นิทานไทยเรื่อง มณีพิไชย (ยอพระกลิ่น)
ท้าววรกรรณ และ พระนางบุษบง แห่ง กรุงปาตลี มีพระธิดาศิริโสภาองค์หนึ่งวัย 16 พรรษานามว่า เจ้าหญิงเกษณี ด้วยเกรงว่าอาจเกิดภัยต่อการครองราชสมบัติในภายหน้าจึงคิดหาคู่ให้กับพระธิดา ท้าววรกรรณได้ส่งสาสน์ไปถึงเจ้าเมืองต่างๆ เพื่อแจ้งข่าวกำหนดการเลือกคู่กษัตริย์ทุกเมืองที่ทราบข่าวต่างดีพระทัยเพราะเห็นว่ากรุงปาตลีเป็นเมืองใหญ่มีทรัพย์สมบัติมหาศาล ต่างสั่งให้ราชบุตรรีบเสด็จมาในพิธี เจ้าเมืองบางองค์ตื่นเต้นถึงขนาด...
"ที่โอรสยังผนวชบวชภิกษุ ก็รบกวนให้ประจุกลางวษา
ที่โอรสยังเยาว์เจ้าปัญญา แหกขี้ตาจะให้โตรีบโสกันต์" ***
***โสกันต์คือพิธีโกนจุกของเหล่าลูกกษัตริย์ ซึ่งหลังจากทำพิธีนี้แล้วก็ถือว่าเป็นผู้ใหญ่***
ครั้นถึงเวลาเลือกคู่เจ้าหญิงเกษณีไม่พอใจเจ้าชายจากเมืองใดเลยสักองค์ ท้าววรกรรณรู้สึกผิดหวังแต่ยังไม่หมดความพยายาม สั่งให้ผู้ชายทุกคนในเมืองไม่ว่าจะหนุ่มหรือแก่มาชุมนุมกันที่หน้าพระราชวังเพื่อให้เจ้าหญิงเกษณีเลือก ร้อนถึง พระอินทร์ ซึ่งรู้สึกเขม่นเห็นผิดสังเกตส่องทิพย์เนตรลงมาตรวจดูและทราบด้วยญาณว่าเจ้าหญิงเกษณีนั้นเคยเป็นเนื้อคู่ของตนมาในชาติปางก่อน จึงจำแลงกายเป็นชายสติไม่เต็มเต็งมาร่วมในพิธี
"พี่ก็เป็นเผ่าพงษ์วงศ์กษัตริย์ ผ่านสมบัติวัดสระเกศวิเศษศรี
อยู่มณเฑียรเมรุทองผ่องโสภี อ้ายพวกผีทั้งเพเป็นเสนา"
ด้วยบุพเพสันนิวาสเจ้าหญิงเกษณีเกิดเห็นรูปองค์อินทร์ที่แฝงอยู่ในร่างของหนุ่มบ้าใบ้ก็โยนพวงมาลัยเสี่ยงทายให้ ท้าววรกรรณทรงพิโรธขับไล่ออกจากเมือง หนุ่มบ้าใบ้จึงคืนร่างเป็นพระอินทร์อุ้มเจ้าหญิงเกษณีไปครองรักบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์อย่างมีความสุข จนเมื่อเจ้าหญิงเกิดตั้งครรภ์ใกล้คลอด พระอินทร์เห็นว่าหากให้บุตรประสูติบนสวรรค์ก็จะผิดธรรมเนียมชาวเทพ ได้นำพระชายาลงมายังป่าไผ่ในเมืองมนุษย์จนคลอดพระธิดามีผิวพรรณผุดผ่อง กลิ่นกายหอมเหมือนดอกไม้ แต่พระอินทร์ไม่อาจอยู่เลี้ยงดูได้จึงนำไปฝากไว้ในลำไม้ไผ่ขนาดใหญ่พร้อมเสกเครื่องสรงเพชรนิลจินดาไว้ให้พระธิดาอย่างครบครันพร้อมตั้งชื่อให้ว่า "ยอพระกลิ่น" ก่อนกลับไปบนสวรรค์ได้อธิษฐานว่าให้ผู้ที่เป็นเนื้อคู่พระธิดาเท่านั้นที่สามารถฟันปล้องไม้ไผ่ให้ขาดได้
