google.com, pub-6663105814926378, DIRECT, f08c47fec0942fa0 10 อันดับของไหว้สารทจีนยอดนิยม

10 อันดับของไหว้สารทจีนยอดนิยม

10 อันดับของไหว้สารทจีนยอดนิยม

อันดับที่ 10 สาหร่ายทะเล


ชาวจีนแต้จิ๋วเรียกสาหร่ายว่า "ฮวกฉ่าย" ซึ่งออกเสียงคล้ายกับคำว่าร่ำรวยและโชคงอกงาม ยิ่งหากนำมาต้มทำเป็นแกงจืดที่คนจีนเรียกว่า เช็ง-ทึง เพื่อไหว้บรรพบุรุษ ก็จะยิ่งทำให้ชีวิตลูกหลานราบรื่นและร่ำรวยด้วย จึงทำให้มีผู้นิยมนำมาไหว้ 1.24%



อันดับที่ 9 เต้าหู้


ในภาษาจีนแต้จิ๋วจะออกเสียงว่า "เต้าฮก" ส่วนในภาษาจีนกลางจะเรียกว่า "โตฟู" ซึ่งให้ความหมายว่า บุญ โชค และความสุข คนทั่วไปมักจะนำเต้าหู้มาไหว้ทั้งก้อน หรืออาจจะนำเอาเต้าหู้มาผัดกับถั่วงอก ก็จะยิ่งเสริมความเป็นมงคลให้คนที่ไหว้ ให้มีโชคลาภ ความสุข และมีชีวิตเจริญงอกงามเหมือนถั่วงอกนั่นเอง จึงมีผู้นิยมนำเต้าหู้มาไหว้ 1.55%

อันดับที่ 8 ตับหมู


ในภาษาจีนเราจะเรียกตับว่า "กัว" ซึ่งพ้องเสียงกับคำว่า กัวที่แปลว่าขุนนาง ดังนั้นในอดีตหากครอบครัวไหนอยากให้ลูกรับราชการก็มักจะนำตับหมูมาไหว้ด้วยเสมอ และเชื่อกันว่าหากนำตับมาผัดกับกุ่ยช่ายก็จะยิ่งทำให้ลูกหลานบ้านนั้นได้เป็นขุนนางที่มีความร่ำรวยอีกด้วย จึงมีผู้นิยมนำตับหมูมาไหว้ 1.58%

อันดับที่ 7 ลูกชิ้นปลา


ในภาษาจีนแต้จิ๋วเรียกลูกชิ้นปลาลูกกลมๆ ว่า "ฮื้อ-อี๊" ซึ่งมีความหมายโดยรวมว่าเหลือกินเหลือใช้ และราบรื่นไม่ติดขัด ดังนั้นนอกจากจะให้ความหมายที่ดีแล้วยังเป็นอาหารราคาไม่แพง จึงมีผู้นิยมนำมาไหว้มากถึง 1.95%

อันดับที่ 6 กระเพาะปลา


กระเพาะปลานั้นนอกจากจะมีความหมายแฝงถึงการเหลือกินเหลือใช้แล้ว ความเหนียวข้นซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของกระเพาะปลาก็หมายรวมไปถึงการปรับตัวเข้าหากันและแก้นิสัยไม่ดีให้เป็นนิสัยที่ดี ตลอดจนส่งผลเรื่องความรักให้รักกันยืนยาวอีกด้วย ปัจจุบันจึงมีผู้นำกระเพาะปลามาไหว้มากถึง 4.01% เลยทีเดียว



อันดับที่ 5 ปลาทอด-ปลานึ่ง


คนจีนแต้จิ๋วเรียกปลาว่า "ฮื้อ" ที่สำคัญยังมีวลีที่เป็นมงคลกับอาหารชนิดนี้ว่า "อู่-ฮื้อ-อู่-ซึ่ง" ที่แปลว่าให้มีเงินเหลือกินเหลือใช้มากๆ ปลาที่นำมาใช้ไหว้นั้นสามารถใช้ได้ทั้งปลานึ่งและปลาทอด ปัจจุบันมีผู้นิยมนำปลามาใช้ไหว้สูงถึง 7.61%

อันดับที่ 4 หมึกแห้ง


ในสมัยก่อน หมึกถือเป็นสิ่งที่สำคัญที่บัณฑิตต้องใช้ในการเขียนหนังสือ ดังนั้นการนำหมึกมาไหว้ก็จะทำให้ลูกหลานมีวิชาความรู้ นอกจากนี้หนวดปลาหมึกที่มีมากถึง 8 เส้น เปรียบเสมือนการมีมือมากมายที่มาช่วยทำงานให้คล่องแคล่วยิ่งขึ้น ยิ่งนำมาทำเป็นหมึกแห้งก็เปรียบเหมือนกับการมีเก็บไว้เผื่อเหลือเผื่อขาด เพราะส่งผลดีมากมายขนาดนี้ จึงมีผู้นิยมนำหมึกแห้งมาไหว้สารทจีนสูงถึง 7.63% เลยทีเดียว

อันดับที่ 3 หมูต้ม


เพราะหมูเป็นสัตว์ที่มีความอ้วนเป็นเอกลักษณ์ ดังนั้นการนำหมูมาใช้ไหว้จึงเชื่อว่าจะส่งผลให้สมาชิกในครอบครัวกินดีอยู่ดี มั่งคั่ง อุดมสมบูรณ์นั่นเอง ซึ่งปัจจุบันนี้ไม่เพียงแต่นิยมนำหมูเป็นชิ้นๆ มาใช้ ยังมีการนำหมูสับมาไหว้ เพราะเคี้ยวง่ายเปรียบเสมือนกับการอวยพรให้ชีวิตให้ชีวิตไม่ต้องพบเจอเรื่องยากๆ หรือให้ผ่านอุปสรรคต่างๆ ไปได้โดยง่าย ดังนั้นจึงมีประชาชนมากถึง 20.14% ที่นิยมนำหมูต้มมาไหว้ เพื่อให้ชีวิตพบเจอแต่เรื่องหมูๆ นั่นเอง

อันดับที่ 2 เป็ดพะโล้


เป็ดพะโล้เป็นอาหารมงคลที่เปรียบเหมือนก้อนทองที่สามารถหาซื้อได้ง่ายและมีราคาไม่แพงมาก ปัจจุบันจึงมีผู้นิยมนำมาไหว้มากถึง 20.31% เพราะเชื่อกันว่าเป็ดพะโล้จะส่งผลให้เกิดความอุดมสมบูรณ์ให้มีมากมีเยอะ อีกทั้งเป็ดยังมีความสามารถรอบด้าน ทั้งรู้จักหากิน ว่ายน้ำ แถมยังบินได้อีกด้วย และยิ่งนำเป็ด 3 ตัวมาไหว้ 3 ที่ ก็จะยิ่งส่งผลดี 3 อย่างต่อลูกหลานและวงศ์ตระกูล เพราะนอกจากจะได้ไหว้เพื่อความเป็นศิริมงคลแล้ว ยังได้รับประทานร่วมกันในครอบครัว เป็นการเสริมความรักความผูกพัน และหากนำไปแจกจ่ายให้เพื่อนบ้านก็เสมือนหนึ่งการแบ่งปัน เสริมบุญ มีมงคลต่อร่างกายและจิตใจของคนในครอบครัว ให้เฮง เฮง เฮง ยิ่งขึ้นอีกด้วย

