รักร่วมสายเลือด คู่รักพี่น้องชาวเยอรมัน
บาปรักร่วมท้องของพี่น้องร่วมสายเลือด
ความรักอาจจะเป็นสิ่งสวยงามถ้ามันอยู่ถูกที่ถูกเวลา แต่เมื่อไรที่ความรักล้อเล่นกับคนที่ไม่พร้อมจะรัก มันก็จะกลายเป็นไฟที่เผ่ทำลายทุกชีวิตอย่างไม่ปราณี "แพททริค" ต้องพลักพรากจากครอบครัวตั้งแต่เพิ่งอายุได้ 3 ขวบ เพราะเขาถูกพ่อขี้เมาใช้มีดหั่นเนื้อแทงเข้าที่ชายโครง โทษฐานที่ร้องไห้เสียงดังกวนโทโส แผนกสังคมสงเคราะห์ในเยอรมันจึงต้องหาครอบครัวใจบุญมารับเขาไปเลี้ยง
|
รักร่วมสายเลือด คู่รักพี่น้องชาวเยอรมัน |
แต่ชีวิตครอบครัวใหม่ก็ไม่ได้ให้ความอบอุ่นกับเด็กชายเท่าไรนัก เพราะเอาเข้าจริงพ่อแม่บุญธรรมของเขาก็ไม่ได้ใจบุญสุนทาน นึกเมตตาลูกนอกไส้อย่างที่แกล้งสร้างภาพ ที่รับอุปถัมภ์แพททริคก็เพราะหวังเงินสงเคราะห์ที่รัฐจะจ่ายให้ทุกเดือนเสียมากกว่า เด็กชายโตขึ้นมาอย่างอ้างว้าง และไม่เคยเข้าใจว่าทำไมพ่อแม่ถึงไม่รักใคร่ไยดีเขา เหมือนพ่อแม่ของเพื่อนๆ จนกระทั่งอายุได้ 17 ปี แพททริคจึงได้รู้ความจริงว่า เขาเป็นเพียงลูกนกกาเหว่าของบ้านนี้เท่านั้น นับตั้งแต่วันนั้น แพททริคก็เริ่มสืบเสาะหาครอบครัวที่แท้จริงของตัวเอง แล้วโชคชะตาก็ยอมให้เขาหาพบในอีก 4 ปีต่อมา
|
ซูซานกับแพททริค คู่รักพี่น้องสายเลือดเดียวกัน |
หลังจากแพททริคออกจากบ้านไป แม่ของเขาก็มีลูกอีก 7 คน แต่เด็กทุกคนไม่ตายก็พิการตั้งแต่เกิด ยกเว้น "ซูซาน" น้องสาวคนสุดท้องเพียงคนเดียว ซูซานโตขึ้นมาในสภาพเดียวกับแพททริค คือขาดทั้งความรัก ความอบอุ่นและความหวัง แม่ของเธอตกงานซ้ำยังติดเหล้าขนาดหนัก เวลาส่วนใหญ่ซูซานจึงถูกทิ้งให้อยู่คนเดียว แต่เมื่อไรที่แม่กลับมาบ้าน ก็มักจะพาแฟนหนุ่มมากอดจูบลูบคลำ เล่นบทอัศจรรย์กันต่อหน้าต่อตาลูกสาว ซูซานจึงโตขึ้นมาในสภาพป่วยทางจิต ขี้กลัว ไม่กล้าสู้โลก อ่านไม่ออกเขียนไม่ได้ และไม่ไว้ใจใครเลย
|
รักร่วมสายเลือด คู่รักพี่น้องชาวเยอรมัน |
และเมื่อแพททริคเดินเข้าไปเคาะประตูบ้าน โลกของซูซานก็เปลี่ยนไป... "แอนนา มารี" แม่ของสองหนุ่มสาว ยอมให้แพททริคมาอยู่ร่วมชายคาแต่โดยดี แต่แทนที่จะจัดห้องใหม่ให้ลูกๆ คุณแม่กลับเจ้ากี้เจ้าการให้ลูกชายกับลูกสาววัยรุ่นนอนห้องเดียวกันเสียนี่ คืนนั้นสองพี่น้องนอนคุยกันเรื่องความหวังและความฝันในชีวิตอยู่จนดึก เป็นครั้งแรกที่ทั้งคู่รู้สึกว่าความเหงาที่เคยเป็นเพื่อนแท้ทุกที่ทุกเวลา กำลังถอยห่างออกไป...
