Steve Jobs
ศาสดาองค์ล่าสุดของโลกเทคโนโลยี สตีฟ จ็อบส์ คือสุดยอดนักบุกเบิกที่ทำให้มนุษย์กับคอมพิวเตอร์เข้าใกล้กันมากขึ้นสตีฟ จ็อบส์ คือคนแรกที่ทำให้ “คอมพิวเตอร์ส่วนตัว”เป็นจริงขึ้นมา เขาและเพื่อนซี้ สตีฟ วอซเนียก ขลุกอยู่ในโรงรถเพื่อประดิษฐ์ Apple II ซึ่งกลายเป็นสิ่งที่หลายคนใฝ่ฝันถึง(สมัยนั้นคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่งมีขนาดใหญ่น้องๆ แท่นพิมพ์)แม้จะมีปัญหากับเพื่อนร่วมงานจนถูกโหวตออกจากบริษัทที่เขาตั้งขึ้นมากับมืออยู่ช่วงหนึ่ง แต่เมื่อได้กลับมาอีกครั้งเขาก็คิดค้น iPod และ iTunes ที่ปฏิวัติพฤติกรรมการฟังเพลงของมนุษย์ไปตลอดกาล และโดยเฉพาะการเปลี่ยนโฉมหน้าการสื่อสารของโลกด้วย iPhoneโทรศัพท์อัจฉริยะ ต่อด้วย iPad และ iCloud กับแนวคิดที่ว่าข้อมูลทุกอย่างจะส่งขึ้นไปเก็บบนเซิร์ฟเวอร์ในอากาศผู้ใช้สามารถดาวน์โหลดลงอุปกรณ์ที่รองรับเป็นประวัติศาสตร์หน้าท้ายๆ ที่จ็อบส์ทิ้งไว้ให้ชาวโลกก่อนจะจากไปด้วยโรคมะเร็งตับอ่อนเมื่อปี2011 เขาคือฮีโร่ของโลก และนิสัยการกัดไม่ปล่อยของเขาก็ได้สร้างสิ่งประดิษฐ์ที่เปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของมนุษย์โลกอย่างแท้จริง
Bill Gates
เจ้าพ่อไมโครซอฟต์ผู้นี้เคยมีชีวิตช่วงหนึ่งที่ผูกพันกับ สตีฟ จ็อบส์ ในฐานะเพื่อนรัก ก่อนจะหักเหลี่ยมโหดกลายเป็นคู่แข่งทางการค้าและศัตรูทางความคิดต่อกันในที่สุดถ้าจ็อบส์คือผู้ทำให้คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลเป็นจริงขึ้นมาระบบปฏิบัติการวินโดว์สของเกตส์ก็คือสิ่งที่ช่วยให้การเป็นเจ้าของคอมพิวเตอร์สักเครื่องไม่ไกลเกินเอื้อม แม้จะโดนค่อนขอดว่าหน้าตาของวินโดวส์คล้ายสิ่งที่เราเห็นใน Apple II ยังกับแกะ แต่การเปิดกว้างให้ผู้ใช้สามารถโมดิฟายด์เครื่องของตัวเองได้โดยสะดวก บวกกับราคาที่ถูกกว่าเครื่องแอปเปิ้ลทำให้ PC ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายไปทั่วโลกอย่างรวดเร็ว และมีโปรแกรมสนุกๆ และมีประโยชน์กับการใช้งานเกิดขึ้นมามากมาย แต่ในอีกทาง เกตส์ก็โดนฟ้องร้องอยู่บ่อยๆว่าผูกขาดวงการคอมพิวเตอร์โลกให้จมปลักอยู่กับระบบปฏิบัติการวินโดว์ส จนถึงขนาดมีคนพยายามคิดค้น OS อื่น อย่างลีนุกซ์ ปลาดาว ฯลฯ เป็นทางเลือก แต่สุดท้ายวินโดว์สของเกตส์ก็ยังคงเป็นอันดับ 1 ที่คนนิยมใช้กันอยู่ดี
Shingo “Seabass” Takatsuka
