ลาตินอเมริกาเป็นสถานที่ที่น่าเหลือเชื่อสำหรับการเดินทางไปด้วยเหตุผลหลายประการ ประการแรกมีสภาพอากาศ หากคุณมีเรื่องราวของบลูส์ในช่วงฤดูหนาวในฐานะชาวอเมริกันที่นี่เป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับการเดินทางไป จากนั้นก็มีอาหาร นักชิมทุกคนสามารถหลงทางในละตินอเมริกาได้ มีสิ่งดีๆมากมายเกี่ยวกับภูมิภาคนี้ มาดูสถานที่ที่ดีที่สุดในละตินอเมริกาเพื่อเดินทางไป
ก่อนอื่นเรามาเริ่มจากเพื่อนบ้านของสหรัฐอเมริกาทางตอนใต้ของเม็กซิโก หลายคนคิดว่าเม็กซิโกได้รับการลงโทษที่ไม่ดีและไม่ใช่สถานที่ที่ดีในการเดินทางไป คนเหล่านั้นคงจะเข้าใจผิดอย่างน่าเศร้า ก่อนอื่นมีรีสอร์ทแบบรวมทุกอย่างที่น่าตื่นตาตื่นใจใน Riviera Maya สิ่งเหล่านี้น่าทึ่งมากในการวางแผนการพักผ่อนสุดโรแมนติก ชาวเม็กซิกันยกระดับการต้อนรับ
ถ้าคุณออกจากรีสอร์ทเหล่านี้ก็เป็นช่วงเวลาที่ดีอย่าลืมระมัดระวัง หากคุณอยู่ในพื้นที่ที่มีนักท่องเที่ยวเป็นส่วนใหญ่สิ่งนี้จะทำให้โอกาสด้านความปลอดภัยมีโอกาสมากขึ้น มีทัศนศึกษาให้คุณได้เพลิดเพลินกับกิจกรรมสนุก ๆ เช่นซิปซับการขับไล่ดำน้ำดูปะการังและเที่ยวถ้ำ โดยปกติคุณสามารถจองการเดินทางเหล่านี้จากรีสอร์ทของคุณและติดต่อกับ บริษัท ทัวร์ที่มีชื่อเสียงซึ่งคุณจะไปรับจากรีสอร์ทของคุณ
สถานที่ยอดเยี่ยมอีกแห่งในละตินอเมริกาคือคอสตาริกา นี่เป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับการไปพักผ่อนด้วยเหตุผลเดียวกันหลายประการ คุณจะเห็นรูปแบบการพัฒนาที่ผู้คนในละตินอเมริกาให้ความสำคัญกับการต้อนรับอย่างจริงจัง ยิ่งไปกว่านั้นอาหารในคอสตาริกานั้นยอดเยี่ยมมาก ไม่มีทางที่ใครจะผิดหวังเมื่อได้ลิ้มลองอาหารคอสตาริกา ผู้คนในคอสตาริกาเป็นมิตรอย่างไม่น่าเชื่อและมีความรู้สึกบางอย่างกับผู้คนที่นี่
สถานที่ที่ไม่ค่อยได้รับความนิยมในละตินอเมริกาในการเดินทางไปคือโคลอมเบีย ด้วยเหตุผลเดียวกันนี้จึงเป็นสถานที่ที่ดีเยี่ยมในการเยี่ยมชม มีประสบการณ์มากมายในโคลอมเบียเมื่อพูดถึงสถานที่ท่องเที่ยวในโคลอมเบีย อีกสิ่งหนึ่งที่ควรคำนึงถึงเมื่อไปเยือนโคลอมเบียคือกาแฟ ไม่มีที่ไหนในโลกที่มีกาแฟขึ้นชื่อเท่าที่มีในโคลอมเบีย
นี่เป็นเพียงไม่กี่แห่งในการเริ่มต้น ใครบางคนอาจใช้เวลาเดินทางหรือสองปีไปยังละตินอเมริกาตลอดชีวิตและพวกเขาจะไม่มีวันเบื่อที่จะไปที่นั่น มีอะไรให้ดูและทำอีกมากมาย
ทำนายฝัน จัดอันดับ เมนูอาหารแปลก สิบอันดับ ที่สุดในโลก สถานที่น่ากลัว เรื่องสยองขวัญ ประวัติศาสตร์ คดีฆาตกรรม ฆาตกรโหด สรรพคุณสมุนไพร
6 เคล็ดลับสู่ความสำเร็จในฐานะเทรดเดอร์
หากคุณยังใหม่กับการซื้อขายตัวเลือกคุณอยู่ในหน้าที่ถูกต้อง ในบทความนี้เราจะแบ่งปันเคล็ดลับ 6 ข้อที่จะช่วยให้คุณประสบความสำเร็จในการเป็นเทรดเดอร์ ด้วยเคล็ดลับเหล่านี้คุณสามารถหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดทั่วไปและปฏิบัติตามกลยุทธ์ที่เหมาะสมเพื่อเข้าใกล้ความสำเร็จของคุณ โดยไม่ต้องกังวลใจเพิ่มเติมลองดูเคล็ดลับง่ายๆเหล่านี้
1. อย่าลงทุนมากเกินไป
หากคุณต้องการประสบความสำเร็จในฐานะเทรดเดอร์คุณไม่ต้องการนำเงินทั้งหมดไปเสี่ยง วันหนึ่งคุณจะเกษียณอายุและคุณจะต้องใช้เงินมากมายเพื่อนำไปสู่ชีวิตที่ดี ดังนั้นคุณอาจต้องการลงทุนเงินของคุณอย่างระมัดระวัง
แม้ว่าคุณจะสามารถใช้เงินที่คุณเก็บออมไว้สำหรับการเทรดในแต่ละวันได้เป็นครั้งคราว แต่พยายามอยู่ในด้านที่ปลอดภัยเสมอ กล่าวอีกนัยหนึ่งคุณไม่ควรใช้จ่ายเงินที่คุณไม่สามารถจ่ายได้
2. อดทน
สัญญาณอีกอย่างหนึ่งของนักเทรดที่ประสบความสำเร็จก็คือพวกเขาไม่ได้เทรดเป็นประจำทุกวัน ดังนั้นสิ่งที่คุณต้องทำคือคว้าโอกาสที่ตรงตามเกณฑ์ของคุณ ไม่ใช่ความคิดที่ดีที่จะคว้าทุกโอกาสที่คุณสามารถหาได้ คุณไม่อยากฝืนวิจารณญาณของตัวเองเพียงเพราะมีโอกาส คุณต้องมีแผนการที่มั่นคงและอดทนเสมอ
3. มีวินัย
คุณต้องมีแผนการเทรดที่มั่นคงและคุณไม่ควรทำอะไรกับมัน หากคุณกำลังซื้อขายตัวเองคุณไม่ต้องการใช้พฤติกรรมหุนหันพลันแล่น คุณไม่ต้องการที่จะโลภเพราะอาจทำให้คุณต้องเสียเงินเป็นจำนวนมาก หากคุณคิดว่าคุณสามารถร่ำรวยได้ภายในวันเดียวคุณกำลังทำผิดพลาดอย่างร้ายแรง คุณต้องมีวินัยเสมอ
4. อย่ากลัวที่จะคว้าโอกาส
บ่อยครั้งที่ผู้ค้ารายใหม่มักจะถูกครอบงำในช่วงแรก พวกเขากลัวเกินกว่าจะคว้าโอกาสที่ขวางหน้า แต่คุณไม่จำเป็นต้องกังวลตราบเท่าที่คุณมีวินัยและมีแผนปฏิบัติตามอย่างมั่นคง ดังนั้นคุณไม่จำเป็นต้องกลัวการกดปุ่ม หากคุณอดทนและมีวินัยคุณก็จะประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน
5. อย่ารับความเสี่ยงมาก
ดังที่ได้กล่าวไปแล้วว่าการลงทุนในการซื้อขายเพียงครั้งเดียวไม่ควรลงทุนมากเกินไป สิ่งนี้ไม่เพียง แต่ทำให้คุณมีความเสี่ยงมากขึ้นเท่านั้น แต่ยังทำให้คุณพลาดโอกาสมากมายบนท้องถนนอีกด้วย ดังนั้นคุณควรใช้จ่ายเพียง 10% ของจำนวนเงินที่คุณตั้งไว้สำหรับการซื้อขาย วิธีนี้จะช่วยให้คุณปลอดภัย
6. เรียนรู้จากประสบการณ์
เทรดเดอร์ประสบปัญหาขาดทุนทุกวันเนื่องจากความผิดพลาดร้ายแรง ดังนั้นสิ่งที่คุณต้องทำคือเรียนรู้จากผู้อื่นและปฏิบัติตามกลยุทธ์ตามกฎ นอกเหนือจากนี้คุณควรพยายามเป็นตัวของตัวเองและอย่าพยายามข้ามเส้น
