google.com, pub-6663105814926378, DIRECT, f08c47fec0942fa0 Mega topic | จัดอันดับ | 10 อันดับ| เรื่องผี| เรื่องสยองขวัญ| ที่สุดในโลก| ดูดวง| ประวัติศาสตร์

เทคนิคเพาะกายของดาราฮอลลิวู้ดและนักกีฬาดัง

เทคนิคเพาะกายของดาราฮอลลิวู้ดและนักกีฬาดัง

     

เดอะร็อก
เขาอาจดูเหมือนขาดคุณสมบัติในการเป็นฮีโร่ต้นแบบ แต่สิ่งที่คุณไม่อาจปฏิเสธได้คือความสำเร็จในวงการที่เขาได้รับ เริ่มจากกีฬาคนชนคนสู่สังเวียนการแสดงมวยปล้ำ WWE จนก้าวไปสู่นักแสดงระดับเอลิสต์ของฮอลลีวูด คงเป็นเรื่องที่แทบเป็นไปไม่ได้เลยหากปราศจากท่อนแขนขนาด 19 นิ้วที่คอยช่วยค้ำจุน จอห์นสันสร้างมัดกล้ามที่ได้รูปขึ้นกล้องจากความช่วยเหลือของอดีตสุดยอดเทรนเนอร์บิลลี เบค “ข้อผิดพลาดใหญ่ที่คนส่วนใหญ่มักทำขณะเสาะแสวงหารูปร่างที่ดีขึ้น คือการฝึกกล้ามเนื้อก่อนที่จะเป็นสมอง” เบคกล่าว “ร่างภาพสิ่งที่คุณอยากจะเป็นให้ชัดเจนก่อนแล้วค่อยลงรายละเอียด จากนั้นคุณก็ลงมือทำอย่างจริงจัง” หากท่อนแขนอันบึกบึนคือสิ่งที่คุณกำลังตามหาให้คุณเจาะจงลงไปเลยว่าอยากจะให้ใหญ่ขึ้นสักกี่นิ้วจากนั้นก็ฝึกให้สุดเหวี่ยงกันไปเลย

ราฟาเอล นาดาล
ราชาแห่งคอร์ตดินอย่างนาดาลไม่ได้บ่มเพาะมัดกล้ามแขนแย่งซีนเกมเทนนิสในห้องยิม อันที่จริงแล้วเขาได้มันมาจากการเล่นกีฬาที่หลากหลาย รวมทั้งจากพันธุกรรม โทนี นาดาลผู้เป็นทั้งลุงและโค้ชของนาดาล บอกว่า “ความแข็งแกร่งทางกายภาพคือพื้นฐานของพรสวรรค์ในตัวเขา ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าเขาเสียเวลาในห้องยิมไปกับเรื่องพวกนี้น้อยมากเขาแค่ฝึกด้วยแผ่นยางสร้างแรงต้านเพื่อป้องกันอาการบาดเจ็บเป็นหลักเท่านั้นเอง” ดังนั้นหากคุณสิ้นเปลืองเวลาไปกับท่า Biceps Curl มาเยอะแล้วลองหันมาจับแร็กเกตแล้วหวดเพื่อรูปร่างแบบนักกีฬาดูสักตั้ง แม้ว่ามันจะหมายถึงการที่คุณจะมีแขนขวาที่ใหญ่กว่าแขนซ้ายสักเล็กน้อยก็ตาม

แขนทรงพลังที่สุดในโลก มาริอุสซ์ พุดเซียนโนว์สกี
อัลวิน คอสกรูฟ บุคคลผู้อยู่เบื้องหลังโปรแกรม Big Arms Workout บอกว่า หากกล้ามเนื้อบั้นท้ายแกนกลางและหลังส่วนบนของคุณอ่อนแอแขนขนาดมหึมาของคุณก็จะหมดประโยชน์น่าเสียดายที่ไม่มีการจัดแข่งขัน Biceps Curl ทัวร์นาเมนต์ในระดับนานาชาติเพื่อทดสอบหาหนุ่มผู้มีแขนอันทรงพลังที่สุดในโลก อย่างไรก็ตามความแข็งแกร่งจากทั่วทั้งร่างคือกุญแจสำคัญที่จะไขไปสู่ท่อนแขนอันทรงพลัง ดังนั้นแชมป์ของเราในเรื่องนี้ก็คือพุดเซียนโนว์สกี เจ้าของตำแหน่งแชมป์คนอึด World’s Strongest Man 5 สมัย ก่อนที่จะได้เป็นเจ้าของแขนขนาด 22 นิ้ว เขาฝึกด้วยเวตขนาดใหญ่ยักษ์ที่มีรูปทรงประหลาดๆ หลากหลายแบบควบคู่ไปกับฟรีเวต รูปแบบการฝึกที่เขาใช้ก็ง่ายๆ ไม่ได้ซับซ้อนอะไรขอแค่หนักเข้าไว้เป็นพอ

อาร์โนลด์ ชวาร์เซเนกเกอร์
ไม่มีใครจะออกสื่อเรื่องแขนใหญ่ได้เกินหน้าเกินตาไปกว่าอาร์โนลด์ ชวาร์เซเนกเกอร์ อีกแล้ว ในอดีตเขามักจะได้ถ่ายแบบพร้อมใส่สายรัดแขนเพื่อเน้นขนาดไบเซ็ปส์อยู่เสมอๆ แต่นั่นไม่ใช่เคล็ดลับหนึ่งเดียวของความสำเร็จที่มาพร้อมแขนเสื้อขนาด 22 นิ้ว อาร์โนลด์บอกไว้ในหนังสือ The Encyclopaedia of Modern Bodybuilding ของเขาว่าตัวเขามักเกร็งมัดกล้ามไบเซ็ปส์ค้างเอาไว้ในจุดบนสุดของท่าเพื่อให้ได้กล้ามแขนที่พีคสุดขีดชนิดมีใบรับประกันระดับมิสเตอร์โอลิมเปีย นอกจากนั้นแล้วเขายังฝึกไบเซ็ปส์ควบคู่ไปกับไทรเซ็ปส์ และมักใช้เทคนิคซูเปอร์เซ็ตสำหรับทั้งสองมัดกล้ามที่ว่าเพื่อความเข้มข้นในการฝึกให้ถึงขีดสุดอีกด้วยซึ่งงานศึกษาจากมหาวิทยาลัยซีราคิวส์พบว่าช่วยเบิร์นแคลอรีได้มากกว่าการฝึกแบบธรรมดา

