google.com, pub-6663105814926378, DIRECT, f08c47fec0942fa0 Mega topic | จัดอันดับ | 10 อันดับ| เรื่องผี| เรื่องสยองขวัญ| ที่สุดในโลก| ดูดวง| ประวัติศาสตร์

ตะลุยเมนูบุฟเฟต์ อย่างมีชั้นเชิง

ตะลุยเมนูบุฟเฟต์ อย่างมีชั้นเชิง

     

เตรียมตัวให้เสร็จสรรพ กับปฏิบัติการกินหยุดโลก


หมู่นี้จะเดินไปทางไหน ร้านอาหารแบบกินได้ไม่อั้น หรือที่คนไทยเราเรียกกันติดปากว่า บุฟเฟต์ มีให้เห็นอย่างดาดดื่น มากหน้าหลายตา หลากหลายสัญชาติ หลากหลายเมนู ตั้งแต่ขนมจีน ข้าวแกง ขนมเค้ก ไปจนอาหารจำพวกปิ้งย่าง อาหารจีน อาหารญี่ปุ่น และอีกมากมาย ทริคการกินอาหารแบบบุฟเฟต์ ให้คุ้มค่า คุ้มราคาที่เสียไป แม้จะไม่เทียบชั้นกับนักกินในรายการทีวีแชมป์เปี้ยน แต่รับรองได้ว่า ถ้าเจ้าของร้านเห็นการกินของคุณ ก็จะรู้ร้อนๆ หนาวๆ ได้แน่นอน

1. ศึกษาข้อมูล วางเป้าหมายว่าร้านที่เราจะไปกินมีเมนูอาหารอะไรบ้าง จำกัดเวลาในการกินหรือเปล่าวางแผนการคร่าวๆ จะช่วยให้การกินมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

2. ไม่ควรอดอาหาร เพราะจะทำให้กระเพาะอาหารของเราหดตัว และกินได้น้อยลง เราควรเลือกที่จะทานอาหารตามปกติ แต่ลดปริมาณลง เน้นอาหารประเภทกากใย เพราะอาหารเหล่านี้จะช่วยให้กระเพาะอาหารทำงานได้ดียิ่งขึ้น

3. สมรภูมิดี มีชัยไปกว่าครึ่งการเลือกที่นั่งที่เหมาะสม ไม่ร้อน ไม่หนาว จนเกินไป ไม่อยู่ในทิศที่ควันพัดไม่อยู่ไกลจุดตักอาหารจนเกินไป เป็นอีกหนึ่งสิ่งสำคัญ เพราะเราต้องนั่งอยู่ในตำแหน่งดังกล่าว ตั้งแต่ต้นจนจบ จึงไม่แปลกที่ถ้ามีสักปัจจัยที่ไม่โอเค ก็จะส่งกับการกินของเราได้เช่นกัน

4. จิบน้ำแต่น้อย เพราะการดื่มน้ำจะเป็นการตัดกำลังในการกินไปได้มากพอตัวเลยทีเดียว แต่สามารถจิบน้ำได้บ้าง เพื่อช่วยบรรเทาความร้อนของอาหาร ตลอดจนช่วยให้ลำเลียงอาหารได้ดีขึ้น ในกรณีที่รู้สึกติดขัดในลำคอระหว่างการกินอาหาร

5. ควรลดความร้อนของอาหาร อาหารที่มีอุณหภูมิสูง จะทำให้เรากินได้ช้าลง เราควรมีจุดพักสำหรับอาหารที่ร้อนจัด เช่น ถ้ากินอาหารปิ้งย่าง ควรย่างทิ้งไว้ในปริมาณมาก โดยนำมาพักให้หายร้อน ระหว่างรอสามารถทานอาหารอื่นไปก่อนได้ตลอดจนอาหารอมความร้อนอย่างติ่มซำ ซาลาเปา การบิหรือฉีกออกนำมาวางทิ้งไว้ จะช่วยคลายความร้อนได้เป็นอย่างดี