เชื่อมั่นว่า 95% ของผู้ชายแท้ๆ ต้องเคยเล่นเกมฟุตบอลอย่าง WinningEleven หรือ Pro Evolution Soccer (PES) เป็นแน่ หลายรู้ว่า Konami คือบริษัทผู้ผลิตแต่จะมีสักกี่คนที่รู้ว่า ผู้ที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จระดับโลกของเกมตัวนี้คือ ชินโงะ ทากาซึกะ โอตาคุรุ่นใหญ่วัย 52 ปี ผู้มีฉายา “ซีเบส” Winning Eleven มีที่มายาวนาน ตั้งแต่เกมแรกที่ชื่อKonami Hyper Soccer(1991) ที่เล่นกับเครื่องแฟมิคอม พัฒนามาเป็น Perfect Eleven (1992) และ Fighting Eleven (1993) ในซูเปอร์แฟมิคอม และโด่งดังเป็นพลุแตกในเวอร์ชั่น PS1 โดยใช้ชื่อJ-League Jikkyo Winning Eleven 97 (1996) และ Goal Storm ‘97 ความเจ๋งของเกมทำให้ผู้ชายทั่วโลกคลั่งไคล้ซีเบส เป็นอัจฉริยะตัวจริงเรื่องการเขียนโปรแกรมเกมเขาไต่บันไดความสำเร็จจากการเป็นลูกทีมในช่วงเกม International Superstar Soccer (1999) ขึ้นมาเป็น Director และเป็นที่ปรึกษา ในการพัฒนาซีรีส์ Pro Evolution Soccer (PES) ฉายา Seabass มาจากการรักการตกปลาเป็นชีวิต แม้ภายหลังจะย้ายไปดูแลโปรเจกต์อื่นแต่ถึงยังไงเขาก็ยังเป็นฮีโร่ที่เปลี่ยนชีวิตเราไปตลอดกาล
Mark Zuckerberg
ถอยกลับไปเมื่อช่วงก่อนปี 2004 ตอนนั้นคุณอาจใช้อินเทอร์เน็ตเพียงเพื่อแชต msn กับหญิง, หาเพื่อนใน Hi5, เล่นเกมออนไลน์, ส่องกบในแคมฟร็อก หรือชั่วร้ายสุดก็นั่งโหลดหนังเอวีมาเก็บไว้ดูยามอารมณ์เปลี่ยว แต่ไม่มีนวัตกรรมไหนที่จะดูดเวลาในชีวิตของคุณไปได้ตลอด 24 ชั่วโมงอย่าง facebook อีกแล้วเพราะการมาถึงของมันทำให้สังคมออนไลน์ที่ว่าเจ๋งๆ ในยุคนั้นอย่าง Hi5, myspace หรือ multiply ต้องพังไม่เป็นท่า จุดกำเนิดของ facebook มาจากความสนุกของ มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก สมัยเรียน ฮาวาร์ด ใช้หนังสือที่ชื่อเฟซบุ๊คซึ่งรวมรายชื่อของนักศึกษาในหอพัก แล้วสร้างเว็บไซต์โหวตเพื่อจัดอันดับว่าหนุ่มสาวคนไหนฮอตที่สุด แต่เนื่องจากตอนนั้นเขาใช้เสิร์ฟเวอร์ของมหาวิทยาลัย เมื่อคนเข้ามาโหวตกันมากจนเซิร์ฟเวอร์ล่มก็เลยถูกสั่งปิด วันที่ 4 ก.พ.2004 เขาตัดสินใจเปิดตัวเว็บไซต์เฟซบุ๊คมันเป็นการขยายสเกลให้กว้างขึ้นเพื่อรวบรวมข้อมูลหนุ่มสาวจากหลายๆ มหาวิทยาลัยก่อนจะเริ่มก่อร่างสร้างธุรกิจจริงจังมากขึ้นจนมีผู้ใช้งานกว่า 1,000 ล้านคน (ต.ค. 2012) และมีมูลค่าธุรกิจกว่า 5,100 ล้านดอลลาร์ (153,000 ล้านบาท : ปี 2012) ซึ่งส่วนหนึ่ง ที่ทำให้ยอดผู้ใช้มีมากมายขนาดนั้นก็ต้องขอขอบคุณ สตีฟ จ็อบส์ ที่ได้ทำการปฏิวัติวงการสมาร์ทโฟนจนมีผู้นิยมใช้ไปทั่วโลกด้วยนั่นเท่ากับว่าเราออนไลน์เฟซบุ๊คกันเกือบๆ จะตลอด 24 ชั่วโมงเลยทีเดียว!
„ มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ตาบอดสีแดงและเขียว และมองเห็นสีฟ้าได้ชัดที่สุด นั่นทำให้เฟซบุ๊คใช้สีฟ้าเป็นหลัก „ เข้าเป็นคนพูดเร็วและรัวสุดๆ อันเนื่องมาจากสมองคิดและสั่งการเร็วมาก จนปากและลิ้นตามไม่ทัน „ เขาสามารถอ่านหนังสือได้ทั้งภาษาฝรั่งเศส ฮิบรู ละติน และกรีกโบราณ „ สมัย ม.ปลายเขาเป็นกัปตันทีมฟันดาบของโรงเรียน
Michael Jordan
สัญลักษณ์ตลอดกาลของชิคาโก้บูลส์จากพื้นฐานการเป็นนักกระโดดไกลจอร์แดนก้าวสู่วงการบาสเก็ตบอลและแจ้งเกิดในตำแหน่งการ์ด ฝีมือฉกาจโดยเฉพาะท่าดั๊งค์ที่ลอยในอากาศได้สูงและนานกว่ามนุษย์โลกธรรมดา เขาเป็นพรีเซนเตอร์สินค้ามากมายทั้งไนกี้, โค้ก,เชฟโรเล็ต, แมคโดนัลด์ ฯลฯโดยเฉพาะไนกี้ที่ออกรองเท้ารุ่น AirJordan โดยใช้รูปจอร์แดนในท่ากระโดดกางขาไปแปะแทนโลโก้กลายเป็นหนึ่งในรองเท้าที่ได้รับความนิยมตลอดกาลของไนกี้ไปเลยตลอดชีวิตของจอร์แดนเขาเคยประกาศเลิกเล่นถึง3 ครั้ง หนแรกเมื่อ 6 ต.ค. 1993 โดยให้เหตุผลว่าหมดแรงบันดาลใจทำให้ในปี 1994 ชิคาโก้บูลส์ได้ประกาศเลิกใช้เสื้อหมายเลข 23ของเขาเพื่อเป็นการให้เกียรติสูงสุดเขาจะตัดสินใจกลับมาเล่นอีกครั้งในวันที่ 18 มี.ค.1995 และก็ประกาศเลิกเล่นอีกครั้งในปี 1999 แล้วก็เปลี่ยนใจกลับมาอีกหนในปี 2001 และด้วยปัญหาที่หัวเข่าก็ทำให้เขาต้องเลิกเล่นตลอดกาล นี่คือสุดยอดฮีโร่ที่จนถึงวันนี้ก็ยังไม่มีใครขึ้นมาแทนที่เขาได้อีกเลย
David Beckham
เขาคือสิ่งมีชีวิตสุดพิเศษที่มีอิทธิพลต่อทั้งวงการกีฬา วงการแฟชั่น และเปลี่ยนวิถีชีวิตของผู้ชายทุกประเทศในโลกอยู่เสมอแจ้งเกิดครั้งแรกกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดในฤดูกาล 1995-1996 ด้วยการลงสนาม 40 นัด ทำได้ 8 ประตูในทุกรายการ หลังจากนั้นก็กลายเป็นวีรบุรุษของเด็กผี ด้วยคุณภาพของเท้าขวาที่แม่นยังกะจับวางทั้งการโยนการปั่นฟรีคิก ก่อนจะอำลาผีแดงไปด้วยสถิติการลงสนาม 395 นัด ยิงไป 85 ประตูในทุกรายการ แล้วไปสร้างชื่อในเรอัลมาดริด, แอลเอ.