1. อย่าลงทุนมากเกินไป
หากคุณต้องการประสบความสำเร็จในฐานะเทรดเดอร์คุณไม่ต้องการนำเงินทั้งหมดไปเสี่ยง วันหนึ่งคุณจะเกษียณอายุและคุณจะต้องใช้เงินมากมายเพื่อนำไปสู่ชีวิตที่ดี ดังนั้นคุณอาจต้องการลงทุนเงินของคุณอย่างระมัดระวัง
แม้ว่าคุณจะสามารถใช้เงินที่คุณเก็บออมไว้สำหรับการเทรดในแต่ละวันได้เป็นครั้งคราว แต่พยายามอยู่ในด้านที่ปลอดภัยเสมอ กล่าวอีกนัยหนึ่งคุณไม่ควรใช้จ่ายเงินที่คุณไม่สามารถจ่ายได้
2. อดทน
สัญญาณอีกอย่างหนึ่งของนักเทรดที่ประสบความสำเร็จก็คือพวกเขาไม่ได้เทรดเป็นประจำทุกวัน ดังนั้นสิ่งที่คุณต้องทำคือคว้าโอกาสที่ตรงตามเกณฑ์ของคุณ ไม่ใช่ความคิดที่ดีที่จะคว้าทุกโอกาสที่คุณสามารถหาได้ คุณไม่อยากฝืนวิจารณญาณของตัวเองเพียงเพราะมีโอกาส คุณต้องมีแผนการที่มั่นคงและอดทนเสมอ
3. มีวินัย
คุณต้องมีแผนการเทรดที่มั่นคงและคุณไม่ควรทำอะไรกับมัน หากคุณกำลังซื้อขายตัวเองคุณไม่ต้องการใช้พฤติกรรมหุนหันพลันแล่น คุณไม่ต้องการที่จะโลภเพราะอาจทำให้คุณต้องเสียเงินเป็นจำนวนมาก หากคุณคิดว่าคุณสามารถร่ำรวยได้ภายในวันเดียวคุณกำลังทำผิดพลาดอย่างร้ายแรง คุณต้องมีวินัยเสมอ
4. อย่ากลัวที่จะคว้าโอกาส
บ่อยครั้งที่ผู้ค้ารายใหม่มักจะถูกครอบงำในช่วงแรก พวกเขากลัวเกินกว่าจะคว้าโอกาสที่ขวางหน้า แต่คุณไม่จำเป็นต้องกังวลตราบเท่าที่คุณมีวินัยและมีแผนปฏิบัติตามอย่างมั่นคง ดังนั้นคุณไม่จำเป็นต้องกลัวการกดปุ่ม หากคุณอดทนและมีวินัยคุณก็จะประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน
5. อย่ารับความเสี่ยงมาก
ดังที่ได้กล่าวไปแล้วว่าการลงทุนในการซื้อขายเพียงครั้งเดียวไม่ควรลงทุนมากเกินไป สิ่งนี้ไม่เพียง แต่ทำให้คุณมีความเสี่ยงมากขึ้นเท่านั้น แต่ยังทำให้คุณพลาดโอกาสมากมายบนท้องถนนอีกด้วย ดังนั้นคุณควรใช้จ่ายเพียง 10% ของจำนวนเงินที่คุณตั้งไว้สำหรับการซื้อขาย วิธีนี้จะช่วยให้คุณปลอดภัย
6. เรียนรู้จากประสบการณ์
เทรดเดอร์ประสบปัญหาขาดทุนทุกวันเนื่องจากความผิดพลาดร้ายแรง ดังนั้นสิ่งที่คุณต้องทำคือเรียนรู้จากผู้อื่นและปฏิบัติตามกลยุทธ์ตามกฎ นอกเหนือจากนี้คุณควรพยายามเป็นตัวของตัวเองและอย่าพยายามข้ามเส้น
สมุนไพรไทยแก้โรคผิวหนัง รักษาได้อย่างไม่น่าเชื่อ
“โรคผิวหนัง” ถือเป็นโรคที่สามารถเกิด ขึ้นได้ทุกเพศทุกวัย เป็นภาวะที่ผิวหนังไวต่อ สิ่งกระตุ้น ทั้งสารเคมีและอุณหภูมิที่มีการ เปลี่ยนแปลงไปในแต่ฤดูกาล ยกตัวอย่างเช่น ฤดูร้อน หลายคนก็ต้องทนกับอาการผื่นคัน ที่เกิดจากการหมักหมม ของเชื้อแบคทีเรีย ที่มากับเหงื่อ ส่วนในฤดูหนาวก็ยังนํามา ซึ่งผิวแห้ง แตก ลอกเป็นขุยหรืออักเสบได้ นอกจากนั้นในวันที่ฝนตกหนักๆ ความชื้น และนําสกปกที่ท่วมขังก็ยังทําให้เกิดเชื้อรา บริเวณร่มผ้าและผิวหนังส่วนอื่นๆ ได้
เนื่องจากโรคผิวหนังถือเป็นภัยใกล้ตัว วันนี้ “สมุนไพรธรรมชาติ” จึงอยากจะพา ผู้อ่านไปทําความรู้จักกับวิธีรักษาโรคผิวหนัง ง่ายๆ ด้วยวิธีธรรมชาติอย่างการใช้สมุนไพร ในการรักษา แต่จะมีสมุนไพรแก้โรคผิวหนัง ชนิดใดบ้างนั้นตามไปชมกันเลย
1. ขมิ้นชัน
หนึ่งในสมุนไพรไทยที่มีสรรพคุณใน การยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อราที่เป็น สาเหตุสําคัญของโรคผิวหนัง นอกจากนี้ขมิ้นชันยังถูกนํามาเป็นส่วน ประกอบของผลิตภัณฑ์บํารุงผิว เนื่องจาก ผงขนมสกัดมีสรรพคุณ ในการกระตุ้นการ ผลัดเซลล์ผิว และสร้างเซลล์ผิวใหม่ และ การจากทดลองยังช่วยการันตรีอีกว่าขมิ้นชั้น สามารถนํามารักษาแผลผุพองได้เป็นอย่างดี และปราศจากผลข้างเคียงอีกด้วย
2. ว่านหางจระเข้
จัดเป็นสมุนไพรไทยที่ราคาถูก หาง่าย และประโยชน์ครอบจักรวาลมากๆ อีกชนิด หนึ่ง กล่าวคือ เราสามารถนําว่านหางจระเข้ มาปอกเปลือก ล้างเมือกเหนียวๆ ออกให้หมด จากนั้นให้นํามาทาทับบริเวณที่เป็นพื้น คันหรือบริเวณที่อักเสบ จะช่วยลดอาการ ระคายเคือง ให้ผิวหนังสมานตัวได้เร็วขึ้น นอกจากนั้น ในรายที่มีปัญหาผิวไหม้ จากการตากแดด หรือเป็นรอยสิวก็สามารถ รักษาให้หายได้ โดยการนําว่านหางจระเข้ ล้างให้สะอาด หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ จากนั้นนํา เข้าตู้เย็นสักพักแล้วนํามาพอก รับรองว่าผิว จะกลับมาแข็งแรงได้ในไม่กี่สัปดาห์
3. สะเดา
สมุนไพรรสขม ที่นิยมนํามาลวกรับ ประทานกับน้ําพริกและทําเป็นสะเดาน้ําปลา หวานแล้ว สะเดายังสามารถรักษาโรคผิว หนังได้อีกด้วย เนื่องจากสรรพคุณในการ ต้านเชื้อรา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเชื้อราบริเวณ ผิวหนัง คนสมัยก่อนจึงนิยมนํา สะเดามา ต้มและนําผ้าสะอาดมาชุบน้ําต้มและนํามา เช็ดบริเวณผิวหนังที่ผดคันหรือพื้นที่เกิดจาก อาการแพ้
4. มะระ
สมุนไพรรสขม ที่นอกจากจะช่วยให้ เจริญอาหารแล้วยังช่วยรักษาโรคผิวหนังได้ ดีอีกด้วย หากใครที่ประสบกับปัญหาผื่นคัน รักษาไม่หายสักที ลองนําผลมะระไปตาก แดดให้แห้ง จากนั้นนํามาบดจนเป็นผง และ นํามาโรยบริเวณที่เป็นผดผืนดู รับรองว่า อาการคันจะไม่มากวนใจคุณได้อีก
5. ตําลึง
เป็นพืชไม้เลื่อย ที่พบเห็นได้ทั่วไปตาม รั้วบ้าน เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ ตามตํารับ ยาแล้วตําลึงเป็นสมุนไพรเย็น ที่นอกจากช่วย ดับพิษร้อนและบํารุงสายตา ตําลึงยังช่วยลด อาการคันตามผิวหนังได้ดีอีกด้วย วิธีการคือ นําใบตําลึงสดมาขยํากับน้ํา จากนั้นนําน้ําที่ได้มาทาบางๆ บริเวณที่คัน หรือเป็นผื่น ก็จะทําให้อาการคันบรรเทาลงได้มาก