6. เปลี่ยนเมนูบ่อยๆ ลดความจำเจ เพราะการกินเมนูเดิมๆ ในปริมาณมาก เป็นเวลานานๆ สมองจะสั่งให้รู้สึกเบื่อ และรู้สึกอิ่มเร็วขึ้น ลองปรับเปลี่ยนเมนูอาหารที่กินบ้าง จะช่วยเพิ่มอรรถรสในการกินอาหารได้ดีทีเดียว

7. อย่ากินคำใหญ่ อย่ากลืนไวเพราะการกินคำใหญ่จนเกินไปจะทำให้เราเคี้ยวได้ลำบากยิ่งขึ้น เป็นผลให้กินได้ช้า และการกลืนอาหารลงคอเร็วจนเกินไป อาจทำให้เกิดอาการจุก จนส่งผลให้ความอยากอาหารลดน้อยลง


ดูบทความเมนูอาหารทั้งหมด ดูบทความภัยอันตรายทั้งหมด ดูบทความสุขภาพทั้งหมด ดูบทความวิทยาศาสตร์ทั้งหมด ดูบทความสยองขวัญทั้งหมด ดูบทความชีวิตสัตว์ทั้งหมด ดูบทความประวัติศาสตร์ทั้งหมด ดูบทความจัดอันดับทั้งหมด สารบัญบทความ

ถามตอบปัญหาริ้วรอยใต้ดวงตากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

ถามตอบปัญหาริ้วรอยใต้ดวงตากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

     

Anti-Aging and Aesthetic นพ.มาศ ไม้ประเสริฐ
แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านศาสตร์ชะลอวัยและฟื้นฟูสุขภาพ ผู้บริหาร S-Mart Clinic Anti-Aging& Aesthetic Center


Q: เป็นคนที่มีริ้วรอยใต้ดวงตาเยอะมาก ยิ่งอายุมากก็ยิ่งเห็นชัด ซื้อครีมทาตามาหลากหลายยี่ห้อ ก็ไม่เห็นจะได้ผลที่พึงพอใจสักที ไปปรึกษาแพทย์และทำการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตามาแล้ว ก็ยังมีริ้วรอยอยู่ เป็นเพราะอะไรคะ และมีทางแก้ไขไหมคะ