ฌอง-คล็อด แวนแดมม์
แม้ว่าเขาอาจเป็นแอกชั่นสตาร์ของวันวานแต่แขนทั้งสองข้างของเขาก็ยังแข็งปั๋งพอที่จะถ่ายขึ้นโปสเตอร์หนังได้สบาย เขาบอกว่า “ช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ผมเรียนรู้ที่จะฝึกด้วยความระมัดระวังเป็นพิเศษด้วยสปีดที่ช้าเอาเสียมากๆ ด้วย” การฝึกดังกล่าวอาจไม่สามารถเรียกได้ว่าเป็นหนทางที่ดีที่สุดในการสร้างกล้ามเนื้อตามงานวิจัยที่ตีพิมพ์ใน Journal of Sports Science and Medicine ซึ่งพบว่าการฝึกที่รวดเร็วจะช่วยในเรื่องดังกล่าวได้ดีกว่า แต่อย่างไรเสีย ฌอง คล็อด แวนแดมม์ก็ได้เข้ามาอยู่ในบัญชีรายชื่อนี้เป็นที่เรียบร้อย ซึ่งนั่นแปลว่าเขาไม่จำเป็นต้องปวดหัวเพื่อหาหนทางทำให้แขนตัวเองใหญ่ไปมากกว่าที่เป็นอยู่นี้แล้ว อีกทั้งเขายังก้าวสู่วัยเลขห้าซึ่งหมายความว่าการคงสภาพและป้องกันอาการบาดเจ็บคือเรื่องหลัก ดังนั้นการฝึกอย่างช้าๆ และควบคุมจังหวะให้ดีน่าจะเหมาะกว่า

จอนนี วิลคินสัน
ท่อนแขนชวนมองของเขาอาจทำให้แฟนๆ เพศตรงข้ามเชียร์ไปใจเต้นไป แต่หารู้ไม่ว่าผลที่เกี่ยวเนื่องกันนี้มาจากการเตะลูกรักบี้ของเขาต่างหากที่ทำให้หนุ่มๆ อย่างพวกเราต้องซูฮก ความสำเร็จของเขาได้สร้างมาตรวัดใหม่ที่น่าสนใจจนกระทั่งไปเตะตานักวิจัยในห้องแล็บที่ไม่ได้ทำการศึกษาเฉพาะแค่ขาท่อนเขื่องของเขาเท่านั้น แต่กลับเหมารวมไปถึงแขนอันสุดล่ำอีกด้วยรายงานอ้างอิงจาก Sports Biomechanics Journal พบว่าผู้เล่นในลักษณะอย่างวิลคินสันที่เหวี่ยงแขนด้านตรงข้ามกับขาที่ออกแรงเตะข้ามผ่านช่วงหน้าอกในขณะที่เท้าสัมผัสบอล คือผู้เล่นที่มีการเตะด้วยความแม่นยำสูงโดยเฉพาะกับการเตะระยะไกลๆ ไม่เชื่อก็ลองเสิร์ชดูฝีมือเขาในศึกรักบี้เวิลด์คัพหลายๆ ครั้งก็ได้ว่าการเตะระยะไกลของเขาแม่นเพราะโชคช่วยหรือแขนช่วยกันแน่

คริส เฮมส์เวิร์ธ
ท่อนแขนของเฮมส์เวิร์ธทำให้ฉากในหนังเรื่อง Thor น่าดูขึ้นมาอย่างทันตา แต่คุณรู้หรือไม่ว่าเขาไม่ใช่เทพเจ้าหุ่นล่ำแบบนี้มาแต่กำเนิดเขาคืออีกหนึ่งตัวอย่างของการเพาะกล้ามฉบับเร่งด่วนผู้ซึ่งสามารถเพิ่มมวลกล้ามเนื้อคุณภาพได้ถึง 10 กิโลกรัมเพื่อหนังเรื่องดังกล่าวไมเคิล ไนท์ เทรนเนอร์พาเขากลับคืนสู่การฝึกแบบสามัญด้วยอุปกรณ์บ้านๆ อย่างท่อนซุง เคตเทิลเบลและเชือก ขณะที่เบรนแดนแชปลิน โค้ชด้านความแข็งแกร่ง กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า “อุปกรณ์ที่ใช้ฝึกพวกนี้ล้วนแล้วแต่ต้องอาศัยการหยิบจับที่แน่นหนามั่นคงซึ่งมันมีผลในแง่บวกต่อขนาดรอบวงแขนของคุณแน่นอน” อย่างน้อยเรื่องนี้ก็สอนให้เรารู้ว่าแขนสุดล่ำของเทพเจ้าสายฟ้าไม่ได้เกิดจากความอัศจรรย์ของห้องยิม

ท่อนแขนใหญ่ที่สุดในโลก เกร็ก วาเลนติโน
วาเลนติโนยักไหล่พร้อมกับเบ่งกล้ามแขนขนาดรอบวง 28 นิ้วใส่กลุ่มคนที่ไม่ชอบเขา หนังสารคดีของวาเลนติโนเปิดเผยถึงตอนที่เขาถูกสูบของเหลวพิษ (ผลลัพธ์ของอาการติดเชื้อจากการฉีดโน่นนี่เข้าเส้น) ออกจากแขนขนาดการ์ตูนๆ ที่เขาภาคภูมิใจ ไม่ต้องถามต่อเลยว่าแม็กกาซีนดีๆ อย่างเราจะตีพิมพ์เผยแพร่รายละเอียดของเทคนิคด้านนี้หรือไม่ แต่อย่างไรก็ตามคุณสามารถเข้าไปกวาดตามองที่เว็บไซต์ของเขา (greggvalentino.net) เพื่อเตือนตัวเองอีกครั้งถึงสิ่งที่ไม่ควรทำหรือแม้แต่คิดที่จะทำ สิ่งที่เว็บไซต์ของเขาละเลยที่จะนำเสนอไปอีกอย่างก็คือเจ้าของตำแหน่งท่อนแขนใหญ่ที่สุดในโลกนั้นสุดท้ายก็ต้องเข้าไปนอนในคุกอีกสี่ปีในข้อหาใช้สารอันตราย เอาน่า...อย่างน้อยคราวนี้วาเลนติโนก็จะมีเวลาในการวิดพื้นเพิ่มขึ้นอีกเพียบ

