นิทานไทยเรื่อง เคราะห์ของตาจัน
ตาจันเป็นมหาดเล็กของโอรสพระราชาตั้งแต่หนุ่มจนแก่ แต่ไม่เคยได้เลื่อนยศเลื่อนตำแหน่งหรือได้รับพระราชทานรางวัลเหมือนกับข้าราชบริพารคนอื่นๆ เพราะแกเป็นคนที่เรียกว่าทั้งซื่อทั้งโง่ถึงขั้นปัญญาทึบทำอะไรไม่ได้นอกจากคอยรับใช้งานเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น แต่สิ่งหนึ่งที่ตาจันยังสามารถรักษาเอาไว้ได้อย่างสม่ำเสมอตลอดระยะเวลาที่รับราชการมาหลายสิบปีก็คือ ความซื่อสัตย์สุจริต เมื่อพระโอรสขึ้นครองราชย์เป็นพระราชาองค์ต่อมา ตาจันก็ยังคงทำหน้าที่มหาดเล็กคนสนิทเหมือนเช่นเดิม ทั้งๆ ที่เพื่อนรุ่นเดียวกันเลื่อนตำแหน่งใหญ่โตและมีฐานะร่ำรวยไปหมดแล้วอยู่มาวันหนึ่งพระราชาองค์ใหม่เห็นตาจันหมอบเฝ้าในที่ออกว่าราชการเหมือนเช่นทุกวันโดยไม่ขาดหรือหนีหน้าที่ พระองค์นึกสงสารตาจันว่ายังไม่ได้ดิบได้ดีมียศฐาตำแหน่งหน้าที่การงานสูงๆ เหมือนกับคนอื่นๆ ตอนแรกมีพระประสงค์จะมอบตำแหน่งขุนนางให้ แต่เห็นว่าตาจันเป็นคนไม่ค่อยมีสติปัญญา หากกระทำหน้าที่บกพร่องจะเกิดโทษติดตัวแกเสียเปล่าๆ จึงคิดจะพระราชทานแก้วแหวนเงินทองให้ตาจัน แต่ก็หาความดีความชอบที่จะพระราชทานต่อหน้าขุนนางทั้งหลายไม่ได้สักครา วันหนึ่งทรงคิดอุบายแยบยลได้ จึงรีบสั่งคนครัวให้นำแตงโมทั้งผลมาถวาย พระราชาอุตส่าห์ลงแรงขูดเนื้อแตงโมออกด้วยพระองค์เอง แล้วเอาแก้วแหวนเงินทองใส่ลงไป ทั้งนี้เพราะต้องการให้เป็นความลับ ครั้นแล้วจึงเรียกตาจันเข้าเฝ้าพร้อมพระราชทานแตงโมผลนั้นให้
ตาจันอุ้มแตงโมเดินกลับบ้านด้วยความยินดีโดยไม่ได้เฉลียวใจเลยว่ามันมีน้ำหนักผิดปกติหรือมีรอยผ่าฝานตรงไหนบ้าง พอเดินผ่านประตูวังเห็นทหารยามยืนสะลือ ตาจันเลยสอบถามด้วยความเมตตา ได้ความว่าโดนทำโทษให้ยืนเวรตั้งแต่เมื่อคืนไม่ได้หลับไม่ได้นอนและยังไม่ได้กินอะไรเลย ตาจันสงสารเลยยกแตงโมทั้งผลให้ทหารยามกินเพื่อประทังความหิว
พอถึงเวลาเข้าเฝ้าพระราชาตรัสถามเรื่องแตงโมที่พระราชทานให้ ตาจันก็ทูลว่าเห็นทหารยามหิวจึงให้แตงโมไปกิน พระราชาได้ฟังเรื่องราวแล้วก็นึกสังเวชในดวงชะตาของตาจัน เพราะขนาดมีแก้วแหวนเงินทองในมือยังเอาไปยกให้คนอื่นเขา