แกแล็กซี่ และเอซี.มิลาน แต่ภายนอกสนาม ไม่ว่าจะกระดิกตัวทำอะไรก็เป็นที่สนใจของผู้คนไปซะทั้งนั้น ไม่ว่าจะทรงผม เสื้อผ้า รองเท้า ฯลฯ ลองได้อยู่บนตัวเขาเท่านั้นแหละ เพียงเสี้ยววินาทีต่อมามันจะกลายเป็นสิ่งที่ฮิตกระจายไปทั่วโลกเขาคือสิ่งมีชีวิตผู้นำเทรนด์แฟชั่นอยู่ทุกวินาทีอย่างไม่ต้องสงสัย และเหล่าสาวกก็ไม่รู้สึกเหนื่อยที่จะวิ่งตามเขาในทุกฝีก้าวเช่นกัน
John Pemberton
ดร.จอห์น เพ็มเบอร์ตัน เภสัชกรท้องถิ่นผู้พลิกวิถีชีวิตของชาวโลกด้วยน้ำหวานสีดำที่ชื่อ Coca-Cola 8 พ.ค.1886 ณ เมืองแอตแลนต้า มลรัฐจอร์เจีย เขาคิดปรุงหัวเชื้อน้ำหวานสูตรพิเศษได้สำเร็จในหม้อทองเหลืองที่สนามหลังบ้านของตัวเอง(ดัดแปลงจากส่วนผสมของเครื่องดื่มโคคาไวน์ยี่ห้อ Vin Mariani) เขารีบวิ่งไปที่ร้านขายยาเพื่อให้ผู้คนได้ลิ้มลองและต่างก็ชื่นชอบสุดๆ ในช่วงแรกเครื่องดื่มตัวนี้ใช้ชื่อว่า Pemberton’s French Wine Coca ต่อมามีการอัดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เข้าไปเพื่อให้เกิดความซ่า กลายเป็นเครื่องดื่มที่ให้ความสดชื่นกระปรี้กระเปร่า ต่อมาเขาได้คิดตั้งชื่อเครื่องดื่มเสียใหม่โดยเห็นว่าถ้าใช้อักษรตัว C สองตัวก็จะดูน่าสนใจและเหมาะสำหรับการโฆษณา จึงตกลงใจใช้คำว่า Coca-Cola (เพราะมีส่วนผสมจากใบโคคาและผลโคล่า) เขียนโลโก้โดยใช้ลายมือของ แฟรงค์ โรบินสัน ผู้เป็นหุ้นส่วนและนั่นก็เป็นวินาทีพลิกหน้าประวัติศาสตร์ของวงการเครื่องดื่มโลกในบัดดล จนถึงทุกวันนี้ โค้ก หรือ Coca-Cola ยังคงเป็นหนึ่งในแบรนด์ที่แข็งแกร่งและมีกลยุทธ์ทางการตลาดที่น่าศึกษาที่สุดแบรนด์หนึ่งของโลก
Marquis Converse & Chuck Taylor