A: ดวงตาไม่ได้เป็นเพียงแค่หน้าต่างของหัวใจนะครับ ยังเป็นบริเวณที่ฟ้องอายุของเราได้อย่างชัดเจนเลยทีเดียว ซึ่งริ้วรอยรอบดวงตานี้ก็เป็นปัญหาของใครหลายต่อหลายคน ซึ่งสาเหตุนั้นก็เกิดขึ้นแตกต่างกันไปตามแต่ละชั้นของผิว โดยที่พบส่วนใหญ่นั้นมักจะเป็นจากชั้นไขมันใต้ผิวหนังของบริเวณนี้ลดน้อยลง และประกอบกับผิวบริเวณนี้มีความบางอยู่แล้ว ยิ่งอายุมากขึ้นก็จะยิ่งเห็นริ้วรอยเด่นชัด ริ้วรอยนี้จะมีลักษณะเป็นเส้นครึ่งวงกลมคล้ายวงเสี้ยวพระจันทร์ อยู่บริเวณใต้ขอบตาล่าง และมีความลึกชัดเจน จนทำให้พื้นผิวปกติที่อยู่ระหว่างเส้นขอบตาล่างและร่องนี้ดูเสมือนโป่งพองออกมา จนทำให้หลายคนหลงผิดคิดว่าเป็นถุงใต้ตาห้อย และไปตัดไขมันในบริเวณผิวใต้ตาที่คิดว่าเป็นถุงนั้น เลยยิ่งทำให้ตาดูลึกโบ๋ลงไปอีก ซึ่งปัญหานี้สามารถแก้ไขได้ด้วยการเติมฟิลเลอร์จะทำให้ริ้วรอยนั้นแลดูตื้นขึ้น และบริเวณที่คิดว่าเป็นถุงใต้ตานั้นหายไปโดยไม่ต้องผ่าตัด (เพราะไม่ใช่ถุงใต้ตาจริงนั่นเอง) แต่การเติมฟิลเลอร์นี้ไม่ครอบคลุมถึงริ้วรอยอีกจำพวกหนึ่งซึ่งเกิดระหว่างร่องใต้ตานี้กับเส้นขอบตาล่างซึ่งมักจะเห็นเป็นขีดเส้นเล็กๆ หลายเส้นวิ่งจากมุมตาด้านใน ขนานกับแนวขอบตาดำออกไปทางด้านนอก ริ้วรอยจำพวกนี้ เวลาเรายิ้มก็จะแลดูเป็นเส้นยาวยืดออกไปตามแรงกล้ามเนื้อ (ซึ่งต่างจากร่องใต้ตา ก็คือ ร่องจะแลดูลึกขึ้นเมื่อเรายิ้ม) ริ้วรอยชนิดนี้เกิดจากการเสื่อมของผิวหนังในชั้นหนังแท้ มีการเสื่อมสลายของเส้นใยอิลาสตินและคอลลาเจน ทำให้ความยืดหยุ่นของผิวเสียไป การแก้ไขด้วยฟิลเลอร์จึงอาจจะไม่ใช่คำตอบ เพราะต้องแก้ไขด้วยการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิว อาจจะโดยการฉีดเดอร์โมท็อกซิน (Dermotoxin) หรือทำเดอร์มาพ้อยนท์ (Dermapoint) หรือเลเซอร์ในกลุ่มแฟร็กชั่นนัล (Fraxional Laser) ก็จะทำให้ผิวหนังแลดูหนาตัวขึ้น ริ้วรอยจางลง โดยอาจใช้ร่วมกับการฉีดโบท็อกซ์บริเวณหางตาด้วยก็ได้ ส่วนครีมบำรุงผิวรอบดวงตานั้นไม่อาจช่วยแก้ไขปัญหาข้างต้นได้ เพราะปัญหานั้นเกิดในชั้นลึกนั่นเอง แต่ก็ยังมีความจำเป็นอยู่ เพราะผิวหนังชั้นตื้นหรือชั้นหนังกำพร้าก็ยังคงต้องการการปกป้องอยู่ดี และเป็นการชะลอความเสื่อมของผิวบริเวณนี้อีกด้วย


ดูบทความเมนูอาหารทั้งหมด ดูบทความภัยอันตรายทั้งหมด ดูบทความสุขภาพทั้งหมด ดูบทความวิทยาศาสตร์ทั้งหมด ดูบทความสยองขวัญทั้งหมด ดูบทความชีวิตสัตว์ทั้งหมด ดูบทความประวัติศาสตร์ทั้งหมด ดูบทความจัดอันดับทั้งหมด สารบัญบทความ

Mesotherapy นวัตกรรมทางการแพทย์เพื่อรูปร่างสวยสมส่วน

Mesotherapy นวัตกรรมทางการแพทย์เพื่อรูปร่างสวยสมส่วน

     

