"เชื้อรา" โรคประจำตัว ของทุกคน
ข้อเขียนของ ดร.สาทิส อินทรกำแหง ซึ่งเขียนประจำทุกสัปดาห์ ในหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
ใครๆที่คุ้นเคยกับภาษาของชีวจิตคง จะพอจำได้ถึงภาษาแปลกๆของโรคต่างๆ ซึ่งเราแบ่งออกเป็นสองกลุ่ม
กลุ่มแรกคือ โรคซึ่งเป็นโรค และกลุ่มที่สองคือ โรคที่ไม่ใช่โรค
กลุ่ม โรคซึ่งเป็นโรค เราหมายถึงโรคซึ่งมีเชื้อโรค ได้แก่ โรคซึ่งเกิดจากแบคทีเรีย โรค
ซึ่งเกิดจากไวรัส โรคซึ่งเกิดจากโปรโตซัว โรคซึ่งเกิดจากเชื้อพยาธิ โรคซึ่งเกิดจากเชื้อรา
และมีกลุ่มใหม่คือ โรคซึ่งเกิดจากคลาไมเดีย (CHLAMYDIA)
ถ้าแบ่งโรคซึ่งเป็นโรคออกเป็นกลุ่มๆ อย่างนี้จะง่ายต่อการรักษา
เพราะถ้ารู้ว่าการเจ็บป่วยที่เป็นอยู่นั้นมาจากเชื้อโรคอะไรแล้ว การรักษาก็จะง่ายขึ้น
เมื่อรู้ว่าเป็นเชื้อโรคอะไร ก็หายาหรือคิดค้นยาซึ่งจะฆ่าเชื้อโรคชนิดนั้น
เอามาใช้ในการรักษาก็จะหายจากการเจ็บป่วยได้
ส่วนโรคกลุ่มที่สอง โรคที่ไม่ใช่โรค นั้นหมายถึงโรคซึ่งเกิดจากความบกพร่องของตัวเอง
ระบบต่างๆของร่างกายหรืออวัยวะสำคัญบางอย่างทำงานบกพร่อง โรคเหล่านี้ไม่มีเชื้อโรค
ค่อนข้างยากต่อการรักษา
วันนี้ขอพูดถึงกลุ่มโรคซึ่งเป็นโรคก่อน และจะขอยกเชื้อโรคกลุ่มเชื้อราขึ้นมาพูดก่อน
ในกลุ่มเชื้อรานี้ก็จะขอพูดถึงเชื้อยีสต์ตัวหนึ่ง คือ เชื้อแคน ดิดา แอลบิคันส์ (CANDIDA ALBICANS)
เชื้อตัวนี้กำลังแพร่หลายอยู่ในหมู่คนสมัยใหม่ โดยเฉพาะกลุ่มที่ใช้ชีวิตอยู่ตามเมืองใหญ่ๆ
พวกฝรั่งเป็นกันมาก แต่เดี๋ยวนี้คนไทยก็เป็นกันมากขึ้นทุกที เพราะชีวิตคนไทยสมัยใหม่นี้ กินอยู่แบบฝรั่ง
กันเกือบหมดแล้ว ชีวิตแบบธรรมชาติไม่ค่อยมีเลย
คุณผู้หญิงอย่าเพิ่งไปไหนนะครับ ต้องอ่านเรื่องนี้ให้ได้ เพราะเชื้อราตัวนี้ทำให้เกิด
โรคเรื้อรังหลายโรคและหลายอาการ
คุณผู้ชายก็เหมือนกัน ถ้าคุณเป็นคนสมัยใหม่ ก็ต้องอ่านเรื่องนี้ เพราะถ้ามั่วสุมกันมากๆ
ใช้ชีวิตเหมือนกันมากๆ ไม่ช้าเชื้อเหล่านี้ก็จะกระจายกลับไป กลับมาไม่มีที่สิ้นสุด
เชื้อแคนดิดา แอลบิคันส์ หรือจะเรียกกันสั้นๆว่า แคนดิดา คือเชื้อยีสต์ ซึ่งเป็นเชื้อรา
ชนิดหนึ่งซึ่งชอบเกิดและชอบอาศัยอยู่ในช่องคลอดคุณผู้หญิง และสำคัญอีกอย่างหนึ่งก็คือ
ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย ถ้าเริ่มมีเชื้อเข้าไปในร่างกาย ก็จะชอบเข้าไปอาศัยในช่องท้อง