เดือนกุมภาพันธ์ 1908 “มาควิส มิลล์ส คอนเวิร์ส” ก่อตั้ง Converse Rubber Shoe Company ที่เมืองมาลเดน รัฐแมสซาชูเซต ผลิตรองเท้ายางขายให้คนทั่วไป ก่อนจะเริ่มหันมาผลิตรองเท้าเทนนิสในปี 1915 ปี 1917 เขาเปิดตัวรองเท้าบาสเกตบอล Converse All Star ก่อนจะมาถึงจุดเปลี่ยนสำคัญในปี 1921 เมื่อนักบาสเก็ตบอลชื่อ “ชัค เทย์เลอร์” เดินเข้าบริษัทเพื่อคุยเรื่องอาการเจ็บเท้า แต่คอนเวิร์สกลับแต่งตั้งให้เขาเป็นทั้งเซลส์และแบรนด์แอมบาสเดอร์โดยระหว่างที่ตระเวนแข่งบาสเกตบอลทั่ว ประเทศ เขาก็ทำหน้าที่แนะนำรองเท้าคอนเวิร์สไปด้วย ส่งผลให้คอนเวิร์สกลายเป็นที่นิยมอย่างมากทั้งในหมู่นักบาสและวัยรุ่นอเมริกัน ทำให้ในปี 1932 คอนเวิร์สตัดสินใจนำชื่อ Chuck Taylor ไปใส่ร่วมกับโลโก้บริษัทแล้วติดที่บริเวณส่วนหุ้มข้อเท้า คนทั่วไปก็เลยเรียกรองเท้ารุ่นนี้ว่า “ชัคส์” เขาทำงานให้คอนเวิร์สจนถึงช่วงท้ายๆ ของชีวิต ก่อนจะจากไปในปี 1969 คอนเวิร์สรุ่นชัคส์ในช่วงแรกมีเฉพาะสีดำกับขาว แต่เมื่อต่อมาทีมบาสเกตบอลหลายๆ ทีมอยากจะมีคอนเวิร์สเป็นของทีมตัวเองบ้าง บริษัทก็เลยตัดสินใจทำสีอื่นๆ ด้วยในปี 1966 แถมยังมีการเพิ่มการใช้วัสดุอื่นๆ เช่น หนังป่าน และไวนีล จากเดิมที่มีแต่ผ้าใบ รองเท้าคอนเวิร์สได้กลายเป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่งของวัฒนธรรมอเมริกันไปโดยปริยาย แม้จะผ่านเวลากว่า 100 ปีแล้ว คอนเวิร์สก็ยังคงเป็นหนึ่งในรองเท้าที่ผู้คนต้องมีติดบ้านไว้สักคู่
Levi Strauss
ปี 1853 หนุ่มเยอรมันเชื้อสายยิวอายุ 24 ปีที่ชื่อลีวาย สเตราส์ เดินทางไปขายผ้าใบในซานฟรานซิสโกช่วงยุคตื่นทอง วันหนึ่งคนขุดทองในเหมืองบอกเขาว่า “คุณน่าจะเย็บกางเกงขาย เพราะไอ้ที่ใส่อยู่มันไม่ทนเลย!” สเตราส์จึงนำผ้าใบมาลองเย็บกางเกงขาย แต่ก็ยังถลอกง่าย เขาจึงลองเปลี่ยนจากผ้าใบเป็นผ้าฝ้ายฝรั่งเศส (เซิร์จ เดอนิมส์ - Serge De Nims) ซึ่งต่อมาผ้าชนิดนี้ถูกเรียกว่าผ้าเดนิม ส่วนกางเกงของสเตราส์เรียกกันเล่นๆ ว่า บลูยีนส์ ตามสีของผ้าเดนิมที่ถูกย้อม เนื่องจากสีน้ำเงินครามเป็นสีของเสื้อผ้าคนงานขุดทอง ใครจะคิดว่ามันจะปฏิวัติวงการแฟชั่นโลกกลายเป็นมาตรฐานการแต่งกายของมนุษย์จนถึงปัจจุบัน!