อันดับที่ 1 ไก่ต้ม


ในอดีตชาวจีนเชื่อว่าไก่เป็นอาหารที่มีมงคลสองอย่าง มงคลที่หนึ่งก็คือหงอนไก่ที่สื่อความหมายถึงหมวกของขุนนาง ช่วยให้เกิดความเจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงาน มงคลอีกอย่างก็คือไก่เป็นสัตว์ที่ขันตรงเวลาทุกเช้า สะท้อนให้เห็นถึงการรู้งานและการมีความรับผิดชอบในหน้าที่ของตนเอง ดังนั้นคนส่วนใหญ่ที่นำไก่มาไหว้จึงเป็นการหวังผลด้านหน้าที่การงานทั้งสิ้น และเคล็ดลับการไหว้เจ้าด้วยไก่นั้นจะต้องไหว้ทั้งตัวที่ยังมีหัว หาง และเท้าอยู่ครบ เพื่อเป็นการแสดงให้เห็นถึงความสมบูรณ์ของไก่นั่นเอง ไก่จึงนิยมนำมาไหว้เป็นอาหารมงคลสูงถึง 28.31% กันเลยทีเดียว



ยอดนักรบโคตรนักฆ่า 2,746 ศพยอดนักรบโคตรนักฆ่า 2,746 ศพ, สไนเปอร์, สุดยอดสไนเปอร์, พลซุ่มยิง

25 สถิติมนุษย์น่าทึ่ง

10 อันดับสัตว์นักคิดค้น

ปลาแปลกๆ, สัตว์ใต้ทะเลลึก

โชคดีที่ตายก่อน, มนุษย์กินคนในตำนาน, ซอว์นี่ บีน, มนุษย์กินคน

จระเข้น้ำเค็ม, จระเข้ในทะเล, สัตว์นักล่าที่โจมตีคน

สัตว์ใกล้สูญพันธุ์, ปลามังกร, ปลาอะโรวาน่า, ปลาพิรารูคู

จอห์น เอฟ เคเนดี้, ตระกูลเคเนดี้, อาถรรพ์ตระกูลเคเนดี้

เรือสำราญ, ท่องเรือสำราญ, เรือสำราญราคาแพง


อาหารญี่ปุ่น อาหารจีน อาหารไทย
อาหารเวียดนาม อาหารลาว อาหารอาเซียน
ขนมญี่ปุ่น อาหารจานยักษ์ เมนูราเม็ง
อาหารบนรถไฟ ไอติมญี่ปุ่น เมนูสุขภาพ
ราเม็งญี่ปุ่น การทำชีส อาหารบนทางด่วน
ร้านราดหน้า ร้านข้าวขาหมู ร้านบะหมี่เกี๊ยว
ร้านก๋วยเตี๋ยวเนื้อ ร้านกระเพาะปลา ร้านสุกี้
ร้านโจ๊ก ร้านต้มเลือดหมู ร้านกุ้งอบวุ้นเส้น
ร้านข้าวต้มปลา เมนูติ่มซำ กับข้าวญี่ปุ่น
ของไหว้สารทจีน หม้อไฟญี่ปุ่น เมนูซูชิ
ซูชิยอดนิยม อาหารแปลกญี่ปุ่น อาหารแปลกทั่วโลก
ร้านฉวาง โกยซีหมี่ ขนมหวานเยอรมัน
เมนูเครื่องดื่ม ขนมไทยโบราณ ก๋วยเตี๋ยวปากหม้อ
ขนมไทยมงคล ช็อคโกแลตชีสเค้ก เนื้อวากิว
ฝันเห็นงู ฝันเห็นงูสีขาว ฝันเห็นงูเหลือม
ฝันเห็นงูเหลือมตัวใหญ่ ฝันเห็นงูเหลือมสีทอง ฝันเห็นงูใหญ่
ฝันเห็นงูตัวใหญ่ ฝันเห็นงูหลายตัว ฝันเห็นงูลาย
ฝันเห็นงูเขียว ฝันเห็นงูเห่า ฝันเห็นงูจงอาง
ฝันเห็นงูจงอางยักษ์ ฝันเห็นงูจงอางเข้าบ้าน ฝันเห็นงูจงอางหลายตัว
ฝันเห็นงูจงอางกัด ฝันเห็นงูจงอางเผือก ฝันเห็นงูจงอางชูคอ
ฝันเห็นงูจงอางตัวใหญ่มาก ฝันเห็นงูจงอางตัวใหญ่สีดำ ฝันเห็นงูแมวเซา
ฝันเห็นงูหลาม ฝันเห็นงูตัวสีฟ้า ฝันเห็นงูตัวสีดำ
ฝันเห็นงูตัวสีแดง ฝันเห็นงูสีทอง ฝันเห็นงูหลายตัว
ฝันเห็นงูสองตัว ฝันเห็นงูเผือก ฝันเห็นงูหลาม
ฝันเห็นงูตัวใหญ่มาก ฝันเห็นงูตัวใหญ่สีดำ ฝันเห็นงูตัวใหญ่หลายตัว
ฝันเห็นพญานาค ฝันเห็นพญานาคตัวใหญ่ ฝันเห็นพญานาคสีทอง
ฝันเห็นพญานาคสีเขียว ฝันเห็นพญานาคสีแดง ฝันเห็นพญานาคเล่นน้ำ
ฝันเห็นพญานาคไล่ตาม ฝันเห็นหงอนพญานาค ฝันเห็นพญานาคสีเงิน
ฝันเห็นพญานาคหลายตัว ฝันเห็นพญานาคพูดได้ ฝันเห็นพญานาคพ่นน้ำ
ฝันว่างูรัด ฝันว่างูกัด ฝันว่างูกัดขา
ฝันว่างูกัดเท้า ฝันว่าฆ่างู ฝันว่าตีงู
ฝันว่างูเลื้อยผ่าน ฝันว่างูกัดแขน ฝันว่างูกัดนิ้ว
ฝันว่างูไล่กัด ฝันว่างูฉก ฝันว่ากินงู

เรื่องราวน่ารู้เรียบเรียงจากสารคดีคุณภาพในรูปแบบบทความ
กดถูกใจแฟนเพจเพื่อติดตามและอัพเดตบทความใหม่ๆ คลิกเลย


