ผู้หญิงสองคนในชีวิต อับราฮัม ลินคอล์น
“อับราฮัม ลินคอล์น” ประธานาธิบดีคนที่ 16 ของอเมริกา เป็นตำนานแห่งมหาบุรุษผู้ปลดแอกทาสผิวดำนับล้านชีวิต และเป็นรัฐบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดที่อเมริกาเคยมีมา แต่น้อยคนนักที่จะรู้ว่าในเรื่องความรักแล้ว ลินคอล์นเป็นผู้ชายที่อาภัพที่สุดคนหนึ่ง
อับราฮัม ลินคอล์น เกิดในกระท่อมไม้ซุงเก่าๆ ในรัฐเคนตักกี้ พ่อแม่ของเขาเป็นชาวไร่ยากจน ความแร้นแค้นทำให้ลินคอล์นไม่มีโอกาสไปโรงเรียนแหมือนเด็กทั่วไป เขาต้องทำงานตลอดวันจนเลิกงานในตอนค่ำนั่นแหละถึงจะมีเวลามานั่งอ่านหนังสือหาความรู้ใส่สมองตัวเอง ซึ่งลินคอล์นก็อ่านดะไปเรื่อยทั้งตำราประวัติศาสตร์ กฎหมาย คณิตศาสตร์ วิศวกรรม นิทานอีสปและคัมภีร์ไบเบิ้ล แต่ทั้งๆที่แล้งไร้โอกาสทางสังคมขนาดนี้ ลินคอลฺนก็ยังมุ่งมั่นต่อสู้จนสามารถสอบเป็นทนายความได้เมื่ออายุ 28 ปี ปูทางไปสู่การลงสมัครรับเลือกตั้งก่อนจะก้าวขึ้นไปเป็นรัฐบุรุษผู้คือชีวิตให้กับทาสทั่วประเทศ
รักแรกของลินคอล์นเกิดขึ้นขณะที่เขายังเป็นเพียงเด็กหนุ่มยึดอาชีพรับจ้างตัดไม้เป็นงานหลัก ส่วนวันว่างก็ทำงานพิเศษเป็นบุรุษไปรษณีย์เที่ยวเดินท่อมๆ เอาจดหมายไปส่งทั่วเมืองจนกระทั่งไปถึงบ้านของสาวน้อย แอนน์ รัดลิดจ์ บุรุษไปรษณีย์ก็ทำงานเกินหน้าที่เพราะไม่ได้ส่งแต่จดหมายอย่างเดียวแต่ยังเอาหัวใจไปทิ้งไว้ให้สาวเจ้าเดาะเล่นแก้กลุ้มอีกด้วย แอนน์เป็นสาวน้อยวัย 19 ตาสีฟ้า ผมสีบรูเน็ท(สีน้ำตาลปนแดง) และมีรอยยิ้มสว่างไสวราวกับดวงอาทิตย์ลินคอล์นตกหลุมรักเธอตั้งแต่แรกเห็น แต่ติดตรงที่สาวเจ้าหมั้นหมายแล้วกับพ่อค้ากระเป๋าหนัก จอห์น แม็คนีล ความรักของบุรุษไปรษณีย์ต๊อกต๋อยจึงหงายเก๋งตั้งแต่ยังไม่ทันเริ่ม
โชคดีที่บุรุษไปรษณีย์ผู้ยิ่งใหญ่เรายังรับประทานแห้วไม่หมดไร่ กามเทพก็เห็นใจยื่นมือเข้ามาช่วยด้วยการดลบันดาลให้แม็คนีลมีเหตุต้องไปทำธุระยังต่างเมือง ก่อนไปเขาสัญญาว่าจะเขียนจดหมายมาหาคู่หมั้นทุกอาทิตย์ แต่แล้วก็กลับหายจ้อยเข้ากลีบเมฆไปเฉยๆ ร้านค้าต่างๆที่แม็คนีลมาเชื่อสินค้าไปขายจึงเริ่มเอะใจช่วยกันสืบหาจ้าละหวั่น จนได้ความจริงว่าคู่หมั้นของแอนน์ไม่ได้ชื่อแม็คนีล และไม่ได้มีญาติโกโหติกาอยู่ต่างเมืองอย่างที่อ้าง แท้ที่จริงพ่อเจ้าประคุณเป็นสิบแปดมงกุฎ ที่มาหลอกเชิดเงินพวกเจ้าของร้าน แล้วดำดินหนีไปนั่นเอง
