สัมภาษณ์เจสัน มราซก่อนขึ้นเวที คอนเสิร์ต ในเทศกาลดนตรี Sonic Bang
เจสัน มราซ แวะมานั่งให้สัมภาษณ์ก่อนขึ้นเวที คอนเสิร์ต ในเทศกาลดนตรี Sonic Bang ณ อิมแพ็ค อารีน่า เมืองทองธานี เมื่อเดือนก่อนชื่ออัลบั้มล่าสุดของคุณคือ ‘Love Is A Four Letter Word’ แล้วคำว่า “Love” ของคุณคืออะไร?
มันยากที่จะอธิบายนะ อย่างใน อัลบั้มล่าสุดของผม ที่ต้องใช้ชื่อนั้นก็เพราะเป็นมันสิ่งที่ยากจะอธิบาย...สำหรับผม ความรักคือการแบ่งปัน คือการให้ คือการสร้างกำลังใจให้แก่กัน เมื่อคุณมอบความรักให้กับใคร มันจะทำลายช่องว่างระหว่างเรา มันคือการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ คุณอาจจะเคยได้ยินคำว่า God Is Love นั่นคือการอธิบายคำว่าการสร้างสรรค์ที่ยิ่งใหญ่มากๆ เพราะเป็นการสร้างมนุษย์และชีวิตต่างๆ
ขั้นตอนในการแต่งเพลงของคุณเป็นยังไง?
มี 2 แบบครับ แบบแรกคือนั่งลงบอกกับตัวเองว่า ฉันจะเริ่มเขียนเพลงแล้วนะ ตั้งสมาธิ เล่นกีตาร์ไปเรื่อยๆ จากนั้นเมโลดี้ คอร์ด และเนื้อร้องก็จะไหลออกมาเอง ตามประสบการณ์ชีวิตในช่วงนั้น ผมจะไม่ไปกะเกณฑ์ว่าจะต้องเขียนเรื่องอะไร แต่จะปล่อยให้มันมาเอง หรือไม่งั้นผมก็จะใช้วิธีนึกถึงสถานการณ์ที่เคยผ่านมาแต่ละครั้งผมมีวิธีจัดการกับมันยังไง ที่ผ่านมาผมมักจะได้ยินเสียงในหัวอยู่แล้ว ก็แค่ทำออกมาให้เป็นเพลง โดยส่วนตัวผมมักจะแต่งเพลงยาวๆ เสมอ เช่น I Won’t Give Up เพลงนี้ยาวตั้ง 7 นาที แต่ก็จะตัดให้สั้นลง เพราะจริงๆ เราไม่จำเป็นต้องไปเล่าเนื้อหาอะไรเยอะๆ ขนาดนั้น เพระส่วนใหญ่ก็สื่อสารเนื้อหาไปตั้งแต่ท่อนแรกแล้ว
เพลงหนึ่งๆ คุณใช้เวลาแต่งนานมั้ย?
พอรู้สึกอินจนได้เรื่องราวและสิ่งที่ต้องการครบแล้วผมก็จะถ่ายทอดมันออกมา ซึ่งมันก็แล้วแต่ละครับ บางเพลงทุกขั้นตอนก็จบลงภายในเวลาแค่ชั่วโมงเดียว บางทีก็นานถึง 14 ชั่วโมงบางครั้งก็นานเป็นอาทิตย์ๆ เพราะเราต้องการประสบการณ์ชีวิตมากขึ้นเพื่อจะเขียนเพลงๆ นั้น
คุณมักเขียนเพลงเมื่อได้เดินทางไปในประเทศต่างๆ แล้วเวลามาเมืองไทยล่ะเขียนเพลงบ้างมั้ย?
เขียนครับ ก่อนที่จะมานั่งให้สัมภาษณ์ผมก็ขอเขา 5 นาทีเพื่อจะเขียนเพลงนะ (หัวเราะ) ผมเขียนเพลงบ่อยมาก บางครั้งเวลาจะบอกลาแฟนผมก็ยังขอเวลาอีก 5 นาทีเพื่อนั่งเขียนเพลงให้เธอ
เราเห็นคลิปใน YouTube ช่วยเล่าถึงเพลงในอัลบั้มใหม่ที่กำลังทำหน่อยสิ
ในอัลบั้มนี้คุณจะได้ฟังแสงอาทิตย์สาดส่อง การมองโลกในแง่บวกส่วนเรื่องของซาวนด์ดนตรีก็จะมีอะไรที่แตกต่างไปจากเดิมแล้วเนื้อหาของเพลงในชุดใหม่ล่ะ? บางเพลงก็มีมุมมองที่สนุกสนาน บางเพลงก็เหมือนโอสถทิพย์ที่จะช่วยเยียวยาอาการอกหัก หรืออยู่ในสถานการณ์ที่กำลังสับสน ผมเขียนเพลงและบันทึกเสียงร่วมกับวงดนตรีผู้หญิง ซึ่งเราร่วมงานกันมา 6 ปีแล้วอย่างเช่นในเพลง Beautiful Mess และเราก็ยังคงร่วมงานกันในครั้งนี้ ไปสตูดิโอด้วยกัน ร้องเพลงเล่นดนตรีด้วยกันซึ่งสำหรับผมแล้วมันยอดเยี่ยมมาก
ผู้อ่านของเราหลายคนเป็นนักดนตรีด้วย คุณพอจะมีคำแนะนำอะไรดีๆ สำหรับพวกเขาบ้างมั้ย?