โดยเฉพาะส่วนที่เป็นลำไส้
นายแพทย์ไมเคิล สเปนซ์ อาจารย์ด้านสูติ แพทย์และนรีแพทย์แห่งมหาวิทยาลัยแพทย์ แฮนเนอแมนท์
สหรัฐ-อเมริกายืนยันอย่างแน่นแฟ้นว่า เชื้อ ราตัวนี้มันมักจะอยู่ กับเรามาตั้งแต่เกิด
ข้อชี้แนะนี้น่าสนใจ เพราะเรื่อง เชื้อรานี้เรารู้กันแล้ว ว่า เกิดขึ้นมาในโลกเป็นเวลาหลาย
ล้านล้านปีแล้ว เกิดมาก่อนที่จะมีมนุษย์เกิด มาด้วยซ้ำ และเมื่อมีมนุษย์แล้ว
มันก็อาศัยภายในร่างกายมนุษย์ทั่วโลกและอยู่ยงคงทนคู่กับมนุษย์มาจนบัดนี้
เอาล่ะ มันร้ายแรงอย่างไรนักหรือ? ถ้าสำหรับคุณผู้หญิงซึ่งเป็นแหล่งอาศัยอย่างดี ในอวัยวะของคุณผู้หญิง
อาการซึ่งเป็นคล้ายๆกันและเกือบเหมือนกันก็คือ อาการที่มีของเหลวไหลออกมาจากช่องคลอดที่ชอบเรียกกันกว่า
เมนขาว นั่นแหละ
เมนขาว นี้จะมีมากน้อยเพียงไรหรืออาการหนัก หนาสาหัสอย่างไร มักจะขึ้นอยู่กับอายุ
สภาพสิ่งแวดล้อมและขึ้นอยู่กับ IMMUNE SYSTEM หรือภูมิชีวิตของแต่ละคน
ถ้าคุณเป็น คนแข็งแรง ภูมิชีวิตสมบูรณ์ บาง ทีเมนขาวอาจจะไม่มีฤทธิ์เดชอะไร
หรืออย่างเบาๆก็อาจจะมีเมือกใสๆออกอาการคันบริเวณรอบๆเล็กน้อย
แต่ถ้าภูมิชีวิตของคุณต่ำ หมายความว่า ภูมิต้านทานของคุณก็จะต่ำตามไปด้วย ถ้าเป็นอย่างนี้ เมนขาว
ก็จะไม่ใช่เรื่องย่อยๆเสียแล้ว อาจจะมีเมือกมากขึ้น อาการคันมากขึ้น และถ้าติดเชื้อเข้าด้วย
เมนขาวก็จะข้นมีสีเหลือง สีคล้ำ บางทีก็จะมีกลิ่นไม่พึงประสงค์ และก็แน่นอน อาการคันจะไม่ใช่คันน้อยๆ
แต่จะคันมาก มีเจ็บมีปวดท้องน้อยตามมา และถ้าไม่ดูแลดีๆ อาการก็จะลามไปถึงมดลูกและรังไข่ได้
ตอนนี้เมนขาวจะไม่ใช่เรื่องเล็กแล้ว นะครับ
ก่อนอื่นขออธิบายเรื่อง ยีสต์ (YEAST) สักนิด ยีสต์ก็คือเชื้อราชนิดหนึ่ง เป็นสิ่งมีชีวิต
ขยายตัวได้รวดเร็ว อย่างเช่นยีสต์ที่เราเอามาใช้ทำขนมปังหรือขนมเค้ก หรือทำไวน์ เบียร์ เหล้า
พวกนี้ก็คือยีสต์ หน้าที่หรือความสามารถของยีสต์ก็คือ มันเป็น ตัวที่ทำให้เกิดการหมัก (FERMENTATION)
หรือเกิดการบูด เกิดการเน่า และเกิดการขยายตัวได้อย่างรวดเร็ว
โดยเหตุนี้ ครั้งหนึ่งเมื่อมันเข้ามาอยู่ในตัวเราแล้ว แรกที่สุดมันจะเข้าไปเสาะหาที่อยู่ เพื่ออาศัยและ
ตั้งถิ่นฐานของมัน ที่ซึ่งมันชอบที่สุด คือ ตามซอกมุมหรือช่องว่างที่ชื้นแฉะ และโดยเหตุนี้เอง