เมื่อแอนน์กลายเป็นม่ายขันหมาก ก็เป็นโอกาสที่ลินคอล์นจะเสียงเข้ามาปลอบใจสาวน้อย ในฤดูร้อนทั้งคู่จะไปเดินเล่นริมฝั่งแม่น้ำแซงกามัน ฟังเสียงนกร้องในตอนกลางวัน ชมแสงหิ่งห้อยในตอนกลางคืน พอถึงฤดูหนาวก็ควงกันไปเล่นหิมะ ถึงแม้จะเป็นการเดทที่ไม่หรูหราฟู่ฟ่า สมฐานะจนกรอบเป็นข้าวเกรียบของสองหนุ่มสาว แต่ก็เป็นความสุขง่ายๆ ที่ทั้งคู่พอใจ ปีต่อมากิจการร้านอาหารของครอบครัวแอนน์ต้องปิดตัวลง สาวเจ้าจึงไปรับจ้างเป็นแม่ครัวในบ้านชาวไร่คนหนึ่ง ส่วนลินคอล์นก็ได้งานเป็นคนงานปลูกข้าวโพด หลังเสร็จงานในตอนเย็นเขาจะไปรับแฟนสาวกลับบ้านด้วยกัน นับเป็นช่วงเวลาแสนสุขอย่างแท้จริงในชีวิตของประธานธิบดีผู้ยิ่งใหญ่ท่านนี้
“ตอนที่เป็นกรรมกรตีนเปล่าในรัฐอิลลลินอยส์ ผมมีความสุขกว่าเป็นประธานาธิบดีเสียอีก” ลินคอล์นเคยบอกเพื่อนคนหนึ่ง ก่อนที่เขาจะเสียชีวิต
หนุ่มสาวทั้งคู่ตั้งใจว่าหลังจากลินคอล์นสอบเป็นทนายได้แล้ว พวกเขาก็จะแต่งงานกัน แต่ก่อนที่เวลานั้นจะมาถึง แอนน์ก็ล้มเจ็บด้วยโรคไทฟอยด์และจากไปหลังจากนอนป่วยเพียงสามวัน สำหรับลินคอล์นการตายของเธอไม่ต่างจากโลกทั้งใบแตกสลายลง เขาเกือบจะแทงตัวตายตามคนรักไปแล้วถ้าเพื่อนๆไม่บังเอิญมาเห็นแล้วช่วยกันแย่งมีดมาได้เสียก่อน หลังจากนั้นเชาก็เก็บตัวเงียบไม่พูดไม่จากับใคร กิจกรรมประจำวันของเขามีเพียงการเดินทางวันล 9 กิโลเมตรไปยังหลุ่มฝังศพของแอนน์เพื่อไปอยู่เคียงข้างเธอ บางครั้งลินคอล์นก็นั่งจมอยู่ข้างหลุมศพป็นเวลานานหลายวัน จนเพื่อนๆต้องมาพาตัวกลับบ้านเขากลายเป็นหุ่นที่ไร้วิญญาณไม่เหลือคราบของชายหนุ่มที่เปี่ยมไปด้วยพลังชีวิตอีกเลย และในเวลาอันมืดมนนี้เอง ผลการสอบทนายกก็ประกาศออกมาว่าเขาได้เป็นทนายฝึกหัด และต้องไปเริ่มงานที่สำนักงานในเมืองสปริงฟิลด์ เมืองหลวงของรัฐอิลลินอยส์