ยิ่งนานวันแพททริคกับซูซานก็ยิ่งผูกพันกันมากขึ้นเรื่อยๆ ความอบอุ่นที่พวกเขาเคยคิดว่าเป็นแค่คำพูดเลื่อนลอยแต่ไม่มีตัวตนอยู่จริง เริ่มเรืองรองในหัวใจของสองพี่น้อง แบะมาฝังรากลึกจนเกินแก้ เมื่อคุณแม่แอนนาเกิดหัวใจวาย สิ้นใจไปอย่างปุบปับ ทิ้งบ้านทั้งหลังเอาไว้ให้หนุ่มสาวอยู่กันสองต่อสอง
ตลอดชีวิต ซูซานมีแม่ขี้เมาคนนี้เป็นที่พึ่งหนึ่งเดียวเท่านั้น เมื่อขาดหลักยึด เธอจึงหันไปฝากทุกอย่างในชีวิตไว้ในกำมือพี่ชาย ประจวบกับแพททริคก็โหยหาทั้งความรักความนับถือมายาวนานพอๆ กัน เมื่อน้องสาวมีสองอย่างนี้ให้ จึงไม่ยากที่พี่ชายกับน้องสาวจะเริ่มรู้สึกต่อกันฉันหนุ่มสาว
"ความไว้ใจของเรา งอกเงยขึ้นเป็นความรักในอีกรูปแบบหนึ่ง หลังจากแม่ตายไปครึ่งปี ผมกลายเป็นหัวหน้าครอบครัวทันที ซูซานอ่อนแอมาก เธอต้องพึ่งผมทุกอย่าง แต่เราก็เป็นกำลังใจให้กันเวลาลำบาก ในที่สุดความผูกพันก็พัฒนามาเป็นความสัมพันธ์ทางร่างกาย
"เราไม่เคยรู้จักกันตอนเด็กๆ เมื่อเรามารักกันตอนโต มันจึงเป็นความรักแบบหนุ่มสาวจริงๆ และเราก็ไม่สามารถต้านทานได้ เราต่างถูกดึงดูดเข้าหากัน จากนั้นธรรมชาติก็เข้ามาสานต่อ มันก็ง่ายๆ เท่านี้ล่ะ เราแค่ทำตามหัวใจตัวเอง"
จะด้วยความรู้น้อย ด้อยการศึกษา หรือไม่แคร์สังคมก็ไม่แน่ แต่สองพี่น้องก็ตัดสินใจร่วมชีวิต และมีลูกด้วยกันเหมือนคู่ผัวตัวเมียทั่วๆ ไป เพศสัมพันธ์ของทั้งคู่จึงไม่เคยมีถุงยางเข้ามาเกี่ยวข้องเลย
เดือนตุลาคม 2001 ซูซานกลายเป็นคุณแม่วัย 16 แต่ลูกชายคนแรกของเธอพิการเดินไม่ได้ซ้ำยังมีปัญหาเรื่องการพูด เมื่อซูซานตั้งท้อง ชาวบ้านที่สงสัยความสัมพันธ์ของสองพี่น้องอยู่แล้วก็ถึงบางอ้อ และจัดการแจ้งตำรวจจับแพททริคทันที เพราะที่เยอรมัน การที่คนสายเลือดเดียวกันมีเพศสัมพันธ์กันถือเป็นความผิดทางอาญา แพททริคจึงต้องย้ายบ้านเข้าไปอยู่ในเรือนจำชั่วคราว ส่วนซูซานซึ่งยังเป็นผู้เยาว์ถูกตัดสินให้อยู่ในความดูแลของหน่วยงานบริการเยาวชน
ซูซานคลอดซาร่าห์ ลูกสาวคนที่สอง ในระหว่างที่แพททริคกำลังต้องโทษอยู่ในคุก แต่คราวนี้ซูซานไม่ยอมให้ใครเห็นการทำผิดกฎหมายของเธออีกแล้ว คุณแม่ยังเด็กจึงแอบไปคลอดลูกเอง ตัดสายสะดือเองในห้องน้ำสาธารณะ หนูน้อยซาร่าห์ พิการตั้งแต่เกิดเหมือนกับพี่ชาย การมีลูกคนที่สอง ทำให้แพททริคต้องติดคุกอีก 10 เดือนโดยไม่ต้องรอลงอาญา ส่วนลูกสองคนของเขาถูกส่งไปอยู่กับพ่อแม่บุญธรรม เพราะศาลเล็งเห็นว่าขืนปล่อยให้อยู่กับแม่อย่างซูซาน เด็กๆ อาจจะอดตาย