เชื่อว่าข้อมูลเกี่ยวกับ 5 สมุนไพรแก้โรคผิวหนังที่ “สมุนไพรธรรมชาติ” นํามา ฝากนี้ คงจะเป็นประโยชน์กับผู้อ่านที่ผิวหนัง ไวต่อสิ่งกระตุ้น จนทําให้เป็นผื่นคันได้ง่าย จนต้องเผลอเกาจนผิวหนังอักเสบ
ดังนั้นสําหรับใครที่กําลังเผชิญปัญหา โรคผิวหนัง ไม่ว่าจะเป็นผด ผื่นหรืออาการคัน แบบใดก็ตาม ลองนําสมุนไพรที่เราแนะนํา ไปปรับใช้กันดูนะ แล้วคุณจะรู้ว่าโรคผิวหนัง รักษาได้ง่ายๆ ด้วยสมุนไพรไทยใกล้ตัวนี่เอง
เนื่องจากโรคผิวหนังถือเป็นภัยใกล้ตัว วันนี้ “สมุนไพรธรรมชาติ” จึงอยากจะพา ผู้อ่านไปทําความรู้จักกับวิธีรักษาโรคผิวหนัง ง่ายๆ ด้วยวิธีธรรมชาติอย่างการใช้สมุนไพร ในการรักษา แต่จะมีสมุนไพรแก้โรคผิวหนัง ชนิดใดบ้างนั้นตามไปชมกันเลย
1. ขมิ้นชัน
หนึ่งในสมุนไพรไทยที่มีสรรพคุณใน การยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อราที่เป็น สาเหตุสําคัญของโรคผิวหนัง นอกจากนี้ขมิ้นชันยังถูกนํามาเป็นส่วน ประกอบของผลิตภัณฑ์บํารุงผิว เนื่องจาก ผงขนมสกัดมีสรรพคุณ ในการกระตุ้นการ ผลัดเซลล์ผิว และสร้างเซลล์ผิวใหม่ และ การจากทดลองยังช่วยการันตรีอีกว่าขมิ้นชั้น สามารถนํามารักษาแผลผุพองได้เป็นอย่างดี และปราศจากผลข้างเคียงอีกด้วย
2. ว่านหางจระเข้
จัดเป็นสมุนไพรไทยที่ราคาถูก หาง่าย และประโยชน์ครอบจักรวาลมากๆ อีกชนิด หนึ่ง กล่าวคือ เราสามารถนําว่านหางจระเข้ มาปอกเปลือก ล้างเมือกเหนียวๆ ออกให้หมด จากนั้นให้นํามาทาทับบริเวณที่เป็นพื้น คันหรือบริเวณที่อักเสบ จะช่วยลดอาการ ระคายเคือง ให้ผิวหนังสมานตัวได้เร็วขึ้น นอกจากนั้น ในรายที่มีปัญหาผิวไหม้ จากการตากแดด หรือเป็นรอยสิวก็สามารถ รักษาให้หายได้ โดยการนําว่านหางจระเข้ ล้างให้สะอาด หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ จากนั้นนํา เข้าตู้เย็นสักพักแล้วนํามาพอก รับรองว่าผิว จะกลับมาแข็งแรงได้ในไม่กี่สัปดาห์
3. สะเดา
สมุนไพรรสขม ที่นิยมนํามาลวกรับ ประทานกับน้ําพริกและทําเป็นสะเดาน้ําปลา หวานแล้ว สะเดายังสามารถรักษาโรคผิว หนังได้อีกด้วย เนื่องจากสรรพคุณในการ ต้านเชื้อรา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเชื้อราบริเวณ ผิวหนัง คนสมัยก่อนจึงนิยมนํา สะเดามา ต้มและนําผ้าสะอาดมาชุบน้ําต้มและนํามา เช็ดบริเวณผิวหนังที่ผดคันหรือพื้นที่เกิดจาก อาการแพ้
4. มะระ
สมุนไพรรสขม ที่นอกจากจะช่วยให้ เจริญอาหารแล้วยังช่วยรักษาโรคผิวหนังได้ ดีอีกด้วย หากใครที่ประสบกับปัญหาผื่นคัน รักษาไม่หายสักที ลองนําผลมะระไปตาก แดดให้แห้ง จากนั้นนํามาบดจนเป็นผง และ นํามาโรยบริเวณที่เป็นผดผืนดู รับรองว่า อาการคันจะไม่มากวนใจคุณได้อีก
5. ตําลึง
เป็นพืชไม้เลื่อย ที่พบเห็นได้ทั่วไปตาม รั้วบ้าน เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ ตามตํารับ ยาแล้วตําลึงเป็นสมุนไพรเย็น ที่นอกจากช่วย ดับพิษร้อนและบํารุงสายตา ตําลึงยังช่วยลด อาการคันตามผิวหนังได้ดีอีกด้วย วิธีการคือ นําใบตําลึงสดมาขยํากับน้ํา จากนั้นนําน้ําที่ได้มาทาบางๆ บริเวณที่คัน หรือเป็นผื่น ก็จะทําให้อาการคันบรรเทาลงได้มาก
เชื่อว่าข้อมูลเกี่ยวกับ 5 สมุนไพรแก้โรคผิวหนังที่ “สมุนไพรธรรมชาติ” นํามา ฝากนี้ คงจะเป็นประโยชน์กับผู้อ่านที่ผิวหนัง ไวต่อสิ่งกระตุ้น จนทําให้เป็นผื่นคันได้ง่าย จนต้องเผลอเกาจนผิวหนังอักเสบ
ดังนั้นสําหรับใครที่กําลังเผชิญปัญหา โรคผิวหนัง ไม่ว่าจะเป็นผด ผื่นหรืออาการคัน แบบใดก็ตาม ลองนําสมุนไพรที่เราแนะนํา ไปปรับใช้กันดูนะ แล้วคุณจะรู้ว่าโรคผิวหนัง รักษาได้ง่ายๆ ด้วยสมุนไพรไทยใกล้ตัวนี่เอง
ฝรั่งขึ้นก ผลไม้โบราณ เป็นยาต้านสารพัดโรค!!
ฝรั่งสีชมพู หรือ ฝรั่งขึ้นก คนสมัยก่อน คงจะรู้จักกันดีว่าเป็นผลไม้ทรงกลม ขนาด ปานกลาง ที่มีเนื้อทั้งสีขาว เหลืองชมพู กลิ่น หอม แต่ส่วนมากแล้วผู้คนไม่ค่อยนิยมนํามา รับประทานเพราะเนื้อค่อนข้างเละและไม่ กรอบเหมือนฝรั่งลูกโตๆ
ในปัจจุบัน ซึ่งหารู้ไม่ว่าในฝรั่งผลเล็ก เหล่านี้ มีสารอาหารมากมายที่ให้ประโยชน์ ต่อ สุขภาพไม่ เพียงแต่มีวิตามิน A ที่ช่วย บํารุงร่างกายในเรื่องการมองเห็น การเจริญ เติบโตของกระดูก การสร้างเซลล์และควบ คุมอุณหภูมิคุ้มกันของร่างกาย ยังมีวิตามิน C ที่มีมากกว่าส้มถึง 5 เท่าในปริมาณที่เท่า กันวิตามิน C มีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูล อิสระ ชะลอและป้องกันการเสื่อมของเซลล์ ที่มักเกิดจากความเครียด การดื่มแอลกอฮอล์ ฝุ่น และควันบุหรี่ และแสงแดด
เสริมสร้างและรักษาสภาพของเนื้อเยื่อ คอลลาเจน ทําให้ผิวสมบูรณ์แข็งแรง ช่วย สมานแผลและยังดีต่อเนื้อเยื่อของกระดูก และฟันดูดซึมธาตุเหล็ก เสริมการทํางาน ของระบบภูมิคุ้มกัน ป้องกันหวัดและลด ความเสี่ยงจากการเป็นมะเร็ง ทั้งยังมีใย อาหารที่ช่วยขับเคลื่อนอาหาร ลดอาการท้อง ผูก ริดสีดวงทวาร มะเร็งลําไส้ใหญ่
อีกทั้ง มีแนวโน้มทําให้ระดับคอเลสเตอรอลในเส้นเลือดต่ำ และยังช่วยป้องกัน โรคหัวใจอีกด้วย
วันนี้จึงขออนุญาตพาทุกๆ คนไปรู้จัก ประโยชน์ของฝรั่งขึ้นกกัน 10 ประโยชน์ดีๆ ของฝรั่งขึ้นก
