นิทานเรื่อง เพราะเหตุใดเต่าจึงมีกระดอง
ในสมัยดึกดำบรรพ์ เต่ายังเป็นสัตว์ที่มีกระดูกอยู่ภายในเนื้อคือยังไม่มีกระดองนั่นเองเต่าตัวหนึ่งมีความเพ้อฝันอยากจะขึ้นไปเที่ยวบนสรวงสวรรค์ชั้นฟ้า อยากจะเหาะเหินโบยบินในอากาศได้เหมือนนกซึ่งเป็นเพื่อนคุ้นเคยกันมานาน
วันหนึ่งขณะที่เจ้านกเพื่อนสนิทบินลงมาเกาะเล่นอยู่ที่โขดหินริมลำธาร เต่าจึงเอ่ยขึ้นอย่างตรงไปตรงมาว่า
"เจ้าเพื่อนเอ๋ย เราน่ะอยากจะโบยบินเที่ยวไปในท้องฟ้าบ้างอย่างที่เธอเป็น เราอยู่แต่ในน้ำน่าเบื่อจะตาย เธอช่วยเราให้บินได้ไหมเล่า"
เจ้านกกระพือปีกสองสามครั้ง พลางเอียงคอมองหน้าเพื่อนเต่าอย่างนึกขันแล้วก็ทำหน้าตาจริงจังพลางว่า
"ช่วยให้เธอบินได้น่ะหรือ ง่ายจะตาย แต่เธอจะต้องช่วยเราก่อนนะ ตอนนี้เราอยากจะกินปลาสดๆ หวานๆ ให้อิ่มท้องสักหน่อย เธอช่วยเราได้ไหมเล่า ถ้าเธอช่วยเราได้ เราก็จะช่วยให้เธอขึ้นไปเที่ยวโบยบินบนท้องฟ้ากว้างได้"
เมื่อได้ฟังเช่นนั้นเต่าก็แสนจะดีใจนัก รีบคลานลงไปในลำธารแล้วก็คาบเอาปลาซิวสองสามตัวขึ้นมาให้เพื่อนนกได้กินจนอิ่มหนำสำราญใจ
"แหม ปลาซิวนี้ตัวเล็กแต่อร่อยดีจัง ขอบใจมากนะเจ้าเพื่อนเต่า เราไปล่ะ"
เมื่อเห็นนกบิดพลิ้วไม่ทำตามข้อตกลง เต่าก็รีบโวยวาย
"อ้าว ก็ไหนเธอบอกว่าถ้าเราหาปลาให้เธอจะช่วยเราบินอย่างไรล่ะ"
"เสียใจด้วยนะวันนี้เราจะต้องรีบไปทำธุระก่อนแล้วล่ะ" นกว่าแล้วก็ขยับปีกบินขึ้นฟ้าไป ปล่อยให้เจ้าเต่าทั้งเศร้าใจทั้งแค้นเคืองอยู่ลำพัง ณ ริมลำธารนั่นเอง
แต่ถึงอย่างไรความมุ่งมั่นทะเยอทะยานของเจ้าเต่า ก็ยังมิหมดสิ้นไปจากใจ แต่ละวันมันเฝ้าแหงนหน้ามองดูท้องฟ้า เฝ้ามองดูพวกนกทั้งหลายโบยบินไปมาภายใต้ท้องฟ้ากว้างอย่างมีความหวังว่าสักวันหนึ่งตนจะได้ขึ้นไปเที่ยวเหาะเหินบนอากาศเช่นนั้นบ้าง มิต้องมาอยู่กับโคลนตมดั่งเช่นที่คุ้นเคยอยู่ตามธรรมชาติของมันมานานปี
วันหนึ่งมีนกกระสาบินมาหากินอยู่ที่ริมหนองน้ำ เจ้าเต่าก็รีบคลานเข้าไปใกล้ พลางส่งเสียงขึงขึงว่า
"เจ้านกกนะสา เจ้าจะมาจิกกินปลาที่หนองน้ำนี้ไม่ได้นะ เจ้ารู้ไหมว่าหนองน้ำนี้เป็นถิ่นของเรา เราควบคุมอยู่เป็นเวลาช้านานแล้ว เจ้าจะต้องไปหากินที่หนองน้ำอื่น อย่ามาล่วงล้ำข้ามเขตกันอย่างไม่เกรงใจเช่นนี้นะ"
นกกระสาได้ยินเช่นนั้นก็เอ่ยขึ้นอย่างเอาอกเอาใจว่า
"โธ่ เต่าเพื่อนรัก เราเองก็คุ้นหน้าคุ้นตากันมานาน ที่หนองน้ำอื่นตอนนี้นะน้ำแห้งไม่มีปลาเลย ฉันน่ะหิวเหลือเกิน ใจคอเพื่อนจะใจร้ายปล่อยให้เราหิวตายหรืออย่างไรกัน"
"ไม่รู้ล่ะ แต่หนองน้ำนี้น่ะเป็นของเรา เจ้าไปหากินที่อื่นก็แล้วกัน"
เต่ายังคงทำเสียงแข็ง แต่นกกระสาก็ยังวิงวอน