Mesotherapy เป็นอีกวิธีการที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ โดยในการสลายไขมันส่วนเกิน สารที่ออกฤทธิ์ เช่น Phosphatidylcholine, Deoxycholic Acid ซึ่งตัวยาทำให้ผนังเซลล์ไขมันแตกตัวออก ทำให้ไขมันที่เป็นก้อนๆ สลายออกเป็นไขมันเหลว แล้วถูกขับออกทางปัสสาวะและอุจจาระ จากรายงานการศึกษาในต่างประเทศ พบว่าสาร Phosphatidylcholine และ Deoxycholic Acid ถูกนำมาใช้สลายไขมันเฉพาะที่ อย่างแพร่หลาย ทั้งในยุโรปและสหรัฐอเมริกา ส่วนเซลลูไลท์นั้นคือส่วนหนึ่งของไขมันที่ขยายตัวเพิ่มขึ้นอยู่ในชั้นเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน (Connective Tissue) ใต้ชั้นหนังแท้ ที่กิดขึ้นเนื่องจากระบบไหลเวียนของหลอดเลือดดำและน้ำเหลืองทำงานลดลง โดยนิยมใช้ตัวยาสลายเซลลูไลท์ เช่น L - Carnitine, Caffeine ที่ช่วยเผาผลาญไขมันและช่วยในการขัดขวางการสร้างไขมัน อีกทั้งยังมีสารอื่นๆ เช่น Artichoke, Centella Asiatica, Ruscus Aculeatus และ Silicium ที่ช่วยให้ระบบไหลเวียนโลหิตและน้ำเหลืองดีขึ้น ขับสารพิษ และช่วยฟื้นฟูผิวให้กระชับอีกด้วย


ตำแหน่งที่นิยมทำการสลายไขมันและเซลลูไลท์ด้วยวิธีนี้ได้แก่ ไขมันที่แก้ม ไขมันส่วนเกินที่คาง ต้นแขน ต้นขา สะโพก หน้าท้อง และไขมันที่น่อง แต่อย่างไรก็ตามการรักษาจะไม่หายขาดหากยังไม่ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการดำเนินชีวิตแบบเดิมๆ สิ่งสำคัญคือ การเลือกตัวยาที่ได้รับการยอมรับจากสถาบันแพทย์ผิวหนังที่ได้มาตรฐานจากยุโรป นอกจากนี้ควรเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน สะอาดปลอดภัย มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในการรักษา เอาใจใส่ผิวพรรณและรูปร่าง เพื่อผิวสวยแลดูอ่อนเยาว์ราวกับหยุดเวลาให้กับผิว


ดูบทความเมนูอาหารทั้งหมด ดูบทความภัยอันตรายทั้งหมด ดูบทความสุขภาพทั้งหมด ดูบทความวิทยาศาสตร์ทั้งหมด ดูบทความสยองขวัญทั้งหมด ดูบทความชีวิตสัตว์ทั้งหมด ดูบทความประวัติศาสตร์ทั้งหมด ดูบทความจัดอันดับทั้งหมด สารบัญบทความ

ขลิบปลายอวัยวะเพศชายแบบไม่เจ็บด้วย Prepex

ขลิบปลายอวัยวะเพศชายแบบไม่เจ็บด้วย Prepex

     

การขลิบปลายอวัยวะเพศชาย คือแนวทางที่ช่วยลดการติดเชื้อเอชไอวีที่เป็นสาเหตุของโรคเอดส์ได้ แต่การขลิบปลายอวัยวะเพศชายยังคงเป็นเรื่องน่ากลัวและอาจสร้างความเจ็บปวดไม่น้อย ล่าสุด องค์การอนามัยโลกหรือ WHO กำลังพิจารณาเครื่องมือแบบใหม่ที่เรียกว่า Prepex ในการขลิบปลายอวัยวะเพศชายซึ่งใช้มาแล้วกับผู้ชายในแอฟริกามากกว่าหนึ่งพันคน โดยนายแพทย์ Steven Kaplan แห่งศูนย์การแพทย์ Weil Cornell ในนิวยอร์ค ผู้ร่วมศึกษาตรวจสอบเรื่องมือดังกล่าว อธิบายว่า Prepex ออกแบบมาเพื่อใช้บีบอัดหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศชายโดยใช้วงแหวน 2 อัน เพื่อให้เลือดไม่สามารถผ่านเข้าไปเลี้ยงหนังหุ้มปลายส่วนนั้นได้จนใยประสาทที่ผิวหนังบริเวณนั้นชาด้านหมดความรู้สึก จากนั้นทิ้งไว้ราวหนึ่งสัปดาห์ให้หนังหุ้มปลายแห้งกรัง แล้วจึงใช้เครื่องมือตัดออกโดยไม่ต้องเสียเลือดและไม่ต้องผ่าตัด


