เจ้าหญิงมาซาโกะ แกะดำหรือนางฟ้าในวังเบญจมาศ
เจ้าหญิงมาซาโกะ มีพระนามเดิมว่าโอวะดะ มาซาโกะ ทรงเป็นธิดาคนแรกของนักการทูตชื่อดัง โอวะดะ ฮิซะชิ กับนางเองาชิระ ยูมิโกะ ในวัยเยาว์เจ้าหญิงไม่มีพระสหายสนิทมากนัก เนื่องจากนายโอวะดะต้องย้ายไปประจำยังประเทศต่างๆ สลับสับเปลี่ยนไปตลอดเวลา แต่ก็ช่วยให้เจ้าหญิงมาซาโกะทรงตรัสได้ถึง 5 ภาษา ทั้งอังกฤษ ฝรั่งเศส รัสเซีย เยอรมัน และญี่ปุ่นหลังจากที่ทรงจบไฮสคูล นายโอวะดะก็ได้รับเชิญไปเป็นอาจารย์พิเศษประจำมหาลัยฮาวาร์ด เจ้าหญิงจึงเข้าศึกษาต่อที่มหาลัยชื่อก้องโลกนี้ จนสำเร็จปริญญาตรีเศรษฐศาสตร์บัณฑิต จากนั้นทรงกลับไปศึกษาวิชากฎหมายที่มหาวิทยาลัยโตเกียวในญี่ปุ่น ระหว่างกำลังเรียนปริญญาโทนี่เอง เจ้าหญิงก็สามารถสอบเข้าเป็นข้าราชการในกระทรวงต่างประเทศ ซึ่งเป็นความใฝ่ฝันของพระองค์ได้สำเร็จ จึงลาออกจากมหาวิทยาลัยเพื่อมาเป็นสาวนักการทูตเต็มตัว
ในฤดูใบไม้ผลิปี 1986 ครอบครัวโอวะดะได้รับเชิญให้ไปร่วมต้อนรับเจ้าฟ้าหญิงเอเลน่าแห่งสเปน ณ พระตำหนักโทกุโกโช โดยสำนักพระราชวังอิมพีเรียล (Imperial Houdehold Agency หรือ IHA) ได้ถือโอกาสนี้เป็นฤกษ์งามยามเหมาะที่จะมองหาคู่ครองให้กับมกุฎราชกุมารนารุฮิโตะไปในตัว จึงได้ออกบัตรเชิญให้คุณหนูตระกูลผู้ดีอีก 36 คนไปร่วมงานด้วย เหตุการณ์แบบนี้จะว่าไปก็คล้ายกับเทพนิยายตอนที่ซินเดอเรลล่าไปงานบอลแล้วได้พบกับเจ้าชาย ซึ่งมกุฎราชกุมารนารุฮิโตะก็ทรงพบซินเดอเรลล่าของพระองค์เข้าจริงๆ
แต่เมื่อแจ้งพระประสงค์ว่าจะทรงอภิเษกกับมาซาโกะ ข้าราชบริพารใน IHA ก็ค้านกันเสียงหลง เนื่องจากพระญาติคนหนึ่งของมาซาโกะเป็นเจ้าของบริษัทสารเคมีที่ทำให้สิ่งแวดล้อมเป็นพิษ จึงต้องถือว่าประวัติของมาซาโกะนั้นมีรอยด่างพร้อย ไม่คู่ควรกับตำแหน่งพระชายาเมื่อเทียบกับคุณหนูคนอื่นๆ แต่เจ้าชายนารุฮิโตะทรงปักใจในนางซินของพระองค์เสียแล้ว ทรงยืนยันว่าหากไม่ได้อภิเษกกับมาซาโกะ ก็จะไม่ทรงอภิเษกไม่ว่ากับใครทั้งนั้น ต่อให้สำนักพระราชวังจะไม่ค้าน มาซาโกะก็รู้อยู่แล้วว่าอนาคตในพระราชวังอิมพีเรียล ไม่ใช่เส้นทางที่จะเดินกันได้สะดวกโยธิน แต่เป็นหนทางที่ต้องฝ่าฟันขวกหนามน้อยใหญ่มากมายเหลือคณานับ เธอจึงปฏิเสธอย่างไม่ต้องเสียเวลาคิดเมื่อเจ้าชายนารุฮิโตะทรงขอแต่งงาน พร้อมกับตัดสินใจไปเรียนต่อที่อ็อกซ์ฟอร์ดเสียสองปีเพื่อตัดปัญหายุ่งยาก ทว่าเจ้าชายหนุ่มก็ไม่ละความพยายาม เมื่อมาซาโกะเรียนจบกลับมา เจ้าชายทรงขอแต่งงานกับเธออีกถึงสองครั้ง ทั้งยังสัญญาว่าจะทรงดูแลปกป้องเธอไปตลอดชีวิต ความรักที่มั่นคงของเจ้าชายทำให้มาซาโกะตัดสินใจยอมทิ้งอนาคตอันสดใสในวงการทูต ก้าวเข้าไปเป็นสมาชิกใหม่ในพระราชวังอิมพีเรียลอย่างเต็มใจ
