เล่าเรื่องสยองขวัญ คุณแม่เล่าให้ฟัง

     

พอดีผมมีเรื่องเล่าจากคุณแม่มาฝากเป็นเรื่องสั้น ๆ แต่ว่าคุณแม่นั้นเป็นคนที่มีประสบการณ์เหล่านี้เยอะมาก เรียกได้ว่าเจอตั้งแต่สาว ๆ แล้ว

ในเหตุการณ์แรกนั้น คุณแม่เจอตั้งแต่ยังทำงานอยู่แถวจรัญสนิทวงศ์ ตอนนั้นคุณแม่อยู่บนรถเมล์ รถเมล์กำลังวิ่งอยู่บนถนน ในช่วงที่กำลังจะถึงที่ทำงานนั้น แถวนั้นมันเป็นถนนเส้นเล็ก ๆ รอบด้านเป็นชุมชนตึกแถว แล้วก็คลอง รวมไปถึงยังมีถนนคนเดินข้างคลองแบบชุมชนชาวบ้าน รถเมล์ก็วิ่งไป

จนกระทั่งถึงช่วงหนึ่งเรื่องเกิดติด ตอนแรกคุณแม่ก็คิดว่าเป็นเรื่องปกติ แต่ว่าไป ๆ มา ๆ เริ่มสงสัย เนื่องจากรถมันติดนานเกินไป สักพักหนึ่งขณะที่รถกำลังค่อย ๆ เคลื่อนไป คุณแม่ก็นึกขึ้นว่าด้านหน้าน่าจะมีอุบัติเหตุ

ในช่วงนั้นคนในรถนั้นแน่นมาก คุณแม่เริ่มมองเห็นคนในรถเดินไปชะเง้อดูด้านข้างกันเต็มไปหมด แต่ว่าคุณแม่ไม่ได้เดินไปดูนะครับ ตรงกันข้าม แม่กลับพยายามเมินหนีมองออกไปไกล ๆ ในชุมชนแทน แต่ว่าตรงบริเวณนั้น แม่เห็นผู้ชายคนหนึ่งยืนอยู่ เขายืนอยู่ที่ถนนคนเดินเรียบคลองติดรั้วกั้น แม่มองชายคนนั้นเห็นได้ถนัด ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า กางเกง รวมไปถึงรองเท้า แต่ว่าชายคนนั้นไม่มีศีรษะ แม่เห็นภาพแบบนั้น จึงค่อย ๆ เคลื่อนสายตาหลบไป ไม่อยากเห็นอีก

 จนกระทั่งรถนั้นเคลื่อนไปแถว ๆ ที่เกิดเหตุ บริเวณนั้นมีศพผู้เสียชีวิต คุณแม่เหลือบไปเห็นพอดี กางเกงของคนที่นอนอยู่บนถนน ก็เหมือนกับชายคนนั้น เหลือบไปมองที่รองเท้า ก็ยังเป็นรองเท้าแบบเดียวกัน พอดูเสื้อ เสื้อก็เหมือนกับชายคนที่อยู่เรียบคลอง แม่เริ่มสงสัยแล้วว่าหรืออาจจะเป็นคนเดียวกัน แต่ว่าพอเหลือบไปใกล้ ๆ ก็เห็นมีหมวกกันน๊อกกระเด็นกลิ้งออกไปห่าง ๆ คุณแม่มั่นใจแล้วว่าคนที่เห็นที่ยืนเรียบคลองนั้น น่าจะเป็นดวงวิญญาณของชายที่ประสบอุบัติเหตุอยู่ในขณะนั้นนั่นเอง

พอคิดได้แบบนี้ แม่จึงเอมือที่เท้าคางอยู่นั้นมาบังหน้าแทนทันที เนื่องจากไม่อยากจะให้ชายคนนั้นรับรู้ว่าแม่มองเห็นเขาด้วย

นั่นคือเหตุการณ์แรก

เรื่องที่ 2 คุณแม่ไปพบเจอตอนไปเที่ยว เป็นทางผ่านไปจังหวัดเลย ในช่วงระหว่างการเดินทางก็มีการแวะพักกันที่ปั๊ม เพื่อเข้าห้องน้ำแล้วก็เติมเสบียง เพื่อนคุณแม่ที่ขับรถ ก็ได้ขับรถเข้าไปจอดในปั๊มหน้าร้านค้าแห่งหนึ่ง โดยด้านหน้านั้นจะมีต้นหมากแดงตั้งตระหง่านอยู่ต้นหนึ่ง

ตอนจอดนั้น คุณแม่ก็เหลือบมองไปเห็นผู้ชายคนหนึ่งยืนอยู่ อายุราว ๆ สัก 25 ปี แม่บอกว่าตอนที่เหลือบไปเห็นนั้น สังหรณ์ได้บอกเล็ก ๆ ว่า ชายคนนี้ไม่น่าจะใช่คนแน่ ๆ ตอนที่หลบจากรถ แล้วก็เดินผ่านชายคนนั้นไปตรงที่นั่งหน้าร้านขายของ คุณแม่พยายามไม่มองหน้าเขา โดยเดินก้มหน้าผ่านไป แต่ว่าชายคนนั้นเหมือนกับรู้ว่าแม่พยายามหลบเลี่ยง

ในระหว่างที่กำลังจะเดินผ่านนั้น เพื่อนของคุณแม่ที่ขับรถ ก็ได้ตะโกนบอกแม่ว่าฝากซื้อน้ำมาด้วย แล้วเพื่อนคุณแม่ก็เดินมาหาคุณแม่เพื่อส่งเงินให้ ระหว่างนั้นหูของคุณแม่ก็ได้ยินชัดเจนว่า ชายคนที่อยู่ใต้ต้นหมากนั้นพูดขึ้นมาว่าขอน้ำแดงนะ แม่ได้ยินแบบนั้นก็ถึงกับชะงักไปนิดหนึ่ง เนื่องจากอุตส่าห์หลบแล้ว ชายคนนั้นยังจะมองเห็นอีก แม่จึงเลยตามเลย เลยเดินเข้าไปซื้อของ แล้วก็ซื้อน้ำแดงติดมาให้ชายคนนั้นด้วย แต่ว่าเพราะมัวแต่คิดเรื่องนี้ แม่กลับลืมซื้อน้ำของเพื่อน ตอนนั้นพอเดินออกมาจากร้านค้า แม่ก็เอาน้ำดื่มไปให้เพื่อนที่รออีกคนในรถก่อน แล้วก็เดินมาเปิดของตัวเอง ดื่มหน้ารถตรงบริเวณม้านั่ง ส่วนเพื่อนที่ฝากซื้อน้ำนั้นได้แยกไปเข้าห้องน้ำ