ปี 1873 สเตราส์และช่างตัดเสื้อคู่ใจ จาคอบ เดวิส ร่วมกันก่อตั้ง Levi Strauss & Co. ค่อยๆ พัฒนากางเกงให้มีกระเป๋า ตะเข็บ กระดุม แผ่นป้ายหนัง และตอกหมุด เพื่อเสริมความทนทาน ทำการจดสิทธิบัตรเลขที่ 139,121 ในวันที่ 20 พ.ค. 1873 จึงถือกันว่าวันนี้คือวันที่กางเกงบลูยีนส์ ได้ถือกำเนิดขึ้นบนโลกอย่างเป็นทางการ! ส่วนโลโก้กางเกงยีนส์ Levi’s ที่มีม้า 2 ตัวนั้นเริ่มใช้ครั้งแรกในปี 1886 ส่วนแถบแดงบนกระเป๋าหลังเริ่มใช้ปี 1936 ซึ่งเป็นเครื่องหมายของลีวายส์จนถึงทุกวันนี้!
„ ครั้งแรกที่กางเกงยีนส์ Levi’s ถูกผลิตขึ้นมาในปี 1873 มันเป็นกางเกงสำหรับคนใช้แรงงาน แต่ด้วยคุณภาพความทนทาน และเสน่ห์ความสวยงามของมันนี่เอง ที่ทำให้มันแพร่หลายไปทั่วโลก „ ในการผลิตกางเกงยีนส์ทุกๆ 10 ตัว จะมี 1 ตัวที่ป้ายแดงเป็นสีแดงล้วน ไม่มีตัวหนังสือคำว่า Levi’s „ ที่สำนักงานใหญ่ของลีวายส์ในซานฟรานซิสโก ที่พิพิธภันฑ์ที่ชื่อ The Vault ซึ่งเราสามารถไปชมกางเกงยีนส์รุ่นต่างๆ ที่ไปโผล่ในหนังดังๆ หรือกางเกงของดาราฮอลลีวูดมากมาย ที่สำคัญคือเข้าชมฟรี!
Elvis Pressley
ราชาร็อกแอนด์โรลผู้พลิกโฉมวงการดนตรีโลกจากหน้ามือเป็นหลังมือ บทเพลงของเขาส่งอิทธิพลต่อวิธีคิดของนักดนตรีรุ่นต่อมาอย่างสูงสุด จนสามารถบอกได้เลยว่า ถ้าไม่มีเอลวิส ก็นึกไม่ออกจริงๆ ว่าดนตรีในยุคต่อๆ มารวมทั้งปัจจุบันจะมีหน้าตาเป็นยังไง!นี่คือหนึ่งในบุคคลที่ให้กำเนิดดนตรีแนวที่เรียกว่า ร็อกอะบิลลี่ซึ่งผสมผสานจังหวะในแบบอัพเท็มโป้ แบ็คบีท คันทรี และอาร์-แอนด์บีเข้าด้วยกัน กลายเป็นสิ่งที่ใหม่เป็นอย่างมากสำหรับวงการดนตรีในขณะนั้น แถมยังมีความสามารถในการร้องที่หลากหลายปรับเสียงได้หลายสไตล์ขึ้นอยู่กับเพลงที่ร้อง ทั้งคันทรี่ ป๊อปบัลลาด กอสเปล (เพลงสวดในโบสถ์) และบลูส์ แถมยังมีท่าเต้นขยี้บุหรี่ที่ยังมีคนจำได้จนถึงปัจจุบัน เขาหยิบเอาส่วนผสมที่มีในตัวทั้งหมดมาเขย่ารวมกันจนออกมาเป็นความกลมกล่อมสุดๆ เมื่อบวกกับความเป็นคนหน้าหล่อมากความสามารถด้วยแล้ว เขาจึงกลายเป็น The King ที่เป็นขวัญใจของนักฟังเพลงทั่วโลก เอลวิสถือเป็นต้นแบบและมีอิทธิพลอย่างมากต่อวงการเพลง น่าเสียดายที่เขาจากไปด้วยวัยเพียง 42 ปีเท่านั้น