1.ฝรั่งขึ้นกอุดมไปด้วยวิตามิน A ช่วย ในเรื่องการมองเห็น
2. ช่วยสร้างเซลล์ แบะควบคุมอุณหภูมิของร่างกาย
3. มีวิตามิน C มากกว่าส้มถึง5 เท่า ในปริมาณที่เท่ากัน ช่วยชะลอและป้องกัน การเสื่อมของเซลล์ ช่วยสมานแผล
4.ช่วยดูดซึมธาตุเหล็ก เสริมการระบบ ทํางานของระบบภูมิคุ้มกัน ป้องกันหวัด และ ลดความเสี่ยงจากการเป็นมะเร็ง
5.มีสารไลโคปีน มีมากรองจากมะเขือ เทศ แต่มากกว่ามะละกอถึง 2 เท่า ว่ากันว่า ไลโคปีนประกอบด้วยการสาร ที่เรียกว่า “แคโรทีนอยด์” ที่พบมากในผักและผลไม้ที่ มีสีแดง ชมพู เช่น มะเขือเทศ ฝรั่งสีชมพู แตงโม มะละกอ ช่วยต้านอนุมูลอิสระ ช่วยทํา ให้ผิวแข็งแรงขึ้น
6.มีใยอาหาร ลดอาการท้องผูก ริดสี ดวงทวาร มะเร็งลําไส้ใหญ่
7.ช่วยคอเลสเตอรอลในเส้นเลือด
8.ช่วยป้องกันโรคหัวใจ
9.ช่วยดับกลิ่นปากได้เป็นอย่างดี
10. แก้ท้องเสีย
ขอแนะนําการวิธีใช้ฝรั่งแก้ท้องเสีย ซึ่ง ทุกท่านสามารถทําได้เองง่ายๆ ที่บ้าน อ่อ.. ฝรั่งที่ใช้เป็นยานี้คนโบราณท่านให้ใช้ “ฝรั่ง ขึ้นก” แนะนํา 2 สูตรง่ายๆ ดังนี้
วิธีการใช้สูตรที่1
• ใช้ใบฝรั่งที่ไม่แก่ไม่อ่อนเกินไป ล้าง น้ําให้สะอาด 5-10 ใบ แล้วต้มกับน้ําเปล่า 2 แก้ว ต้มให้เดือด
• ถ้ากรณีท้องเสียไม่มาก ให้ต้มนาน 5-10 นาที
• ถ้าท้องเสีย มากใช้เวลาต้มนาน 30 นาที ดื่มครั้งละ 1/2 - 1 แก้ว ถ้ายาเหลือให้ เททิ้ง ถ้าจะกินอีกให้ต้มกินใหม่
วิธีการใช้สูตรที่2
• ใช้ลูกฝรั่งดิบ(เกือบแก่) ล้างน้ําให้ สะอาด นํามาหั่นเป็นแว่นบางๆ (ไม่เอาเมล็ด) แล้วเอาไปตากแดดให้แห้งดี
• แห้งดีแล้วจึงนํามาบดเป็นผง กินครั้ง ละ 1/2 - 1 ช้อนชา สูตรนี้เหมะกับเด็กๆ เพราะ มีรสชาติดี
ข้อควรระวัง : ทั้ง 2 สูตรนี้ ถ้ากินมาก เกินไปจะทําให้ท้องผูก อย่ากินอย่าต้มฝรั่งที่ ต้มเข้มข้นมากเกินไป วันหนึ่งไม่ควรกินเกิน 4 แก้ว หรือกินติดต่อกันนานเกิน 3 วัน
ในปัจจุบัน ซึ่งหารู้ไม่ว่าในฝรั่งผลเล็ก เหล่านี้ มีสารอาหารมากมายที่ให้ประโยชน์ ต่อ สุขภาพไม่ เพียงแต่มีวิตามิน A ที่ช่วย บํารุงร่างกายในเรื่องการมองเห็น การเจริญ เติบโตของกระดูก การสร้างเซลล์และควบ คุมอุณหภูมิคุ้มกันของร่างกาย ยังมีวิตามิน C ที่มีมากกว่าส้มถึง 5 เท่าในปริมาณที่เท่า กันวิตามิน C มีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูล อิสระ ชะลอและป้องกันการเสื่อมของเซลล์ ที่มักเกิดจากความเครียด การดื่มแอลกอฮอล์ ฝุ่น และควันบุหรี่ และแสงแดด
เสริมสร้างและรักษาสภาพของเนื้อเยื่อ คอลลาเจน ทําให้ผิวสมบูรณ์แข็งแรง ช่วย สมานแผลและยังดีต่อเนื้อเยื่อของกระดูก และฟันดูดซึมธาตุเหล็ก เสริมการทํางาน ของระบบภูมิคุ้มกัน ป้องกันหวัดและลด ความเสี่ยงจากการเป็นมะเร็ง ทั้งยังมีใย อาหารที่ช่วยขับเคลื่อนอาหาร ลดอาการท้อง ผูก ริดสีดวงทวาร มะเร็งลําไส้ใหญ่
อีกทั้ง มีแนวโน้มทําให้ระดับคอเลสเตอรอลในเส้นเลือดต่ำ และยังช่วยป้องกัน โรคหัวใจอีกด้วย
วันนี้จึงขออนุญาตพาทุกๆ คนไปรู้จัก ประโยชน์ของฝรั่งขึ้นกกัน 10 ประโยชน์ดีๆ ของฝรั่งขึ้นก
1.ฝรั่งขึ้นกอุดมไปด้วยวิตามิน A ช่วย ในเรื่องการมองเห็น
2. ช่วยสร้างเซลล์ แบะควบคุมอุณหภูมิของร่างกาย
3. มีวิตามิน C มากกว่าส้มถึง5 เท่า ในปริมาณที่เท่ากัน ช่วยชะลอและป้องกัน การเสื่อมของเซลล์ ช่วยสมานแผล
4.ช่วยดูดซึมธาตุเหล็ก เสริมการระบบ ทํางานของระบบภูมิคุ้มกัน ป้องกันหวัด และ ลดความเสี่ยงจากการเป็นมะเร็ง
5.มีสารไลโคปีน มีมากรองจากมะเขือ เทศ แต่มากกว่ามะละกอถึง 2 เท่า ว่ากันว่า ไลโคปีนประกอบด้วยการสาร ที่เรียกว่า “แคโรทีนอยด์” ที่พบมากในผักและผลไม้ที่ มีสีแดง ชมพู เช่น มะเขือเทศ ฝรั่งสีชมพู แตงโม มะละกอ ช่วยต้านอนุมูลอิสระ ช่วยทํา ให้ผิวแข็งแรงขึ้น
6.มีใยอาหาร ลดอาการท้องผูก ริดสี ดวงทวาร มะเร็งลําไส้ใหญ่
7.ช่วยคอเลสเตอรอลในเส้นเลือด
8.ช่วยป้องกันโรคหัวใจ
9.ช่วยดับกลิ่นปากได้เป็นอย่างดี
10. แก้ท้องเสีย
ขอแนะนําการวิธีใช้ฝรั่งแก้ท้องเสีย ซึ่ง ทุกท่านสามารถทําได้เองง่ายๆ ที่บ้าน อ่อ.. ฝรั่งที่ใช้เป็นยานี้คนโบราณท่านให้ใช้ “ฝรั่ง ขึ้นก” แนะนํา 2 สูตรง่ายๆ ดังนี้
วิธีการใช้สูตรที่1
• ใช้ใบฝรั่งที่ไม่แก่ไม่อ่อนเกินไป ล้าง น้ําให้สะอาด 5-10 ใบ แล้วต้มกับน้ําเปล่า 2 แก้ว ต้มให้เดือด
• ถ้ากรณีท้องเสียไม่มาก ให้ต้มนาน 5-10 นาที
• ถ้าท้องเสีย มากใช้เวลาต้มนาน 30 นาที ดื่มครั้งละ 1/2 - 1 แก้ว ถ้ายาเหลือให้ เททิ้ง ถ้าจะกินอีกให้ต้มกินใหม่
วิธีการใช้สูตรที่2
• ใช้ลูกฝรั่งดิบ(เกือบแก่) ล้างน้ําให้ สะอาด นํามาหั่นเป็นแว่นบางๆ (ไม่เอาเมล็ด) แล้วเอาไปตากแดดให้แห้งดี
• แห้งดีแล้วจึงนํามาบดเป็นผง กินครั้ง ละ 1/2 - 1 ช้อนชา สูตรนี้เหมะกับเด็กๆ เพราะ มีรสชาติดี
ข้อควรระวัง : ทั้ง 2 สูตรนี้ ถ้ากินมาก เกินไปจะทําให้ท้องผูก อย่ากินอย่าต้มฝรั่งที่ ต้มเข้มข้นมากเกินไป วันหนึ่งไม่ควรกินเกิน 4 แก้ว หรือกินติดต่อกันนานเกิน 3 วัน
สูตรลับได้ผลแน่... “แก้รังแคในหน้าหนาว”
เมื่อเข้าสู่หน้าหนาว ปัญหาต่างๆ ใน ร่างกายก็จะเริ่มมา ทั้งร่างกายภายใน และ ภายนอก ปัญหาภายนอกปัญหาหนึ่งที่หลาย คนประสบในช่วงหน้าหนาว คือ “ปัญหา รังแค" แม้ว่าปัญหานี้อาจไม่ได้รุนแรง แต่ก็ สร้างความรำคาญ ที่เกิดจากการคันอยู่ไม่ น้อย นอกจากนี้ก็สร้างความไม่น่าพึงพอใจ สําหรับผู้พบเห็นอีกด้วย วันนี้เราจึงมีวิธีการ แก้ปัญหารังแคในช่วงหน้าหนาวมาฝากกัน ส่วนจะมีวิธีอะไรบ้างนั้นไปดูกันเลย เคล็ดลับ แก้รังแคในหน้าหนาว แบบเอาอยู่