หลังจากที่คุณแม่ดื่มน้ำเสร็จ ก็หยิบเอาขวดน้ำแดงออกมาเปิดใส่หลอด แล้วก็เอาออกไปตั้งไว้หน้าต้นหมาก แม่พูดเบา ๆ ว่า อ่า ซื้อให้แล้วนะ พอแม่หันหน้ากลับมา เพื่อนอีกคนที่นั่งรออยู่ในรถนั้นก็กำลังมองแม่อยู่ แล้วก็ได้แต่ถามแม่ว่าพูดกับใครน่ะ ขณะนั้นเรียกได้ว่าแม่เห็นอยู่เพียงลำพังคนเดียว

สักพักเพื่อนที่ไปเข้าห้องน้ำนั้นก็เดินออกมา แล้วก็บ่น เนื่องจากแม่นั้นลืมซื้อน้ำมาเผื่อ แม่เลยเดินกลับไปซื้อน้ำอีกครั้งหนึ่ง พอออกมาจากร้านค้า คุณแม่ก็ต้องเดินผ่านชายคนนั้น ก็บอกกับเขาเบา ๆ ว่าไม่ต้องตามไปนะ ในรถมีพระอยู่ อยู่ที่นี่ล่ะ เพื่อนที่ขับยืนอยู่ใกล้ ๆ ก็งง ไม่รู้ว่าคุณแม่พูดอยู่กับใคร มีแต่เพียงแม่เท่านั้นที่มอง และก็ได้ยินเสียงของชายคนนั้นชัดเจนอยู่เพียงลำพังคนเดียว

เรื่องต่อมา เป็นตอนที่คุณแม่กับคุณยายจะไปเยี่ยมน้าแถวลาดพร้าว 80 ตอนนั้นคุณยายเป็นคนขับรถ คุณแม่เป็นคนดูทาง ดูป้าย ให้

พอไปถึงทางกลับรถบริเวณหนึ่ง คุณแม่ก็เห็นชายคนหนึ่งยืนอยู่ข้างทาง แม่บอกว่าดูแล้วชายคนนั้นอายุน่าจะราว ๆ 20 ต้น ๆ เสื้อผ้าขาดวิ่น บริเวณเนื้อตัวผิวกายมีรอยฉีกขาดเป็นแผลเลือดเปรอะเต็มไปหมด ตอนนั้นคุณแม่คิดว่าน่าจะเป็นคนที่ได้รับอุบัติเหตุ เห็นแบบนั้นก็ตกใจ ตะโกนร้องออกไปคำเดียวว่า เฮ้ย เท่านั้นเอง วูบเดียวเท่านั้น ชายคนนั้นกลับเข้ามานั่งในรถที่เบาะหลัง คุณแม่ได้แต่ชะงัก แล้วก็นึกในใจว่าเอาแล้วไง ไม่น่าทักเลย คุณแม่มองกระจกหลัง เห็นชายคนเดิมนั่งอยู่ ทำหน้าตานิ่ง ๆ

พอกลับรถได้ คุณแม่ก็บอกคุณยายว่าหาที่จอดข้างทางหน่อย พอดีมีคนติดรถมาโดยไม่ตั้งใจ คุณยายได้ยินแบบนั้นก็ตกใจ แล้วก็ค่อย ๆ เบี่ยงรถเข้าข้างทางหาที่จอดหน้าปั๊มแห่งหนึ่ง แล้วก็เปิดไฟฉุกเฉินเอาไว้ จากนั้นคุณแม่ก็เดินลงไปเปิดประตูที่เบาะด้านหลัง แล้วก็บอกว่าส่งได้แค่นี้นะ เดี๋ยวต้องไปธุระต่อ ถ้าเกิดจะไปไหนต่อล่ะก็ โบกรถคนอื่นเขาเอาเถอะนะ ชายคนนั้นได้ยิน ก็ค่อยก้าวลงมา คุณแม่เริ่มประตู แล้วพนมมือสวดแผ่เมตตาให้กับเขา แม่บอกอีกครั้งก่อนขึ้นรถว่าอยู่ที่นี่เถอะนะ ไม่ต้องตามมา ชายคนนั้นก็เริ่มพยักหน้าช้า ๆ ครั้งหนึ่ง สีหน้านิ่งแบบเดิม คุณแม่รีบขึ้นรถ แล้วก็หันไปพนมมือสวดแผ่เมตตาอีกครั้งหนึ่ง แล้วคุณยายก็ขับรถออไปโดยเร็ว

นั่นคือเหตุการณ์ที่ 3

แล้วก็มาถึงเหตุการณ์สุดท้าย อันนี้เจอกันทั้งบ้าน เรื่องนี้เกิดเกิดขึ้นตอนที่คุณยายยังอยู่ราว ๆ 15 ปีที่แล้ว วันนั้นมีคนมาหาคุณตาบ่อย ๆ เป็นลูกศิษย์ คุณตาเป็นอาจารย์ ตอนเขามาคุณยายก็ออกไปรับ แล้วก็ชวนคนนั้นเข้าบ้าน คุยกันสนุกสนาน

แต่พอคุณแม่เห็นเข้า คุณยายพาแกเข้ามาในตัวบ้านนั้น เมื่อมีผู้ชายคนหนึ่งเดินตามเข้ามาด้วย โดยที่คนอื่นไม่เห็น แม่บอกว่าพอชายแปลกหน้าคนนั้นเดินเข้ามาในบ้าน กลิ่นแรง ๆ ก็ตามมาทันที