ณ เมืองใหญ่แห่งนี้ ชีวิตชาวไร่แร้นแค้นของลินคอล์น ดูร่าวกับเป็นเพียงความฝันอันห่างไกล เขากลายเป็นทนายความหนุ่มผู้มุ่งมั่น เครงขรึม แถมยังหวงเนื้อห่วงตัวไม่ยอมยุ่งเกี่ยวกับสาวน้อยสาวใหญอีกเลย แต่ถึงจะพยายามเท่าไรเขาก็หนีเรื่องรักมักปวดหัวไม่พ้น ผู้หญิงที่ก้าวเข้ามาในชีวิตของเขามีชื่อว่า แมรี่ ท็อดด์ ลูกสาวคหบดีตระกูลใหญ่ ซึ่งมื้นเพแตกต่างจากลินคอล์นราวฟ้ากับดิน แมรี่เติบโตในครอบครัวที่อุ่นหนาฝาคั่งด้วยญาติพี่น้องหัวสูงสืบเชื้อสายมาจากนายพลชื่อดัง ผิดกับลินคอล์นที่ตลอดชีวิตเคยเข้าไปนั่งปั้นจิ้มเจ๋อในโรงเรียนไม่ถึงหนึ่งปี อีกทั้งกิริยามารยาทของคุณหนูแม่รี่ก็ถูกแบบแผนเป็นผู้ดีก็ถูแบบแผนเป็นผู้ดีทุกกระเบียดนิ้ว เมื่อเธอเกิดมาต้องตาต้องใจผู้ชายชาวไร่อย่างลินคอล์นเข้าวงศ์วานว่านเครือของเธอจึงอ้ำอึ้งตะลึงงง ไปตามๆกัน
ทว่าความรักเป็นของแปลก มิไยญาติพี่น้องจะยกแม่น้ำทั้งห้ามาสาธยาอย่างไร คุณหนูแมรี่ผู้หยิ่งยโสก็ยืนกรานกระต่ายขาเดียว ที่จะคบกับแฟนหนุ่มลูกทุ่งให้จงได้ แถงยังก้าวหน้าถึงขั้นหมั้นหมายกับลินคอล์น แต่สิ่งที่ลินคอล์นได้รับกลับไม่ใช่ความรู้สึกหวานชื่นเหมือนครั้งแรกที่คบกับแอนน์ เพราะนิสัยใจคอของเขากับแมรี่เข้ากันไม่ได้เลย เมื่อยื้อไปก็ไร้ค่าสุดท้ายลินคอล์นก็ตัดสินใจบอกเลิกกับเธอ แต่แมรี่ก็เหมือนลูกสาวคนมีเงินส่วนใหญ่ที่พบเจอกับความสมหวังมาตลอดชีวิต จึงทนรับความเสียใจไม่ได้ สาวเจ้าร้องไห้สติแตกเป็นวรรคเป็นเวร จนฝ่ายชายผู้แพ้น้ำตาผู้หญิงใจอ่อน จำต้องกลับมาคืนดีและตกลงแต่งงานกับเธอในที่สุด
วันแต่งงานของลินคอล์นและแมรี่จัดขึ้นอย่างเงียบๆที่บ้านพี่สาวของเจ้าสาว ในบ่ายวันศุกร์ที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2385 ญาติและเพื่อนๆประมาณ 30 คนถูกเชิญมาร่วมงานอย่างเร่งด่วน เล่นเอาชาวบ้านเม้าท์กันทั่วเมืองว่าชะรอยเจ้าบ่าวจะถูกเจ้าสาวรวบหัวรวบหางบังคับให้แต่งงาน เพราะลินคอล์นนั้นเดินหน้าซีดหมดอาลัยตายอยาก จนเพื่อนของเขายังบ่นว่า “ทำท่าเหมือนจะถูกเอาตัวไปฆ่า” (บันทึกบางฉบับบอกว่าการแต่งงานครั้งนี้เป็นการจัดงานครั้งที่สองเนื่องจากครั้งแรกลินคอล์นทำใจไม่ได้ เลยแอบหนีไปดื้อๆในเช้าวันแต่งงานซะอย่างนั้นก่อนจะถูกแมรี่ตามไปร้องห่มร้องไห้จนต้องกลับมาแต่งงานรอบสอง)