1. ว่านหางจระเข้
การใช้วันในว่านหางจระเข้ สามารถ บรรเทาอาการอักเสบของต่อมไขมัน บริเวณ หนังศีรษะได้ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดรังแค นอกจากนี้วันในว่านหางจระเข้ยังสามารถ ช่วยบํารุงสุขภาพผมของเราให้แข็งแรงได้อีก ด้วย วิธีการทําก็ง่ายๆ เพียงนําหุ้นว่านหาง จระเข้แบบสดๆ หรือใช้แบบเจลสําเร็จรูปมาชโลมให้ทั่วศีรษะเป็นประจํา เพียงเท่านี้ก็จะ ช่วยแก้รังแคในหน้าหนาวแบบเอาอยู่แล้ว
2. เบกกิ้งโซดา
เบกกิ้งโซดา เรียกได้ว่าเป็นอีกสิ่งหนึ่ง ที่มีสารพัดประโยชน์มากๆ เพราะไม่เพียงแค่ ใช้ทําขนม และทําความสะอาดสิ่งของต่างๆ เท่านั้น ยังมีฤทธิ์ฆ่าเชื้อราที่หนังศีรษะซึ่ง เป็นต้นเหตุของการเกิดรังแคได้ด้วย วิธีการทํา เพียงแค่นําเบกกิ้งโซดาผสม กับแชมพูที่เราใช้อยู่เป็นประจํา แล้วนํามา สระผมสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง เท่านี้ปัญหา รังแคที่กําลังประสบอยู่ก็จะค่อยๆ หมดไป ไม่ ต้องมานั่งกังวลอีกต่อไป
3. น้ํามันมะกอก
ถ้าพูดถึง “น้ํามันมะกอก” หลายคนคง รู้สรรพคุณในการบํารุงผิว และผมดีอยู่แล้ว ดังนั้นเพียงแค่ ชโลมน้ํามันมะกอกให้ ทั่วศีรษะก่อนนอน และหมักทิ้งไว้ข้ามคืน แล้วใช้แชมพูสระผม ในตอนเช้าตามปกติ เพียงง่ายๆ แค่นี้ก็จะช่วยบํารุงหนังศีรษะให้ ชุ่มชื้นและขจัดรังแคได้พร้อมๆ กัน นอกจากนี้ใครก็ตามที่ต้องใช้ชีวิตอย่าง เร่งรีบไม่มีเวลามาหมักผม แนะนําว่าให้คุณ เลือกใช้แชมพูที่มีสวนผสมของน้ํามันมะกอก แทนได้เช่นกัน ฉะนั้นอย่าลืมหาน้ํามันมะกอก มาเป็นแก้รังแคในหน้าหนาวติดบ้านกันไว้นะ
4. น้ํามันมะพร้าวผสมน้ํามะนาว
การนําส่วนผสม 3 อย่าง คือ น้ํามันมะพร้าว+น้ํามะนาว+น้ําอุ่น มา ผสม และคนให้เข้ากัน จากนั้นนําไปนวดให้ ทั่วหนังศีรษะ แล้วใช้แชมพูล้างออก เพียง เท่านี้ก็สามารถบํารุงหนังศีรษะของเราให้ชุ่ม ชิ้นขึ้นได้ ปัญหารังแคที่คอยกวนใจก็จะหมด ไปด้วย ได้สูตรแก้รังแคหน้าหนาวนี้ไป ก็ไม่ ต้องกลัวรังแคลังควาญอีกต่อไป คอนเฟิร์ม!
5. น้ําส้มสายชู
หลายคนอาจสงสัยว่า น้ําส้มสายชูนํา มาล้างผมได้ด้วยหรือ คําตอบคือได้ ที่สําคัญ ยังเกิดผลดีอีกด้วย วิธีการคือ ใช้น้ําส้มสายชูผสมกับน้ํา เปล่า แล้วนําไปล้างผมของเราเป็นน้ําสุดท้าย หลังจากที่เราสระผมเสร็จเรียบร้อยแล้ว เท่า นี้ปัญหารังแคก็จะลดลงอย่างทันตา สาเหตุ ที่เป็นเช่นนี้ เนื่องจากในน้ําส้มสายชูอุดมไป ด้วยโพแทสเซียม ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยขจัด เซลล์ผิวหนังศีรษะที่ตายแล้ว ดังนั้นรังแคที่ ลอกอยู่ตามหนังศีรษะจึงลดลงไปนั่นเอง
6. ไข่ไก่
“ไข่ไก่” นอกจากจะนําไปทําอาหาร ได้ หลากหลายเมนูอร่อยแล้ว รู้หรือไม่ว่าไข่ไก่ ยังใช้เป็นสูตรลับแก้รังแคในหน้าหนาวนี้ได้ รวมถึงยังทําให้เส้นผมของเรานุ่มสลวย แลดู เงางามอีกด้วยวิธีทําเพียงแค่ใช้ไข่ไก่ 2-3 ฟอง ตอกใส่ในถ้วยและ ตีให้เข้ากันทั้งไข่ขาวและไข่แดง จากนั้นนําไปชโลม ให้ทั่วหนังศีรษะ แล้วหมักทิ้งไว้ประมาณ 2 ชั่วโมง จากนั้นค่อยล้างออกด้วยแชมพู เพียง เท่านี้ศีรษะของคุณก็จะไร้รังแค ผมนุ่มน่า สัมผัส พร้อมสยายผมสวยได้เลย
7. โยเกิร์ต โยเกิร์ตนับเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่มีคุณสมบัติ ช่วยลดปัญหารังแคได้อย่างดีเยี่ยม วิธีทํา เพียงทาโยเกิร์ตให้ทั่วศีรษะหลัง จากสระผมเสร็จ แล้วหมักทิ้งไว้ประมาณ 10-15 นาที แล้วใช้แชมพูล้างออกให้สะอาด เพียงเท่านี้ก็จะช่วยลดอาการคันหนังศีรษะ สามารถขจัดรังแคได้อย่างดีเยี่ยมแน่นอน
8. เกลือ
การใช้เกลือช่วยแก้ปัญหารังแคในหน้า หนาวนี้ย่อมทําได้อย่างแน่นอน มีวิธีโดย หลังจากที่เราสระผมเสร็จเรียบร้อยแล้ว ให้ใช้เกลือที่ละลายในน้ําอุ่น มาชโลมให้ทั่วศีรษะ แล้วนวดศีรษะเบาๆ แล้วค่อยล้างออกด้วยน้ําสะอาด เพียงแค่นี้ ก็จะช่วยขจัดรังแคได้อย่างอยู่หมัด แถมยัง ลดอาการผมร่วงได้ดีอีกด้วย เรียกว่ายิงปืน นัดเดียวได้นกสองตัวเลยทีเดียว
9. ยาแอสไพริน
ในยาแอสไพรินมีตัวยาชนิดเดียวกันกับ ที่ใช้ในแชมพูสูตรขจัดรังแค ซึ่งสามารถช่วย แก้ปัญหารังแคและอาการคันหนังศีรษะได้ดี วิธีทํา เพียงบดยาแอสไพรินประมาณ 2 เม็ด ให้ละเอียด จากนั้นให้นําไปผสมกับ แชมพูที่ใช้สระผมอยู่เป็นประจํา สระแล้ว หมักทิ้งไว้สักประมาณ 1-2 นาที แล้วค่อย ล้างออกตามปกติเท่านี้อาการคัน และปัญหา รังแคก็จะหมดไป
10. หยุดความเครียด
เป็นอีกปัจจัยหนึ่ง ที่สําคัญที่ทําให้เกิด ปัญหารังแค นอกเหนือจากสุขภาพเส้นผม และหนังศีรษะโดยตรง ก็คือความเครียดที่ สะสมนั้นเอง ฉะนั้นหากคุณลองขจัดรังแค ด้วยวิธีต่างๆ มาแล้ว แต่ยังไม่หาย ลองทํา จิตใจให้ปลอดโปร่ง ปลดปล่อยสมอง หากิจ กรรมสบายๆ ทํา จะได้ไม่ต้องเครียดมาก ก็ จะช่วยลดปัญหารังแคได้แล้ว
10 วิธีขจัดรังแคที่นํามาฝากกัน เป็น วิธีการที่ไม่ได้ยุ่งยากแต่อย่างใด สําหรับใคร ที่กําลังประสบปัญหารังแคคอยกวนใจใน หน้าหนาวนี้ ไม่ต้องกังวลใจไป ลองเลือก สักหนึ่งวิธีไว้จัดการกับรังแคปัญหาร้ายของ ศีรษะกันดีกว่า แล้วมาดูว่า สูตรไหนที่คุณทํา แล้วชอบและได้ผล!!