คุณหมอบอกว่าข้อดีของวิธีขลิบแบบนี้คือสามารถกระทำได้ทุกสภาวะแวดล้อม ไม่จำเป็นต้องเป็นห้องผ่าตัดหรือเขตปลอดเชื้อ  คุณหมอยังบอกด้วยว่าการขลิบปลายอวัยวะเพศชายนั้นนอกจากช่วยลดความเสี่ยงของการติดเชื้อเอชไอวีแล้ว ยังลดการถ่ายทอดเชื้อโรคอื่นๆ ที่มักสะสมอยู่ด้านในหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศชายได้ด้วย ทางด้าน Dr. Agnes Binagwaho รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขประเทศรวันด้า กล่าวยกย่องความสำเร็จของการทดสอบเครื่องมือ Prepex ในรวันด้า ซึ่งพิสูจน์แล้วว่าปลอดภัย ประหยัดและดีกว่าการใช้วิธีผ่าตัด โดยเครื่องมือขลิบปลายอวัยวะเพศชายแบบใหม่หรือ Prepex นี้ พัฒนาขึ้นโดยบริษัท CircMedTech


ดูบทความเมนูอาหารทั้งหมด ดูบทความภัยอันตรายทั้งหมด ดูบทความสุขภาพทั้งหมด ดูบทความวิทยาศาสตร์ทั้งหมด ดูบทความสยองขวัญทั้งหมด ดูบทความชีวิตสัตว์ทั้งหมด ดูบทความประวัติศาสตร์ทั้งหมด ดูบทความจัดอันดับทั้งหมด สารบัญบทความ

เรื่องลับๆ กับชาเขียว

เรื่องลับๆ กับชาเขียว

     

ชาเขียวไม่ได้มีดีแค่เพียงชงดื่มเท่านั้น ครีเอตสักหน่อย พลิกแพลงสักนิด แล้วคุณจะได้ประโยชน์จากชาเขียวอย่างคาดไม่ถึงเชียวล่ะ ถ้าชาเขียวที่คุณคุ้นเคยมีแค่บรรดาขวดที่วางเรียงในตู้แช่ตามร้านสะดวกซื้อหรือแก้วจิ๋วร้อนจี๋ที่เสิร์ฟกันในร้านอาหารญี่ปุ่นแล้วล่ะก็ ชีวิตคุณพลาดอะไรไปอีกเยอะเชียว "ชาเขียวทั้งหลายทั้งมวลมีที่มาเดียวกันคือ จากต้น Camellia Sinensis แต่รสชาติและกลิ่นนั้นขึ้นอยู่กับว่าปลูกที่ไหน และใช้กรรมวิธีอะไรในการผลิต" แมรี่ ลูว์ เฮสส์ (Mary Lou Heiss) หนึ่งในผู้เขียนหนังสือ The Tea Enthusiast's Handbook : A Guide to World's Best Teas กล่าวเอาไว้


ชาวเอเชียอย่างเราๆ สุดแสนจะโชคดี เพราะชาเขียวเป็นของหาง่ายในซีกโลกตะวันออก ดังนั้น การเพิ่มหรือผสมชาเขียวเข้าไปในเมนูอาหารแต่ละวันคงไม่ยุ่งยากเกินไป ยิ่งถ้าเทียบกับประโยชน์มหาศาลที่จะตามมา เราจึงรวบรวมชาเขียวดังๆ คุณภาพคับแก้ว 6 ชนิด พร้อมวิธีดัดแปลงปรุงกับอาหารจานต่างๆ ไว้ที่นี่แล้ว คุณล่ะพร้อมหรือยัง?