The Beatles
จากยุคของเอลวิส ผู้ที่รับไม้ผลัดต่อจากเดอะคิง แถมยังพัฒนาตัวเองจนกลายเป็นตำนานขึ้นหิ้งได้อย่างไร้ข้อกังขา มีเพียงวงเดียวเท่านั้นก็คือ สี่เต่าทอง!ไม่มีเอลวิสก็ไม่มีเดอะบีทเทิลส์ นี่คือการสืบทอดความเป็นตำนานตัวจริงที่สมบูรณ์แบบที่สุดในโลกของดนตรี วงร็อกแอนด์โรลในยุค 1960 จากเมืองลิเวอร์พูลวงนี้ประสบความสำเร็จสูงสุด แถมยังมีบทบาทมากที่สุดที่ส่งผลต่อการพัฒนาโฉมหน้าของวงการเพลงป๊อปโลกในยุคต่อมา พัฒนาจากยุคเริ่มต้นด้วยดนตรีในแนวสกิฟเฟิลและร็อกแอนด์โรล เอกลักษณ์เพลงเดอะบีทเทิลส์อย่างหนึ่งก็คือสั้น ง่าย ตรงประเด็น และงาม คือไม่ต้องเสียเวลาพูดพล่ามทำเพลงหรือเกริ่นให้เยิ่นเย้ออะไรมาก มาถึงก็ซัดผัวะๆๆ ว่ากันในประเด็นแล้วก็จบ เพลงฮิตส่วนใหญ่ในยุคแรกของพวกเขาสั้นมากซะจนต้องขอเล่นซ้ำใหม่หลายๆ รอบก็ไม่รู้จักอิ่ม ก่อนจะผสมผสานอิทธิพลของดนตรีแนวอื่นในยุคหลังๆ ไม่เว้นแม้แต่ดนตรีคลาสสิกหรืออะไรที่แปลกและแหวกแนวกว่านั้น สี่เต่าทองเป็นวงที่สร้างสถิติมีเพลงฮิตอันดับ 1 มากที่สุดทั้งในอังกฤษและอเมริกา (อังกฤษ 17 ซิงเกิล อเมริกา 20 ซิงเกิล) ส่วนยอดขายอัลบั้มก็ทำตัวเลขได้มากกว่า 480,000,000 ก๊อบปี้
Henry Ford
เฮนรี่ ฟอร์ด คือคนที่ทำให้การเดินทางของมนุษย์เป็นไปอย่างง่ายดาย จากตำแหน่งหัวหน้าวิศวกรในบริษัทเอดิสัน เมืองดีทรอยต์ ฟอร์ดได้รับโจทย์ให้พัฒนาเครื่องยนต์ที่ใช้น้ำมันเป็นเชื้อเพลิง เขาพยายามทุกวิถีทางที่จะผลิตพาหนะสี่ล้อที่ไม่ต้องใช้ม้าลากให้จงได้ เริ่มจากการวางเครื่องยนต์เบนซินติดไปบนรถม้าก่อน แล้วค่อยๆ ใช้ความอดทนลองผิดลองถูกจนสำเร็จในปี 1869 และตั้งชื่อรถต้นแบบคันแรกว่า Ford Quadricycle ซึ่งมาจากการใช้ล้อที่ทำด้วยยางจักรยานทั้งสี่ล้อ และได้ก่อตั้ง Ford Motor Company ในปี 1903 จากนั้นก็เริ่มนำระบบสายพานมาใช้ในการผลิตจนทำให้รถยนต์กลายเป็น Mass Product หรือสิ่งที่ใครๆ ก็เอื้อมถึงได้ในวงกว้าง ปฏิวัติวิถีชีวิตของชาวโลกไปตลอดกาล
William Harley & Arthur Davidson