1. ว่านหางจระเข้
การใช้วันในว่านหางจระเข้ สามารถ บรรเทาอาการอักเสบของต่อมไขมัน บริเวณ หนังศีรษะได้ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดรังแค นอกจากนี้วันในว่านหางจระเข้ยังสามารถ ช่วยบํารุงสุขภาพผมของเราให้แข็งแรงได้อีก ด้วย วิธีการทําก็ง่ายๆ เพียงนําหุ้นว่านหาง จระเข้แบบสดๆ หรือใช้แบบเจลสําเร็จรูปมาชโลมให้ทั่วศีรษะเป็นประจํา เพียงเท่านี้ก็จะ ช่วยแก้รังแคในหน้าหนาวแบบเอาอยู่แล้ว
2. เบกกิ้งโซดา
เบกกิ้งโซดา เรียกได้ว่าเป็นอีกสิ่งหนึ่ง ที่มีสารพัดประโยชน์มากๆ เพราะไม่เพียงแค่ ใช้ทําขนม และทําความสะอาดสิ่งของต่างๆ เท่านั้น ยังมีฤทธิ์ฆ่าเชื้อราที่หนังศีรษะซึ่ง เป็นต้นเหตุของการเกิดรังแคได้ด้วย วิธีการทํา เพียงแค่นําเบกกิ้งโซดาผสม กับแชมพูที่เราใช้อยู่เป็นประจํา แล้วนํามา สระผมสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง เท่านี้ปัญหา รังแคที่กําลังประสบอยู่ก็จะค่อยๆ หมดไป ไม่ ต้องมานั่งกังวลอีกต่อไป
3. น้ํามันมะกอก
ถ้าพูดถึง “น้ํามันมะกอก” หลายคนคง รู้สรรพคุณในการบํารุงผิว และผมดีอยู่แล้ว ดังนั้นเพียงแค่ ชโลมน้ํามันมะกอกให้ ทั่วศีรษะก่อนนอน และหมักทิ้งไว้ข้ามคืน แล้วใช้แชมพูสระผม ในตอนเช้าตามปกติ เพียงง่ายๆ แค่นี้ก็จะช่วยบํารุงหนังศีรษะให้ ชุ่มชื้นและขจัดรังแคได้พร้อมๆ กัน นอกจากนี้ใครก็ตามที่ต้องใช้ชีวิตอย่าง เร่งรีบไม่มีเวลามาหมักผม แนะนําว่าให้คุณ เลือกใช้แชมพูที่มีสวนผสมของน้ํามันมะกอก แทนได้เช่นกัน ฉะนั้นอย่าลืมหาน้ํามันมะกอก มาเป็นแก้รังแคในหน้าหนาวติดบ้านกันไว้นะ
4. น้ํามันมะพร้าวผสมน้ํามะนาว
การนําส่วนผสม 3 อย่าง คือ น้ํามันมะพร้าว+น้ํามะนาว+น้ําอุ่น มา ผสม และคนให้เข้ากัน จากนั้นนําไปนวดให้ ทั่วหนังศีรษะ แล้วใช้แชมพูล้างออก เพียง เท่านี้ก็สามารถบํารุงหนังศีรษะของเราให้ชุ่ม ชิ้นขึ้นได้ ปัญหารังแคที่คอยกวนใจก็จะหมด ไปด้วย ได้สูตรแก้รังแคหน้าหนาวนี้ไป ก็ไม่ ต้องกลัวรังแคลังควาญอีกต่อไป คอนเฟิร์ม!
5. น้ําส้มสายชู
หลายคนอาจสงสัยว่า น้ําส้มสายชูนํา มาล้างผมได้ด้วยหรือ คําตอบคือได้ ที่สําคัญ ยังเกิดผลดีอีกด้วย วิธีการคือ ใช้น้ําส้มสายชูผสมกับน้ํา เปล่า แล้วนําไปล้างผมของเราเป็นน้ําสุดท้าย หลังจากที่เราสระผมเสร็จเรียบร้อยแล้ว เท่า นี้ปัญหารังแคก็จะลดลงอย่างทันตา สาเหตุ ที่เป็นเช่นนี้ เนื่องจากในน้ําส้มสายชูอุดมไป ด้วยโพแทสเซียม ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยขจัด เซลล์ผิวหนังศีรษะที่ตายแล้ว ดังนั้นรังแคที่ ลอกอยู่ตามหนังศีรษะจึงลดลงไปนั่นเอง
6. ไข่ไก่
“ไข่ไก่” นอกจากจะนําไปทําอาหาร ได้ หลากหลายเมนูอร่อยแล้ว รู้หรือไม่ว่าไข่ไก่ ยังใช้เป็นสูตรลับแก้รังแคในหน้าหนาวนี้ได้ รวมถึงยังทําให้เส้นผมของเรานุ่มสลวย แลดู เงางามอีกด้วยวิธีทําเพียงแค่ใช้ไข่ไก่ 2-3 ฟอง ตอกใส่ในถ้วยและ ตีให้เข้ากันทั้งไข่ขาวและไข่แดง จากนั้นนําไปชโลม ให้ทั่วหนังศีรษะ แล้วหมักทิ้งไว้ประมาณ 2 ชั่วโมง จากนั้นค่อยล้างออกด้วยแชมพู เพียง เท่านี้ศีรษะของคุณก็จะไร้รังแค ผมนุ่มน่า สัมผัส พร้อมสยายผมสวยได้เลย
7. โยเกิร์ต โยเกิร์ตนับเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่มีคุณสมบัติ ช่วยลดปัญหารังแคได้อย่างดีเยี่ยม วิธีทํา เพียงทาโยเกิร์ตให้ทั่วศีรษะหลัง จากสระผมเสร็จ แล้วหมักทิ้งไว้ประมาณ 10-15 นาที แล้วใช้แชมพูล้างออกให้สะอาด เพียงเท่านี้ก็จะช่วยลดอาการคันหนังศีรษะ สามารถขจัดรังแคได้อย่างดีเยี่ยมแน่นอน
8. เกลือ
การใช้เกลือช่วยแก้ปัญหารังแคในหน้า หนาวนี้ย่อมทําได้อย่างแน่นอน มีวิธีโดย หลังจากที่เราสระผมเสร็จเรียบร้อยแล้ว ให้ใช้เกลือที่ละลายในน้ําอุ่น มาชโลมให้ทั่วศีรษะ แล้วนวดศีรษะเบาๆ แล้วค่อยล้างออกด้วยน้ําสะอาด เพียงแค่นี้ ก็จะช่วยขจัดรังแคได้อย่างอยู่หมัด แถมยัง ลดอาการผมร่วงได้ดีอีกด้วย เรียกว่ายิงปืน นัดเดียวได้นกสองตัวเลยทีเดียว
9. ยาแอสไพริน
ในยาแอสไพรินมีตัวยาชนิดเดียวกันกับ ที่ใช้ในแชมพูสูตรขจัดรังแค ซึ่งสามารถช่วย แก้ปัญหารังแคและอาการคันหนังศีรษะได้ดี วิธีทํา เพียงบดยาแอสไพรินประมาณ 2 เม็ด ให้ละเอียด จากนั้นให้นําไปผสมกับ แชมพูที่ใช้สระผมอยู่เป็นประจํา สระแล้ว หมักทิ้งไว้สักประมาณ 1-2 นาที แล้วค่อย ล้างออกตามปกติเท่านี้อาการคัน และปัญหา รังแคก็จะหมดไป
10. หยุดความเครียด
เป็นอีกปัจจัยหนึ่ง ที่สําคัญที่ทําให้เกิด ปัญหารังแค นอกเหนือจากสุขภาพเส้นผม และหนังศีรษะโดยตรง ก็คือความเครียดที่ สะสมนั้นเอง ฉะนั้นหากคุณลองขจัดรังแค ด้วยวิธีต่างๆ มาแล้ว แต่ยังไม่หาย ลองทํา จิตใจให้ปลอดโปร่ง ปลดปล่อยสมอง หากิจ กรรมสบายๆ ทํา จะได้ไม่ต้องเครียดมาก ก็ จะช่วยลดปัญหารังแคได้แล้ว
10 วิธีขจัดรังแคที่นํามาฝากกัน เป็น วิธีการที่ไม่ได้ยุ่งยากแต่อย่างใด สําหรับใคร ที่กําลังประสบปัญหารังแคคอยกวนใจใน หน้าหนาวนี้ ไม่ต้องกังวลใจไป ลองเลือก สักหนึ่งวิธีไว้จัดการกับรังแคปัญหาร้ายของ ศีรษะกันดีกว่า แล้วมาดูว่า สูตรไหนที่คุณทํา แล้วชอบและได้ผล!!