กดถูกใจ ANYAPEDIA

30 อันดับขนมหวานเมืองคามาคูระประเทศญี่ปุ่น วิธีการผลิตชีส 20 อันดับเมนูเส้นแปลก ซุปทาโกะยากิพร้อมเส้น 5 สุดยอดร้านก๋วยเตี๋ยวราดหน้า 20 อันดับของอร่อยที่ต้องต่อแถวซื้อของญี่ปุ่น 30 อันดับอาหารจานยักษ์ทั่วประเทศญี่ปุ่น 50 เมนูอาหารญี่ปุ่นตามจุดแวะพักรถ อาหาร 100 อย่างตามทางรถไฟสายยามาโนเตะ

10 อันดับอาหารญี่ปุ่นยอดนิยมฮิตทั่วโลก

5 สุดยอดร้านข้าวต้มปลา

อาหารจีน

20 ไอติมแสนอร่อยในญี่ปุ่น

กระบวนการผลิตชีส ลักษณะของชีส

เคล็ดลับคู่คอกาแฟ

วิธีสั่งสเต็กจานอร่อยให้ถูกใจอย่างไรดี

25 เมนูอาหารสุขภาพคูณสอง

20 อันดับเมนูเส้นแปลก


5 สุดยอดร้านกุ้งอบวุ้นเส้น กุ้งตัวใหญ่ 5 สุดยอดร้านสุกี้ทั่วกรุง 5 สุดยอดร้านโจ๊กในกรุงเทพ 5 สุดยอดร้านเกาเหลาเลือดหมู 5 สุดยอดร้านกระเพาะปลาในกรุงเทพ อาหารประเทศอาเซียน 101เมนูอาหารญี่ปุ่น ขนมไทยากิ 30 อันดับเมนูจากหูฉลาม