วิลเลี่ยม ฮาร์ลีย์ และอาเธอร์ เดวิดสัน สองกำลังหลักผู้ก่อกำเนิดและสร้างให้สุดยอดรถมอเตอร์ไซค์ฮาร์ลีย์-เดวิดสัน กลายเป็นตำนานแห่งสองล้อ สุดยอดความใฝ่ฝันของผู้ชายทุกคนในสากลโลกที่จะได้ครอบครองเป็นเจ้าขอยอดมอเตอร์ไซด์บ้างสักคันในชีวิต ความใฝ่ฝันนี้ยังคงอยู่ในระดับเดิมตลอดมานับตั้งแต่เริ่มก่อตั้งในปี 1903 จนถึงปัจจุบันจุดเริ่มต้นของ ฮาร์ลีย์-เดวิดสัน เกิดขึ้นเพราะความฝันของเด็กหนุ่มโดยแท้ เมื่อวิลเลี่ยมได้ครุ่นคิดที่จะนำเครื่องยนต์ขนาด 116 ซีซี. มาใส่เข้ากับโครงจักรยานและเขาก็ทำได้สำเร็จในปี 1901 จากนั้นในปี 1903 วิลเลี่ยม และฮาร์ลีย์ก็เปิดตัว Harley-Davidson motorcycle ขึ้นเป็นครั้งแรก มันคือมอเตอร์ไซค์หัวใจรถแข่งขนาดเครื่อง 3-1/2 นิ้ว สร้างในโรงไม้ขนาดกว้างไม่กี่ตารางฟุต โดยมีวอลเตอร์ และวิลเลี่ยม เดวิดสัน เข้ามาเป็นแรงสนับสนุนสำคัญในภายหลัง จากนั้นมอเตอร์ไซค์ ฮาร์ลีย์-เดวิดสันก็กลายเป็นสิ่งที่ชายทุกคนล้วนต้องการ ถึงขนาดที่ช่วงหนึ่งคนซื้อจะต้องถูกสอบประวัติและสัมภาษณ์ด้วยซ้ำถึงจะได้ครอบครอง!
Durex
หนึ่งเดียวของฮีโร่ในลิสต์ของเราที่ไม่ใช่บุคคลธรรมดาแต่เป็นบริษัทผลิตถุงยางอนามัยสัญชาติอังกฤษที่ช่วยให้พวกเราใช้ชีวิตบนความสนุกได้อย่างแทบจะไร้ความเสี่ยงก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 1929 โดยได้ชื่อจากการผสมตัวย่อต่างๆ เข้าด้วยกัน ได้แก่ DU จาก Durability (ทนทาน) - R จาก Reliability (เชื่อถือได้) - EX จาก Excellence (ยอดเยี่ยม) กลายเป็นแบรนด์แห่งความปลอดภัยระดับโลกที่ได้รับความนิยมแพร่หลายที่สุดและจนถึงปัจจุบันก็มีผลิตภัณฑ์ออกมาหลายรูปแบบทั้งเพื่อให้พวกเราป้องกันตัวเองให้ห่างไกลจากโรคร้ายไปจนถึงตัวช่วยเพื่อกระชับความสัมพันธ์ให้มั่นคงและแนบสนิทยิ่งขึ้น!
ทั้งหมดนั้นก็คือสุดยอดฮีโร่ผู้เปลี่ยนไลฟ์สไตล์ของผู้ชายอย่างเราๆ ไปตลอดกาลหลายคนใช้พวกเขาเหล่านี้เป็นแรงบันดาลใจจนสามารถสร้างสรรค์สิ่งดีๆ ให้เกิดมีขึ้นในโลกเพิ่มขึ้น และเราเชื่อว่าต่อให้ถึงคนรุ่นที่ถัดจากพวกเรา ฮีโร่เหล่านี้ก็จะยังคงมีอิทธิพลต่อความคิดของมนุษย์ไปอีกตราบนานเท่านาน
ที่มา FHM