ไมเคิล บิสปิง
การเป็นหนึ่งในผู้ชายที่อันตรายที่สุดในเกาะอังกฤษไม่ได้หมายความแค่การมีกล้ามแขนที่ดูน่าเกรงขามเท่านั้น แต่กล้ามแขนนั้นยังต้องใช้งานได้อย่างไร้ที่ติอีกด้วย โปรแกรมการฝึกของบิสปิงทำให้เขาต้องเหงื่อโชกไปทั้งตัวถึงวันละ 5 ชั่วโมงด้วยรูปแบบการฝึกที่ผสมผสานระหว่างคาร์ดิโอและมิกซ์มาร์เชียลอาร์ต จึงทำให้เวลาฝึกกล้ามแขนแบบเฉพาะเจาะจงของเขาแทบจะหมดลงในบัดดล อย่างไรก็ตามมัดกล้ามไบเซ็ปส์ของเขาก็ยังคงดูแน่นแม้ในช่วงที่นั่งพักสบายๆ เคล็ดลับที่ฌอน คีฟฟ์ เทรนเนอร์ แนะนำสำหรับเขาคือการใช้ดัมบ์เบลฝึกด้วยการเคลื่อนไหวที่หลากหลายไปทีละข้างไม่ว่าจะเป็นการเหวี่ยง ยกหรือดัน ถือเป็นการฝึกกล้ามเนื้อที่หลากหลายมากกว่าที่จะโฟกัสเฉพาะมัดกล้ามที่ใช้อวดโชว์เท่านั้น

เจสัน โมมัว
เมื่อเขาตกปากรับคำกับบทนำในภาพยนตร์รีเมค Conan The Barbarian โมมัว รู้ดีว่าเขามีทั้งหมวกรวมไปถึงแขนเสื้อไซส์เบ้อเริ่มที่ต้องสวมให้พอดี กระนั้นก็ตามโมมัวถือเป็นนักแสดงที่โชกโชนพอสมควรกับบทบาทที่ต้องโชว์รูปร่างทั้งจากในซีรีส์ Baywatch และ North Shore แต่ที่น่าสนใจเป็นพิเศษคือการที่เขาสามารถเพิ่มมวลกล้ามเนื้อได้อย่างมหาศาลในการรับบทนี้โดยการใช้เทคนิคการฝึกแบบจำนวนครั้งมากๆ ด้วยน้ำหนักที่เบางานนี้ต้องขอบคุณ เดวิด ลิตช์ ผู้ประสานงานฝ่ายสตั๊นท์ (ที่เคยร่วมงานในหนังเรื่อง Tron: Legacy และ X-Men Origins: Wolverine) ลิตช์ให้เขาฝึกด้วยคอร์สมาร์เชียลอาร์ตแบบ 6 สัปดาห์ ภายใต้เป้าหมายในการแพ็คมัดกล้ามให้มากเท่าที่จะมากได้ ผลลัพธ์ที่ได้นอกจากจะช่วยโมมัวในเรื่องของการรำดาบอย่างฉวัดเฉวียนแล้ว ยังทำให้ท่อนแขนของเขาดูเหมาะกับบทนี้เสียยิ่งกว่าใครๆ


สั่งซื้อเวย์โปรตีนสำหรับเพิ่มกล้ามเนื้อ

สั่งซื้อเวย์โปรตีนสำหรับเพิ่มกล้ามเนื้อ
สั่งซื้อเวย์โปรตีนสำหรับเพิ่มกล้ามเนื้อ

สั่งซื้อเวย์โปรตีนสำหรับเพิ่มกล้ามเนื้อ

รายละเอียดของสินค้า LEAN WHEY PROTEIN Strawberry 5lb

Narlabs Lean whey 100% LEAN WHEY PROTEIN Strawberry 5lb

เป็นสูตรที่มีรูปแบบบริสุทธิ์ของเวย์โปรตีนไอโซเลต, เวย์โปรตีนเข้มข้น,ที่มีส่วน ผสมของ L-canitine+CLA 1000mg/สคูป Glutamine, Glutamine Peptides,กรดอะมิโนและBCAAs และอื่นๆโปรตีนกว่า 25 กรัม/1serving ด้วยเทคโนโลยี micro-filtered ทำให้โปรตีนมีประสิทธิภาพในการสร้างกล้ามเนื้อ รสชาติอร่อยละลายง่ายถูกดูดซึมได้อย่างรวดเร็ว
- มีโปรตีนถึง 25กรัม/serving และ L-carnitine+CLA 1000 mg ช่วยลดไขมัน/ สคูป พิเศษสุด ใน Lean whey - มี Amino Peptide และ Amino Acids ที่จำเป็น
- มี BCAAs, - มีเอนไซม์ช่วยย่อยอาหาร
- มี CLA,ALA,L-Carnitine
- มี Chromium Picolinate, EFAs
- ช่วยเพิ่มปริมาณโปรตีนเข้าสู่ร่างกาย
- ช่วยซ่อมแซมกล้ามเนื้อจากการบาดเจ็บ
- ฟื้นฟูกล้ามเนื้อหลังจากการออกกำลังกาย
- สลับสนุนการควบคุมน้ำหนัก
- ไม่มีน้ำตาล
- รสชาติอร่อยที่คุณต้องลอง

สารอาหารที่สำคัญ
Whey Protein Isolate, Whey Protein Concentrate, L-Glutamine, Glutamine Peptides, Free Form Amino Acids, Amino Peptides, BCAAs, CLA, Alpha Lipoic Acid,L-Carnitine, Essential Fatty Acids, Chromium Picolinate, Bromelain, Papaya Enzymes, Stevia, Sucralose, Natural and Artificial Cocoa Powder Flavor.

วิธีทาน
*1 ช้อนใส่น้ำ 120 cc - 180 cc , 2 ช้อนใส่น้ำ 240 cc - 360 cc
วันที่ออกกำลังกาย
- ทานตื่นนอนทันที 1 ช้อน ทันที
- หลังออกกำลังกายทันที 1-2 ช้อน
- ก่อนนอน 30 นาที 1 ช้อน

วันที่ไม่ออกกำลังกาย
- ทานตื่นนอนทันที 1 ช้อน ทันที
- ก่อนนอน 30 นาที 1 ช้อน ผสมนมจืด หรือ น้ำเปล่าก็ได้


สั่งซื้อเวย์โปรตีนสำหรับเพิ่มกล้ามเนื้อ


ดูบทความเมนูอาหารทั้งหมด ดูบทความภัยอันตรายทั้งหมด ดูบทความสุขภาพทั้งหมด ดูบทความวิทยาศาสตร์ทั้งหมด ดูบทความสยองขวัญทั้งหมด ดูบทความชีวิตสัตว์ทั้งหมด ดูบทความประวัติศาสตร์ทั้งหมด ดูบทความจัดอันดับทั้งหมด สารบัญบทความ

8 กีฬาช่วยเพิ่มความสูง

8 กีฬาช่วยเพิ่มความสูง

     