หลังจากนั้นแทบทุกวัน ในบ้านก็จะมีกลิ่นแบบนี้ เป็นกลิ่นสาบสางเหมือนกับขยะแห้ง ๆ รวมไปถึงกลิ่นศพที่ลอยตลบอบอวลไปทั่วบ้าน ได้กลิ่นกันแทบทุกคนในบ้านเลย คุณแม่บอกว่าวันนั้นมีคนตามมาด้วย แล้วก็บอกว่ากลิ่นนี้มาจากชายคนนี้นี่ล่ะ ทุกคนในบ้านนั้นไม่มีใครได้เห็นเจ้าของของกลิ่น มีแต่แม่คนเดียวเห็นชายคนนี้เดินอยู่ในบ้าน เป็นชายตัวผอม ๆ แต่ว่ามีกลิ่นตัวเหม็นมาก และทุกครั้งที่ชายคนนี้เดินอยู่ในบ้านให้แม่เห็น จะมีกลิ่นที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น

แม่บอกว่าลักษณะของชายคนนี้นั้น เป็นชายอายุวัยกลางคนน่าจะประมาณสัก 40 ลักษณะเป็นคนผอม ผอมมาก ใส่เสื้อผ้าขาด ๆ เก่า ๆ ลักษณะเหมือนกับคนจรจัด ชายคนนี้เดินวนไปวนมาอยู่ในบ้านหลายครั้ง

จนกระทั่งวันหนึ่งคุณแม่กำลังทำกับข้าว แล้วก็เห็นชายคนนี้อีก โดยที่กลิ่นนั้นก็ตามมา ทำให้คุณแม่นึกอารมณ์เสียเป็นอย่างมาก จึงตะโกนถามขึ้นไปลอย ๆ ว่าจะโผล่มาทำไม ชายคนนั้นทำหน้าคิ้วกุโก่งแบบว่างง ๆ ปนสับสน แล้วก็เดินไปที่อื่น หลังจากนั้นคุณแม่และทุกคนในบ้านก็ไม่มีใครได้กลิ่นแรง ๆ แบบนี้อีกเลย

เท่าที่ฟังจากคุณแม่เล่ามานั้น น่าจะสรุปได้ว่าโลกของวิญญาณ โลกแห่งความตายนั้น อาจจะซ้อนทับกันอยู่กับเราทุกวันนี้ก็ได้ ใครจะไปรู้ ระหว่างที่คุณผู้ฟังกำลังนั่งฟังรายการนี้อยู่ อาจจะมีใครนั่งห่าง ๆ คุณก็เป็นได้

ขอขอบคุณ เดอะช็อคสตอรี่

บทความแนะนำ

เล่าเรื่องสยองขวัญ นั่งซากหวาดผวา ศพล่อเสือ

เล่าเรื่องสยองขวัญ สยองกลางทุ่ง

เล่าเรื่องสยองขวัญ เพื่อนเล่าให้ฟัง

เล่าเรื่องสยองขวัญ ทำไมไม่บวชให้

เล่าเรื่องสยองขวัญ ร้านเหล้าผี

เล่าเรื่องสยองขวัญ แถวนี้มีเยอะ

เล่าเรื่องสยองขวัญ 6 ปีไม่เคยลืม

เล่าเรื่องสยองขวัญ บ้านเก่า

เล่าเรื่องสยองขวัญ อยากลองจนเจอดี

ตำนานผีญี่ปุ่น คาซาเนะ

ตำนานผีญี่ปุ่น บ้านแห่งจาน

ตำนานผีญี่ปุ่น ผีตระกูลเฮอิเคะ

ตำนานผีญี่ปุ่น กาซาโดคุโร

ตำนานผีญี่ปุ่น คาซาเนะ

     

"ไอ้เด็กนี่มันขวางหูขวางตาจริงโว้ย" โยเอมอนพูดกับโอสึกิ ภรรยาน้อยอย่างโกรธแค้น ถึงแม้เขาจะรู้ว่าเธอมีลูกอยู่แล้ว แต่เขาก็ยอมรับโอสึกิเป็นภรรยาและก็นำลูกของเธอมาอยู่ด้วยกัน เด็กคนนี้มีชื่อว่าสึเกะ มีหน้าตาน่าเกลียด โอสึกิเข้าใจความรู้สึกของสามีดีจึงตัดสินใจที่จะฆ่าลูกของตนเอง และวันหนึ่งโอสึกิก็ผลักสึเกะให้ตกแม่น้ำคินุงาว่าตาย

ต่อจากนั้นอีกสองปี ทั้งสองคนก็ให้กำเนิดเด็กผู้หญิงคนหนึ่งชื่อ คาซาเนะ แต่ว่าคาซาเนะเกิดมามีหน้าตาน่าเกลียดเหมือนกับเกิดมาเป็นตัวแทนของสึเกะ วันเวลาผ่านไปจนคาซาเนะเติบโตเป็นสาว พ่อแม่ของเธอก็ตาย และเพราะหน้าตาของเธอน่าเกลียด คาซาเนะเลยต้องอยู่คนเดียวโดยไม่ได้แต่งงาน ต่อมาได้มีชายหนุ่มไม่รู้มาจากไหนมาอาศัยอยู่ในหมู่บ้านเดียวกับเธอ โดยมาเป็นคนงานในไร่นาแห่งหนึ่ง

ทั้งสองคนรักกันและแต่งงานกันในที่สุด แต่ความจริงผู้ชายคนนั้นมีจิตใจชั่วร้ายและโลภ ที่เขายอมแต่งงานกับคาซาเนะเพราะว่าต้องการไร่นาของเธอนั่นเอง ในที่สุดคาซาเนะก็รู้ความจริงว่าสามียอมแต่งงานกับเธอเพราะต้องการไร่นา และยังรู้อีกว่า สามีของเธอรังเกียจหน้าตาที่อัปลักษณ์ของเธอด้วย

วันหนึ่ง สามีของคาซาเนะวางแผนที่จะฆ่าเธอทิ้ง เขาชวนเธอไปที่ข้างแม่น้ำคินุงาว่าแล้วก็ผลักเธอตกแม่น้ำตาย ที่ๆ เธอถูกสามีผลักตกแม่น้ำนั้นบังเอิญเป็นที่เดียวกับที่สึเกะลูกติดแม่ของเธอถูกผลักตกแม่น้ำเหมือนกัน หลังจากนั้นสามีของคาซาเนะก็มีภรรยาใหม่ และมีลูกสาวชื่อคิคุ แต่พอคิคุเกิดมาได้ไม่นานภรรยาใหม่ของเขาก็ตาย วันเวลาผ่านไปจนกระทั่งถึงวันที่คิคุมีอายุครบ 13 ปี เธอก็จ้องไปที่พ่อของเธอแล้วร้องขึ้นว่า "ฉันเกิดมาเป็นตัวแทนของคาซาเนะที่ถูกแกฆ่าที่แม่น้ำคินุงาว่า แกฆ่าฉัน ฉันต้องแก้แค้นแกให้ได้"

