LINKIN PARK ร็อกเต็มดีกรีแบบลุยเองทุกขั้นตอน
หลังจากสร้างปรากฏการณ์ให้กับวงการเพลงร็อกตั้งแต่ยุคนูเมทัล มีเพลงดังทั่วทุกมุมโลกและเพลงประกอบภาพยนตร์จอยักษ์ ‘ทรานส์ฟอร์เมอร์’ ทั้ง 3 ภาค ตอนนี้ Linkin Park กลับมาพร้อมผลงานที่พวกเขาคุยว่าเป็นอัลบั้มหนักหูที่สุดเท่าที่พวกเขาได้ทำกันออกมาในส่วนของชื่ออัลบั้มใหม่ The Hunting Party เป็นการสื่อถึงการกลับไปสู่แนวเพลงร็อกหนักๆ ของวงเหมือนเป็นการกลับไปสู่ปาร์ตี้ของพวกเขาที่พร้อมจะไล่ล่าพลังและจิตวิญญาณของดนตรีร็อก เน้นการแต่งเพลงแบบแจมกันมากขึ้นหันไปบันทึกเสียงแบบอนาล็อกยุคเก่า อีกทั้งยังเป็นครั้งแรกที่พวกเขาโปรดิวซ์เอง เรียกว่าร็อกเต็มดีกรีแบบลุยเองทุกขั้นตอน
เมื่อได้ฟังทั้งอัลบั้มก็ต้องบอกว่ามันเป็นงานที่ร็อกกระหนำมาก น่าจะหนักกว่าอัลบั้มแรก Hybrid Theory ด้วยซ้ำทั้งจาก ‘Guilty All the Same’ ซิงเกิลแรกกับซาวนด์ร็อกสุดขั้ว ดนตรีใส่กันเต็มสูบ ริฟฟ์กีตาร์นึกไปถึงฮาร์ดร็อกยุค 80s เพลง ‘War’ ร็อกที่ใส่กลิ่นอายของพังก์ ดิบ, สากทั้งดนตรีและเสียงร้อง ส่วน ‘ Wastelands’ กับ ‘Keys to the Kingdom’ แม้จะเป็นแร็พร็อกโจ๊ะๆ แบบที่ Linkin Park ชอบ
ทำ แต่ซาวนด์หนักกว่าเยอะ
ที่น่าสนใจไม่แพ้กันคือแขกรับเชิญในอัลบั้ม อย่างเพลง ‘All for Nothing’ ที่ได้ Page Hamilton แกนหลักวงเมทัลรุ่นใหญ่ Helmet มาแจมได้มันสะใจ ‘Rebellion’ ที่ได้ Daron Malakian แห่ง System of A Down วงเมทัลพันธุ์หลุดโลกมาทำให้เพลงมีกลิ่นอายของแขกรับเชิญเยอะทีเดียว ‘Drawbar’ เพลงนี้ได้ Tom Morello มือกีตาร์วง Rage Against The Machine มาแจม เป็นเพลงบรรเลงหลอนๆ โชว์กีตาร์สำเนียงเฉพาะตัว ในส่วนของเพลงที่น่าจะเรียกได้ว่านุ่มลงมาหน่อย พอให้พักหายใจก็มี ‘Until It’s Gone’ ซิงเกิลที่ 2 ของอัลบั้ม มีซาวนด์ฟุ้งๆ ฟังล่องลอย และ ‘Final Masquerade’ เพลงช้าในแนวร็อกที่ลงตัว งานนี้เข้มข้นสะใจสมกับที่พวกเขาคุยไว้จริงๆ