ยุคนี้ความสูงเป็นหนึ่งในลักษณะทางกายภาพที่หลายคนต้องการไม่แพ้รูปร่างหน้าตา หรือบุคลิกภาพด้านอื่นๆ ปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับความสูงมีมากมาย และหนึ่งในนั้นก็คือ การออกกำลังกาย เพราะจะทำให้เกิดการยืดขยายแนวกระดูกออกในแนวตั้ง และช่วยกระตุ้นการหลั่งของ Human GrowthHormone (hGH) จากต่อมใต้สมอง และฮอร์โมน Insulin-like Growth Factor จากตับ ชนิดกีฬาที่ช่วยเพิ่มความสูงให้กับวัยรุ่นมีดังนี้

1 แทรมโปลีน
เป็นอุปกรณ์สำหรับการฝึกกระโดดขึ้น-ลง ตัวอุปกรณ์มีลักษณะเป็นเส้นใยที่ทอเป็นพิเศษ แล้วยึดติดกับฐานของอุปกรณ์อย่างแข็งแรงทุกด้าน เพื่อรองรับแรงจากการกระโดดของผู้เล่น การกระโดดบนแทรมโปลีนจะช่วยให้เกิดการยืดของกล้ามเนื้อและกระดูกในแนวตั้ง โดยเฉพาะช่วงขาอย่างแท้จริง แนะนำให้กระโดด 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ ครั้งละ 20-30 นาที

2 กระโดดเชือก
เป็นการออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอที่ส่งผลดีต่อการหลั่งฮอร์โมนเพื่อการเจริญเติบโตและยังสามารถช่วยกระตุ้นความสูงผ่านแรงกระแทกที่ส่งมาจากฝ่าเท้าโดยตรง

3 โหนบาร์
โดดเด่นตรงที่ทำให้กระดูกสันหลังตรงและสามารถยืดยาวออกไป จึงเหมาะสำหรับผู้ที่อายุยังน้อยเพราะทำได้ง่ายและไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย

4 โยคะ
โยคะแต่ละท่าย่อมส่งผลต่อกระดูกและกล้ามเนื้อที่แตกต่างกันออกไป เช่น ท่ายืดขา ก็จะช่วยยืดกล้ามเนื้อที่ขาทั้งสอง หรือท่างูจงอาง ที่ช่วยยกลำตัวขึ้นจากพื้น โดยคุณต้องนอนคว่ำให้ลำตัวและหน้าอกขนานแตะพื้น จากนั้นใช้แขนสองข้างยันพื้นพร้อมยกเฉพาะลำตัวขึ้นค้างไว้ ท่านี้จะช่วยยืดกล้ามเนื้อลำตัวช่วงบน

5 ว่ายน้ำ
โดยเฉพาะท่าฟรีสไตล์จะคล้ายๆ กับการยืดกล้ามเนื้อบริเวณลำตัว คล้ายการเล่นโยคะท่างู แต่ความต่างก็คือการว่ายน้ำจะทำให้แทบทุกส่วนของร่างกายได้ออกกำลังไปพร้อมกัน

6 บาสเกตบอล
เป็นกีฬาอีกชนิดที่มีการผสมผสานระหว่างการวิ่งก้าวกระโดด และยืดกล้ามเนื้อ ซึ่งเป็นผลดีต่อการกระตุ้นความสูง แต่อย่างไรก็ตามกีฬาประเภทนี้อาจก่อให้เกิดการบาดเจ็บได้ง่ายจึงควรเล่นด้วยความระมัดระวัง

7 พิลาทีส
เป็นการออกกำลังที่ช่วยเพิ่มความยาวของร่างกายทั้งช่วงบนและล่าง สำหรับผู้ที่หยุดสูงแล้วพิลาทีส อาจจะช่วยยืดกระดูกเฉพาะช่วงบนเท่านั้น สำหรับช่วงล่างอาจจะต้องใช้วิธียืดกระดูกอื่นๆ ร่วมด้วย

8 คิกบ็อกซิ่ง
รวมถึงกีฬาประเภทต่อสู้อื่นๆ มักจะช่วยยืดกระดูกช่วงแขน/ขาหากเล่นเป็นประจำ จึงไม่น่าแปลกใจที่เราจะเห็นนักกีฬาประเภทนี้ มีแขน/ขายาวกว่าช่วงลำตัว



ดูบทความเมนูอาหารทั้งหมด ดูบทความภัยอันตรายทั้งหมด ดูบทความสุขภาพทั้งหมด ดูบทความวิทยาศาสตร์ทั้งหมด ดูบทความสยองขวัญทั้งหมด ดูบทความชีวิตสัตว์ทั้งหมด ดูบทความประวัติศาสตร์ทั้งหมด ดูบทความจัดอันดับทั้งหมด สารบัญบทความ

ผื่นจากด้วงก้นกระดก

ผื่นจากด้วงก้นกระดก

     

ทุกๆ ปีในช่วงหน้าร้อนถึงหน้าฝน ผมมักเจอข่าวตามสื่อต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นหนังสือพิมพ์ นิตยสาร หรือโทรทัศน์เกี่ยวข้องกับคนไข้ไม่ว่าจะเป็นเด็กเล็กหรือผู้ใหญ่ที่มีอาการผื่นแดงน่ากลัวเหมือนโดนน้ำร้อนลวกล่าสุดผมเห็นรูปเด็กเล็กๆ มีตุ่มน้ำพองทั่วตัว ส่งแชร์ผ่านทางสื่อออนไลน์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นไลน์ หรือเฟซบุ๊คโดยบอกว่าสาเหตุของผื่นพวกนี้เกิดจาก “แมลงก้นกระดก” หรือแมลงเฟรชชี่/แมลงน้ำกรดนั่นเองครับ(เจ้าแมลงตัวนี้มีหลายชื่อมากครับ)ทุกครั้งที่ตรวจคนไข้แล้วบอกคำวินิจฉัยทีไร คนไข้หัวเราะทุกที...แมลงตัวนี้ยังไม่มีชื่อไทยเป็นทางการครับแต่เท่าที่ผมพอจะหามาได้ก็มี 3 ชื่อนั่นล่ะครับที่ฮิตที่สุด