"โธ่ เพื่อนเต่าผู้แสนอารี ขอให้ฉันได้กินปลาสักสองสามตัวเถอะนะ เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน เพื่อนเต่าอยากได้อะไร อยากให้เราช่วยอะไรก็ว่ามาเลย เรายินดีที่จะช่วยเหลือเพื่อเป็นการตอบแทนน้ำใจดีไหมล่ะ"
เมื่อนกกระสาพูดเช่นนั้น เจ้าเต่าก็นึกขึ้นได้ว่า นกกระสานั้นก็บินได้เช่นกัน
"ถ้าเราให้เจ้าช่วยเหลืออะไรเป็นการตอบแทน แล้วเจ้าจะรักษาสัญญาไหมล่ะ" เต่าหยั่งเชิงนกกระสา ด้วยเพราะไม่กล้าไว้ใจกลัวจะถูกบิดพลิ้วเอาอีก แต่นกกระสาก็รีบรับคำอย่างจริงจังว่า
"อ๋อ แน่นอนสิเพื่อนเต่า ฉันรักษาสัญญาอยู่แล้ว วันหลังเราจะได้เป็นมิตรสหายที่ดีต่อกันอย่างไรล่ะ"
"เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน เราจะให้เจ้ากินปลาในหนองน้ำของเราให้อิ่มเสียก่อน เมื่อเจ้าอิ่มแล้วขอให้พาเราขึ้นไปเที่ยวโฉบบินไปมาบนท้องฟ้าบ้างสักหน่อยจะได้ไหม"
"แหมเรื่องแค่นี้เอง ได้สิฉันยินดีช่วย"
ครั้นเมื่อเจ้านกกระสาจิกกินปลาในหนองน้ำจนอิ่มหนำสำราญใจแล้ว ก็รีบบอกให้เพื่อนเต่าเตรียมตัวขึ้นไปเที่ยวบนท้องฟ้าตามใจปรารถนา
"แต่เพื่อนเต่าอย่าพูดอะไรขณะอยู่บนท้องฟ้านะ เอาปากคาบขาของฉันไว้ให้แน่นก็แล้วกัน"
นกกระสากำชับสั่งเสียเต่าเรียบร้อยแล้วก็ให้เต่าอ้าปากคาบขาข้างหนึ่งของมันไว้ แล้วมันก็บินขึ้นไปบนท้องฟ้าทันที เจ้าเต่าดีใจนักหนาที่ได้เหาะเหินล่องลอยไปมาอยู่บนท้องฟ้ากว้างอย่างที่หวังไว้มานานแสนนาน อากาศบนท้องฟ้าช่างเย็นสบาย มีสายลมอ่อนๆ รำเพยพัดอยู่ตลอดเวลา อีกทั้งยังมีปุยเมฆสีขาวๆ น่ารักน่าสัมผัสยิ่งนัก เจ้าเต่าแสนจะเพลิดเพลินเจริญตาเหลือกำลัง
นกระสาพาเต่าเที่ยวโฉบบินไปมาบนเวิ้งฟ้า พลางเอ่นชวนคุยอย่างสำราญใจว่า
"เป็นอย่างไรบ้างเพื่อนเต่า อยู่แต่ในหนองน้ำเช่นนั้นได้ขึ้นมาเที่ยวบนท้องฟ้าเช่นนี้ รู้สึกอย่างไรบ้างล่ะ"
เจ้าเต่าอยากจะคุยตอบเป็นนักหนา แต่ก็ต้องอดทนได้แต่พยักหน้าไม่ตอบอะไร เพราะกลัวว่าถ้าอ้าปากแล้วจะหลุดร่วงลงไปยังพื้นดินข้างล่าง แต่เมื่อเวลาผ่านไปนานนับชั่วโมง เจ้าเต่าก็เริ่มเมื่อยเพราะต้องเกร็งปากเกร็งฟันขบคานกเอาไว้ให้มั่นคง เมื่อรู้สึกเมื่อยมากขึ้น ปากก็เริ่มขบขานกแรงขึ้นทุกที เพราะกลัวว่าตัวเองจะตกลงไปบนพื้นดิน
เมื่อเต่ายิ่งเมื่อและขบขานกกระสาแรงขึ้น เจ้านกก็เริ่มเจ็บ
"เพื่อนเต่าเอ๋ย ฉันเจ็บนะ ทำไมขบขาฉันแรงนักเล่า"
เต่าพยายามจะอธิบาย แต่ไม่รู้จะอ้าปากอธิบายได้อย่างไร ได้แต่ขบขานกกระสาแรงขึ้นทุกที จนนกกระสาเริ่มเจ็บทนไม่ไหว จึงสลัดขาอย่างแรง เจ้าเต่าก็ร่วงลงจากท้องฟ้าลงมายังพื้นดินเต็มแรง
บริเวณที่ตกลงมานั้นเป็นโขดหินล้วนๆ เจ้าเต่ากระแทกโขดหินอย่างแรงจนทำให้กระดูกที่อยู่ภายในกระเด็นกระดอนออกมานอกเนื้อทั้งตัว พลางร้องโอดโอยอยู่ตรงนั้นเอง
นับจากวันนั้นเป็นต้นมา เต่าจึงมีกระดูกอยู่นอกเนื้อ นั่นก็คือส่วนที่เป็นกระดองแข็งๆ ของมันนั่นเอง