หลังจากพระราชพิธีเสกสมรสที่เรียบง่ายทว่างดงามเสร็จสิ้นลง เจ้าหญิงมาซาโกะก็ถูกขนานนามว่าเจ้าหญิงไดอาน่าแห่งญี่ปุ่น เนื่องจากทรงมีลักษณะของสาวสมัยใหม่ที่ทั้งสวยทั้งเก่ง ไม่น้อยหน้าเจ้าหญิงไดอาน่าแห่งอังกฤษเลย ภาพพจน์สาวสมัยใหม่ของพระองค์ ทำให้ชาวญี่ปุ่นตั้งความหวังว่า จะทรงเข้าไปปฏิวัติสำนักพระราชวังอิมพีเรียล (IHA) ซึ่งขึ้นชื่อลือชาว่ามีอิทธิพลเหนือพระราชวงศ์ได้สำเร็จ เหมือนที่เจ้าหญิงไดอาน่าเคยต่อกรกับสำนักราชวังอังกฤษมาแล้ว แต่การกลับกลายเป็นว่านับวันเจ้าหญิงมาซาโกะกลับถูก IHA ครอบงำเสียมิด ไม่ว่าจะเป็นการพูดจา การเดิน หรือแม้แต่การแต่งกาย
"ฉันคิดว่าเจ้าหญิงมาซาโกะทรงสูญเสียพระปรีชาสามารถไปโดยเปล่าประโยชน์ เพราะทรงยอมแพ้ต่อระบบของราชสำนักที่คร่ำครึ" ข้าราชการหญิงคนหนึ่งในกระทรวงต่างประเทศบ่นกับนักข่าว แต่อะไรก็ไม่ร้ายเท่าเจ้าหญิงทรงถูกกดดันให้มีทายาทโดยเร็วที่สุด ซึ่งเป็นสิ่งที่เจ้าหญิงมาซาโกะไม่สามารถตอบสนองได้ทันที ความเครียดมหาศาลที่ถาโถมเข้ามา ทำให้ทรงงดปรากฏตัวต่อหน้าธารกำนัล หรือถ้าทรงเสด็จออกงานในครั้งใด นักข่าวก็จะสังเกตว่าเจ้าหญิงทรงมีหน้าตาอมทุกข์อย่างเห็นได้ชัด ความสดใสร่าเริงที่เคยมีก่อนอภิเษกไม่หลงเหลืออยู่ในสีหน้าแววตาของพระองค์อีกเลย
หากในวังยังพอจะมีที่ว่างของความสุขเหลือไว้สำหรับเจ้าหญิงอยู่บ้าง ความสุขนั้นก็มาจากพระสวามีซึ่งทั้งรักและห่วงใยพระชายาไม่เสื่อมคลาย เจ้าชายนารุฮิโตะทรงพยายามปกป้องพระชายาอย่างดีที่สุดในทุกๆ เรื่อง จนเพื่อนๆ ของเจ้าหญิงพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า "ไม่ว่าสถานการณ์รอบข้างจะเป็นอย่างไร แต่เจ้าหญิงก็ทรงมีชีวิตคู่ที่มีความสุขมาก"
นานถึง 8 ปีเต็มที่เจ้าหญิงต้องคอยตอบคำถามว่า เมื่อไหร่จะมีรัชทายาทให้ประเทศญี่ปุ่นเสียที จนกระทั่งทรงมีพระชนมายุย่างเข้า 40 ชันษาแล้วนั่นล่ะ จึงได้ทรงพระครรภ์และคลอดเจ้าหญิงน้อยๆ ออกมาให้ประชาชื่นใจ เจ้าหญิงไอโกะคือความปลื้มปิติของชาวญี่ปุ่นทั้งประเทศ ขณะเดียวกันการที่ทรงเกิดมาเป็นเด็กผู้หญิง ก็ทำให้เกิดการแก้ไขกฎมณเฑียรบาลว่าด้วยการสืบสันตติวงศ์เป็นครั้งแรกในรอบหลายร้อยปีของญี่ปุ่น เปิดโอกาสให้ผู้ที่จะขึ้นครองราชย์ไม่จำเป็นต้องเป็นเพศชายอีกต่อไป
หลังจากมีพระประสูติกาลเจ้าหญิงไอโกะ ความกดดันที่เจ้าหญิงมาซาโกะได้รับก็เบาบางลง แต่เพราะทรงได้รับความเครียดติดต่อกันยาวนานนับสิบปี ทำให้เจ้าหญิงประชวรหนักจนไม่สามารถเสด็จออกงานร่วมกับพระสวามีได้ เจ้าชายนารุฮิโตะจึงโปรดให้พระชายาเสด็จไปพักฟื้นที่บ้านพักตากอากาศของพระบิดาในเมืองคารุอิซา และตัวพระองค์ก็ทรงฝืนกฎข้อบังคับของสำนักราชวังที่ไม่อนุญาตให้เจ้านายเสด็จไปประทับแรมที่บ้านสามัญชน เสด็จไปประทับอยู่กับพระชายาบางครั้งบางคราว จวบจนเจ้าหญิงทรงแข็งแรงดังเดิมซึ่งก็ใช้เวลานานถึง 4 ปีเต็ม แต่ระหว่างที่ทรงพักฟื้นอยู่นั่นเอง เจ้าหญิงก็ถูกหนังสือแทบลอยด์หลายฉบับตีข่าวว่าทรงติดนิสัยฟุ้งเฟ้อใช้จ่าเฟือย สวนทางกับความเรียบง่ายมัธยัสถ์ที่เหล่าพระบรมวงศานุวงศ์ทรงยึดถือปฏิบัติกันตลอดมา
