คุยกับโค้ชอ๊อต เกียรติพงษ์ รัชตเกรียงไกร
การแข่งขันวอลเลย์บอลหญิงชิงแชมป์เอเชีย กำลังจะเปิดฉากขึ้นช่วงสุดสัปดาห์นี้ที่โคราชบ้านเฮา เมื่อเป็นเช่นนั้น เราเลยบุกไปถึงสนามซ้อมของนักตบลูกยางสาวไทยเพื่อพูดคุยกับ โค้ชอ๊อต เกียรติพงษ์ รัชตเกรียงไกร หัวหน้าผู้ฝึกสอนผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของทีมตลอดหลายทัวร์นาเมนต์ที่ผ่านมา พร้อมพูดคุยกันทั้งเรื่องการเตรียมทีม, เสียงโห่, จับมือบ่อยๆ, เหตุผลของความโด่งดัง, การทำงานกับสาวๆ และใครกันหนอน่ารักที่สุดในทีม!
ช่วงนี้ทีมซ้อมหนักกันแค่ไหนครับ?
ก็กำลังไต่เพดานไปเรื่อยๆ ครับ เพราะเกือบทั้งทีมก็เป็นนักกีฬาอาชีพทั้งหมด ส่วนหนึ่งก็เล่นในไทย เล่นในอาเซียน แถวอินโดนีเซีย เวียดนาม ส่วนอีกครึ่งทีมเล่นอยู่ในยุโรป พอแข่งลีกเสร็จประมาณเดือนเมษายน ก็เริ่มซ้อมกันประมาณเดือนพฤษภาคม ซึ่งเรามีเวลาประมาณ 3 เดือนก่อนแข่งเวิลด์ กรังด์ปรีซ์ ที่เพิ่งผ่านไปเมื่อราวๆ เดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ส่วนล่าสุดก็มีรอบคัดเลือกชิงแชมป์โลกที่ญี่ปุ่น และชิงแชมป์เอเชียที่มาแข่งที่โคราชกันในสัปดาห์นี้ซึ่งเราก็เตรียมตัวแล้วก็มีการวัด และประเมินผลกันมาอย่างต่อเนื่อง
ความนิยมของกีฬาวอลเลย์บอลหญิงในบ้านเรามากถึงขนาดช่วงการแข่งขันเวิลด์ กรังด์ปรีซ์ ที่ผ่านมา บัตรขายหมดเกลี้ยงตั้งแต่วันแรกๆ เลย?
ผมก็ทราบมาอย่างนั้นเหมือนกันครับ ซึ่งก็เป็นที่ชื่นชมและน่าชื่นใจแทนนักกีฬาและทีมงานทุกคน ก็ขอบคุณแฟนๆ ที่มาเชียร์พวกเราครับ มันก็เป็นกำลังใจที่ดีสำหรับทีมงานมากๆ ครับ
จำได้ว่าช่วงที่นักกีฬาอบอุ่นร่างกายก่อนแข่งเวิลด์ กรังด์ปรีซ์ มีสองหนุ่มลุกขึ้นเต้นเพลง ‘ขอใจเธอแลกเบอร์โทร.’ เรียกเสียงกรี๊ดจากแฟนๆ ทั้งสนามเลย?
ก็สนุกสนานดีครับ ผมว่ามันเป็นบรรยากาศการเชียร์ที่สนุกนะ มันเป็นวัฒนธรรมการเชียร์ของประเทศไทยที่มีเสน่ห์มากนะ ประเทศอื่นๆ ก็ไม่มีลุกขึ้นเต้นอย่างนี้ซักเท่าไหร่ (หัวเราะ) แต่เค้าก็เชียร์กันสไตล์ใครสไตล์มัน ซึ่งบ้านเราเชียร์กันสนุกสนานร่าเริง แล้วก็มีมารยาท ซึ่งเพื่อนๆ ที่เป็นโค้ชที่มาแข่ง ทั้ง รัสเซีย เยอรมัน หรือเปอร์โตริโก หรือปีก่อนๆ เค้าก็ชื่นชม และประทับใจกับแฟนวอลเลย์บอลบ้านเรามาก
มีมารยาทในความหมายของคุณ หมายถึงไม่ค่อยมีเสียงโห่นักกีฬาคู่แข่งหรือเปล่า?