ทันใดนั้นเองเขาก็รู้สึกสำนึกผิด จึงไปหาพระชื่อดังที่วัดโฮโซจิเพื่อขอความช่วยเหลือ พระองค์นั้นนั่งทางในดูแล้วบอกว่า ตอนนี้วิญญาณผีของคาซาเนะสงบลงแล้ว และได้ทำพิธีขับไล่วิญญาณของคาซาเนะออกไปจากตัวคิคุ แต่เขารู้สึกกลัวต่อความผิดครั้งนั้นจึงหนีออกจากบ้านไป สำหรับคิคุ ตั้งแต่นั้นมาเธอก็กลับมามีสุขภาพแข็งแรงตามเดิมและมีชีวิตอย่างมีความสุขตลอดมา

หลังจากผลงานของสึมุระ จิเฮ ถูกนำมาแสดงเป็นละครครั้งแรกในฤดูใบไม้ร่วงของปีเคียวโฮที่ 16 (ค.ศ. 1731) ตั้งแต่นั้นมาเรื่องผีของเขาก็ได้รับความนิยมอย่างสูงในฐานะละครผีที่ใช้เล่นในละครคาบูกิสมัยเอโดะ แม้แต่ในปัจจุบันนี้ก็ยังคงเล่นอยู่ในฤดูร้อน


บทความแนะนำ

เล่าเรื่องสยองขวัญ สยองกลางทุ่ง

เล่าเรื่องสยองขวัญ เพื่อนเล่าให้ฟัง

เล่าเรื่องสยองขวัญ ทำไมไม่บวชให้

เล่าเรื่องสยองขวัญ ร้านเหล้าผี

เล่าเรื่องสยองขวัญ แถวนี้มีเยอะ

เล่าเรื่องสยองขวัญ 6 ปีไม่เคยลืม

เล่าเรื่องสยองขวัญ บ้านเก่า

เล่าเรื่องสยองขวัญ อยากลองจนเจอดี

เล่าเรื่องสยองขวัญ คุณแม่เล่าให้ฟัง

ตำนานผีญี่ปุ่น บ้านแห่งจาน

ตำนานผีญี่ปุ่น ผีตระกูลเฮอิเคะ

ตำนานผีญี่ปุ่น กาซาโดคุโร

ตำนานผีญี่ปุ่น บ้านแห่งจาน

ในสมัยเอโดะ...อาโอยามา ชูเซ็น อาศัยอยู่ในเมืองอุชิโกเมะโกมง บ้านของเขามีสาวใช้คนสวยชื่อ โอคิคุ ทำงานอยู่

ชูเซ็นหลงรักโอคิคุ แต่ว่าภรรยาของชูเซ็นเป็นคนขี้อิจฉาริษยา ทำให้เธอเกลียดโอคิคุมาก ที่บ้านของชูเซ็นนี้มีจานจากต่างประเทศ 10 ใบของบรรพบุรุษของเขาซึ่งถือว่าเป็นสมบัติอันล้ำค่าของตระกูลเลยทีเดียว วันหนึ่งโอคิคุเผลอทำจานหล่นแตกหนึ่งใบ ภรรยาของชูเซ็นซึ่งเกลียดโอคิคุอยู่แล้วเลยโกรธและด่าว่า
"แกทำจานสมบัติของตระกูลแตก แกต้องถูกทำโทษ" และแล้วเธอก็ลงโทษโอคิคุด้วยการจับตัวโอคิคุแขวนแล้วหย่อนลงไปในบ่อน้ำในบ้าน จนโอคิคุมนทรมานไม่ไหว และตายไปในที่สุด

หลังจากเหตุการณ์นี้ผ่านไป ทุกๆ คืน วิญญาณผีของโอคิคุจะปรากฏตัวขึ้นมาจากบ่อน้ำนั่นแล้วร้องนับจำนวนจานอย่างเศร้าสร้อยว่า "หนึ่งใบ..สองใบ.." นับไปจนถึงใบที่เก้าแล้วก็ร้องไห้ จากนั้นก็เริ่มนับจานใหม่อีก

ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ประหลาดนี้ขึ้น คนทั่วไปก็เรียกบ้านของชูเซ็นว่า "บ้านแห่งจาน" หลังจากนั้น ก็มีพระองค์หนึ่งมาทำพิธีอุทิศส่วนกุศลให้กับวิญญาณผีของโอคิคุ ตั้งแต่นั้นมาก็ไม่มีเรื่องประหลาดแบบนั้นเกิดขึ้นอีกเลย

เรื่องผีๆ อย่างที่ทำจานซึ่งเป็นสมบัติมีค่าของตระกูลแตกแล้วต้องถูกทำโทษโดยวิธีถ่วงน้ำที่เหมือนในเรื่องบ้านแห่งจานนี้ ไม่ใช่มีแต่ที่นี่เท่านั้น แต่มีอยู่ทั่วทุกหนทุกแห่งทีเดียว อย่างเช่นที่เมืองมัตสึเอะ จังหวัดชิมาเนะ, อำเภอฮาตะ จังหวัดโคชิ, อำเภอคาโฮ จังหวัดฟุคุโอกะ หรือที่เมืองฟุคุเอะ จังหวัดนางาซากิ ก็มีเรื่องอย่างนี้เหมือนกัน

ตั้งแต่เรื่องบ้านแห่งจานถูกนำมาเล่นเป็นละครในปีที่หนึ่งของปีคันโป (ค.ศ. 1741) ตัวเอกของเรื่องคือโอคิคุก็กลายเป็นดาวของเรื่องผีญี่ปุ่นไปเลยทีเดียว