5 สุดยอดร้านก๋วยเตี๋ยวราดหน้า

5 สุดยอดร้านข้าวขาหมู 

5 สุดยอดร้านบะหมี่เกี๊ยวกุ้ง ปู หมูแดง

5 สุดยอดร้านก๋วยเตี๋ยวเนื้อ

5 สุดยอดร้านสุกี้ทั่วกรุง

5 สุดยอดร้านโจ๊กในกรุงเทพ

5 สุดยอดร้านกระเพาะปลาในกรุงเทพ

5 สุดยอดร้านเกาเหลาเลือดหมู

5 สุดยอดร้านกุ้งอบวุ้นเส้น

30 อันดับเมนูจากหูฉลาม


อาหาร, เมนูอาหาร, เมนูขนมหวาน, อันดับอาหาร, รีวิวอาหาร, รีวิวขนม, ร้านอาหารอร่อย, 10 อันดับอาหาร, 5 อันดับอาหาร, อาหารญี่ปุ่น, รายการอาหารญี่ปุ่น, ซูชิ, อาหารไทย, อาหารจีน, อันดับร้านอาหาร, ร้านอาหารทั่วไทย, ร้านอาหารในกรุงเทพ, อาหารเกาหลี, อันดับอาหารเกาหลี, เมนูอาหารยอดนิยม, ร้านก๋วยเตี๋ยว, ร้านข้าวขาหมู, ร้านข้าวต้มปลา, ร้านต้มเลือดหมู, ร้านราดหน้า, ร้านโจ๊ก, ร้านกระเพาะปลา, ขนมหวาน, ขนมไทย, ขนมญี่ปุ่น, อาหารแปลก, อาหารจานเดียว, อาหารหม้อไฟ, อาหารเวียดนาม อาหาร, เมนูอาหาร, เมนูขนมหวาน, อันดับอาหาร, รีวิวอาหาร, รีวิวขนม, ร้านอาหารอร่อย, 10 อันดับอาหาร, 5 อันดับอาหาร, อาหารญี่ปุ่น, รายการอาหารญี่ปุ่น, ซูชิ, อาหารไทย, อาหารจีน, อันดับร้านอาหาร, ร้านอาหารทั่วไทย, ร้านอาหารในกรุงเทพ, อาหารเกาหลี, อันดับอาหารเกาหลี, เมนูอาหารยอดนิยม, ร้านก๋วยเตี๋ยว, ร้านข้าวขาหมู, ร้านข้าวต้มปลา, ร้านต้มเลือดหมู, ร้านราดหน้า, ร้านโจ๊ก, ร้านกระเพาะปลา, ขนมหวาน, ขนมไทย, ขนมญี่ปุ่น, อาหารแปลก, อาหารจานเดียว, อาหารหม้อไฟ, ติ่มซำ อาหาร, เมนูอาหาร, เมนูขนมหวาน, อันดับอาหาร, รีวิวอาหาร, รีวิวขนม, ร้านอาหารอร่อย, 10 อันดับอาหาร, 5 อันดับอาหาร, อาหารญี่ปุ่น, รายการอาหารญี่ปุ่น, ซูชิ, อาหารไทย, อาหารจีน, อันดับร้านอาหาร, ร้านอาหารทั่วไทย, ร้านอาหารในกรุงเทพ, อาหารเกาหลี, อันดับอาหารเกาหลี, เมนูอาหารยอดนิยม, ร้านก๋วยเตี๋ยว, ร้านข้าวขาหมู, ร้านข้าวต้มปลา, ร้านต้มเลือดหมู, ร้านราดหน้า, ร้านโจ๊ก, ร้านกระเพาะปลา, ขนมหวาน, ขนมไทย, ขนมญี่ปุ่น, อาหารแปลก, อาหารจานเดียว, อาหารหม้อไฟ, ขนมไทยโบราณที่น่าจดจำ และ ขนมไทยมงคล ๙ อย่าง อาหาร, เมนูอาหาร, เมนูขนมหวาน, อันดับอาหาร, รีวิวอาหาร, รีวิวขนม, ร้านอาหารอร่อย, 10 อันดับอาหาร, 5 อันดับอาหาร, อาหารญี่ปุ่น, รายการอาหารญี่ปุ่น, ซูชิ, อาหารไทย, อาหารจีน, อันดับร้านอาหาร, ร้านอาหารทั่วไทย, ร้านอาหารในกรุงเทพ, อาหารเกาหลี, อันดับอาหารเกาหลี, เมนูอาหารยอดนิยม, ร้านก๋วยเตี๋ยว, ร้านข้าวขาหมู, ร้านข้าวต้มปลา, ร้านต้มเลือดหมู, ร้านราดหน้า, ร้านโจ๊ก, ร้านกระเพาะปลา, ขนมหวาน, ขนมไทย, ขนมญี่ปุ่น, อาหารแปลก, อาหารจานเดียว, อาหารหม้อไฟ, 7 ขนมหวานยอดฮิตของเยอรมัน อาหาร, เมนูอาหาร, เมนูขนมหวาน, อันดับอาหาร, รีวิวอาหาร, รีวิวขนม, ร้านอาหารอร่อย, 10 อันดับอาหาร, 5 อันดับอาหาร, อาหารญี่ปุ่น, รายการอาหารญี่ปุ่น, ซูชิ, อาหารไทย, อาหารจีน, อันดับร้านอาหาร, ร้านอาหารทั่วไทย, ร้านอาหารในกรุงเทพ, อาหารเกาหลี, อันดับอาหารเกาหลี, เมนูอาหารยอดนิยม, ร้านก๋วยเตี๋ยว, ร้านข้าวขาหมู, ร้านข้าวต้มปลา, ร้านต้มเลือดหมู, ร้านราดหน้า, ร้านโจ๊ก, ร้านกระเพาะปลา, ขนมหวาน, ขนมไทย, ขนมญี่ปุ่น, อาหารแปลก, อาหารจานเดียว, อาหารหม้อไฟ, เนื้อวากิว อาหาร, เมนูอาหาร, เมนูขนมหวาน, อันดับอาหาร, รีวิวอาหาร, รีวิวขนม, ร้านอาหารอร่อย, 10 อันดับอาหาร, 5 อันดับอาหาร, อาหารญี่ปุ่น, รายการอาหารญี่ปุ่น, ซูชิ, อาหารไทย, อาหารจีน, อันดับร้านอาหาร, ร้านอาหารทั่วไทย, ร้านอาหารในกรุงเทพ, อาหารเกาหลี, อันดับอาหารเกาหลี, เมนูอาหารยอดนิยม, ร้านก๋วยเตี๋ยว, ร้านข้าวขาหมู, ร้านข้าวต้มปลา, ร้านต้มเลือดหมู, ร้านราดหน้า, ร้านโจ๊ก, ร้านกระเพาะปลา, ขนมหวาน, ขนมไทย, ขนมญี่ปุ่น, อาหารแปลก, อาหารจานเดียว, อาหารหม้อไฟ, ร้านอาหารปักษ์ใต้ฉวาง อาหาร, เมนูอาหาร, เมนูขนมหวาน, อันดับอาหาร, รีวิวอาหาร, รีวิวขนม, ร้านอาหารอร่อย, 10 อันดับอาหาร, 5 อันดับอาหาร, อาหารญี่ปุ่น, รายการอาหารญี่ปุ่น, ซูชิ, อาหารไทย, อาหารจีน, อันดับร้านอาหาร, ร้านอาหารทั่วไทย, ร้านอาหารในกรุงเทพ, อาหารเกาหลี, อันดับอาหารเกาหลี, เมนูอาหารยอดนิยม, ร้านก๋วยเตี๋ยว, ร้านข้าวขาหมู, ร้านข้าวต้มปลา, ร้านต้มเลือดหมู, ร้านราดหน้า, ร้านโจ๊ก, ร้านกระเพาะปลา, ขนมหวาน, ขนมไทย, ขนมญี่ปุ่น, อาหารแปลก, อาหารจานเดียว, อาหารหม้อไฟ, อาหารไทยห่อ-ม้วน อาหาร, เมนูอาหาร, เมนูขนมหวาน, อันดับอาหาร, รีวิวอาหาร, รีวิวขนม, ร้านอาหารอร่อย, 10 อันดับอาหาร, 5 อันดับอาหาร, อาหารญี่ปุ่น, รายการอาหารญี่ปุ่น, ซูชิ, อาหารไทย, อาหารจีน, อันดับร้านอาหาร, ร้านอาหารทั่วไทย, ร้านอาหารในกรุงเทพ, อาหารเกาหลี, อันดับอาหารเกาหลี, เมนูอาหารยอดนิยม, ร้านก๋วยเตี๋ยว, ร้านข้าวขาหมู, ร้านข้าวต้มปลา, ร้านต้มเลือดหมู, ร้านราดหน้า, ร้านโจ๊ก, ร้านกระเพาะปลา, ขนมหวาน, ขนมไทย, ขนมญี่ปุ่น, อาหารแปลก, อาหารจานเดียว, อาหารหม้อไฟ, ก๋วยเตี๋ยวปากหม้อ

10 อันดับของไหว้สารทจีนยอดนิยม

30 อันดับอาหารจานยักษ์ทั่วประเทศญี่ปุ่น

20 เมนูกับข้าวยอดนิยมของญี่ปุ่น

100 อาหารตามทางรถไฟสายยามาโนเตะ 

30 อันดับขนมหวานเมืองคามาคูระประเทศญี่ปุ่น

50 เมนูอาหารญี่ปุ่นตามจุดแวะพักรถ

10 อันดับอาหารหม้อไฟของญี่ปุ่น

50 อาหารแปลกแต่ขายดีของญี่ปุ่น

101 เมนูซูชิ part 1-->

101 เมนูซูชิ part 2-->

101 เมนูซูชิ part 3-->

101 เมนูซูชิ part 4-->

101 เมนู อาหารญี่ปุ่น

อาหารประเทศอาเซียน

ร้านอาหารปักษ์ใต้ฉวาง

7 ขนมหวานยอดฮิตของเยอรมัน

โกยซีหมี่แฮปปี้แลนด์

อาหารไทยห่อ-ม้วน

ติ่มซำ

หมึกโอชา

อาหารลาว

อาหารเวียดนาม

ขนมไทยโบราณที่น่าจดจำ และ ขนมไทยมงคล ๙ อย่าง

เนื้อวากิวราชาแห่งเนื้อจากแดนซามูไร

ความหลากหลายของเครื่องดื่มทั่วโลก

Marble Chocolate Cheesecake

ก๋วยเตี๋ยวปากหม้อ

เลิศรสอาหารไทยโบราณ

อบอวลความสุขหอมกรุ่นปิ้งย่าง


อาหารจีนต้นตำรับ หมูพะโล้ตระกูลสือ
การกิน สำหรับชาวจีนแล้วเป็นศาสตร์ชนิดหนึ่ง เพราะความเป็นศาสตร์จึงทำให้เกิดความแตกต่างในแต่ละท้องถิ่น เพราะความเป็นศาสตร์จึงทำให้เกิดประเภทของอาหารนับไม่ถ้วน เพราะความเป็นศาสตร์จึงทำให้เกิดวัฒนธรรมที่สืบทอดต่อกันมา เพราะความเป็นศาสตร์จึงทำให้เกิดอาหารอร่อยที่เผยแพร่ไปทั่วโลก อาหารอร่อยอยู่แวดล้อมตัวเรา เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของเรา

อำเภอมู่ตู้ เมืองซูโจว ร้านอาหารตระกูลสือ ร้านนี้มีประวัติไม่ธรรมดา จากภาพวาดความรุ่งเรืองของซูโจว สมัยจักรพรรดิเฉียนหลงปีที่ 24 แสดงให้เห็นความรุ่งเรืองดุจเมืองสวรรค์ของซูโจวในยุคนั้น 36 ปีต่อมา ปีเฉียนหลงที่ 55 ในภาพวาดเก่าแก่ก็ปรากฏร้านของสือฮั่น ตั้งอยู่ใกล้สะพานจอหงวน ตั้งชื่อว่าร้านสือซี่ซุ่น สือซี่ซุ่นเดิมเป็นร้านขายขนมของสามีภรรยาคู่หนึ่ง ดำเนินกิจการมาถึงสี่ชั่วอายุคน ถึงมือของสือเหลินที่เป็นเหลนของสือฮั่น สือซี่ซุ่นก็กลายมาเป็นร้านอาหารไท่หู่ที่เลื่องชื่อ อาหารในร้าน ถูกขนานนามจากผู้คนที่ชื่นชอบว่า อาหารตระกูลสือ ปี 1929 หลีเกิ่นหยวน ขุนนางปลดเกษียนได้กลับบ้าน และได้ช่วยตั้งชื่อให้ว่า ร้านอาหารตระกูลสือ

ปัจจุบัน ภัตตาคารตระกูลสือเปิดสาขามากมายในซูโจว แต่ร้านดั้งเดิมก็ยังคงดำเนินกิจการอยู่ เพราะว่าเตาถ่านหินของที่นี่ ใช้ทำอาหารพิเศษชนิดหนึ่ง อาหารที่มีชื่อควบคู่มากับร้านเก่าแก่หลายร้อยปีนี้ชื่อว่า หมูพะโล้ตระกูลสือ วัตถุดิบหลักก็คือหมูสามชั้น ซึ่งมีแหล่งมาจากริมทะเลสาบไท่หู่ข้างร้านนั่นเอง หมูสามชั้นหลังจากชำแหละมาแล้ว 1 วัน นำมาตัดเป็นสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ ใส่ลงไปในหม้อทรงกลมที่เต็มไปด้วยน้ำดื่ม ต้มด้วยไฟแรง ขั้นตอนนี้ใช้เวลาเพียงเล็กน้อย หลังจากน้ำเดือดพล่านก็ตักเนื้อหมูขึ้นมา ใส่น้ำซอสเฉพาะของตระกูลสือลงในหม้อทรงกลมอีกใบ ใส่เนื้อหมูลงไป ขอบหม้อวางผ้าที่ทำขึ้นเฉพาะ จากนั้นจึงใส่เกลือ ใบกระวาน โป๊ยกั๊ก อบเชย เปลือกส้มและน้ำตาลทราย จากนั้นจึงนำซึ้งมาวางลงบนผ้า เพื่อกดเนื้อหมูให้จมอยู่ในน้ำ จากนั้นจึงใส่เหล้า ซีอิ๊ว ต้มด้วยไฟอ่อน ใช้เวลาต้มประมาณ 3 ชั่วโมง หลังจากนั้นจึงนำเนื้อหมูขึ้นมาใส่ลงชาม แล้วนำไปนึ่งต่อใช้เวลานึ่งสิบห้านาที เป็นการป้องกันไม่ให้เนื้อหมูที่เพิ่งขึ้นจากเตา สัมผัสอากาศจนเปลี่ยนสี ทั้งยังทำให้เนื้อหมูคงรูปร่างสวยงาม สุดท้ายราดด้วยน้ำซอสเฉพาะของตระกูลสือ หมูพะโล้ตระกูลสือก็พร้อมรับประทาน เนื่องจากการต้มเป็นเวลานาน ไขมันในเนื้อหมูสามชั้นจึงละลาย ทำให้หนังนุ่มเนียนไม่เลี่ยนมัน กลิ่นหอมขึ้นจมูก ทั้งหมดนี้ได้มาเพราะไฟ

ในอาหารจานนี้ ไฟเหวินอู่ล้วนมีความสำคัญเท่าเทียมกัน อาหารต้องใช้แรงไฟในการเข้าถึงซึ่งรสชาติ ถึงจะทำให้อาหารชนิดนั้นเลิศรส ไฟแรงทำให้เนื้อหมูสุกอย่างรวดเร็ว เพื่อไล่เลือดและสิ่งสกปรกในเนื้อ ทั้งยังไม่ทำให้เนื้อเหนียวขึ้น ในขณะเดียวกันก็ทำให้เนื้ออยู่ตัว การใช้ซึ้งกดให้เนื้อจมลงในน้ำ ซึ่งเป็นการเพิ่มพื้นที่ว่าง ทั้งยังทำให้ไอของรสชาติต่างๆที่ผสมผสานกัน หมุนเวียนกลับไปมา และไฟอ่อนจะทำให้เนื้อนุ่ม ไม่ทำให้เสียรูปทรง ทั้งยังทำให้เนื้อหมูหอมนุ่มละมุนอีกด้วย การใช้ไฟเป็นเคล็ดลับที่มีมายาวนานของอาหารจีน เพราะเหตุนี้นักปราชญ์จีนจึงให้ความสนใจกันมาก ขงจื้อกล่าวว่าของไม่อร่อยไม่กิน สำหรับท่านแล้วอาหารที่ใช้ไฟไม่ถูกไม่ควรรับประทาน

ขนมและอาหารว่างในอาเซียน
ประเทศไทย
เริ่มต้นกันที่ขนมประจำชาติไทยของเรานั่นก็คือ บัวลอย บัวลอยเป็นขนมหวานที่มีทั้งรสชาติ หวานมันเค็ม เรียงลำดับตามแบบนั้นได้เลย แป้งที่นำมาทำบัวลอย ก็เป็นแป้งข้าวเหนียว ซึ่งหาได้ในบ้านเรานี่แหละ ส่วนกะทิที่ใช้ก็ได้มาจากมะพร้าว น้ำตาลก็ได้มาจากอ้อย นอกจากนี้ยังมีส่วนผสมอื่นๆ อย่างเผือก ฟักทอง ไข่ไก่ ซึ่งได้มาจากวิถีชีวิตของเกษตรกรไทยเรานี่เอง เป็นขนมที่บ่งบอกวัฒนธรรมท้องถิ่นอย่างชัดเจน บัวลอยสำหรับคนไทยยังถือเป็นตำนานขนมหวานแห่งความรักอีกด้วย