จริงๆ แล้วแมลงชนิดนี้น่าจะใช้คำว่าด้วงมากกว่า เพราะในภาษาอังกฤษเรียกว่า Rove Beetle โดยมีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Paederus Fuscipes จัดอยู่ใน Genus Paederus, Family Staphylinidae, Order Coleoptera เจ้าแมลงตัวนี้ตรงหัวมีสีดำ ปีกสีน้ำเงินเข้ม ท้องสีส้ม ส่วนก้นจะมีสีส้มๆ ดำๆ และจะงอนขึ้นเวลาเกาะอยู่กับพื้น จึงเป็นที่มาของชื่อ ส่วนขนาดและน้ำหนักก็เท่ากับมดตัวใหญ่ดีๆ นั่นเองครับ ตัวยาวประมาณ 7-8 มม. ด้วงชนิดนี้มักพบในเขตร้อนชื้น อย่างประเทศไทยของเรา อาศัยอยู่ในดิน หิน ไม้ ช่วงกลางวันจะหลับกลางคืนจะชอบออกมาเล่นแสงสว่างตามบ้านเรือน เพื่อกินเศษซากศพของแมลงชนิดอื่นเป็นอาหาร

ด้วงชนิดนี้บินได้แต่ชอบเดินมากกว่าครับ เมื่อออกมาตอนกลางคืนก็จะเดินไปเดินมา ถ้าใครนอนหลับทับ หรือเผลอเอามือไปปัดโดยไม่รู้ตัวสารที่เป็นตัวการสำคัญซึ่งทำให้เกิดผื่นคือสารที่เรียกว่า พีเดอริน (Pederin) ก็จะถูกปล่อยออกจากตัวมันทำให้เกิดผื่นที่ผิวหนังได้โดยวารสารทางการแพทย์เชื่อว่าสารชนิดนี้มีฤทธิ์มากกว่าพิษของงูเห่า (ในปริมาณที่เท่ากัน) ทีเดียวครับขอเน้นว่าด้วงมันไม่ได้กัด หรือทำร้ายเรานะครับ เราทำตัวเองทั้งนั้น

สารพีเดอรินปริมาณเฉลี่ยราว 1 ไมโครกรัม ทำให้เกิดผื่นที่วินิจฉัยว่าParderus Dermatitis โดยจะเห็นรอยแดงได้ใน 12-24 ชั่วโมงแรก จากนั้นอีก3-4 วันอาจจะเป็นตุ่มน้ำหรือเนื้อตายคล้ายผื่นน้ำร้อนลวกหรือไฟไหม้อาจจะมีหนองถ้ามีการติดเชื้อแบคทีเรียซ้ำซ้อนได้ ลักษณะรอยโรคจะเป็นตามรอยปัด แกะเกา หรือพบเป็นผื่นที่ซอกพับ ลักษณะสมมาตรกัน(Kissing Lesion) ได้ หลังจากหายแล้วจะทิ้งรอยดำไว้ประมาณ 1-3 สัปดาห์

เนื่องจากสารชนิดนี้มีฤทธิ์ระคายเคืองที่รุนแรงมาก ถ้าโดนในปริมาณมากและเกิดในเด็กเล็กหรือมีการติดเชื้อแบคทีเรียซ้ำซ้อน อาจจะทำให้มีไข้ปวดศีรษะ ปวดข้อร่วมด้วยได้หากเข้าตาก็สามารถทำให้ตาบอดได้ครับโรคนี้ไม่ต้องรักษาก็สามารถหายเองได้ ตามระยะเวลาของโรคแล้วหากพบว่าโดนพิษในช่วงแรกให้ล้างด้วยน้ำเปล่า ประคบเย็นทายา Povidone Iodine เชื่อว่าจะมีฤทธิ์ต้านสารพีเดอรินได้คนไข้ส่วนใหญ่ที่มารักษาส่วนใหญ่จะมาแบบเป็นผื่นแดงที่มีตุ่มน้ำหรือตุ่มหนองขึ้นมาแล้ว

การรักษาในรายที่มีตุ่มน้ำมักจะให้ประคบน้ำเกลือ โดยชุบให้ชุ่มผ้ากอซแล้วประคบไว้ครั้งละ 5-10 นาที วันละ 3-4 ครั้ง จนกว่าแผลจะแห้งร่วมกับทายากลุ่มสเตียรอยด์ โดยถ้ามีลักษณะของหนองก็มักจะให้ยาปฏิชีวนะชนิดกิน และทาร่วมด้วยครับ ในรายที่มีอาการคันและแสบมาก การกินยาแก้แพ้ก็สามารถลดอาการเหล่านี้ได้

ด้วงหรือแมลงตัวนี้ไม่ได้เป็นตัวร้ายอย่างที่เห็นในสื่อต่างๆ นะครับหากคุณหมั่นดูแลความสะอาดที่อยู่อาศัยไม่ให้มีเศษซากแมลง ปิดประตูหน้าต่างให้มิดชิด และการพบแพทย์เสียแต่เนิ่นๆ ก็จะไม่ทำให้ผื่นลุกลามจนทำให้เกิดรอยดำหรือแผลเป็นตามมาให้รำคาญใจอย่างแน่นอนครับ


ดูบทความเมนูอาหารทั้งหมด ดูบทความภัยอันตรายทั้งหมด ดูบทความสุขภาพทั้งหมด ดูบทความวิทยาศาสตร์ทั้งหมด ดูบทความสยองขวัญทั้งหมด ดูบทความชีวิตสัตว์ทั้งหมด ดูบทความประวัติศาสตร์ทั้งหมด ดูบทความจัดอันดับทั้งหมด สารบัญบทความ

ฝังเข็มสลายไขมัน

ฝังเข็มสลายไขมัน

     

หากคุณอยากลดน้ำหนัก คงไม่มีวิธีไหนดีไปกว่าการควบคุมอาหารและออกกำลังกายควบคู่กันไป แต่ถ้าคุณอยากได้ตัวช่วยที่ทำให้น้ำหนักลงเร็วๆ ลองฟังทางเลือกนี้ดูสิ นักวิจัยจากเกาหลีใต้ระบุว่าการฝังเข็มบริเวณหูช่วยให้น้ำหนักลดลงได้

กลุ่มตัวอย่างที่เข้าร่วมการทดลองในงานวิจัยชิ้นนี้ติดปลายเข็มไว้ที่ตำแหน่งต่างๆ บนหูทั้งหมด 5 จุด โดยติดสลับหูข้างละวันต่อเนื่องกัน 8 สัปดาห์ หลังการทดลองนักวิจัยพบว่าค่าดัชนีมวลกาย (BMI) ของกลุ่มตัวอย่างลดลงถึง 6 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งมากกว่ากลุ่มตัวอย่างที่ควบคุมอาหารและออกกำลังกายเหมือนกันแต่ไม่ได้ฝังเข็ม จุดทั้งห้าที่กำหนดให้ฝังเข็มเป็นจุดที่เชื่อมต่อกับระบบย่อยอาหาร ม้าม และระบบต่อมไร้ท่อ จึงมีส่วนช่วยทำให้เจริญอาหารน้อยลง อย่างไรก็ตามนักวิจัยระบุว่ายังต้องทำการศึกษาเพิ่มเติมอีกเพื่อยืนยันผลการวิจัยดังกล่าว