อยากให้จำไว้ว่า ดนตรีคือรางวัลรางวัลที่ดนตรีมอบให้เรามีทั้งเสียงกรี๊ดจากแฟนเพลง เงินทอง การที่เพลงได้เปิดในวิทยุ หรือแม้แต่ความผูกพันที่คุณมีกับดนตรี และนั่นคือรากฐานในการทำงานของคุณ ถ้ารักษามันไว้ได้คุณก็จะประสบความสำเร็จอีกนาน
เรารู้มาว่าคุณชอบเล่นเซิร์ฟ ทุกวันนี้ยังมีเวลาเซิร์ฟอยู่มั้ย?
แน่นอนครับ ถึงแม้ว่าในเดือนหนึ่งๆ ผมจะเดินทางเยอะมาก สมมติว่าผมกลับถึงบ้านในวันอังคาร แล้วจะต้องออกเดินทางอีกครั้งในวันพฤหัสฯ ผมก็จะใช้เวลาเล่นเซิร์ฟในวันพุธนี่แหละ (หัวเราะ)
เวลาออกทัวร์ คุณเบื่อการต้องเดินทางนานๆ บ้างมั้ย?
ก็มีบ้าง อย่างตอนมาถึงกรุงเทพฯ ผมก็รู้สึกว่ามันเป็นการเดินทางที่ค่อนข้างไกล มันอาจจะทำให้รู้สึกไม่สบายเนื้อสบายตัว แต่ถึงยังไงมันก็เป็นส่วนหนึ่งของงาน บางครั้งเวลาไปไหนไกลๆ ผมก็จะดูหนังเรื่องยาวเป็นการฆ่าเวลา
เพลงของคุณมักเป็นมุมมองแง่บวก แต่เราอยากรู้ว่าคุณเคยอารมณ์เสียเหมือนชาวบ้านบ้างมั้ย?
บ่อยเลยละครับ (หัวเราะ) เวลามีอารมณ์แบบนี้ ศิลปินส่วนใหญ่มักระบายออกในเพลงของตัวเองแล้วคุณล่ะแสดงออกมายังไง? ผมก็เคยแต่งเพลงที่พูดถึงอารมณ์เกรี้ยวกราดอยู่เหมือนกัน แต่ผมก็เลือกที่จะมองในด้านบวกของมัน เพราะผมนั่งอยู่ในมุมมืดแล้วมันรู้สึกเจ็บปวดเศร้า แต่ผมก็พยายามดึงตัวเองออกมาจากอารมณ์แย่ๆ คิดว่าจะทำยังไงถึงหยุดรู้สึกด้านลบแล้วหันมารู้สึกดีอีกครั้ง ผมคงไม่อยากจะเขียนเพลงประมาณว่า “เฮ้! ตอนนี้ผมกำลังเศร้านะ ทุกคนมาเศร้าไปกับผมกันเถอะ” (หัวเราะ) ผมคิดว่าทุกวันนี้โลกเรามีเรื่องเครียดๆ เยอะพอแล้ว
เดือนหนึ่งๆ คุณตระเวนเล่นคอนเสิร์ตหลายประเทศ แล้วคุณเคยนอนไม่หลับในคืนก่อนคอนเสิร์ตบ้างมั้ย?
เมื่อคืนนี้ผมกว่าจะหลับก็ปาเข้าไปตีห้าเหมือนกันเพราะในหัวมันคิดถึงแต่เรื่องการเล่นดนตรี คิดว่าโชว์มันจะออกมาเป็นยังไง และมันก็ทำให้ผมนอนไม่ค่อยหลับ
เราอยากรู้ว่า คุณเคยขึ้นเวทีโดยไม่สวมหมวกบ้างมั้ย?
เคยสิ มันรู้สึกแปลกๆ มาก เส้นผมมันจะชอบจะยุ่งเวลาเล่นคอนเสิร์ตและทำให้รำคาญมาก ซึ่งผมว่าคนดูคงไม่อยากเห็นเท่าไหร่นักหรอก (หัวเราะ)
เวลาอยู่บนเวที คุณมักจะถือเหยือกขึ้นไปด้วยใบนึง เราอยากรู้ว่าข้างในมันมีอะไร?
ชาร้อนครับ มันช่วยได้เยอะมากเวลาเสียเหงื่อ เพราะเมื่ออยู่บนเวทีเราต้องทั้งร้องเพลงเล่นดนตรีตลอดเวลา
สร้อยประคำที่คุณสวมวันนี้ มันมีความสำคัญยังไง?
แม่ผมให้มาครับ และก็เป็นเรื่องตลกมาก ต่อให้ผมทำหายหรือทำพังไม่ว่าจะกี่ครั้ง สุดท้ายมันก็ยังคงอยู่กับผมเสมอเวลารู้สึกสับสน อารมณ์เสีย กังวล ผมจะใช้มันช่วยสร้างสมาธิ ซึ่งช่วยได้เยอะเลยล่ะครับ
ฝากอะไรถึงแฟนเพลงที่เมืองไทยหน่อยครับ
ขอบคุณแฟนเพลงชาวไทยมากๆ ครับ เราคิดว่ากรุงเทพฯ น่าจะเป็นสถานที่ประจำเวลาออกทัวร์ทุกครั้งหลังจากนี้นะ แน่นอนว่าผมอยากมาเล่นคอนเสิร์ตที่นี่อีกเรื่อยๆ เลย
ที่มา FHM