วันต่อมาพระราชานำแตงโมมาอีกผลหนึ่งคว้านเนื้อออกเพียงครึ่งเดียวแล้วเอาทองใส่ไว้แล้วเรียกตาจันเข้ามารับพระราชทานโดยสั่งกำชับว่าต้องเอาไปกินเองให้ได้ หากมีใครมาขอก็จงแบ่งให้เขาไปเพียงครึ่งเดียว
ตาจันถือแตงโมเดินมาถึงประตูวัง พบทฟารคนเดิมซึ่งรู้ว่าในผลแตงโมบรรจุของมีค่าก็แกล้งทำหน้าซีดเซียวบอกว่าโดนทำโทษให้เข้าเวรตั้งแต่เมื่อคืนยังไม่ได้กินอะไรเหมือนคราวก่อน ตาจันนึกสงสารแต่จะให้แตงโมทั้งลูกก็ไม่ได้เพราะพระราชาสั่งกำชับไว้ จึงจัดแจงขอยืมมีดทหารยามมาผ่าแบ่งครึ่ง ตอนแรกทหารยามทำหน้าบ่ายเบี่ยงเพราะเกรงว่าตาจันจะผ่าเจอของมีค่าที่บรรจุภายในผลแตงโม แต่ตาจันเอามีดมาผ่าแบ่งพอเป็นพิธีเท่านั้น คือตัดเอาเนื้อแตงโมไปนิดหน่อยและไม่รู้ว่าเป็นเพราะดวงจู๋หรืออย่างไร ทำให้ตาจันผ่าทางด้านที่เป็นเนื้อแตงโมล้วนๆ เพื่อเอาไปกินที่บ้าน เป็นอันว่าทหารยามได้ส่วนที่บรรจุของมีค่าอีกตามเคย
รุ่งเช้าเมื่อเข้าเฝ้าและทูลให้พระราชาทรงทราบ พระองค์ได้ดำริในใจว่า ดูท่าตาจันจะไม่มีโอกาสร่ำรวยเหมือนคนอื่นเขาแน่ เพราะขนาดพระราชทานเงินทองของมีค่าให้ถึงสองครั้งสองคราก็ยังไม่ได้รับ นับแต่นั้นมาพระองค์จึงไม่ได้ระราชทานอะไรให้ตาจันเป็นการพิเศษอีกเลย ครั้นเมื่อพระราชาเสด็จสวรรคต พระราชบุตรขึ้นสืบราชสมบัติแทน ตาจันเห็นว่าขืนนับราชการต่อไปคงไม่มีนได้ดิบได้ดีอะไรขึ้นมา จึงทูลลาออกจากราชการแล้วรวบรวมข้าวของกลับไปทำนาอยู่ที่บ้านนอก โดยนำเงินที่มีอยู่เพียงน้อยนิดไปซื้อวัวแก่ๆ มาได้ตัวหนึ่ง แต่ไม่พอใช้สำหรับไถนาเลยไปขอยืมวัวหนุ่มจากเพื่อนบ้านมาช่วยวัวของแกอีกตัวหนึ่ง ซึ่งเจ้าของวัวเห็นว่าตาจันเป็นคนซื่อตรงและน่าสงสารก็ยอมให้ยืมแต่โดยดี
ตาจันเมื่อได้วัวมาก็จัดแจงไถนาอยู่จนมืดค่ำจึงนำวัวไปคืน แต่เมื่อเห็นเจ้าของวัวกำลังกินข้าวเกิดความเกรงใจจึงจัดแจงผูกวัวเอาไว้กับเสานอกชานเรือนริมบันไดให้ผู้เป็นเจ้าของเห็น ครั้นเมื่อกินข้าวเสร็จเจ้าของวัวลงมาจากเรือนหมายจะจูงไปไว้ในคอกปรากฏว่าวัวถูกขโมยไป ด้วยความเสียดายเจ้าของวัวได้นำความไปแจ้งกำนันว่าตาจันมาขอยืมวัวไปแล้วไม่ยอมเอามาคืน รุ่งเช้ากำนันจึงไปแจ้งจับตาจันเพื่อนำตัวไปส่งเมืองหลวงให้ทางการสอบสวนตัดสินคดี ระหว่างทางตาจันเดินผ่านบ้านคนรู้จักซึ่งเคยรับราชการมาด้วยกันเกิดหิวข้าว จึงขออนุญาตกำนันแวะเข้าไปขอข้าวกิน