ดูบทความเมนูอาหารทั้งหมด ดูบทความภัยอันตรายทั้งหมด ดูบทความสุขภาพทั้งหมด ดูบทความวิทยาศาสตร์ทั้งหมด ดูบทความสยองขวัญทั้งหมด ดูบทความชีวิตสัตว์ทั้งหมด ดูบทความประวัติศาสตร์ทั้งหมด ดูบทความจัดอันดับทั้งหมด สารบัญบทความ

4 โรคทางประสาทน่ารู้

4 โรคทางประสาทน่ารู้

     

เมื่อปีที่แล้ว มหกรรม Ice-Bucket Challenge เป็นที่นิยมกันไปทั่ว แต่น้อยคนที่จะรู้เบื้องหลังเกี่ยวกับ ALS และกลุ่มของโรคทางเส้นประสาทซึ่งพบได้ในผู้ป่วยจำนวนมากถึง 6 ล้านคนในอเมริกา ในจำนวนนี้ไม่น้อยที่เป็นผู้หญิงอายุน้อย และนี่คือข้อมูลที่คุณควรจะรู้ไว้

น้ำแข็งทั้งหมด รวมถึงโรคของคนดังแห่งฮอลลีวู้ดอย่าง แนนซี่ ไรเดอร์ Nanci Ryder ที่ตกเป็นข่าวเมื่อไม่นานมานี้ ได้จุดประกายความสนใจของผู้คนเกี่ยวกับ ALS หรือ Amyotrophic Lateral Sclerosis โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงที่ทำลายเซลล์สมอง และไขสันหลัง ทั้งนี้ความคืบหน้าเกี่ยวกับการรักษาโรคร้ายดังกล่าว รวมถึงโรคทำลายเซลล์ประสาทอื่นๆ เช่น ฮันทิงตัน อัลไซเมอร์ พาร์กินสัน ดูเหมือนจะริบหรี่เต็มที โดยเฉพาะเมื่อพบว่ามีผู้ป่วยอายุน้อยลงเรื่อยๆ ไมเคิล โอคุน (Michael Okun) ผู้อำนวยการศูนย์แพทย์ประจำมูลนิธิพาร์กินสันแห่งชาติ กล่าวว่า “โรคพวกนี้ไม่ได้เกิดขึ้นแค่กับคนแก่อีกต่อไป เรายังพบอาาการเหล่านี้ในวัยรุ่น และผู้อยู่ในช่วงอำยุระหว่าง 20-40 ปี” น่าเสียดายที่ปัจจุบันยังไม่สามารถค้นพบวิธีรักษาโรคเหล่านี้ให้หายขาดได้ แต่นักวิทยาศาสตร์ก็พยายามคิดค้นหนทางป้องกันอุปกรณ์วินิจฉัย และวิธีการรักษามาตลอด ในระหว่างนี้การหาปัจจัยเสี่ยงของโรคสามารถทำ ได้ด้วยตัวเอง รวมถึงขั้นตอนต่างๆ ให้คุณนำไปปฏิบัติตามเพื่อตรวจหาอาการของโรคตั้งแต่เนิ่นๆ

โรคประสาทชักกะตุก

=>7,500 คือจำนวนของผู้หญิงอเมริกันที่เป็นโรคนี้

=>ห้าสิบ คือเปอร์เซ็นต์ของความเป็นไปได้ที่ลูกหลานอาจเป็นโรคประสาทชักกระตุก หากพ่อแม่ป่วยเป็นโรคนี้

=>30 - 50 คือช่วงอำยุที่โรคเริ่มออกอาการ

โรคประสาทชักกะตุกคือความผิดปกติที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรมทำให้โปรตีนกลายพันธุ์ ส่งผลให้เซลล์สมองเสื่อมซึ่งใช้เวลานานราว 25 ปีกว่าจะออกอาการ ซึ่งจะนำไปสู่ปัญหาควบคุมการเคลื่อนไหวของร่างกายความสามารถในกำรสื่อสารลดลงและมีปัญหาทางจิตอย่างอารมณ์รุนแรง บวกกับพฤติกรรมร้ายกาจ

อาการและการวินิจฉัย
ไม่สามารถควบคุมกล้ามเนื้อบนใบหน้าหรือแขนขา ร่างกายเคลื่อนไหวไม่สัมพันธ์กัน ซึมเศร้าโมโหร้าย นี่คือสัญญาณอันตรายหากครอบครัวคุณมีประวัติเป็นโรคนี้ กำรตรวจเลือดสามารถบอกได้ว่าคุณเป็นพาหะโรคหรือมีโอกาสเป็นเองหรือไม่

การรักษาและป้องกัน
นักวิจัยกำลังหาทางยับยั้งการกลายพันธุ์ของโปรตีนชนิดหนึ่ง ในที่สุดพวกเขาก็ประสบความสำเร็จ ยาสามารถรักษาการสูญเสียความสามารถในการบังคับการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้ออารมณ์แปรปรวน และภาวะซึมเศร้า ไดอาน่า โรแซส (Diana Rosas) ผู้เชี่ยวชาญทางด้านโรคประสาทอันเกิดจากพันธุกรรมแห่งโรงพยาบาลแมซซาชูเซตส์แนะนำว่า การออกกำลังกายเป็นประจำช่วยให้กล้ามเนื้อทำงานสม่ำเสมอ ส่วนคุมน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ปกติจะช่วยชะลอความรุนแรงของโรค ผู้หญิงที่มีความเสี่ยงและคนที่เป็นพาหะของโรคนี้สามารถปกป้องลูกหลานในอนาคตได้ ต้องขอบคุณวิทยาการทางการแพทย์ที่คิดค้นการทำเด็กหลอดแก้ว (IVF) ขึ้นมาเพราะหมอสามารถเลือกปลูกถ่ายตัวอ่อนที่ไม่ได้รับดีเอ็นเอโรคนี้