ประเทศเวียดนาม
ของว่างประจำชาติของเวียดนามคือ ขนมเบื้องญวน ขนมเบื้องญวนแท้ๆในเวียดนามเป็นอาหารทานเล่น แต่มีลักษณะอ้างอิงได้ถึงแพนเค้กของฝรั่ง ซึ่งทำจากแป้งข้าวเจ้าของคนท้องถิ่น ผสมกับกะทิและผงขมิ้น ยัดไส้ด้วยหมูหรือกุ้ง ตามรูปถั่วงอกและผักต่างๆ รวมไปถึงถั่วลิสงคั่วบด บางที่ก็ใส่หัวไชโป๊หวานเค็มด้วย โดยจะรับประทานคู่กับน้ำจิ้ม 3 รส มีส่วนผสมคือ น้ำตาล มะนาว และน้ำปลา แต่เนื่องจากอาหารว่างเมนูนี้มีลักษณะเป็นชิ้นที่ค่อนข้างใหญ่พอสมควร บางคนรับประทานไปชิ้นเดียวก็อิ่ม

ประเทศสิงคโปร์
ขนมประจำชาติของประเทศสิงคโปร์คือ ลอดช่องสิงคโปร์ สำหรับลอดช่องที่เกิดขึ้นในประเทศไทย เป็นของหวานประเภทเดียวกับที่สิงคโปร์ เราจะเรียกว่า cendol ซึ่งเป็นขนมพื้นเมืองที่มีอยู่มากมาย ทั้งในสิงคโปร์ อินโดนีเซีย มาเลเซีย เวียดนาม พม่า รวมทั้งประเทศไทยของเราด้วย สำหรับประเทศไทยที่เราเรียกว่าลอดช่องสิงคโปร์ เนื่องจากเจ้าของหวานประเภทนี้มีชื่อเสียงโด่งดังครั้งแรกจากร้านที่ขายดี ที่ตั้งอยู่หน้าโรงหนังสิงคโปร์ โดยมีชื่อร้านว่า ร้านสิงคโปร์โภชนา คนจึงเรียกติดปากตามกันมาตลอดว่าลอดช่องสิงคโปร์ ปัจจุบันถ้าใครเดินทางไปสิงคโปร์ก็ยังคงต้องหาเมนูนี้มารับประทาน เพราะเขาขึ้นชื่อจริงๆ แต่ที่ประเทศอื่นๆเขาไม่ได้เรียกลอดช่องสิงคโปร์กันนะ เขาเรียกว่า cendol ถ้าจะไปหามารับประทานอย่าลืมเรียกชื่อให้ถูกด้วย

ประเทศฟิลิปปินส์
ขนมประจำชาติของฟิลิปปินส์คือ ฮาลูฮาโล (Halu Halo) ขนมหวานประเภทนี้ถือเป็นขนมหวานพื้นเมืองแท้ๆของประเทศฟิลิปปินส์ ส่วนผสมหลักทำจากมันสำปะหลัง ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรที่ฟิลิปปินส์มีมากมาย โดยจะใส่สีผสมอาหารสีต่างๆ ตามลักษณะวัฒนธรรมของคนฟิลิปปินส์ที่เน้นสีสันสดใสและรสชาติที่หวานหอม เวลารับประทานจะรับประทานคู่กับข้าวพอง ไอศครีม ขนมปัง และใส่เครื่องอื่นๆเป็นขนมที่มีลักษณะเฉพาะตัว ซึ่งจะพบได้เฉพาะในประเทศฟิลิปปินส์เท่านั้น

ประเทศเมียนมาร์ หรือพม่า
ขนมประจำชาติของพม่าคือ ข้าวต้มมัด หรือจะเรียกว่าข้าวต้มผัดก็ได้ ทำจากข้าวเหนียวที่ผัดรวมกับกะทิ หลังจากนั้นนำไปห่อด้วยใบตอง ใส่ไส้กล้วยลงไปไว้ตรงกลาง และนำไปนึ่งต่อจนสุก รสชาติหวานมันถือเป็นขนมหวานที่แสดงวัฒนธรรมของคนพม่าได้ดีเลยทีเดียว เนื่องจากประเทศนี้มีทั้งข้าวเหนียว กล้วย และมะพร้าวที่มีคุณภาพ แต่ประเทศไทยก็นำขนมหวานเมนูนี้มาผลิตจนเป็นที่คุ้นเคย โดยมีการดัดแปลงและเพิ่มเติมความหลากหลาย โดยอาจจะใส่ถั่วหรือใส่เผือก หากใครมีโอกาสเดินทางไปท่องเที่ยวประเทศพม่า ลองหาข้าวต้มมัดมารับประทานสักชิ้น เพื่อจะได้รู้รสชาติและความแตกต่างของข้าวต้มมัดพม่ากับข้าวต้มมัดแบบไทยกัน

ประเทศมาเลเซีย
ขนมหรืออาหารว่างประจำชาติของประเทศมาเลเซียคือ โรตี เป็นประเทศที่มีอิทธิพลมาจากศาสนาอิสลามและชาวอินเดียผสมผสานกันโรตีจึงกลายเป็นของหวานประจำประเทศนี้ ทุกท่านคงทราบดีว่าโรตีคือการนำแป้งไปทอดให้เป็นแผ่น สำหรับสูตรของคนมาเลเซีย โรตีจะเป็นแผ่นค่อนข้างหนา ผิวนอกจะกรอบ ด้านในจะนุ่ม มีทั้งรับประทานโดยไม่มีหน้าใดๆเคียงคู่ กับชารสหวาน หรืออาจจะราดหน้าด้วยนมข้นและน้ำตาล โรตีของประเทศมาเลเซีย จะหนานุ่มเป็นชิ้นเป็นอันกว่าโรตีในประเทศไทย สามารถตัดแบ่งเป็นชิ้นหนาหนาคำโตโต แบ่งกันรับประทานได้หลายคนใน 1 แผ่น อย่างที่กล่าวไปแล้วว่าคนมาเลเซียส่วนมากจะรับประทานโปรตีนคู่กับชานม ถือเป็นอาหารว่างระหว่างมื้อที่นิยมกันมากมาย

ประเทศลาว
ขนมหวานประจำชาติของลาวคือ น้ำตาลอ้อย แต่ไม่ใช่น้ำตาลอย่างที่เราคิดซะทีเดียว เพราะน้ำตาลอ้อยนี้ เวลาทำจะต้องทำเหมือนกันทำขนม คือการนำน้ำอ้อยมาเที่ยว ไม่ใช่เอาน้ำตาลมะพร้าวมาเคี่ยว เคี่ยวจนกลายเป็นคาราเมลสีน้ำตาลแดง ซึ่งจะส่งกลิ่นหอมมาก หลังจากนั้นสามารถนำไปรับประทานกับเครื่องดื่มร้อนต่างๆหลากชนิด โดยจะให้รสชาติที่หวานจัดและมีความหอมละมุนของกลิ่นอ้อย น้ำตาลอ้อยลักษณะนี้ยังสามารถนำไปเป็นส่วนประกอบในการทำขนมหวานได้อีกหลายประเภทอีกด้วย สามารถหาทานได้ทั่วไปตามร้านต่างๆในประเทศลาว หากใครเดินทางท่องเที่ยวไปยังประเทศนี้อย่าลืมลองหามารับประทานกันดู