บังเอิญเพื่อนของตาจันไปธุระอยู่แต่ผู้เป็นภรรยาซึ่งกำลังมีครรภ์แก่ ด้วยความสงสารนางได้เอาเก้าอี้มาวางแล้วปีนขึ้นไปหยิบปลาเค็มหมายจะนำมาทอดให้ตาจันกินกับข้าว บังเอิญเก้าอี้ตัวนั้นขาหักนางจึงเสียหลักล้มลงจนแท้งลูก ผู้เป็นสามีกลับมาเห็นเหตุการณ์พอดีก็โกรธตาจันขอตามกำนันไปเป็นโจทย์ฟ้องด้วย ตาจันเห็นว่าอยู่ดีๆ ก็โดนเข้าอีกข้อหาหนึ่งเหมือนผีซ้ำด้ามพลอยก็นึกเสียใจคิดจะฆ่าตัวตายให้รู้แล้วรู้รอดไป พอเดินผ่านหน้าผาได้ออกอุบายขอไปถ่ายของเสีย กำนันเห็นว่าตาจันเป็นคนซท่อตรงไม่คิดหลบหนีจึงอนุญาต ตาจันเดินไปที่ริมหน้าผาแล้วกระโดดลงไปหมายฆ่าตัวตายแต่ปรากฏว่าร่างของแกกลับตกไปทับชายตัดฟืนคอหักตาย ส่วนตาจันไม่เป็นอะไร ลูกชายคนตัดฟืนก็ขอตามกำนันไปด้วยเพื่อเป็นโจทย์ฟ้องตาจันที่ทำให้พ่อของตนเองต้องตาย
ระหว่างทางบรรดาญาติของหญิงมีครรภ์และชายตัดฟืนพร้อมทั้งเจ้าของวัวทราบเรื่องต่างขอติดตามไปฟังการตัดสินจนกลายเป็นขบวนยาวเหยียด ผ่านบ้านไหนเมืองไหนชาวบ้านต่างแตกตื่นพากันมาสอบถาม เมื่อทราบความจริงทุกคนรู้สึกสงสารจึงนำข้าวปลาอาหารและผลไม้มาให้ตาจัน จนมาถึงเมืองหลวงในเวลาพลบค่ำ บังเอิญเวลานั้นม้าพระที่นั่งตัวโปรดของพระราชาองค์ใหม่หลุดออกจากคอก พวกพนักงานอัศวราชที่ไล่ติดตามมาเห็นตาจันก็จำได้รีบตะโกนให้ช่วยจับ ตาจันคว้าก้อนอิฐไปก็ขว้างขู่ไปหมายจะให้ม้าตกใจกลัวและวิ่งกลับไปเข้าคอก แต่คราวเคราะห์ของตาจันช่างร้ายเหลือเกินเพราะอิฐก้อนนั้นไปถูกลูกตาม้าอย่างแรงจนม้าทรงถึงกับสลบ พวกอัศวราชเกรงกลัวความผิดจึงร่วมเป็นโจทย์ฟ้องพระราชาว่าตาจันเป็นผู้ทำร้ายม้าทรง