แก้ร้อนในด้วยผักผลไม้เมืองร้อน
ใครบ้างที่ต้องทนทรมานกับอาการร้อนใน เพราะอาการนี้เป็นอาการที่น่ากังวลและ เป็นปัญหาสําคัญที่ทําให้เราป่วยเป็นโรคอื่นๆ ได้อีกมากมาย รวมไปถึงอาจจะทําให้เรากิน ข้าวไม่อร่อย และพาลให้ผอมลงไปกว่าเดิมอีกด้วย
อาการร้อนในที่มักเป็นกันสามารถเกิด ขึ้นได้บ่อยๆ ในช่วงที่มีอากาศร้อนๆ โดย เฉพาะเมื่อเราทานอาหารที่มีฤทธิ์ร้อนเข้าไป มากๆ ก็จะยิ่งทําให้อาการกําเริบได้บ่อยๆ อาหารที่มีฤทธิ์ร้อนก็อย่างเช่น เนื้อสัตว์ ของ ทอด ของมัน ซึ่งล้วนแต่เป็นอาหารที่เราชื่น ชอบกันทั้งนั้น ยิ่งกินก็จะยิ่งร้อน และเกิด ความร้อนสะสมอยู่ในร่างกาย จนเกิดเป็น แผลร้อนในในปากกันมากมาย
เราจะมีวิธีการอย่างไรที่จะดับร้อนใน ร่างกาย ใครที่ไม่อยากจะทรมานกับอาการ เช่นนี้อีกต่อไป จําเป็นต้องเลือกรับประทาน อาหารที่ดี เพราะจะทําให้ช่วยป้องกันอาการร้อนในให้เกิดขึ้นน้อยลงได้ ว่าแต่ว่า ผักผล ไม้อะไรบ้างที่มีฤทธิ์เย็น ซึ่งเป็นอาหารสําคัญ ที่จะช่วยดับความร้อนภายในร่างกายเราได้ บ้าง ตามมาดูให้หายข้องใจกันเลย
1. มะระ
มะระถือเป็นยาดับร้อน ที่มีฤทธิ์ช่วย ถอนพิษไข้ แก้กระหาย ช่วยบรรเทาอาการ ร้อนใน แก้อักเสบ และแก้เจ็บคอได้ แม้ว่า รสชาติจะขมไปเสียหน่อย แต่กินมะระเข้าไป รับรองว่ามีประโยชน์แน่นอน
2. ตําลึง
ผักที่ปลูกง่ายริมรั้ว เป็นผักที่มีประโยชน์ อย่างมากต่อร่างกาย ช่วยดับพิษร้อนภายใน ร่างกายได้ ช่วยลดอาการไข้ หรือเป็นยาระ บายอ่อนๆ ได้ดี
3. ดอกแค
มีฤทธิ์เย็น การรับประทานดอกแคใน อาหารประเภทต่างๆ จะทําให้สามารถช่วย รักษาอาการร้อนใน ลดไข้ ลดน้ํามูก และ แก้ปวดหัวได้
4. ปวยเล้ง
ผักปวยเล้งเป็นยาเย็นที่ช่วยขับร้อน และดับกระหายได้ดี ใครเป็นร้อนในบ่อยๆ ต้องลองกินผักใบเขียวชนิดนี้เอาให้มากๆ อาหารที่เคยเป็นก็จะทุเลาลงได้
5. ใบบัวบก
เป็นผักอีกชนิดที่มีฤทธิ์เย็นเช่นกัน นอกจากจะช่วยดับความร้อนในร่างกายแล้ว ยังช่วยแก้ช้ําในได้ด้วย
6. ฟักเขียว
ฟักเป็นผักที่ขึ้นชื่อว่ามีฤทธิ์เย็น ช่วย ถอนพิษ ขับร้อนในภายในร่างกายได้ หาก ใครมีเสมหะ ก็สามารถรับประทานฟักเขียว ได้เช่นกัน หรือจะใช้เพื่อขับปัสสาวะ บําบัด อาการบวมน้ํา ไอ หอบ รวมไปถึงการลด ความร้อนภายในร่างกายและทําให้แผลร้อน ในยุบตัว ฟักก็ตอบโจทย์คุณได้ทั้งนั้น
7. แตงกวา
เช่นเดียวกันกับฟักเขียว ผักตระกูล เดียวกันอย่างแตงกว่าก็มีฤทธิ์ในการดับร้อน ในร่างกายได้เช่นกัน ทั้งนี้อาจเป็นเพราะ แตงกวามีน้ําอยู่ภายในเป็นจํานวนมาก เมื่อ ได้รับน้ํา หรือรับประทานอาหารที่มีน้ําเป็น ส่วนประกอบเข้าไปมากๆ จะช่วยให้อุณหภูมิ ในร่างกายลดต่ําลงได้อีกทางหนึ่ง
8. ชะอม
ไข่เจียวใส่ชะอมกินคู่กับน้ําพริกปลาทู เป็นอาหารยอดฮิตของคนไทย ใครกินบ่อยๆ รับรองว่าอาการร้อนในจะน้อยลงอย่างมาก ทั้งนี้เพราะชะอมจะช่วยดับความร้อน ในร่างกายลง ช่วยขับลมในลําไส้ ดังนั้นหัน มารับประทานอาหารจานนี้กันได้เลย
9. สะเดา
สะเดาที่ช่วยดับร้อนในร่างกายได้ควร นํายางสะเดามาใช้ มารับประทาน เพราะ สิ่งนี้จะช่วยดับความร้อนที่มีในร่างกายลงได้ มากไปกว่านั้น ยอดอ่อนและดอกสะเดาก็ยัง สามารถนําเอามาลวกจิ้มรับประทานคู่กับน้ํา พริกได้อีกด้วย ทั้งหมดล้วนช่วยขับความร้อน ภายในร่างกายออกได้
10. ถั่วเขียว
ถั่วเขียวเป็นพืชตระกูลถั่วที่มีฤทธิ์ขับ ร้อนในได้ดี แก้กระหาย และขับปัสสาวะได้ นิยมน้ํามาต้มกับน้ําตาล ดื่มแก้ร้อนใน ใคร เป็นร้อยในบ่อยๆ ลองดื่มดูเพราะเครื่องนี้ อร่อยไม่ใช่เล่นแน่นอน
11. รากบัว
หลายคนอาจจะไม่คุ้นชินกับรากบัว สักเท่าไหร่ แต่พืชตัวนี้ช่วยแก้ร้อนใน ลดไข้ บํารุงโลหิต และช่วยให้เจริญอาหารได้ดีสุดๆ ถาได้ลองจะรู้ว่ามันดี
12. หัวไชเท้า
หัวไชเท้าไม่ได้เหมาะ เฉพาะการเพิ่ม ความหวานให้แก้น้ําซุปเพียงเท่านั้น แต่การ รับประทานหัวไชเท้ายังช่วยล้างพิษภายใน ร่างกาย ดับพิษร้อน บํารุงไต ขับปัสสาวะ และละลายนิวได้อีกด้วย
นอกเหนือจากผักที่เราหาทานกันได้ ทั่วไปแล้ว ผลไม้บางชนิดก็ช่วยให้หายร้อน ในได้เช่นกัน ใครที่ไม่ชอบทานผัก มาลอง ทานผลไม้ดับร้อนเหล่านี้กันเลย
1. ส้มโอ
ผลไม้จังหวัดนครปฐมนี้ไม่ได้มีดีแค่การ ช่วยในการขับถ่ายและขับสารพิษเท่านั้น แต่ ยังช่วยระบายความร้อนในร่างกาย และผ่อน พิษไข้ที่มีลงได้ ทําให้หายร้อนในไปได้ง่ายๆ
2. มะเฟือง
เมื่อมีไข้ให้นึกถึงผลไม้ชนิดนี้ เพราะ มะเฟืองจะช่วยลดอุณหภูมิความร้อนภายใน ร่างกายลงได้ แถมยังช่วยลดอาการปวด ศีรษะ แก้ไอ ได้ดีอีกด้วย ทั้งนี้ต้องระวัง การรับประทานในผู้ป่วยโรคไต
3. หล่อฮั่งก้วย
สมุนไพรจีนชนิดนี้มักเป็นส่วนประกอบ สําคัญในเครื่องดื่มที่ต้องการแก้ร้อนใน เพราะคุณสมบัติของมันสามารถช่วยแก้ร้อน ใน กระหายน้ํา ขับเสมหะ และแก้อาการ ท้องผูกได้ดีสุดๆ
4. มะตูม
สมุนไพรไทยๆ ที่ช่วยแก้ร้อนในได้ดี ช่วยให้เจริญอาหารได้มากขึ้น ก็ต้องเป็น มะตูมเลย ทั้งอร่อยทั้งมีประโยชน์แบบนี้จะไม่ดื่มได้ไง
หวังว่าจะช่วยให้คุณแข็งแรงและไม่เป็นร้อนในกันนะ
อาการร้อนในที่มักเป็นกันสามารถเกิด ขึ้นได้บ่อยๆ ในช่วงที่มีอากาศร้อนๆ โดย เฉพาะเมื่อเราทานอาหารที่มีฤทธิ์ร้อนเข้าไป มากๆ ก็จะยิ่งทําให้อาการกําเริบได้บ่อยๆ อาหารที่มีฤทธิ์ร้อนก็อย่างเช่น เนื้อสัตว์ ของ ทอด ของมัน ซึ่งล้วนแต่เป็นอาหารที่เราชื่น ชอบกันทั้งนั้น ยิ่งกินก็จะยิ่งร้อน และเกิด ความร้อนสะสมอยู่ในร่างกาย จนเกิดเป็น แผลร้อนในในปากกันมากมาย
เราจะมีวิธีการอย่างไรที่จะดับร้อนใน ร่างกาย ใครที่ไม่อยากจะทรมานกับอาการ เช่นนี้อีกต่อไป จําเป็นต้องเลือกรับประทาน อาหารที่ดี เพราะจะทําให้ช่วยป้องกันอาการร้อนในให้เกิดขึ้นน้อยลงได้ ว่าแต่ว่า ผักผล ไม้อะไรบ้างที่มีฤทธิ์เย็น ซึ่งเป็นอาหารสําคัญ ที่จะช่วยดับความร้อนภายในร่างกายเราได้ บ้าง ตามมาดูให้หายข้องใจกันเลย
1. มะระ