ตลอด 23 ปีของชีวิตสมรส ลินคอล์นได้ชื่อว่าเป็นคนกลัวภรรยา แต่ที่จริงแล้วเป็นเพราะเขาไม่ชอบมีปากเสียงกับผู้หญิง จึงจำต้องทำมึนยอมให้แมรี่วางอำนาจข่มมากกว่า ในระยะข้าวใหม่ปลามันสองผัวเมียหอบหิ้วกันไปตั้งรกรากที่เมืองสปริงฟิลด์ในรัฐอิลลินอยส์ คุณหนูแมรี่ต้องใช้ชีวิตในกระท่อมโทรมๆ ใช้เงินอย่างกระเบีดกระเสียร แต่งตัวด้วยเสื้อผ้าราคาถูก ไม่นานเธอก็ทนไม่ได้จึงไปขอให้บิดาผู้มั่งคั่งซื้อบ้านหลังใหญ่ให้ใหม่ ที่นี่เองที่แมรี่มีทายาทให้ลินคอล์นถึง 4 คน แต่โซ่ทองคล้องใจก็ไม่ช่วยให้คืนวันของลินคอล์นดีขึ้นเลย ยิ่งนานวันแมรี่ก็ยิ่งขี้หึง อารมณ์ร้าย เจ้ายศเจ้าอย่าง และไม่มีเหตุผลขึ้นทุกที แม้เมื่อสามีประสบความสำเร็จบนเส้นทางสายการเมืองจนได้เป็นถึงประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกา แมรี่ก็ยังวางมาดข่มเขาไม่เปลี่ยนแปลง ครั้งหนึ่งลินคอล์นพูดจาไม่เข้าหูเธอ เมียบังเกิดเกล้าก็คว้ากาแฟสาดใส่หน้าเขาต่อหน้าต่อตาคนทั้งพรรค เรื่องฉีกหน้าทำนองนี้เกิดขึ้นบ่อยมาก จนเฮอร์ดันเพื่อนรักของเขาถึงกับรำพึงด้วยความสงสารเพื่อน
“ผมไม่เคยเห็นลินคอล์นมีความสุขสักครั้งเดียว ในรอบ 20 ปีที่ผ่านมา” ความทุกข์ที่ประธานาธิบดีผู้ยิ่งใหญ่ได้รับจะมากมายสักเพียงไหน บอกได้จากหน้าหนึ่งของบันทึกที่เขาเขียนทิ้งไว้
“ในเวลานี้ฉันเป็นคนที่มีความทุกข์ยิ่งกว่ามนุษย์คนใดในพิภพ ถ้าหากว่าความรู้สึกของฉันถูกมองแก่มนุษย์ทุกๆคนในโลกนี้ จะไม่มีมนุษย์ที่มีหน้าตายิ้มแย้มเลยแม้แต่คนเดียว อาการของฉันมีหวังดีขึ้นบ้างหรือไม่ เป็นสิ่งที่ฉันไม่สามารถบอกได้ ฉันรู้สึกสังหรณ์ใจว่าจะไม่มีวันดีขึ้นเป็นอันขาด ย่อมเป็นไปไม่ได้ที่ฉันจะอยู่แบบนี้ไปเรื่อยๆ ฉันรู้สึกเหมือนกับว่าถ้าอาการของฉันไม่ดีขึ้น ฉันก็คงจะต้องตายเป็นแน่”
วันที่ 14 เมษายน 1865 ประธานาธิบดีอับราฮัม ลินคอล์น ถูกลอบสังหารขณะชมละครที่โรงละครฟอร์ด และเสียชีวิตในเช้าวันถัดมา วันนั้นเป็นวันแห่งความวิปโยคของชาวอเมริกันทั้งชาติ และเป็นวันที่ทำให้แม่รี่ได้ตระหนักว่าชีวิตของเธอว่างเปล่าเพียงใดเมื่อไม่มีผู้ชายคนนี้หลังจากลินคอล์นจากไปได้ไม่นาน แม่รี่ก็กลายเป็นคนวิกลจริต ราวกับจะเป็นการลงโทษจากสวรรค์ที่เธอไม่เคยรู้ค่าของเพชรที่อยู่ในมือ จวบจนวันที่สูญเสียมันไป
ความรักของผู้หญิงจนๆ อย่างแอนน์ รัดลิตจ์ กลับมาเติมเต็มหัวใจของผู้ชายคนหนึ่งได้มากกว่าความรักจากดอกฟ้าอย่าง แมรี่ ทอดด์ เพราะความสุขจากรักไม่ได้อยู่ที่ชาติกำเนิด แต่มาจากการกระทำที่แสดงต่อกันต่างหาก