<<รวมตำนานผีญี่ปุ่น คลิก>>

บทความแนะนำ

เล่าเรื่องสยองขวัญ นั่งซากหวาดผวา ศพล่อเสือ

เล่าเรื่องสยองขวัญ สยองกลางทุ่ง

เล่าเรื่องสยองขวัญ เพื่อนเล่าให้ฟัง

เล่าเรื่องสยองขวัญ ทำไมไม่บวชให้

เล่าเรื่องสยองขวัญ ร้านเหล้าผี

เล่าเรื่องสยองขวัญ แถวนี้มีเยอะ

เล่าเรื่องสยองขวัญ 6 ปีไม่เคยลืม

เล่าเรื่องสยองขวัญ บ้านเก่า

เล่าเรื่องสยองขวัญ อยากลองจนเจอดี

เล่าเรื่องสยองขวัญ คุณแม่เล่าให้ฟัง

ตำนานผีญี่ปุ่น คาซาเนะ

ตำนานผีญี่ปุ่น ผีตระกูลเฮอิเคะ

ตำนานผีญี่ปุ่น กาซาโดคุโร

เรื่องย่อละครคลื่นชีวิต

จีราวัจน์ (อุรัสยา เสปอร์บันด์) ดาราสาวที่มีชื่อเสียงและมีข่าวฉาวกับหนุ่มๆ ทั้งในและนอกวงการ เป็นคนตรงและแรงจนใครๆ ก็ไม่ชอบหน้า มี คุณหญิงจริยา (มยุริญ ผ่องผุดพันธ์) เป็นแม่แท้ๆ ที่ไปแต่งงานกับผู้มีอิทธิพล ไม่ดูแลลูก ทำให้แม่ลูกไม่ถูกกัน

ในงานเดินแบบ จีราวัจน์โดน สิทธา (ธีรพงศ์ เหลียวรักวงศ์) สามีใหม่ของจริยา มอมยา หมายปลุกอารมณ์ให้เธอมีความต้องการทางเพศ แต่จีราวัจน์พยายามหนีเอาตัวรอด ขับรถหนีออกมาทั้งที่คุมสติไม่อยู่ ทำให้ไปเฉี่ยวชน ติวดี (พริมา พันธุ์เจริญ) แฟนสาวของ สาธิต (ปริญ สุภารัตน์) ทนายความหนุ่มไฟแรง จนมาเสียชีวิตที่โรงพยาบาล

จีราวัจน์กลายเป็นฆาตกรโดยไม่รู้ตัว เมื่อรู้ตัว จีราวัจน์กล้ายอมรับผิดกับตำรวจ แต่ก็ไม่ทันเพราะ สุกี้ (เอกชัย เอื้อสังคมเศรษฐ์) ส่งสเตฟาน (ณภัทร ชุ่มจิตตรี) คนขับรถคนสนิทให้มารับสารภาพผิดกับตำรวจว่าเป็นคนขับรถชนติวดีเองเพื่อแลกกับอนาคตของจีราวัจน์ที่กำลังรุ่งเรือง แต่เรื่องไม่จบง่ายไ เพราะก่อนที่ติวดีจะถูกรถชน เธอกำลังคุยโทรศัพท์กับสาธิตอยู่ สาธิตได้ยินเสียงผู้หญิงบอกขอโทษติวดี ก่อนที่ทุกอย่างจะเงียบไป เขาจึงมั่นใจว่าคนที่ขับรถชนติวดีไม่ใช่สเตฟาน แต่เป็นจีราวัจน์

สาธิตหาทางพิสูจน์ให้คนทั้งสังคมเห็นว่าฆาตกรตัวจริงเป็นใคร โดยมี พ.ต.ต.พิเชษ (สุรินทร คารวุตม์) เพื่อนตำรวจคอยช่วยดูแลคดี สาธิตมั่นใจว่าเขาสามารถเอาตัวจีราวัจน์มารับโทษได้แน่นอน แต่หลักฐานที่สาธิตมีกลับหายไปหมดเพราะสิทธาให้ลูกน้องตามไปเก็บหลักฐาน และทำลายทิ้ง ทำให้สาธิตเอาผิดจีราวัจน์ไม่ได้ แต่เขาก็ไม่ยอมแพ้ นวดี (ขวัญฤดี นิวาตวงศ์) แม่ของติวดียอมรับชะตากรรมของลูกสาว ขอร้องให้สาธิตหยุดอาฆาตแค้นเพราะไม่อยากให้เขาจมอยู่กับความทุกข์ในดรื่องนี้มากเกินไป

สาธิตหยุดดำเนินคดีทางกฎหมายกับจีราวัจน์ แต่เขาไม่หยุดตามจองล้างจองผลาญเธอ ในเมื่อกฎหมายลงโทษจีราวัจน์ไม่ได้ เขาจะใช้กฎแห่งกรรมลงโทษจีราวัจน์เอง ส่วนจีราวัจน์เองก็อยากยอมรับผิดกับสาธิต แต่ก็ทำไม่ได้เพราะต้องแบกความเป็นความตายของคนที่ร่วมโกหก ช่วยเธออยู่ เธอเลือกที่จะไถ่โทษก้วยการดูแลนวดีแทนติวดี โดยมี ชยันต์ (หลุยส์ สก็อตต์) ผู้กำกับฯ ชื่อดัง และเป็นเพื่อนกับสาธิตคอยช่วยเหลืออยู่ห่างๆ

แต่ความช่วยเหลือของชยันต์กลับสร้างปัญหาให้จีราวัจน์ เมื่อปียากุล (จรินทร์พร จุนเกียรติ) ลูกสาวของ พัฒนะ (สันติสุข พรหมศิริ) เจ้าของสถานีโทรทัศน์ชื่อดังและเป็นพ่อบุญธรรมของสาธิต ปียากุลเป็นภรรยาที่ขี้หึงของชยันต์ เมื่อรู้ว่าจีราวัจน์สนิทสนมกับชยันต์ เธอจึงใช้อำนาจในมือกลั่นแกล้งจีราวัจน์ แต่เพราะจีราวัจน์กำลังเป็นดาราทำเงินของพัฒนะ พัฒนะจึงออกตัวปกป้อง ปียากุลโกรธมากเมื่อเห็นจีราวัจน์กับชยันต์ใกล้ชิดกัน คิดว่าทั้งสองแอบคบกันอยู่ จึงเอาเรื่องไปปรึกษากับสาธิต ซึ่งเธอนับถือเขาเหมือนพี่ชาย ทำให้สาธิตเข้าใจว่านอกจากจีราวัจน์จะเป็นคนตลบตะแลงสังคมว่าตัวเองไม่ใช่ฆาตกรแล้ว ยังเป็นผู้หญิงรักสนุก มั่วผู้ชายไม่ซ้ำหน้าอีกด้วย