ซอกมุมที่พวกยีสต์จะพบหรือเข้าไปอยู่อาศัยได้ก่อน ก็คือ ช่องคลอดคุณผู้หญิง และที่ต่อไปก็คือช่องท้อง
และช่องว่างอื่นๆ ทั้งของคุณผู้หญิงและคุณผู้ชาย แม้แต่ช่องปาก รูจมูก หรือรูหูก็ไม่เว้น
ผมมีอาจารย์ที่นับถืออยู่มากคนหนึ่งในเรื่องนี้คือ อาจารย์เจมส์ บราลี ซึ่งเป็นผู้อำนวยการ
สถาบันแล็บที่ IMMUNO LABS INC. แห่งฟอร์ทลอเดอร์ เดล ฟลอริดา
ท่านอาจารย์บราลีผู้นี้ท่านยืนยันว่าเชื้อยีสต์พวก แคนดิดา นี้เป็นต้นเหตุของโรคอีกหลายร้อยโรค
ไปจนถึงโรคร้ายแรงอย่างโรคเอดส์และโรคมะเร็ง แม้แต่โรคสมองเสื่อมอัลไซเมอร์
ท่านก็มีความเห็นว่าเกี่ยวข้องกับเจ้าแคนดิดาตัวนี้เหมือนกัน
เมื่ออาจารย์ทางฝ่ายแล็บประกาศมาอย่างนี้ อาจารย์ทางฝ่ายแพทย์ เช่น อาจารย์ไมเคิล สเปนซ์
ท่านก็มักจะแย้งว่า ยังไม่ถึงขนาดนั้นหรอก เชื้อแคนดิดา แม้แต่จะเกี่ยวข้องกับโรคหลายโรค
แต่แคนดิดาปราบปรามได้ง่าย เรื่องจะเลยไปถึงมะเร็งหรือเอดส์นั้นฟังหูไว้หูก่อนดีกว่า
ทีนี้ก็ยุ่งซีครับ คุณจะเชื่อใครดี ถ้าถามผม ผมเชื่ออาจารย์บราลีมากกว่า เพราะอาจารย์สเปนซ์ นั้น
ท่านเป็นหมอรักษาคน เมื่อคนไข้มาหาท่านก็ต้องดูอาการก่อนว่า อาการเป็นอย่างไร
แล้วท่านก็หายามารักษาอาการ ท่านไม่มีเวลามาค้นคว้าหรอกครับว่าต้นตอของอาการนั้น อยู่ที่ไหน
และจะตามมันไปฆ่าให้หมดเชื้อสายเหล่ากอได้อย่างไร ท่านไม่มีเวลาจะทำอย่างนั้น
แต่ท่านอาจารย์บราลีนั้น ท่านเป็นทั้งแพทย์ ด้วย และก็เป็นอาจารย์ที่ก้มหน้าก้มตาคร่ำเคร่ง
ค้นคว้าอยู่แต่ในแล็บ เจอเชื้อเข้าตัวหนึ่ง ท่านก็ต้องค้นไปถึงเทือกเถาเหล่ากอว่ามาจากไหนและ
ลูกหลานเหลนของมันจะกระจายไปไหน จะอยู่กินจะเจริญเติบโตอย่างไร
เพราะฉะนั้นผมเชื่ออาจารย์ที่คลุกคลีอยู่กับเชื้อโรคมากกว่า
ตรงนี้ก็เลยมีของแถมจากอาจารย์บราลีเสียนิดหนึ่งเป็นเกร็ดน่ารู้นะครับ ท่านบอกว่าต้นตอ
สำคัญสำหรับเชื้อแคนดิดา ก็คือความชื้น เพราะ ฉะนั้น ต้องป้องกันอย่าให้ส่วนหนึ่ง
ส่วนใดของร่างกายชื้นแฉะ
ท่านแนะนำวิธีป้องกันไม่ให้เมนขาวลามปามอย่างหนึ่ง (อย่างหนึ่งในหลายวิธีนะครับ) ก็คือ
เวลานอนอย่าสวมกางเกงใน ให้สวม อย่างมากเสื้อคลุมหรือเสื้อนอนเท่านั้นก็พอ (อ๊ะๆๆๆ อย่าคิดมากนา)
อาทิตย์หน้าสนุกกว่านี้ครับ คุณผู้หญิงอย่าพลาด คุณผู้ชายอย่าขาด