10 เดือนต่อมา พอแพททริคพ้นโทษกลับมาบ้าน เขาก็รีบทำหน้าที่ผลิตลูกคนต่อไปโดยไม่ยอมให้เสีบเวลา และก็เช่นเคย... แนนซี่ ลูกสาวคนที่สามลืมตาดูโลก ตอนที่พ่อถูกจับติดคุก คราวนี้โทษของแพททริคหนักเป็นสองเท่า เขาถูกตัดสินจำคุก 2 ปีครึ่ง ฐานเล่นไม่เลิก ก่อความผิดคดีเดิมซ้ำๆ ซากๆ พร้อมกันนั้นสองพี่น้องก็เริ่มถูกชาวเยอรมันโจมตีว่าเป็นต้นเหตุที่ทำให้ลูกพิการ เพราะเด็กที่เกิดจากพ่อแม่สายเลือดเดียวกัน มักจะมียีนส์กรรมพันธุ์บกพร่อง ถ้าไม่พิการก็ปัญญาอ่อนกันตั้งแต่เกิด
แต่แพททริคก็เถียงหัวชนฝาว่าข้อกล่าวหานี้ปรักปรำกันแรงเกินไป อย่าลืมสิว่าพี่น้องเขากับซูซานก็พิการและอายุสั้นกันทั้งนั้น ทั้งๆ ที่พ่อแม่มาจากต่างสายเลือด แล้วจะมาเหมาว่าเขากับซูซานเป็นโรงงานผลิตคนทุพลภาพได้อย่างไร ยังโชคดีที่แนนซี่ ลูกสาวคนที่สามของทั้งคู่ปกติดี ไม่มีวี่แววว่าจะพิการตามพี่ๆ ไปด้วย แต่แพททริคก็ชื่นชมลูกได้ไม่นาน เขาก็ต้องหวนกลับไปเข้าซังเตอีกรอบ ด้วยข้อหาอยู่กินกับน้องสาวในไส้เหมือนเดิม
ระหว่างที่แพททริคติดคุกครั้งใหม่นี่เอง ซูซานก็เกิดท้องขึ้นมาอีก และพอเอาวันเวลามานับกันจริงๆ ก็พบว่าลูกคนที่สี่นี้ไม่ใช่ผลงานของพี่ชาย แต่จะเป็นลูกนกลูกกาที่ไหนมาไข่ทิ้งไว้ คงจะมีแต่ซูซานเท่านั้นที่รู้ดีที่สุด อาจจะเพราะน้องสาวมีชู้ หรือเบื่อรสชาติข้าวแดงแล้วก็สุดจะเดา
แต่ทันทีที่พ้นโทษครั้งล่าสุดแพททริคก็ฮึดสู้ เขาจัดการทำหมันเพื่อเอาฤกษ์เอาชัยก่อนเป็นอันดับแรก จากนั้นก็ร้องเรียนไปที่ศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นศาลสูงสุดของเยอรมันให้ยกเลิกกฎหมายห้ามคนที่ผูกพันกันทางสายเลือดมีเพศสัมพันธ์กัน โดยอ้างว่ากฎหมานฉบับนี้กดขี่สิทธิมนุษยชนของพวกเขาสองพี่น้อง
"เราท้าทายกฎหมายเพราะไม่อยากแยกจากกันอีก"
กฎหมายที่แพททริคกับซูซานอยากจะฉีกฉบับนี้ เคยมีบังคับใช้ในฝรั่งเศส เบลเยียม และลักเซมเบิร์กมาแล้ว และทุกประเทศก็ทยอยยกเลิกกันไปจนหมด สองพี่น้องจึงหวังว่ารัฐบาลเยอรมันจะเอาอย่างบ้าง แต่โชคร้ายที่ลูกๆ ที่พิการของพวดเขา เป็นหลักฐานที่พอเสียยิ่งกว่าพอที่ทำให้สังคมเห็นว่า สมควรที่จะให้กฎหมายนี้ดำรงอยู่ต่อไป แพททริคจึงต้องกลับไปติดคุกอีกเป็นครั้งที่ 4 และคงจะวนเข้าออกบ้านกับคุกอย่างนี้เรื่อยไป ตราบใดที่เขากับซูซานยังรักกันฉันผัวเมีย
วันที่แพททริคถูกใส่กุญแจมือพากลับเข้าเรือนจำ ซูซานเดินร้องไห้ส่งสามีจนลับตา เธอถามนักข่าวว่า "เราอยากเอาลูกของเรากลับมาแลี้ยงและอยู่กันอย่างครอบครัวจริงๆ เราสองคนรักกัน เท่านี้ยังไม่พออีกเหรอ?"
...คงไม่มีใครตอบคำถามข้อนี้ของเธอได้!