ประเทศอินโดนีเซีย
ขนมหวานประจำชาติอินโดนีเซียคือ วุ้นน้ำมะพร้าว วุ้นน้ำมะพร้าวถือเป็นของหวานที่ขึ้นชื่อของที่นั่น หลายท่านอาจสงสัยและมีเสียงคัดค้านว่าใช่หรือ แต่ตามที่ระบุเป็นอย่างนั้นจริงๆ โดยน้ำมะพร้าวในอินโดนีเซียที่นำมาผสมกับวุ้นส่วนมากจะเป็นมะพร้าวพันธุ์แก่ปกติ ซึ่งเป็นผลพลอยได้ที่เหลือจากอุตสาหกรรมการผลิตอาหารในโรงงาน ที่ได้จากการคั้นน้ำกะทิหรือการใช้เนื้อมะพร้าวแก่ไปแล้ว เราจึงนำน้ำมะพร้าวเหล่านั้นที่ได้มาผสมเป็นวุ้น แล้วใส่น้ำกะทิจากมะพร้าวบางส่วนลงไป ทำให้น่ารับประทาน ซึ่งอาจจะแตกต่างจากวุ้นน้ำมะพร้าวในประเทศไทยไปบ้าง เพราะของไทยจะนิยมใช้มะพร้าวน้ำหอม

ประเทศกัมพูชา
ขนมหวานประจำชาติกัมพูชาคือ กระยาสารท เนื่องจากขนมหวานชนิดนี้มีมานานหลายร้อยปี และมีการทำกันตลอดปีเพื่อรับประทานเป็นขนมหวานปกติ แต่จะมีช่วงที่ใช้ในการประกอบพิธีในการไหว้ นั่นก็คือ ช่วงแรม 15 ค่ำเดือน 10 ซึ่งคนกัมพูชานิยมไหว้ด้วยกระยาสารท กระยาสารทเป็นขนมหวานที่ทำจากธัญพืชที่มีในท้องถิ่นกัมพูชานานาชนิด ไม่ว่าจะเป็น ถั่ว งา ข้าวคั่ว น้ำตาล นำมาผัดคั่วรวมกันจนจับตัวเป็นก้อน ทิ้งไว้ให้เย็นลง จึงนำมารับประทานและยังสามารถเก็บไว้รับประทานได้นานเป็นเดือนเลยทีเดียว

ประเทศบรูไน
ขนมประจำชาติบรูไนคือ กล้วยแขก ปกติแล้วคนไทยจะคุ้นเคยกับขนมชนิดนี้เป็นอย่างดีและรับประทานจนเป็นที่ชื่นชอบ จนคิดกันไปว่าเป็นขนมของบ้านเราไปซะแล้ว ซึ่งมีการระบุเอาไว้ว่า กล้วยแขกเป็นขนมของคนบรูไน วิธีการทำคือนำกล้วยมาผ่าครึ่ง หรือบางครั้งจะหันครึ่งเป็น 2 ท่อน แล้วนำไปผสมกับแป้งข้าวเจ้า มะพร้าว งา น้ำตาล หลังจากนั้นนำไปทอดในน้ำมันที่มีอุณหภูมิร้อนกำลังพอเหมาะ ซึ่งคนบรูไนสามารถรับประทานกล้วยแขกได้ตลอดเวลา แต่รสชาติกล้วยแขกของบรูไนอาจไม่หวานเท่าของไทยเรา

อาหารจีนต้นตำรับ หอยเป๋าฮื้อ
การกิน สำหรับชาวจีนแล้วเป็นศาสตร์ชนิดหนึ่ง เพราะความเป็นศาสตร์จึงทำให้เกิดความแตกต่างในแต่ละท้องถิ่น เพราะความเป็นศาสตร์จึงทำให้เกิดประเภทของอาหารนับไม่ถ้วน เพราะความเป็นศาสตร์จึงทำให้เกิดวัฒนธรรมที่สืบทอดต่อกันมา เพราะความเป็นศาสตร์จึงทำให้เกิดอาหารอร่อยที่เผยแพร่ไปทั่วโลก อาหารอร่อยอยู่แวดล้อมตัวเรา เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของเรา

เป่าฮื้อเป็นอาหารทะเลที่มีราคาแพงที่ชาวจีนชื่นชอบ จากบันทึกในสมัยชุนชิว ชาวจีนนำหอยเป่าฮื้อที่ผ่านการหมักมาทำเป็นอาหาร เป๋าฮื้อสดถูกนำมาแกะเปลือก หมักตากแห้ง เพื่อเป็นเป๋าฮื้อแห้งทำให้มีราคาสูงขึ้น กลายมาเป็นเป๋าฮื้อที่เราเห็นในปัจจุบัน แต่ว่าเป่าฮื้อแห้งมีเนื้อแข็งยากที่จะนำมาปรุง ก่อนนำมาทำอาหารต้องแช่น้ำให้อ่อนตัวลงจากนั้น จึงนำมาล้างให้สะอาด การล้างต้องใช้ความอดทนและละเอียดละออ ใช้แปรงขัดริมให้สะอาด ล้างส่วนปาก เลาะไส้และสิ่งสกปรกออก ขั้นตอนทั้งหมดใช้เวลาถึง 2 วัน แต่สำหรับขั้นตอนการปรุงเป๋าฮื้อแล้วนี่เป็นเพียงแค่การเริ่มต้น เชฟมากประสบการณ์บอกพวกเราว่า การปรุงเป๋าฮื้อให้เลิศรสนั้นเงื่อนไขสำคัญคือไฟ

ในโลกของอาหารจีนแล้วอาหารทุกจานมักให้ความสำคัญกับไฟ แท้จริงแล้วไฟทำไมถึงมีความสําคัญ ถึงส่งผลต่อรสชาติมากขนาดนี้ ทำอย่างไรถึงทำให้อาหารเลิศรสมากขึ้น ฝ่ายเป็นคำเฉพาะในแวดวงการทำอาหาร หมายถึงอุณหภูมิความร้อนและระยะเวลาที่ใช้ โดยทั่วไปแบ่งเป็นไฟคุโชน ไฟแรง ไฟกลาง ไฟอ่อน และไฟรุม ปัจจุบันเรามีอุปกรณ์ให้ความร้อนหลากหลายชนิด เตาถ่านหิน เตาหกตา เตาแก๊สถ่านหิน เตาแก๊ส สามารถปรับความร้อนได้ตามที่ต้องการ แต่ว่าไฟก็ยังยากที่จะควบคุมอยู่ดี เพราะไม่เป็นแต่เพียงเรื่องของอุณหภูมิความร้อน ยังมีวัตถุดิบ อุปกรณ์ปรุงอาหาร เทคนิคการปรุงอาหาร ไฟจึงเป็นศาสตร์ที่ลึกซึ้งและซับซ้อน