ใช้ชีวิตอย่างไรขณะที่รอ
“ฉันร้องไห้โฮเมื่อรู้ว่ามีโรคนี้แอบซ่อนอยู่ในดีเอ็นเอเมื่อ 9 ปีที่แล้ว ส่วนหนึ่งก็รู้สึกโล่งใจที่ได้รู้ล่วงนี้ว่าฉันมีโอกาสเป็นโรคนะ แต่อีกส่วนก็กลัวว่าจะมีอะไรรออยู่ภายภาคหน้า ทุกครั้งที่ก้าวสะดุดหรือหลงลืมอะไร ฉันมักคิดว่ามันกำลังมาแล้ว สามปีก่อนฉันเริ่มมีอาการซึมเศร้า ยาต้านโรคซึมเศร้าช่วยชีวิตฉันไว้ แต่พอได้คุยกับคนที่อายุต่ำกว่า 30 ปี หรือมีพ่อแม่เป็นโรคนี้ ก็เริ่มรู้สึกว่ามันไม่น่ากลัวอย่างที่คิด ตอนนี้คิดแค่ว่า “ฉันก็แค่ซุ่มซ่ามไปหน่อย” ฉันกับสามีวางแผนทำเด็กหลอดแก้วอย่างน้อยลูกก็ไม่ต้องมีความเสี่ยงเหมือนที่ฉันเผชิญอยู่”- ลอเรน โฮลเดอร์, 29 ปี

โรคพาร์กินสัน
=>10 เปอร์เซ็นต์ของผู้ป่วยโรคนี้มีอายุน้อยกว่า 40 ปี

=>10 ล้านคน คือจำนวนผู้ป่วยโรคนี้ทั่วโลก

=>60k คือจำนวนของผู้ป่วยใหม่ที่เป็นโรคนี้ในแต่ละปี

พาร์กินสันคืออะไร
เซลล์ประสาทภายในสมองที่ผลิตโดปามีนหรือฮอร์โมนแห่งความสุข ซึ่งมีหน้าที่ช่วยควบคุมการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อถูกทำลายไป เมื่อเซลล์ส่วนนี้ตายไปกว่า 80% (อาจใช้เวลายาวนานกว่า 15 ปี) ผู้ป่วยจะเริ่มมีอาการตัวสั่น เคลื่อนไหวร่างกายลำบากเกิดความบกพร่องทางการรับรู้ทั้งนี้ประมำณ 10% ของอาการป่วยในแต่ละรายเกี่ยวข้องกับความบกพร่องของยีนเดี่ยว(อย่างไรก็ตาม ผลตรวจที่ออกมาเป็นบวกก็ยืนยันไม่ได้ว่าคุณจะมีโอกาสเป็นโรคนี้) ส่วนอีก 90% ต้นกำเนิดจากการผสมผสานขององค์ประกอบทางดีเอ็นเอและปัจจัยกระตุ้นทางสภาพแวดล้อม เช่น สมองเสียหายและได้รับสารกำจัดวัชพืชหรือยาฆ่าแมลงเข้าไปในร่างกาย

อาการและการวินิจฉัย
อาการแรกเริ่มของโรคนี้ประกอบไปด้วย อาการซึมเศร้า(เพราะขาดโดปามีน) และอาการกระตุก ปวดหรือตึงกล้ามเนื้อติดต่อกันมายาวนาน ไม่มีการวินิจฉัยโรคใดๆ ยืนยันได้เต็มที่ว่าคุณป่วยเป็นโรคพาร์กินสันหรือไม่ ดังนั้นแพทย์จึงจำเป็นต้องประเมินอาการของผู้ป่วยเป็นระยะ ทดลองให้ยารักษาโรคหลายๆ ตัว อย่างไรก็ดี ไม่ค่อยมีรายงานถึงผู้ป่วยที่มีอาการหนักมาก รวมทั้งวิธีการรักษาในปัจจุบันยังช่วยยืดอายุของผู้ป่วยให้ยืนยาวได้อีกด้วย

การรักษาและป้องกัน
ไดเอ็ตอาจช่วยได้ อย่างเช่นการรับประทานพริก (สีแดงหรือเขียวก็ได้) ช่วยลดควำมเสี่ยงได้ถึง 30% ผลไม้อย่างบลูเบอร์รี่และสตรอว์เบอร์รี่ที่อุดมไปด้วยฟลาโวนอยด์ สามารถลดการเกิดโรคได้ 40% ตามรายงานการวิจัยของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด

เยียวยาด้วยเครื่องมือไฮเทควิธีบำบัดโรคพาร์กินสันเหล่านี้เหมือนจะเป็นเรื่องเพ้อฝัน แต่บางวิธีให้ผลลัพธ์เกินคาดต่อผู้ป่วยจำนวนมาก

> DEEP BRAIN STIMULATION: การฝังแบตเตอรี่ตรงบริเวณสมองที่มีหน้าที่ควบคุมการเคลื่อนไหว ช่วยส่งคลื่นไฟฟ้า คอยป้องกันอาการสั่นของกล้ามเนื้อ
> LIFTWARE: ช้อนอัจฉริยะที่อาศัยพลังงานจากแบตเตอรี่สามารถลดอาการสั่นของร่างกายขณะผู้ป่วยกินอาหาร
> WEARBALES: นักวิจัยกำลังทดสอบนาฬิกาตรวจจับอาการของโรค ซึ่งช่วยให้ผู้ป่วยรักษาตัวเองได้ง่ายขึ้น

โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง
=>คนคือจำนวนผู้มีโอกาสเป็นโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง 2 ใน100,000

=>12,000 คือจำนวนของผู้หญิงในอเมริกันที่เป็นโรคนี้

=>5,000 คือจำนวนคนอเมริกันอายุประมาณ 40-70 ปี ที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคนี้


โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงคือ
เซลล์ประสาทสั่งการ (ทำหน้าที่ส่งคำสั่งจากสมองไปยังกระดูกสันหลังและกล้ามเนื้อ)ทยอยอ่อนแอและตาย จากนั้นก็ค่อยๆ เป็นอัมพาต และระบบหายใจล้มเหลวทีละนิดภายใน5 ปี หลังจากโรคกำเริบ เจฟฟรีย์ รอธสไตน์ (Jeffrey Rothstein)ผู้ก่อตั้งศูนย์วิจัยโรค ALS ในจอห์น ฮอปส์กิน เสริมว่า ผู้ป่วย 90% จบชีวิตลง และอีก 10% มีคนในครอบครัวเคยเป็นโรคนี้

อาการและการวินิจฉัย
สัญญาณเริ่มแรกคือ อาการเมื่อยล้าหรือมือไม่มีแรงจากมือหนึ่งแล้วค่อยๆ ลามไปที่มืออีกข้าง พูดติดๆ ขัดๆ หรือเดินสะดุดยังไม่มีการทดสอบที่สามารถบอกได้ว่าเป็นเพราะเหตุใด แต่แพทย์ใช้วิธีตัดโรคที่มีอาการคล้ายกันออก เช่น โรคลัยม์