สาธิตพบว่าจีราวัจน์สนิทสนมกับ เจตร (มาสุ จรรยางค์ดีกุล) วิศวกรปิโตรเลียมที่ใช้ชีวิตอยู่กลางทะเล เจตรตกหลุมรักจีราวัจน์ตั้งแต่แรกพบ และมารู้ภายหลังว่าจีราวัจน์เป็นเพื่อนรักของ ดารากา (ณัฏฐณิชา ดังวัธนาวณิชย์) ครูสาวที่สอนอยู่โรงเรียนของครอบครัว ขณะที่ เจนจิรา (วันสิริ อาองอำไพ) น้องสาวของเจตร เป็นทนายฝึกหัดอยู่ที่สำนักงานทนายความของสาธิต แอบหลงรักสาธิตอยู่เงียบๆ โดยที่เขาไม่รู้ตัว

ชีวิตของจีราวัจน์เจอปัญหารุมล้อมจากคนรอบข้าง ในวงการบันเทิงเธอยังเจอ พิม (โชติกา วงศ์วิลาศ) นางเอกจอมสร้างภาพคอยหาทางกำจัดจีราวัจน์อยู่เสมอ ถึงขั้นยอมเป็นเมียน้อยสิทธา เพื่อใช้อำนาจของสิทธาปูทาง และเล่นงานจีราวัจน์กับแม่อย่างแยบยล

หลายครั้งที่จีราวัจน์เหนื่อยกับการสู้รบกับความเกลียดชังที่ประเดประดังเข้ามาเหมือนคลื่นกระทบหาด แต่เธอก็ยังพอมีหลักให้ยึดอีกคนคือ ครูอารี (อนันต์ บุนนาค) ครูสอนร้องเพลงสมัยจีราวัจน์เรียนอยู่ชั้นมัธยม ครูอารีคือคนที่เอื้ออารีข้าวและขนมเวลาที่จริยาออกไปขายตัว ปล่อยให้จีราวัจน์อยู่กับ ยายจันทร์ (ทัศน์วรรณ เสนีย์วงศ์ ณ อยุธยา) ยายข้างบ้านที่เคยเลี้ยงดูจีราวัจน์มาตั้งแต่เด็ก การมาบ้านครูอารีครั้งนี้ ทำให้เธอรู้ว่าบ้านสวนถัดไปเป็นบ้านของนวดี จีราวัจน์จึงแอบไปดูความเป็นอยู่ของนวดีเพื่อหวังจะช่วยเหลือเป็นการไถ่บาปที่ติดอยู่ในใจ ที่นั้นทำให้เธอได้เจอกับสาธิต เธอไม่อยากสู้รบกับสาธิตเพราะรู้ตัวดีว่าตัวเองผิด แต่สาธิตไม่มีทางปล่อยเธอให้หลุดมือ จงใจพูดว่าเธอเป็นคนขี้ขลาด ทำผิดแล้วไม่กล้ารับผิด สาธิตเดินต้อนจีราวัจน์ไปจนถึงริมคลอง เป็นครั้งแรกที่สาธิตเห็นความกลัวในแววตาของจีราวัจน์ ทำให้รู้ว่าจีราวัจน์ว่ายน้ำไม่เป็น แต่แทนที่สาธิตจะปรานีปล่อยเธอไป เขากลับกดดันจนเธอตกน้ำ

แม้ว่าจีราวัจน์ว่ายน้ำไม่เป็น แต่เธอก็ไม่ตะโกนร้องขอความช่วยเหลือจากใคร ชาวบ้านมาเห็นจึงช่วยชีวิตเธอไว้ได้ ยิ่งสาธิตอยากแก้แค้นมากเท่าไหร่ แต่การได้ใกล้ชิดจีราวัจน์ ความดีของเธอกลับทำให้สาธิตใจอ่อนและเริ่มแพ้ใจตัวเอง จีราวัจน์ช่วยชีวิตเขาไว้หลายครั้งโดยไม่กลัวความตายสาธิตเริ่มลังเลใจที่จะแก้แค้นจีราวัจน์

จีราวัจน์เองก็ได้เห็นมุมอบอุ่นที่เกิดจากความเอาใจใส่ดูแล ความละเอียดอ่อนของสาธิต ซึ่งเป็นความรู้สึกที่เธอไม่เคยได้รับจากใคร ทำให้จีราวัจน์แอบเผลอใจให้สาธิตโดยไม่รู้ตัว สองคนต่างมีความห่วงใยที่ไม่กล้าแสดงออกต่อกัน ขณะเดียวกันจีราวัจน์พยายามจะสานต่อความรักของชยันต์และปียากุลให้เข้าใจกัน แต่ความหึงหวงของปียากุลทำให้ยิ่งทะเลาะกันไปใหญ่

ปียากุลเข้าใจชยันต์ผิดมากขึ้น คิดว่าจีราวัจน์กับสามีมีอะไรกัน เธอพยายามเรียกร้องความสนใจ ทำให้ตัวเองล้มป่วย เพื่อให้ชยันต์มาดูแล แต่พอชยันต์ไปเยี่ยมที่โรงพยาบาล กลับได้ยินเธอคุยกับพัฒนะที่เธอสร้างเรื่องขึ้นมา และกลั่นแกล้งจีราวัจน์ ทำให้ชยันต์โกรธมาก หายไปจากชีวิตเธอโดยไม่ยอมเจอหน้ากันอีก กระทั่งปียากุลท้อง ชยันต์รู้ข่าวก็คิดว่าปียากุลสร้างเรื่องขึ้นมาอีก เพื่อดึงเขากลับไปหา ชยันต์ไม่ยอมไปดูแลปียากุล แต่ย้ายออกจากบ้านไปอยู่บ้านครูอารีกับจีราวัจน์ จนสาธิตไม่พอใจ ทำให้มีเรื่องชกต่อยกัน