มะระถือเป็นยาดับร้อน ที่มีฤทธิ์ช่วย ถอนพิษไข้ แก้กระหาย ช่วยบรรเทาอาการ ร้อนใน แก้อักเสบ และแก้เจ็บคอได้ แม้ว่า รสชาติจะขมไปเสียหน่อย แต่กินมะระเข้าไป รับรองว่ามีประโยชน์แน่นอน
2. ตําลึง
ผักที่ปลูกง่ายริมรั้ว เป็นผักที่มีประโยชน์ อย่างมากต่อร่างกาย ช่วยดับพิษร้อนภายใน ร่างกายได้ ช่วยลดอาการไข้ หรือเป็นยาระ บายอ่อนๆ ได้ดี
3. ดอกแค
มีฤทธิ์เย็น การรับประทานดอกแคใน อาหารประเภทต่างๆ จะทําให้สามารถช่วย รักษาอาการร้อนใน ลดไข้ ลดน้ํามูก และ แก้ปวดหัวได้
4. ปวยเล้ง
ผักปวยเล้งเป็นยาเย็นที่ช่วยขับร้อน และดับกระหายได้ดี ใครเป็นร้อนในบ่อยๆ ต้องลองกินผักใบเขียวชนิดนี้เอาให้มากๆ อาหารที่เคยเป็นก็จะทุเลาลงได้
5. ใบบัวบก
เป็นผักอีกชนิดที่มีฤทธิ์เย็นเช่นกัน นอกจากจะช่วยดับความร้อนในร่างกายแล้ว ยังช่วยแก้ช้ําในได้ด้วย
6. ฟักเขียว
ฟักเป็นผักที่ขึ้นชื่อว่ามีฤทธิ์เย็น ช่วย ถอนพิษ ขับร้อนในภายในร่างกายได้ หาก ใครมีเสมหะ ก็สามารถรับประทานฟักเขียว ได้เช่นกัน หรือจะใช้เพื่อขับปัสสาวะ บําบัด อาการบวมน้ํา ไอ หอบ รวมไปถึงการลด ความร้อนภายในร่างกายและทําให้แผลร้อน ในยุบตัว ฟักก็ตอบโจทย์คุณได้ทั้งนั้น
7. แตงกวา
เช่นเดียวกันกับฟักเขียว ผักตระกูล เดียวกันอย่างแตงกว่าก็มีฤทธิ์ในการดับร้อน ในร่างกายได้เช่นกัน ทั้งนี้อาจเป็นเพราะ แตงกวามีน้ําอยู่ภายในเป็นจํานวนมาก เมื่อ ได้รับน้ํา หรือรับประทานอาหารที่มีน้ําเป็น ส่วนประกอบเข้าไปมากๆ จะช่วยให้อุณหภูมิ ในร่างกายลดต่ําลงได้อีกทางหนึ่ง
8. ชะอม
ไข่เจียวใส่ชะอมกินคู่กับน้ําพริกปลาทู เป็นอาหารยอดฮิตของคนไทย ใครกินบ่อยๆ รับรองว่าอาการร้อนในจะน้อยลงอย่างมาก ทั้งนี้เพราะชะอมจะช่วยดับความร้อน ในร่างกายลง ช่วยขับลมในลําไส้ ดังนั้นหัน มารับประทานอาหารจานนี้กันได้เลย
9. สะเดา
สะเดาที่ช่วยดับร้อนในร่างกายได้ควร นํายางสะเดามาใช้ มารับประทาน เพราะ สิ่งนี้จะช่วยดับความร้อนที่มีในร่างกายลงได้ มากไปกว่านั้น ยอดอ่อนและดอกสะเดาก็ยัง สามารถนําเอามาลวกจิ้มรับประทานคู่กับน้ํา พริกได้อีกด้วย ทั้งหมดล้วนช่วยขับความร้อน ภายในร่างกายออกได้
10. ถั่วเขียว
ถั่วเขียวเป็นพืชตระกูลถั่วที่มีฤทธิ์ขับ ร้อนในได้ดี แก้กระหาย และขับปัสสาวะได้ นิยมน้ํามาต้มกับน้ําตาล ดื่มแก้ร้อนใน ใคร เป็นร้อยในบ่อยๆ ลองดื่มดูเพราะเครื่องนี้ อร่อยไม่ใช่เล่นแน่นอน
11. รากบัว
หลายคนอาจจะไม่คุ้นชินกับรากบัว สักเท่าไหร่ แต่พืชตัวนี้ช่วยแก้ร้อนใน ลดไข้ บํารุงโลหิต และช่วยให้เจริญอาหารได้ดีสุดๆ ถาได้ลองจะรู้ว่ามันดี
12. หัวไชเท้า
หัวไชเท้าไม่ได้เหมาะ เฉพาะการเพิ่ม ความหวานให้แก้น้ําซุปเพียงเท่านั้น แต่การ รับประทานหัวไชเท้ายังช่วยล้างพิษภายใน ร่างกาย ดับพิษร้อน บํารุงไต ขับปัสสาวะ และละลายนิวได้อีกด้วย
นอกเหนือจากผักที่เราหาทานกันได้ ทั่วไปแล้ว ผลไม้บางชนิดก็ช่วยให้หายร้อน ในได้เช่นกัน ใครที่ไม่ชอบทานผัก มาลอง ทานผลไม้ดับร้อนเหล่านี้กันเลย
1. ส้มโอ
ผลไม้จังหวัดนครปฐมนี้ไม่ได้มีดีแค่การ ช่วยในการขับถ่ายและขับสารพิษเท่านั้น แต่ ยังช่วยระบายความร้อนในร่างกาย และผ่อน พิษไข้ที่มีลงได้ ทําให้หายร้อนในไปได้ง่ายๆ
2. มะเฟือง
เมื่อมีไข้ให้นึกถึงผลไม้ชนิดนี้ เพราะ มะเฟืองจะช่วยลดอุณหภูมิความร้อนภายใน ร่างกายลงได้ แถมยังช่วยลดอาการปวด ศีรษะ แก้ไอ ได้ดีอีกด้วย ทั้งนี้ต้องระวัง การรับประทานในผู้ป่วยโรคไต
3. หล่อฮั่งก้วย
สมุนไพรจีนชนิดนี้มักเป็นส่วนประกอบ สําคัญในเครื่องดื่มที่ต้องการแก้ร้อนใน เพราะคุณสมบัติของมันสามารถช่วยแก้ร้อน ใน กระหายน้ํา ขับเสมหะ และแก้อาการ ท้องผูกได้ดีสุดๆ
4. มะตูม
สมุนไพรไทยๆ ที่ช่วยแก้ร้อนในได้ดี ช่วยให้เจริญอาหารได้มากขึ้น ก็ต้องเป็น มะตูมเลย ทั้งอร่อยทั้งมีประโยชน์แบบนี้จะไม่ดื่มได้ไง
หวังว่าจะช่วยให้คุณแข็งแรงและไม่เป็นร้อนในกันนะ
Subscribe to:
Posts (Atom)
Popular Posts
-
อาหารญี่ปุ่นชนิดต่างๆ 1. มากิซูชิ (Maki-zushi) มากิ ซูชิ คือข้าวห่อสาหร่าย มีไส้หรือท็อปปิ้งหลากหลาย มีชื่อเรียกตามไส้หรือท็อปปิ้ง เช่...
-
10 อันดับลายสักยันต์ยอดนิยมของคนไทย ที่มา รายการ 5 มหานิยม วัฒนธรรมการสักลวดลายบนผิวหนัง หรือที่เรียกกันว่า สักลาย หรือสักยันต์ นับเป็นวัฒ...
-
อาการชาจากปลายประสาทอักเสบ คุณเองก็สังเกตได้ โดย พันเอก (พิเศษ) รศ.นพ. วรัท ทรรศนะวิภาส กองออร์โธปิดิกส์ โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า โรค ปลาย...
-
คดีวิตถาร ครูสาวทำช็อคฆ่าข่มขืนนักเรียนหญิง ฆาตกรวิตถารเมลิซซา ฮัคคาบี คนที่เห็นครูสาว "เมลิซซา ฮัคคาบี" จะไม่นึกระแวงเลยว่า...
-
50 อาหารแปลกแต่ขายดีของญี่ปุ่น ที่มา รายการโกโกริโกะเกมกึ๋ย ช่อง Xzyte ทรูวิชั่น 1. อิกะโยคัง เมนูนี้มาจากฮอกไกโด นี่คือเมนูแปลกจากเ...
-
ประวัติและชีวิตส่วนตัวของอัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ (Albert Einstein) อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ นักคิดที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในศตวรรษที่ 20 และนักวิทยาศาส...
-
เรื่องย่อละคร เพื่อนรักเพื่อนริษยา อัปสรสวรรค์ หรือ นางฟ้า (วรนุช ภิรมย์ภักดี) อุไรวรรณ หรือ อุไร (คริส หอวัง) และ จิ๋ว (ศรัณย์...
-
ประวัติศาสตร์กำแพงเมืองจีน (The Great Wall of China) ประเทศจีนที่ซึ่งประวัติศาสตร์และตำนานสอดประสานกันอย่างสมบูรณ์แบบ จนบางครั้งมันเกือบ...
-
ภัยของยาไอซ์ ที่มา สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด(ป.ป.ส.) รายการแซ่บระวังภัย ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต ยาไอซ์ นั้นมีลัก...
-
10 อันดับฆาตกรเด็ก เนื้อหาบางส่วนมีเรื่องราวโหดร้าย ทารุณ 10. อีริค สมิธ (Eric Smith, January 22, 1980) อีริค สมิธเป็นเด็กชายอายุ 13 ...