ขณะนั้นเศรษฐกิจของญี่ปุ่นกำลังถดถอยอย่างหนัก สมาชิกราชวงศ์ญี่ปุ่นที่ปกติก็ทรงประหยัดกันอยู่แล้ว จึงกินใช้อย่างสมถะขึ้นไปอีกเพื่อเป็นตัวอย่างให้ประชาชน แต่พระกระยาหารคนป่วยของเจ้าหญิงมาซาโกะกลับหรูหราราวกับอยู่ในงานเลี้ยง เช่น อาหารเม็กซิกันจานพิเศษที่ปรุงเฉพาะสำหรับเจ้าหญิง เป็ดรมควัน ซุปหูฉลาม และขาดไม่ได้คืออาหารฝรั่งเศสคอร์สใหญ่จากภัตตาคารห้าดาว ซึ่งจะต้องมีเห็ดทรัฟเฟิลดำสุดไฮโซจากฝรั่งเศสเป็นตัวชูโรงทุกมื้อ เฉพาะเมนูนี้จานเดียว ราคาก็แพงถึง 200 ยูโร (12,000 บาท) เข้าไปแล้ว
เมื่อเทียบกับราชวงศ์ยุโรป ความฟุ้งเฟ้อของเจ้าหญิงมาซาโกะนั้นถือว่าเล็กน้อยเต็มที แต่สำหรับราชวงศ์อิมพีเรียล ซึ่งเคร่งครัดในกฎมณเฑียรบาล พฤติกรรมของเจ้าหญิงนั้นเป็นเรื่องร้ายแรงมาก เพราะไม่เฉพาะสมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะและสมเด็จพระจักรพรรดินีมิชิโกะที่ทรงเป็นแบบอย่างเรื่องการใช้ชีวิตสมถะมาตลอดพระชนม์ชีพ แม้แต่เจ้าหญิงซายาโกะ พระธิดาขององค์จักรพรรดิก็ยังทำข้าวกล่องไปเสวยที่ทำงานด้วยพระองค์เอง และทรงช้อปปิ้งเฉพาะช่วงลดราคา
สื่อบางฉบับยังเจาะลึกลงไปอีกว่าเจ้าหญิงทรงอ้างว่าป่วยจนปฏิบัติพระกรณียกิจไม่ไหว แต่ทรงมีแรงลุกไปซ้อมขี่ม้าได้ทุกวันตอนบ่ายก็เสด็จไปช้อปปิ้งและดินเนอร์กับเพื่อนฝูงตามโรงแรมห้าดาว โดยไม่สนพระทัยจะดูแลเจ้าหญิงไอโกะ ทั้งๆ ที่เป็นหน้าที่ของพระมารดาโดยตรง การถูกวิจารณ์ในทางเสียหายอย่างนี้ไม่เคยเกิดกับสมาชิกราชวงศ์มาก่อนเลย แต่ก็น่าแปลกที่ทางสำนักพระราชวังกลับวางเฉยปล่อยให้เรื่องเงียบหายไปเองโดยไม่ยอมแก้ข่าว จนมีเสียงซุบซิบลอยลมมาว่า ตัวการปล่อยข่าวอย่างละเอียดยิบไปให้สื่อมวลชนในครั้งนี้ก็คือ สำนักพระราชวังนั่นเอง เพราะหลังจากมีประสูติกาลเจ้าหญิงไอโกะแล้ว เจ้าหญิงมาซาโกะก็ทรงเริ่มหัวแข็ง ไม่ยอมให้สำนักพระราชวังบงการอีก ศึกระหว่างพระสุณิสาสมัยใหม่กับข้าราชบริพารข้าเก่าเต่าเลี้ยงจึงเริ่มต้นขึ้น
ไม่ว่าความจริงจะเป็นอย่างไร แต่เหตุการณ์ขมขื่นทั้งหลายแหล่ที่เกิดขึ้นกับเจ้าหญิงมาซาโกะ ก็คงทำให้สาวๆ หลายคนที่ฝันหงานจะเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของราชวงศ์ญี่ปุ่นต้องคิดหนัก เพราะขนบธรรมเนียมที่เคร่งครัดในราชสำนัก ไม่ใช่เรื่องที่หญิงสาวสามัญชนที่เคยมีชีวิตอิสระเสรีจะปรับตัวได้ง่ายๆ เลย
ที่มา นิตยสาร LIVE
บทความแนะนำ