เจตรบอกเล่าให้ดาราการู้ว่าเขาชอบจีราวัจน์ แต่ไม่กล้าบอกให้เธอรู้ ดาริการู้สึกใจหาย เพราะเขาคือคนที่เธอหลงรัก แต่ก็ไม่กล้าปริปากบอกเหมือนกัน ดารากาพร้อมที่จะเดินออกไปจากชีวิตเพื่อนสาว เพื่อให้จีราวัจน์กับเจตรได้สมปรารถนา แต่ในวันที่เจตรไปสารภาพรักกับจีราวัจน์ เขาก็ต้องผิดหวังเพราะจีราวัจน์มีคนที่เธอรักอยู่แล้ว เจตรกลับมาหาดารากา แต่เธอก็หายไปจากชีวิตเขาแล้ว เจตรตามหาดารากาจนรู้ว่าเธอไปอยู่ที่ไหนจึงตามไปง้อ และปรับความเข้าใจกันในที่สุด

สาธิตพยายามหาหลักฐานมาเปิดโปงความชั่วของสิทธา สิทธาจึงส่งลูกน้องไปลอบทำร้าย จีราวัจน์เอาตัวเองเข้าปกป้องเขาไว้ จนทำให้ตัวเองบาดเจ็บ สิทธายังไม่หยุดแค่นี้ เขาทำให้สาธิตเข้าใจจีราวัจน์ว่าเป็นผู้หญิงเลวร้ายพร้อมทั้งเอาหลีกฐานที่จีราวัจน์ขับรถชนติวดีไปให้สาธิตดู เรื่องนี้รู้ถึงหูจริยา จริยานีบไปหาสาธิตเพื่อเจรจาพร้อมเสนอเงินให้ ความเจ็บปวดในใจของสาธิต ทำให้สาธิตบอกจริยาไปว่า เขาจะยอมทำลายหลักฐานก็ต่อเมื่อจีราวัจน์ยอมมานอนกับตน

จีราวัจน์ยอมทำตามที่สาธิตต้องการ เธอยอมนอนกับเขาเพื่อให้เขายุติเรื่องทั้งหมด จริยาเป็นห่วงลูกสาวมาก พยายามหาทางช่วยเหลือ เมื่อรู้ว่าสิทธาหาทางเล่นงานจีราวัจน์ จริยาตามไปช่วยลูกสาว และยิงสิทธาเสียชีวิตคาที่ จริยาถูกจับดำเนินคดี เธอยอมรับผิด และยังมอบหลักฐานฉ้อโกงต่างๆ ของสิทธาให้ตำรวจ ระหว่างที่รอดำเนินคดี จริยาจึงไปบวชชีเพื่อดับทุกข์ที่เกิดขึ้นในใจ ส่วนชยันต์ก็ปรับความเข้าใจกับปียากุล หลังจากเชื่อแล้วว่าเธอกำลังตั้งท้องจริงๆ

ขณะเดียวกัน จีราวัจน์เกิดตั้งท้อง เธอไม่ยอมบอกให้สาธิตรู้ แต่ชยันต์สืบจนรู้ว่าจีราวัจน์ท้องกับสาธิต จึงบอกให้สาธิตรู้ สาธิตจึงตามหาจีราวัจน์เพื่อปรับความเข้าใจ กว่าจะลงเอยกันได้ ชยันต์กับปียากุลก็ต้องช่วยกันจนตัวโก่ง จนในที่สุด ทั้งสองก็ยอมเผยความในใจให้กันและกัน และรู้ว่านักกันมากแค่ไหน