การรักษาและป้องกัน
หมั่นกินผักผลไม้หลากสีสันที่อุดมด้วยสารต้านอนุมูลอิสระเพื่อลดหรือชะลอการเกิดอาการของโรค นอกจากนี้การบริโภคกรดไขมันโอเมก้า-3 ในวอลนัตและเมล็ดแฟล็กซ์ ช่วยลดความเสี่ยงของโรคนี้ได้ เพราะสามารถลดการอักเสบและสารอนุมูลอิสระซึ่งเป็นตัวการทำลายเซลล์ประสาท อ้อ! บุหรี่ก็เพิ่มความเสี่ยงเป็นโรค ALS เหมือนกันอย่าประมาทเชียว

น้ำแข็งหนึ่งถังต่อชีวิต
แคมเปญไอซ์บักเก็ตที่เป็นกระแสอยู่ในโลกโซเชียลทำเงินให้กับสมาคม ALS ถึง 115 ล้านเหรียญ เงินเหล่านี้นำไปสนับสนุนหน่วยงานและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับการรักษา 3 ทางคือ
> ศูนย์โรเบิร์ต แพ็กกำร์ด สำหรับวิจัยโรค ALS : ศูนย์นี้ดูแลงานวิจัย การทดลองและยารักษาติดตามข้อมูลได้ที่ www.alscenter.org
>ทีมกลีสัน: ผู้ป่วยอัมพาตมีโอกาสเข้าถึงอุปกรณ์ไฮเทคอย่างแท็บเลต โดยใช้การเคลื่อนไหวของลูกตาแทนเม้าส์คอมพิวเตอร์ ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.teamgleason.org
> สมาคมโรคกล้ามเนื้อเสื่อม:องค์กรนี้จัดหาโปรแกรมและกลุ่มสนับสนุนสำหรับเด็กและผู้ใหญ่ที่เป็นโรคเกี่ยวเนื่องกับความผิดปกติของกล้ามเนื้อและระบบประสาทอย่าง ALS ติดตามข้อมูลได้ที่ www.mda.org

โรคอัลไซเมอร์

=>66 คือเปอร์เซ็นต์ของผู้ป่วยที่เป็นผู้หญิง

=>ทุก 67 วินาที คือจำนวนผู้ป่วยอัลไซเมอร์ที่เพิ่มขึ้นในอเมริกา

=>2 ใน 5 คือเปอร์เซ็นต์ของอาการอัลไซเมอร์กำเริบในคนอายุ 40 หรือ 50 ปี


อัลไซเมอร์คืออะไร
นักวิจัยสงสัยว่าโปรตีนผิดปกติที่ก่อให้เกิดการบิดม้วนและเกิดคราบหินปูนระหว่างเซลล์สมอง ซึ่งเป็นตัวกั้นการสื่อสารในบริเวณที่เกี่ยวกับความจำและการเคลื่อนไหวกว่ามันจะแสดงอาการก็ใช้เวลาร่วม 20 ปี เชื่อว่าสาเหตุหลักของโรคนี้ ส่วนหนึ่งเกิดจากกรรมพันธุ์และการใช้ชีวิตทว่าเคสที่เกิดจากกรรมพันธุ์มีเพียง 5% เท่านั้น

อาการและการวินิจฉัย
อาการเริ่มแรกคือ ผู้ป่วยมีพฤติกรรมแยกตัวจากสังคมหลงๆ ลืมๆ และนิสัยเปลี่ยนไปหมอมักใช้วิธีตรวจเลือด หรือไม่ก็จินตนาการและประเมินกระบวนความคิด ผลการวิจัยแสดงว่าอัลไซเมอร์สัมพันธ์กับความเสื่อมของสมอง และสามารถตรวจเจอก่อนที่จะแสดงอาการ 20-30 ปี ศาสตราจารย์ดีน ฮาร์ทเลย์ (Dean Hartley) ผู้ก่อตั้งสมาคมโรคอัลไซเมอร์อธิบาย

การรักษา
หากคุณยังสูบบุหรี่อยู่ เลิกเดี๋ยวนี้ เพราะบุหรี่อยู่เบื้องหลังความเสียหาย 14% ยาบางตัวก็เพิ่มความเสี่ยงได้ การศึกษาล่ำสุดพบว่า การรับประทานยาเบโซไดแอซพีน (Benzodiazepines ที่ใช้คลายเครียด) นาน 3-6 เดือน เพิ่มความเสี่ยงมากถึง 32% ยิ่งกินมาก ก็เสี่ยงเป็นโรคอัลไซเมอร์มาก นอกจากนี้ความดันเลือดสูงและคอเลสเตอรอลสูงก็ส่งผลเสียเช่นกัน ดังนั้น เลือกกินอาหารที่มีไขมันอิ่มตัวและออกกำลังกายเป็นประจำ ส่วนรายที่มีอาการแล้ว ยาที่หมอสั่งจะชะลอการสูญเสียความจำ ลดความเสี่ยงได้ด้วยการเล่นเกมฝึกสมองอย่าง ครอสเวิร์ดและเกมพัซเซิล

อัลไซเมอร์หรือแค่ขี้ลืมกันแน่
คนเราลืมกันได้แต่ถ้าใครรู้สึกว่ามันเริ่มมากและหนักขึ้นพบแพทย์ด่วน!
ความจำ
ปกติ : ลืมชื่อในเวลาสั้นๆ
ผิดปกติ : คุณเริ่มถามคำถามเดิมๆ ซ้ำแล้วซ้ำอีก
ความสับสน
ปกติ : คิดว่าวันนี้เป็นวันอังคารทั้งๆ ที่เป็นวันจันทร์
ผิดปกติ : คิดว่าปาร์ตี้เพิ่งผ่านไปเมื่อสัปดาห์ก่อน ทั้งๆ ที่มันตั้งแต่เดือนที่แล้วต่างหาก
การพูด
ปกติ : บางคำติดอยู่ที่ลิ้นแต่นึกไม่ออกว่าคืออะไร
ผิดปกติ : มักจะลืมสิ่งที่คิดกลางคันระหว่างบทสนทนำ


ดูบทความเมนูอาหารทั้งหมด ดูบทความภัยอันตรายทั้งหมด ดูบทความสุขภาพทั้งหมด ดูบทความวิทยาศาสตร์ทั้งหมด ดูบทความสยองขวัญทั้งหมด ดูบทความชีวิตสัตว์ทั้งหมด ดูบทความประวัติศาสตร์ทั้งหมด ดูบทความจัดอันดับทั้งหมด สารบัญบทความ

Popular Posts