โดยปกติแล้วในการแข่งขันวอลเลย์บอลเค้าไม่ค่อยมีการโห่ฮาซักเท่าไหร่ ยกเว้นบางที่ในยุโรปที่จะโห่กันอย่างนี้ แม้กระทั่งตอนเสิร์ฟ แต่จริงๆ แล้วนักกีฬาของเราก็เคยชินกับเสียงโห่แบบนี้อยู่แล้ว เค้าก็เลยรับได้กับแรงกดดันต่างๆ เหล่านี้ คือการโห่ก็มีอยู่ในการแข่งขันลีกหรือการแข่งขันระดับนานาชาติของบางประเทศครับ ซึ่งบางที่เค้าก็มองเรื่องการโห่ฮาเป็นอีกมุมนึง แต่ว่าบ้านเราไม่มีครับ
มีสโมสรจากต่างชาติติดต่อให้คุณไปคุมทีมบ้างมั้ยครับ?
มีครับ ก็มีบางสโมสรที่ติดต่อมา แต่ยังไปไม่ได้ครับ เพราะผมติดภารกิจที่นี่ด้วยคือผมทำงานอยู่ที่บริษัทวิทยุการบินซึ่งเค้ามอบหมายให้ผมมาทำงานให้กับทีมชาติ ซึ่งก็ต้องขอบคุณทางนั้นด้วยที่ให้ตัวผมมาไม่งั้นผมคงไม่ได้มาทำทีม อีกส่วนหนึ่งที่สำคัญที่ยังไปคุมทีมไหนไม่ได้ คือภารกิจทีมชาติที่ยังต้องทำอยู่ครับ
เห็นคุณออกข่าวอยู่คนเดียวเลย จริงๆ แล้วโค้ชทำงานคนเดียวเลยหรือเปล่า?
เปล่าครับ ผมทำงานกับหลายฝ่ายเฉพาะผู้ช่วยโค้ชก็ 2 คนแล้ว เทรนเนอร์นักจิตวิทยาการกีฬา นักสรีระการออกกำลังทีมแพทย์ ทีมกายภาพ เยอะแยะครับ
มีนักจิตวิทยาการกีฬาด้วย มิน่าล่ะนักกีฬาถึงดูอารมณ์ดีจัง?
คือเรื่องความเครียดความกดดันมันมีอยู่ในการแข่งขันอยู่แล้ว เราก็ต้องทำให้เค้ามีความคุ้นเคยกับสถานการณ์ ด้วยการมอบเงื่อนไขของการฝึกซ้อมที่ยากลำบาก ทั้งภาคร่างกายและภาคเทคนิค ซึ่งเราจะมอบความยากลำบากให้เกิดความพยายามสูงสุดมันก็มีทั้งความเครียดและความกดดัน ให้เค้าได้รู้จักวิธีจัดการกับความเครียดและความกดดันนั้น โดยเราก็เป็นพี่เลี้ยงให้เค้าบ้าง ในช่วงเวลาที่เค้าไม่สามารถจัดการได้อย่างเวลาการแข่งขัน ถ้าเค้าทำได้ตามแผนการเล่นที่เรามอบให้ เวลาเค้าทำสำเร็จเค้าก็จะปลดปล่อยความรู้สึกออกมา ด้วยการดีใจ หรือเล่นกับเพื่อนๆ บ้าง แต่พอเค้าทำเสีย เค้าก็จะขอโทษเพื่อน ในลักษณะของการขอโทษไปยิ้มไป
นั่นคือที่มาของการที่เห็นนักกีฬาวอลเลย์บอลต้องจับมือกันบ่อยๆ?
ก็ให้กำลังใจกันครับ เพราะกีฬาวอลเลย์บอลจะเล่นเป็นแต้ม ว่ากันเป็นลูกๆ จบหนึ่งแต้มก็เริ่มต้นใหม่ ฉะนั้น การที่เราจะเริ่มต้นใหม่ได้ดี เราต้องไม่คิดถึงอดีต อะไรที่ดี เราก็เก็บความดีใจสะสมเอาไว้ อะไรที่เล่นไม่ดี ก็ต้องปลดปล่อยให้ไว ฉะนั้นการให้กำลังใจกัน การปลอบโยนกันจึงเป็นสิ่งที่ดี มันเหมือนเป็นจิตวิทยาด้านการกีฬา ซึ่งผมก็พยายามมอบสิ่งนี้ให้กับนักกีฬาอยู่เรื่อยๆ ให้เค้าเคยชินระหว่างการฝึกซ้อม
คุณทำงานกับสาวๆ อย่างนี้ แสดงว่าโค้ชต้องเข้าใจสาวๆ มากกว่าหนุ่มคนอื่นใช่มั้ย?
