งนิ่ง แล้วก็มีคนหนึ่งบอก เอ่อ น่ากลัวว่ะ แต่ว่าเม้งสวนขึ้นมาว่าเฮ้ยกูว่าคนเราก็แบบนี้ล่ะ ก่อนที่จะตายจะเกิดจิตมันมุ่งไปที่ใคร มันคงมุ่งไปหาคนนั้นก่อน กูว่านะแฟนเก่ามึง ก่อนที่จะคิดฆ่าตัวตาย คงอยากไปหามึงนั่นล่ะ แต่คงมีสาเหตุที่ไปไม่ได้ ทุกคนได้ยินแบบนั้น ก็ได้แต่นั่งนิ่ง ๆ จนเอเห็นบรรยากาศเริ่มไม่ดี จึงเปลี่ยนเรื่องคุย คืนนั้นเพื่อนสนิทกลุ่มนี้ นั่งคุยกันเกือบถึงเช้า กว่าจะแยกย้ายกันก็ตี 4 กว่า

เอกลับบ้านของตัวเองไปนอน แต่ว่านอนได้ไม่นานนัก ประมาณสัก 10 โมงเช้า ก็โดนเพื่อนในกลุ่มนี้ล่ะโทรมาปลุก แล้วก็บอกว่าให้ทุกคนไปรวมตัวกันที่ห้องของไอ้กรด่วนเลย ย้ำว่าด่วนที่สุด เอก็ลุกขึ้นอาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้าออกไปด้วยความมึนงง พอไปถึงก็เจอเพื่อนอีก 2 – 3 คนนั่งคุยกันอยู่แล้ว ขาดเม้งไปเพียงคนเดียว เนื่องจากเม้งนั้นเดี๋ยวนี้ย้ายไปอยู่ที่ชลบุรี แล้วเอก็ได้รับรู้เรื่องราวที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นมาก่อนได้จากปากของเพื่อนสนิทว่า ทุกกำลังจะมุ่งหน้าไปที่จังหวัดชลบุรี เนื่องจากหนึ่งในเพื่อนสนิทนั้น ได้รับรู้ข่าวจากน้องสาวของเม้งว่า เม้งเพื่อนสนิทอีกคนในกลุ่มนั้น ได้เกิดอุบัติเหตุรถไปคว่ำ เสียชีวิตตั้งแต่เมื่อวานตอนเย็นแล้ว ที่เม้งมาช้าคงมาจากสาเหตุนี้

แล้วทุกคนก็เจอกันในงานเลี้ยงรุ่นเจอใคร เพื่อน 5 คนที่นั่งคุยกันเมื่อคืนในห้องของกรคือใคร แล้วใครเป็นคนบอกประโยคที่ว่า คนเรามันก็แบบนี้ล่ะ ก่อนที่จะตายจะเกิดจิตมันมุ่งหน้าไปหาใคร มันก็คงจะไปคนนั้นนั่นล่ะ เพื่อนได้รับการพิสูจน์จากเม้งแล้ว

ขอขอบคุณ เดอะช็อคสตอรี่

บทความแนะนำ

เล่าเรื่องสยองขวัญ นั่งซากหวาดผวา ศพล่อเสือ

เล่าเรื่องสยองขวัญ สยองกลางทุ่ง

เล่าเรื่องสยองขวัญ ทำไมไม่บวชให้

เล่าเรื่องสยองขวัญ ร้านเหล้าผี

เล่าเรื่องสยองขวัญ แถวนี้มีเยอะ

เล่าเรื่องสยองขวัญ 6 ปีไม่เคยลืม

เล่าเรื่องสยองขวัญ บ้านเก่า

เล่าเรื่องสยองขวัญ อยากลองจนเจอดี

เล่าเรื่องสยองขวัญ คุณแม่เล่าให้ฟัง

ตำนานผีญี่ปุ่น คาซาเนะ

ตำนานผีญี่ปุ่น บ้านแห่งจาน

ตำนานผีญี่ปุ่น ผีตระกูลเฮอิเคะ

ตำนานผีญี่ปุ่น กาซาโดคุโร


10 อันดับพระผงพิมพ์นิยมที่นักสะสมใฝ่ฝัน 8 สิ่งที่คุณควรต้องทำเมื่อไปนิวยอร์ค กินอยู่แบบนาฬิกาชีวิต พิชิตไวรัสได้อย่างไร โรคไตวายที่ไม่ควรมองข้าม อาการชาจากปลายประสาทอักเสบ โรคกระดูกสันหลังตีบรัดเส้นประสาท ฮาเร็มในเรือนไทย ไฮดี้ คลุม ปิดฉากความรักกับเจ้าชายอสูร


ดูบทความเมนูอาหารทั้งหมด ดูบทความภัยอันตรายทั้งหมด ดูบทความสุขภาพทั้งหมด ดูบทความวิทยาศาสตร์ทั้งหมด ดูบทความสยองขวัญทั้งหมด ดูบทความชีวิตสัตว์ทั้งหมด ดูบทความประวัติศาสตร์ทั้งหมด ดูบทความจัดอันดับทั้งหมด สารบัญบทความ


Popular Posts