สิบห้าปีต่อมา พระมณีพิไชย โอรสของ ท้าวพิไชนุราช และ พระนางจันทร แห่งกรุงศรีอยุธยาเสด็จมาประพาสป่า ครั้นถึงต้นไม้ไผ่ในตอนเย็นเห็นบรรยากาศร่มรื่นจึงให้หยุดพักค้างแรม ในคืนนั้นเจ้าชายมณีพิไชยทรงบรรทมอย่างมีความสุขและพระสุบินไปว่าคว้าดอกฟ้าร่วงหล่นจากสวรรค์มาดอมดมมีกลิ่นหอมต้องพระทัย พอตื่นขึ้นได้กลิ่นหอมโชยออกมาจากปล้องไม้ไผ่รีบสั่งให้เสนาเข้าไปตัดมาถวายแต่ไม่มีใครทำได้สำเร็จ เจ้าชายต้องใช้พระแสงดาบฟันด้วยพระองค์เองเพียงฉับเดียวเท่านั้นปล้องไม้ไผ่ขนาดใหญ่ก็ขาดทำให้ได้พบกับเจ้าหญิงยอพระกลิ่นผู้มีความงามและกลิ่นกายหอมดังกลิ่นดอกฟ้าในความฝันจึงพากันกลับพระนคร
พอมาถึงก็นำเจ้าหญิงยอพระกลิ่นไปไว้ในตำหนัก ท้าวพิไชยนุราชผู้เป็นบิดาเสด็จมาหาพระโอรสเพื่อแจ้งข่าวสำคัญ พบเจ้าหญิงยอพระกลิ่นสอบถามได้ความว่าเป็นเชื้อกษัตริย์กับพระอินทร์ก็ทรงโปรด เรื่องที่ได้ตกลงว่าจะให้เจ้าชายมณีพิไชยเดินทางไปอภิเษกสมรสกับราชธิดาเจ้ากรุงจีนซึ่งเจรจากันไว้ตอนที่เจ้าชายเสด็จไปประพาสป่าก็เป็นอันยกเลิกไป
แต่พระนางจันทรนั้นมีความโลภเห็นแก่สมบัติจึงคิดหาอุบายกำจัดเจ้าหญิงยอพระกลิ่นเพื่อให้โอรสได้เป็นเขยพระเจ้ากรุงจีนผู้ร่ำรวยมหาศาล ตกกลางคืนพระนางจันทรจึงจับแมวมาบีบคอจนตายคามือแล้วนำเลือดไปทาไว้ที่ปากเจ้าหญิงยอพระกลิ่นและตัดหางแมวไปเสียบไว้กับมวยผม ส่วนซากแมวนั้นอุ้มไปฝังในสวน เสร็จแล้วจึงกลับไปยังที่อยู่แกล้งร้องเรียกนางกำนัลว่าเห็นผีกระสือตัวหนึ่งมาจับแมวกินเกิดเอะอะกันขึ้น ครั้นพระมณีพิไชยตื่นขึ้นมาเห็นคราบเลือดกับหางแมวที่ปากและผมพระชายาก็เข้าใจผิดคิดว่าเป็นผีกระสือ พระนางจันทรจึงสั่งให้ทหารจับเจ้าหญิงยอพระกลิ่นใส่หีบนำไปฝังในป่า แต่พวกทหารเพียงแต่นำไปทิ้งไว้แล้วรับชวนกันกลับด้วยความกลัวผีกระสือ