เจอเข้าไปแบบนี้ตาจันก็ถึงกับหมดเรี่ยวหมดแรงเดินรั้งท้ายอยู่ข้างหลัง ซึ่งขณะนั้นเป็นเวลามืดมากแล้ว พลันก็มีชีปะขาวชราคนหนึ่งปรากฏกายให้ตาจันเห็น พร้อมกับบอกว่าอยากจะฝากถามถึงปริศนาพระราชาองค์ใหม่ที่เพิ่งขึ้นครองราชย์เรื่องหนึ่งในตอนตัดสินคดี ซึ่งตาจันก็รับปาก ชีปะขาวจึงบอกปริศนาโดยชี้ให้ดูจอมปลวกที่ขึ้นอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ และบอกว่าในจอมปลวกนั้นมีพญานาคอาศัยอยู่ตัวหนึ่งซึ่งมีลำตัวใหญ่คับโพรงเลยทีเดียว เวลาไปหาอาหารพญานาคตัวนี้เลื้อยออกจากโพรงด้วยความเชื่องช้าอืดอาด แต่หลังจากกินอาหารอิ่มหนำสำราญดีแล้วกลับเลื้อยเข้าโพรงได้อย่างรวดเร็ว อยากทราบว่าเป็นเพราะอะไร
เมื่อออกตัดสินคดี พระราชาองค์ใหม่เห็นตาจันก็จำได้ว่าเป็นมหาดเล็กคนโปรดของพระบิดาและพระอัยกา ครั้นพิจารณาความแล้วจึงตัดสินคดีวัวหายว่า เจ้าของวัวเลินเล่อไม่รีบนำวัวเข้าไปเก็บไว้ในคอก ส่วนตาจันนำวัวไปคืนแต่ไม่บอกกล่าวเจ้าของให้เป็นกิจจะลักษณะก็ถือว่ามีความผิดเหมือนกัน จึงให้ตาจันชดใช้ค่าวัวแก่เจ้าของไปกึ่งหนึ่ง ส่วนคดีหญิงมีครรภ์แท้งบุตรนั้นตาจันไม่ได้มีเจตนาทำร้ายให้ยกฟ้อง สำหรับคดีชายตัดฟืนตาจันไม่ได้มีเจตนาฆ่าแต่ทำให้ผู้อื่นตายโดยประมาท ควรให้เป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายในพิธีศพ คดีม้าทรงนั้นพระองค์เห็นว่าตาจันทำไปด้วยความหวังดีไม่มีเจตนาทำร้ายจึงตรัสยกโทษให้ และเนื่องจากตาจันเป็นมหาดเล็กคนโปรดของพระราชบิดาและพระอัยกา พระราชายินดีออกเงินค่าปรับแทนตาจันทั้งหมด พร้อมมอบเงินอีกส่วนเป็นค่าทำขวัญให้แก่สามีหญิงมีครรภ์และลูกชายคนตัดฟืน
หลังจากเสร็จสิ้นคดีแล้วตาจันนึกถึงปริศนาของพญานาคได้จึงทูลถาม พระราชาตรึกตรองอยู่ครู่หนึ่งก็เฉลยว่า ในจอมปลวกนั้นมีทรัพย์สมบัติแก้วแหวนเงินทองซ่อนอยู่มากมาย พญานาคเป็นห่วงทรัพย์ของตนเวลาออกไปหาอาหารทำให้เลื้อยออกไปอย่างเชื่องช้ารีๆ รอๆ เกรงจะมีคนขโมยไป แต่พอเวลากลับ พญานาคเลื้อยเข้าโพรงได้อย่างรวดเร็วเนื่องจากจะรีบเข้าไปเฝ้าทรัพย์สมบัติของตน ให้จาจันไปขุดที่จอมปลวกนั้นดูเถิด
เมื่อตาจันไปขุดจอมปลวกดูก็พบแก้วแหวนเงินทองจำนวนมากมาย ทำให้กลายเป็นมหาเศรษฐีขึ้นมาทันที ตาจันได้แบ่งสมบัติทั้งหมดที่ขุดได้ให้แก่เพื่อนบ้านและบริจาคช่วยเหลือผู้คนทั่วไปโดยถ้วนหน้ากัน นับแต่นั้นมาชีวิตของตาจันก็มีแต่ความสุขความเจริญตลอดมา
บทความแนะนำ