*****ทำไมต้องชาเขียว*****
ชาเขียวไม่ได้ผ่านกรรมวิธีการหมักเหมือนชาดำหรือชาอู่หลง จึงมีสารต้านอนุมูลอิสระที่เรียกว่า คาเตชิน อยู่มาก โดยเฉพาะอนุพันธุ์ EGCG ซึ่งสามารถลดภาวะเป็นพิษของสารก่อมะเร็งได้

มัชฉะ
ใบชาจะถูกบดจนเป็นผงเหมาะแก่การชงดื่ม และการดื่มใบชาโดยตรงนี้เอง คุณจะได้รับสารต้านอนุมูลอิสระมากกว่าชาเขียวชนิดอื่นๆ
รสชาติ เข้ม และได้รสใบชาแบบเน้นๆ
เมนูพลิกแพลง ละลายชาเขียว  1 ช้อนชาในสมูธตี้ หรือลองโรยผงชาบนไอศครีมวานิลลา หรือบนดาร์กช็อคโกแลตแท่ง รสชาติดิบๆ ของผงชาจะตัดกับความหวานได้อย่างน่าทึ่ง

ดราก้อน เวลล์
ชาเขียวดราก้อน เวลล์ มีสีอมเหลือง ลักษณะเป็นใบแบนๆ และเป็นชาที่คนจีนนิยมดื่มมากที่สุด
รสชาติ นุ่มนวล คล้ายเกาลัด
เมนูพลิกแพลง ซอยใบชาเป็นชิ้นเล็กๆ ผสมกับสมุนไพรชนิดต่างๆ ใช้ทาไก่หรือเนื้อให้ทั่วก่อนนำไปอบ ย่าง หรือปรุงอาหารด้วยวิธีอื่นๆ

กันพาวเวอร์
ชาเขียวจากจีนชนิดนี้ใช้วิธีทอดในกระทะ ก่อนจะนำมาม้วนให้แน่นๆ เป็นลูกกลมๆ เล็กๆ
รสชาติ เข้มข้น แต่หวานที่ปลายลิ้น
เมนูพลิกแพลง แทนที่จะดื่มชาเขียวกันพาวเวอร์เพียวๆ ลองจิบน้ำซุปที่ได้จากการต้มผัก เติมชาเขียวกันพาวเวอร์หั่นลงไปในระหว่างเคี่ยว จะได้ความแปลกใหม่ที่น่าลิ้มลองเอามากๆ

เซนฉะ
เซนฉะเป็นชาเขียวที่คนญี่ปุ่นนิยมดื่มมากที่สุด กรรมวิธีการทำใบชาเขียวเซนฉะคือนึ่งใบชาจึงคงสีเขียวสดใสไว้ แล้วก็ม้วนกลมเหมือนเข็มเย็บผ้า
รสชาติ กลางๆ ออกไปทางหวานเล็กน้อย
เมนูพลิกแพลง หลังนวดแป้งเพื่อทำคุ๊กกี้ มัฟฟินหรือขนมปังเสร็จแล้ว ผสมใบชาเขียวเซนฉะแห้งลงไป 2 ช้อนโต๊ะ แล้วนำเข้าเตาอบตามปกติ

กูกิชา
กูกิชา เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า "ชาก้าน" เพราะทำจากก้านชาเซนฉะกิ่งเล็กๆ นำมาหั่นฝอยผสมกับใบเคียวกุโร
รสชาติ เบา นุ่ม กรุ่นกลิ่นกิ่งไม้อบ
เมนูพลิกแพลง ใส่กูกิชาผสมน้ำที่ใช้หมักปลาหรือหอย กูกิชาจะปรับสมดุลความหวานของเนื้อปลาได้ดี โดยเฉพาะปลาแฮลลิบัท และหอยแครง