เจ้าหญิงยอพระกลิ่นดั้นด้นเดินทางไปตามยถากรรมจนเหนื่อยอ่อนก็หยุดพักใต้ต้นไทรและหลับไปด้วยความอ่อนเพลีย ร้อนถึงพระอินทร์ต้องเหาะลงมาเนรมิตอาศรมไว้กลางป่าแล้วแปลงพระธิดาให้เป็นพราหมณ์และสอนคาถาอาคมต่างๆ ให้ พร้อมกันนั้นพระอินทร์ได้สั่งงูตัวหนึ่งให้ไปหลบอยู่ในดอกบัว เมื่อพระนางจันทรเด็ดดอกบัวจากสระมาปักผม งูนั้นก็กัดพระนางจันทรจนหมดสติไป ท้าวพิไชยนุราชให้หมองูมารักษาอาการก็ไม่ฟื้น พราหมณ์ยอพระกลิ่นจึงมาอาสารักษา โดยมีข้อแม้ว่าเจ้าชายมณีพิไชยจะต้องไปเป็นทาสรับใช้ เจ้าชายผิดสังเกตเห็นว่าพราหมณ์คงเป็นเจ้าหญิงยอพระกลิ่นปลอมตัวมาก็รับคำ พราหมณ์นั้นได้เรียกงูนั้นมาดูดพิษกลับคืนไป พระนางจันทรจึงฟื้นคืนสติและสารภาพเรื่องที่ใส่ร้ายเจ้าหญิงยอพระกลิ่น
เจ้าชายมณีพิไชยต้องไปเป็นข้ารับใช้พราหมณ์ที่อาศรม พราหมณ์ยอพระกลิ่นออกอุบายสั่งให้เจ้าชายเฝ้าศาลา ตนเองจะไปเก็บตัวยาในป่า แต่จะให้น้องสาวมาอยู่เป็นเพื่อน ครั้นเดินไปลับตาพราหมณ์ก็คืนร่างเป็นสาวสวยโสภามาลองใจพระสวามี แต่เจ้าชายก็มีใจเด็ดเดี่ยวในตัวเจ้าหญิงยอพระกลิ่นทำให้เจ้าหญิงพอใจกลับเข้าไปในป่าแล้วแปลงร่างเป็นพราหมณ์อย่างเดิมพร้อมอนุญาตให้เจ้าชายกลับเมืองได้แต่ไม่กล้าบอกความจริงให้รู้เพราะเกรงพระอินทร์จะโกรธ
ทางกรุงศรอยุธยา พระเจ้ากรุงจีนได้ส่งราชฑูตมาเร่งรัดให้เจ้าชายมณีพิไชยเดินทางไปอภิเษกสมรสกับพระราชธิดาที่ปักกิ่งตามที่ท้าวพิไชยนุราชได้ให้สัญญาไว้ มิเช่นนั้นจะส่งกองทัพมาทำสงคราม เจ้าชายมณีพิไชยเห็นแก่ความสงบสุขของบ้านเมืองจึงจำต้องเสด็จไปเมืองจีนพร้อมกับเรือของราชทูต ฝ่ายพราหมณ์ยอพระกลิ่นเมื่อทราบข่าวก็ขอติดตามไปด้วย
พระเจ้ากรุงจีนได้รับรายงานจากราชทูตว่าเหตุที่เจ้าชายมณีพิไชยไม่รีบเดินทางมาตามสัญญา เพราะมัวไปหลงเจ้าหญิงยอพระกลิ่นจึงเกิดความขุ่นเคืองพระทัยพยายามหาเหตุที่จะประหาร แกล้งให้โหรกำหนดฤกษ์ทันทีและสั่งให้เจ้าชายมณีพิไชยนำขันหมากมาถวายจำนวนหนึ่งพันชุด หากไม่สามารถหามาได้ทันจะต้องถูกประหารชีวิต เจ้าชายรู้ว่าเป็นเล่ห์ของพระเจ้ากรุงจีนจึงปรึกษากับพราหมณ์ยอพระกลิ่นว่าควรจะรีบหนีกลับบ้านเมืองเพื่อความปลอดภัย