(หัวเราะ) ยังไงก็ต้องเข้าใจอยู่แล้วครับเพราะอย่างน้อยเราก็เรียนโค้ชมา แล้วเราก็ทำงานกับผู้หญิง เราก็ต้องเข้าใจธรรมชาติของเค้า ทั้งด้านร่างกายและจิตใจ แล้วก็พัฒนาการด้านต่างๆ เราไม่ได้มาซ้อมกีฬาเพื่อให้เค้าสนุกสนาน แต่เราทำให้เค้าเป็นคนที่เก่งในระดับโลกมากกว่า อย่าง นุศรา (ต้อมคำ) เค้าก็เป็นเซตเตอร์ระดับต้นๆ ของโลก หรือจะเป็นคนอื่นๆ ซึ่งเราอยากสร้างท็อปวอลเลย์บอลเพลเยอร์ของโลกฉะนั้น การที่จะทำตรงนั้นได้เราต้องทำให้เค้าเข้มแข็ง ทั้งด้านร่างกาย จิตใจ แล้วก็เทคนิค
คุณว่ามั้ย ทีมวอลเลย์บอลหญิงในบ้านเราดูจะมีชื่อเสียงกว่าทีมวอลเลย์บอลชาย?
อาจเป็นเพราะสื่อให้ความสนใจมากกว่ามั้งครับ แล้วก็อาจเป็นความสำเร็จในการแข่งขันด้วย เพราะเรามีโปรเจกต์เก็บตัวกันมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 1997 ซึ่งนักกีฬาชุดนั้นก็สร้างความสำเร็จ ได้ผลการแข่งขันค่อนข้างจะดี เป็นระดับขั้นเรื่อยมา แล้วมันก็ไม่ประสบความสำเร็จแค่ผลการแข่งขันนะครับ แต่นักกีฬาที่เราดูแล เค้าก็ประสบความสำเร็จในเรื่องของการศึกษา ได้เรียนดีได้ทำงานดีๆ ด้วย เพราะท่านผู้บริหารสมาคมทุกท่าน ก็ให้ความสำคัญในเรื่องการพัฒนาบุคลากรของเราในทุกๆ ด้าน รวมไปถึงการจัดการแข่งขันในทุกๆ ระดับตั้งแต่ระดับรากหญ้าไปจนถึงระดับอาชีพทำให้เรามีนักกีฬาใหม่ๆ เข้ามาเรื่อยๆอีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้ได้รับความนิยม
เพราะความน่ารักของเหล่านักกีฬาในทีมด้วยหรือเปล่า?
(หัวเราะ) ใช่ครับ ด้วยความสนใจของสื่อมวลชนหลายๆ แขนงแหละ เพราะกีฬาวอลเลย์บอลมันเป็นกีฬาที่มีเสน่ห์ มีความตื่นเต้นสนุกสนาน แล้วในช่วง 30 ปีที่ผมอยู่ในวงการมา ซึ่งครั้งที่มีการแข่งขันไม่ว่าจะเป็นกีฬาแห่งชาติ กีฬาซีเกมส์ หรืออะไรต่างๆ สื่อมวลชนก็ให้ความสนใจในกีฬาวอลเลย์บอลมาก ประกอบกับน้องๆ นักกีฬาผู้หญิงของเรา หลายคนก็หน้าตาดีแล้วนิสัยก็เป็นคนขี้เล่น สนุกสนานร่าเริงเลยทำให้ได้รับความสนใจมากขึ้นครับ
ที่บอกนักกีฬาสาวๆ หลายๆ คนน่ารักๆ อย่างนี้ แปลว่าคุณต้องเคยแอบชอบใครบ้างแน่ๆ?
(หัวเราะ) พวกนี้เป็นลูกเป็นหลานเลยครับ ผมอยู่กับพวกนี้เค้ามาตั้ง 16 ปี แล้วครับ
แล้วในสายตาคุณ คิดว่าสาวๆ นักกีฬาชุดนี้ ใครน่ารักที่สุด?
ผมว่าพอๆ กันแหละครับ ไม่มีใครน่ารักสุดหรอกครับ ทุกคนก็มีความน่ารักในแบบของตัวเอง ส่วนถ้าใครจะมองในแบบหนุ่มสาวก็อีกเรื่องนึง แต่เรามันแก่แล้วเนอะ (หัวเราะ)
คำถามสุดท้าย โค้ชเคยโดนนักวอลเลย์บอลตบบ้างมั้ย?
ผมโดนตบประจำ โดยเฉพาะพวกนี้ เวลาเผลอๆ มันตบเลย มันตบผมไม่ได้มันก็ตบลูกวอลเลย์อัดเลยครับ (หัวเราะ)