เฉินหย่าเจียนหัวหน้าเชฟเครือบริษัทฉาวเจียงชุน เขามีชีวิตการทำงานในตครัวกว่า 30 ปี ทำให้เขามีประสบการณ์ในการปรุงเป๋าฮื้ออย่างมาก เป๋าฮื้ออบหม้อดินทำยากมากก่อนอื่นต้องเลือกเป๋าฮื้ออย่างดีรวมทั้งวัตถุดิบอย่างอื่นและไฟ สามสิ่งนี้ขาดสิ่งใดสิ่งหนึ่งไม่ได้เลย

วันนี้เฉินหย่าเจียนจะทำเป๋าฮื้อตุ๋นที่ยากต่อการควบคุมไฟ วัตถุดิบหลักก็คือ เป๋าฮื้อแห้งและต้องเป็นเป๋าฮื้อชั้นดีจากญี่ปุ่น ซึ่งถูกขนานนามว่าเจ้าแห่งเป๋าฮื้อ เพื่อให้คู่ควรกับเป๋าฮื้อชั้นเลิศ เครื่องปรุงอื่นก็ต้องผ่านการคัดสรรอย่างดี นั่นก็คือไก่ กระดูกหมู หมูสามชั้นที่เราใช้ปรุงอาหาร แต่ตอนนี้มันเป็นเพียงเครื่องปรุงเสริมเท่านั้น

นำเนื้อไก่กับกระดูกหมูลงต้มในน้ำเดือด ล้างสิ่งสกปรกต่างๆออก จากนั้นนำมาผัดให้สุก ทอดหมูสามชั้นในน้ำมันให้เหลือง และเตรียมหม้อกระเบื้องเคลือบที่ใช้สำหรับปรุงเป๋าฮื้อโดยเฉพาะ หม้อกระเบื้องเมื่อนำมาอบอาหารจะทำให้อาหารเปลือยนุ่มได้เร็ว ถ้าเป็นหม้อสแตนเลสจะแข็งทำออกมาได้ไม่ดีเท่ากับหม้อกระเบื้อง นำเป่าฮื้อ ไก่ กระดูกหมู หมูสามชั้นใส่ลงในหม้อกระเบื้อง ที่มีน้ำเต็ม จากนั้นจึงนำหม้อกระเบื้องไปวางไว้บนเตาที่ทำพิเศษ เตาพิเศษนี้ก็คือเตาถ่าน เตาถ่านจะให้ไฟ Room ไฟจากเตาถ่านจะไม่ร้อนจนเกินไป หม้อกระเบื้องจะถูกไฟรุมๆจากถ่าน ค่อยๆผ่านความร้อนขึ้นมาเพราะเนื้อดินกระเบื้องที่ละเอียด ความร้อนในหม้อกระเบื้องจะคุุณอยู่ในอาหาร เป๋าฮื้อต้องค่อยๆตุ๋นทำให้เป่าฮื้อไม่อมน้ำเร็วเกินไป น้ำจะค่อยๆเข้าไปในตัวเป๋าฮื้อนี่คือความสำคัญของไฟ ขั้นตอนนี้ใช้เวลาตุ๋นถึง 2 วันเต็มๆ ในช่วงของการตุ๋นไม่ต้องคน ไม่ต้องใส่เครื่องปรุงใดๆ แถมยังไม่ต้องคอยเปิดดู สรุปแล้วความร้อนมีความสำคัญต่อกระบวนการอย่างไรกัน

เชฟเฉินเล่าว่า
"ทั้งหมดนี้เป็นการสั่งสมประสบการณ์ ใน 20 ถึง 30 ปีมานี้ ผมโชคดีที่มีโอกาสทำเป๋าฮื้อบ่อยมาก ถ้าคุณเป็นพ่อครัวอาหารจีนที่ทำงานมานานขนาดนี้ แต่ไม่เคยได้แตะเป๋าฮื้อเลย ทํามานานแค่ไหนก็ไม่มีประโยชน์"

เฉินหย่าเจียน เกิดที่มณฑลกวางตุ้ง เขาใช้ชีวิตในฮ่องกง เขาเข้าสู่วงการอาหารตอนอายุ 14 ปัจจุบันกลายเป็นเชฟอาหารกวางตุ้งที่ลือชื่อ แค่ใช้มือจับวัตถุดิบ เขาก็สามารถบอกได้ถึงแหล่งผลิต และคุณภาพของเป๋าฮื้อที่นำมาใช้ เฉินหย่าเจียนบอกพวกเราว่า เคล็ดลับในการตุ๋นเป๋าฮื้อก็คือ กลางวันใช้เวลาตุ๋นทั้งวัน ตกกลางคืนจะต้องดับไฟในเตา วันรุ่งขึ้นจึงจะตุ๋นต่อไป นี่คือประสบการณ์ของเขา ตอนที่ไม่ได้ตั้งไฟ น้ำในหม้อจะเย็นลง เป๋าฮื้อก็จะดูดซึมน้ำเข้าไปในเนื้อ พอนำมาตุ๋นอีกที น้ำที่อยู่ในเป๋าฮื้อก็จะออกมา นี่ก็คือเคล็ดลับของการใช้ไฟ แม้ว่าจะไม่ได้ตั้งไฟ ประโยชน์ของไฟก็ยังคงอยู่ เห็นได้ชัดเจนว่า ไฟไม่ใช่แค่เพียงการคุม ความแรงและเวลา ยังรวมไปถึงความเชี่ยวชาญในการประเมินคุณภาพ ของวัตถุดิบอีกด้วย วัตถุดิบที่แตกต่างย่อมใช้ไฟไม่เหมือนกัน ช่วงที่เป่าฮื้อกำลังจะสุกได้ที่ เป็นช่วงสำคัญ การราไฟเร็วไปรสชาติจะไม่เข้าเนื้อ ราไฟช้าไปเป่าฮื้อก็จะเหนียว ต้องอาศัยความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์ของพ่อครัวทั้งสิ้น

หลังจากผ่านการตุ๋นมา 2 วัน อาหารจานนี้ก็สำเร็จลง เป๋าฮื้ออุ้มน้ำชุ่มฉ่ำ แถมยังมีรสชาติของเนื้อหมูและเนื้อไก่ อาหารจานนี้ต้องค่อยๆเคี้ยวและลิ้มรสอย่างช้าๆ ถึงจะสัมผัสได้ถึง เคล็ดลับการใช้ไฟรุม ค่อยๆตุ๋นของอาหารจีน ในวัฒนธรรมอาหารของจีน

Popular Posts