ทั้งสองต้องบุกป่าฝ่าดงกันมาตามลำพังจนพ้นเขตเมืองจีนก็หมดแรงนอนหลับใหลใต้โคนไม้ด้วยความเหนื่อยอ่อน โดยหารู้ไม่ว่าได้พลัดเข้ามาอยู่ในเขตแดนของพวกยักษ์ บังเอิญ นนทกาล เสนายักษ์มาพบเข้าจึงร่ายมนต์สะกดพราหมณ์ยอพระกลิ่นและอุ้มเจ้าชายมณีพิไชยพาเหาะไปถวาย พระนางวาสัน มเหสีหม้ายของพญายักษ์ผู้เป็นเจ้าเมืองซึ่งเพิ่งเสียชีวิตไปไม่นานและชาวเมืองยักษ์ทั้งหลายกำลังอยู่ในระหว่างไว้ทุกข์
นางยักษ์วาสันมีธิดาจนหนึ่งชื่อว่า เจ้าหญิงผกา ซึ่งไม่เคยได้กินเนื้อมนุษย์มาก่อน ด้วยความรักอยากจะให้ได้ลิ้มลอง นางยักษ์วาสันจึงนำเจ้าชายมณีพิไชยมาให้ แต่พอเจ้าหญิงผกาเห็นรูปร่างหน้าตาของเจ้าชายก็เกิดความพึงพอใจใคร่ได้ไว้เป็นคู่ชมเลยแสร้งขับไล่เหล่านางยักษ์สนมกำนัลออกไปแล้วคลายมนต์สะกดให้ เจ้าชายมณีพิไชยเห็นว่าขืนทำเล่นตัวคงถูกยักษ์จับกินแน่ก็จำต้องรับเจ้าหญิงผกาเป็นชายา
ฝ่ายพราหมณ์ยอพระกลิ่นพอมนต์สะกดเริ่มเสื่อมก็ฟื้นคืนสติ เห็นเจ้าชายมณีพิไชยหายไปมีแต่รอยเท้ายักษ์รอยบริเวณจึงรู้ว่ากำลังตกอยู่ในอันตราย ก็รีบติดตามไปช่วยเหลือ พอเข้าเขตเมืองอสูรพวกยักษ์พลตระเวนเห็นมนุษย์ก็ตรงเข้าหมายจะจับกิน เกิดการต่อสู้กันอยู่พักหนึ่งพราหมณ์ก็ได้ชัยชนะ เมื่อสอบถามเรื่องราวจากยักษ์เชลยจนรู้ว่าเจ้าชายมณีพิไชยอยู่ในเมืองนี้แน่จึงรอเวลาให้พลบค่ำแล้วร่ายมนต์สะกดพวกยักษ์ทั้งหลายให้หลับใหลแล้วลอบเข้าไปในตำหนักของเจ้าหญิงผกา
เมื่อเห็นพระภัสดานอนอยู่เคียงข้างนางยักษ์ก็โกรธจึงปลุกขึ้นมาต่อว่าต่อขานด้วยอารมณ์โกรธเลยพูดถึงเรื่องที่เคยถูกไส่ใคล้ว่าเป็นผีกระสือกินแมวทำให้เจ้าชายมณีพิไชยแน่ใจว่าพราหมณ์ก็คือเจ้าหญิงยอพระกลิ่น จึงรีบขอโทษและบอกว่าที่ทำไปในครั้งนี้ก็เพราะความจำเป็น ไม่อย่างนั้นต้องถูกนางยักษ์จับกินแน่ เจ้าหญิงยอพระกลิ่นยังเคืองโกรธจึงต่อว่าต่อขานเอาอีกจนเจ้าชายเสียใจจนสลบหมดสติไป ร้อนถึงพระอินทร์ต้องมาช่วยให้ฟื้นแล้วพาทั้งสองเหาะกลับมาส่งถึงกรุงศรีอยุธยา
ท้าวพิไชยนุราชได้จัดพระราชพิธีอภิเษกสมรสให้กับเจ้าชายมณีพิไชยและเจ้าหญิงยอพระกลิ่น ทั้งสองจึงครองรักกันอย่างมีความสุขนับแต่นั้นมา
***** บทละครนอกเรื่อง มณีพิไชย เป็นพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย*****