ฝันเห็นงู	ฝันเห็นงูสีขาว	ฝันเห็นงูเหลือม
ฝันเห็นงูเหลือมตัวใหญ่	ฝันเห็นงูเหลือมสีทอง	ฝันเห็นงูใหญ่
ฝันเห็นงูตัวใหญ่	ฝันเห็นงูหลายตัว	ฝันเห็นงูลาย
ฝันเห็นงูเขียว	ฝันเห็นงูเห่า	ฝันเห็นงูจงอาง
ฝันเห็นงูจงอางยักษ์	ฝันเห็นงูจงอางเข้าบ้าน	ฝันเห็นงูจงอางหลายตัว
ฝันเห็นงูจงอางกัด	ฝันเห็นงูจงอางเผือก	ฝันเห็นงูจงอางชูคอ
ฝันเห็นงูจงอางตัวใหญ่มาก	ฝันเห็นงูจงอางตัวใหญ่สีดำ	ฝันเห็นงูแมวเซา
ฝันเห็นงูหลาม	ฝันเห็นงูตัวสีฟ้า	ฝันเห็นงูตัวสีดำ
ฝันเห็นงูตัวสีแดง	ฝันเห็นงูสีทอง	ฝันเห็นงูหลายตัว
ฝันเห็นงูสองตัว	ฝันเห็นงูเผือก	ฝันเห็นงูหลาม
ฝันเห็นงูตัวใหญ่มาก	ฝันเห็นงูตัวใหญ่สีดำ	ฝันเห็นงูตัวใหญ่หลายตัว
ฝันเห็นพญานาค	ฝันเห็นพญานาคตัวใหญ่	ฝันเห็นพญานาคสีทอง
ฝันเห็นพญานาคสีเขียว	ฝันเห็นพญานาคสีแดง	ฝันเห็นพญานาคเล่นน้ำ
ฝันเห็นพญานาคไล่ตาม	ฝันเห็นหงอนพญานาค	ฝันเห็นพญานาคสีเงิน
ฝันเห็นพญานาคหลายตัว	ฝันเห็นพญานาคพูดได้	ฝันเห็นพญานาคพ่นน้ำ
ฝันว่างูรัด	ฝันว่างูกัด	ฝันว่างูกัดขา
ฝันว่างูกัดเท้า	ฝันว่าฆ่างู	ฝันว่าตีงู
ฝันว่างูเลื้อยผ่าน	ฝันว่างูกัดแขน	ฝันว่างูกัดนิ้ว
ฝันว่างูไล่กัด	ฝันว่างูฉก	ฝันว่ากินงู
ฝันว่าจับงู	ฝันว่างูเลื้อยขึ้นตัว	ฝันว่างูรัดขา
ฝันว่างูรัดแขน	ฝันว่างูรัดตัว	ฝันว่างูรัดขาขวา
ฝันว่างูรัดขาซ้าย	ฝันว่างูรัดแขนขวา	ฝันว่างูรัดแขนซ้าย
ฝันว่างูรัดคอ	ฝันว่างูรัดทั้งตัว	ฝันว่าแฟนนอกใจมีคนอื่น
ฝันว่าแฟนนอกใจ	ฝันว่าแฟนมีชู้	ฝันว่าแฟนคบชู้
ฝันว่าคนรักนอกใจ	ฝันว่าแฟนมีคนอื่นร้องไห้หนักมาก	ฝันว่าแฟนแอบคุยกับคนอื่น
ฝันว่าแฟนนอกใจมีชายอื่น	ฝันว่าแฟนอยู่กับหญิงอื่น	ฝันว่าแฟนมีคนอื่น
ฝันว่าฟันร่วงหมดปาก	ฝันว่าผมร่วงเป็นกระจุก	ฝันว่าตัดเล็บมือตัวเอง
ฝันว่ามีอะไรกับแฟนเก่า	ฝันว่าได้อาบน้ำ	ฝันว่าตัดผมสั้น
ฝันว่ากินข้าว	ฝันว่ากินทุเรียน	ฝันว่ากินขนมเข่ง
ฝันว่ากินหนอน	ฝันว่ากินกล้วย	ฝันว่ากินเหล้า
ฝันว่ากินปลา	ฝันว่ากินผลไม้	ฝันว่ากินกุ้ง
ฝันว่ากินข้าวกับครอบครัว	ฝันว่ากินอาหาร	ฝันว่ากินอาหารกับญาติ
ฝันว่ากินข้าวอิ่มอร่อย	ฝันว่ากินข้าวผัด	ฝันว่ากินข้าวไม่หมด
ฝันว่าตัวเองกินข้าว	ฝันว่ากินมูมมาม	ฝันว่ากินขนม
ฝันว่ากินขนมอร่อย	ฝันว่ากินขนมตาล	ฝันว่ากินขนมชั้น
ฝันว่ากินขนมไทย	ฝันว่ากินขนมกล้วย	ฝันว่ากินขนมเค้ก
ฝันว่ากินโดนัท	ฝันว่ากินโรตี	ฝันว่ากินคุ๊กกี้
ฝันว่ากินองุ่น	ฝันว่ากินแตงโม	ฝันว่ากินส้ม
ฝันว่ากินมะพร้าว	ฝันว่ากินขนมบัวลอย	ฝันว่ากินขนมถั่วแปบ
ฝันว่ากินขนมต้ม	ฝันว่ากินขนมสาคู	ฝันว่ากินตะโก้
ฝันว่ากินขนมเข่ง	ฝันว่ากินขนมเทียน	ฝันว่ากินขนมวุ้นกะทิ
ฝันว่ากินปลา	ฝันว่ากินไก่	ฝันว่ากินหมู
ฝันว่ากินปลาร้า	ฝันว่ากินลาบ	ฝันว่ากินน้ำตก
ฝันว่ากินแกงเขียวหวาน	ฝันว่ากินแกงพะแนง	ฝันว่ากินแกงมัสมั่น
ฝันว่ากินข้าวเหนียวมูน	ฝันว่ากินข้าวเกรียบปากหม้อ	ฝันว่ากินข้าวต้มมัด
ฝันว่ากินขนมกล้วย	ฝันว่ากินขนม	ฝันว่ากินสังขยาฟักทอง
ฝันว่ากินข้าวเหนียวมะม่วง	ฝันว่ากินข้าวเหนียวทุเรียน	ฝันว่ากินปลากระป๋อง
ฝันว่าซื้อขนมที่เซเว่น	ฝันว่าซื้อของที่เซเว่น	ฝันว่ากินขนมสาลี่
ฝันว่ากินลูกอม	ฝันเห็นสุ่มไก่	ฝันว่าป้อนยาเด็ก
ฝันเห็นอู่ต่อเรือยาว	ฝันเห็นพระสึกก่อนกำหนด	ฝันเห็นช้างหลายตัว
ฝันเห็นคนจุดพลุจุดประทัด	ฝันเห็นนกกวัก	ฝันว่าเพื่อนร่วมงานท้อง
ฝันว่าแม่ใส่สร้อยทองเส้นใหญ่	ฝันว่าโดนป้ายขี้มูกใส่	ฝันเห็นขี้ในชักโครก
ฝันเห็นตึกกำลังสร้างใหม่	ฝันว่าเจอเจ้าที่ผู้หญิงใส่ชุดไทย	ฝันว่าซื้อเนื้อย่าง
ฝันว่าอุ้มเด็กลงน้ำ	ฝันว่าขี้ติดเต็มตัว	ฝันว่าได้รองเท้าใหม่
ฝันว่าห้องนอนรกมาก	ฝันเห็นพญาปลวกตัวใหญ่	ฝันว่าไปผจญภัย
ฝันเห็นน้ำลึกใส	ฝันเห็นน้ำใสลึก	ฝันว่าไปกินเลี้ยงงานบวช
ฝันว่าฟันคุดขึ้น	ฝันเห็นกบสีชมพู	ฝันว่าปีนโขดหิน
ฝันเห็นผึ้งทำรังในบ้าน	ฝันว่ากินข้าวกับเพื่อนเก่า	ฝันว่าขึ้นเฮลิคอปเตอร์ตกแต่ไม่ตาย
ฝันว่าเอาใบเลื่อยไปตัดปากหมา	ฝันเห็นเพื่อนมากมายในห้องประชุม	ฝันว่าตัวเองแต่งงานกับผู้หญิงเหมือนกัน
ฝันว่างูเลื้อยลอดหว่างขา	ฝันว่ามีงูพิษเต็มไปหมด	ฝันเห็นปลาหมึกยักษ์
ฝันว่าเด็กโดนรถทับ	ฝันว่ายายหายไปจากบ้าน	ฝันว่ากินข้าวไม่รู้จักอิ่ม
ฝันเห็นลูกมะยม	ฝันเห็นปลาช่อนและปลาดุกตัวใหญ่	ฝันว่ามีคนเอาเด็กมาให้เลี้ยง
ฝันเห็นลูกกุญแจหลายดอก	ฝันว่าขับรถยนต์ผาดโผน	ฝันเห็นแม่ชีหลายคน