โฮจิชา
โฮจิชาทำจากใบชาเขียวที่อบจนเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลเข้ม ชาเขียวชนิดนี้มักเก็บเกี่ยวกันช่วงปลายฤดู และอบในอุณหภูมิที่สูงกว่าชาเขียวชนิดอื่นๆ จึงมีกาเฟอีนน้อยกว่าชาทั่วไป
รสชาติ ได้โสตสัมผัสของถั่วและการอบ
เมนูพลิกแพลง ราดชาเขียวโฮจิชาเข้มข้นบนข้าวซ้อมมือ แบ้วนำไปอบกับผักชนิดต่างๆ โรยหน้าด้วยเกาลัดหั่นชิ้นเล็กๆ

สุดยอดคุณประโยชน์ของชาเขียว
ชาเขียวได้รับการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์แล้วว่าให้ผลดีต่อร่างกายมากมาย
สลายไขมันหน้าท้อง
คนอ้วนจะเผาผลาญไขมันบริเวณหน้าท้องจากการออกกำลังกายได้มากขึ้น 7% ถ้าดื่มชาเขียวผสมกาเฟอีนเมื่อเทียบกับเครื่องดื่มกาเฟอีนชนิดอื่นๆ จากผลการวิจัยที่ตีพิมพ์ใน The Journal of Nutrition
ทำให้ฟันแข็งแรง
ดื่มชาเขียวสองแก้วต่อวัน หรือมากกว่านี้ต่อวัน ฟันจะแข็งแรง ไม่โยกหรือหลุดได้ง่ายๆ จากผลการวิจัยชิ้นใหม่ที่ตีพิมพ์ใน Preventative Medicine
ลดค่า BMI
คนที่ดื่มชาเขียว 2-3 แก้วต่อวัน มีแนวโน้มที่จะมีค่า BMI รวมถึงน้ำหนักตัวลดลง จากผลการวิจัยของ University of Connecticut
ลดอัตราเสี่ยงการเกิดมะเร็งผิวหนัง
ชาเขียวสามารถซ่อมแซมดีเอ็นเอที่เสื่อมจากรังสียูวีบีได้ นอกจากนี้ยังลดอัตราการเสี่ยงที่จะเกิดมะเร็งของเซลล์สร้างเม็ดสีได้อีกด้วย จากการทดลองกับสัตว์ที่ตีพิมพ์ใน Cancer Prevention Research
ป้องกันการเกิดโรคหลอดเลือดสมอง
ดื่มชาเขียว 3 แก้วต่อวันช่วยลดอัตราเสี่ยงการเกิดโรคหลอดเลือดดสมองได้ 21 เปอร์เซ็นต์ จากผลการวิจัยในปี 2009
ลดความเสี่ยงการเกิดมะเร็งปอด
จากผลการวิจัยที่ยังไม่ได้ตีพิมพ์ของนักวิชาการชาวไต้หวัน ค้นพบว่าการดื่มชาเขียวมากกว่า 1 แก้วต่อวัน ช่วยลดปัจจัยการเกิดมะเร็งปอดได้ โดยไม่ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมการสูบบุหรี่หรือไม่ จริงๆ แล้วคนที่ไม่สูบบุหรี่ แต่ดื่มชาเขียวทุกวัน มีอัตรเสี่ยงน้อยกว่าผู้ที่ไม่ดื่มชาเขียวถึง 5 เท่าด้วยกัน


ดูบทความเมนูอาหารทั้งหมด ดูบทความภัยอันตรายทั้งหมด ดูบทความสุขภาพทั้งหมด ดูบทความวิทยาศาสตร์ทั้งหมด ดูบทความสยองขวัญทั้งหมด ดูบทความชีวิตสัตว์ทั้งหมด ดูบทความประวัติศาสตร์ทั้งหมด ดูบทความจัดอันดับทั้งหมด สารบัญบทความ

Popular Posts