google.com, pub-6663105814926378, DIRECT, f08c47fec0942fa0 Mega topic: สอบข้อเขียนใบขับขี่ | จัดอันดับ | 10 อันดับ| เรื่องผี| เรื่องสยองขวัญ| ที่สุดในโลก| ดูดวง| ประวัติศาสตร์
Showing posts with label สอบข้อเขียนใบขับขี่. Show all posts
Showing posts with label สอบข้อเขียนใบขับขี่. Show all posts

แนวข้อสอบใบขับขี่ คู่มือสำหรับผู้ทดสอบเพื่อขอใบอนุญาตขับรถ ชุดที่ 2

แนวข้อสอบใบขับขี่ คู่มือสำหรับผู้ทดสอบเพื่อขอใบอนุญาตขับรถ ชุดที่ 2

101. ถาม เครื่องหมาย แนวข้อสอบใบขับขี่ เครื่องหมายทางลื่น หมายความว่า
        ตอบ เครื่องหมาย "ทางลื่น" หมายความว่า ทางข้างหน้าลื่นเมื่อผิวทางเปียก อาจเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย ให้ขับรถให้ช้าลงให้มาก และระมัดระวังการลื่นไถล อย่าใช้ห้ามล้อโดยแรงและทันที การหยุดรถ การเบารถ หรือเลี้ยวรถในทางลื่น ต้องกระทำด้วยความระมัดระวังเป็นพิเศษ



102. ถาม เครื่องหมาย แนวข้อสอบใบขับขี่ ผิวทางร่วน หมายความว่า
        ตอบ เครื่องหมาย "ผิวทางร่วน" หมายความว่า ทางข้างหน้ามีวัสดุผิวทางหลุดกระเด็น เมื่อขับรถด้วยความเร็วสูง ให้ขับรถให้ช้าลงและระมัดระวังอันตรายอันเกิดจากวัสดุผิวทาง

103. ถาม เครื่องหมาย แนวข้อสอบใบขับขี่ ระวังหินร่วง หมายความว่า
        ตอบ เครื่องหมาย "ระวังหินร่วง" หมายความว่า ทางข้างหน้าอาจจะมีหินร่วงลงมาในผิวทาง ทำให้กีดขวางการจราจร ให้ขับรถให้ช้าลงและระมัดระวังอันตรายเป็นพิเศษ

104. ถาม เครื่องหมาย หมายความว่า
        ตอบ เครื่องหมาย "สะพานเปิดได้" หมายความว่า ทางข้างหน้าจะต้องผ่านสะพานที่เปิดให้เรือลอด ให้ขับรถให้ช้าลงและระมัดระวังในการหยุดรถ เมื่อเจ้าหน้าที่จะปิดกั้นทางเพื่อเปิดสะพานให้เรือผ่าน เพื่อมิให้เกิดอันตรายต่อรถข้างหน้าและรถข้างหลัง

105. ถาม เครื่องหมาย หมายความว่า
        ตอบ เครื่องหมาย "ให้เปลี่ยนช่องทางจราจร" หมายความว่า ให้เปลี่ยนช่องทางจราจรหรือเปลี่ยนทางเดินรถ ตามสัญลักษณ์ในป้าย ให้ขับรถให้ช้าลง และระมัดระวังอันตรายเป็นพิเศษ

106. ถาม เครื่องหมาย หมายความว่า
        ตอบ เครื่องหมาย "ออกทางขนาน" หมายความว่า ทางหลักข้างหน้าจะมีช่องเปิดออกทางขนาน ผู้ขับรถบนทางหลักที่จะออกทางขนานให้เตรียมตัวเพื่อออกทางขนาน และสำหรับผู้ขับรถบนทางขนานให้ระมัดระวังรถที่จะมาร่วมในทิศทางเดียวกันด้วย

107. ถาม เครื่องหมาย หมายความว่า
       ตอบ เครื่องหมาย "เข้าทางหลัก" หมายความว่า ทางขนานข้างหน้าจะมีช่องเปิดเข้าทางหลัก ผู้ขับรถบนทางขนานที่จะเข้าทางหลักให้เตรียมตัวเพื่อเข้าทางหลัก และสำหรับผู้ขับรถบนทางหลักให้ระมัดระวังรถที่จะมาร่วมในทิศทางเดียวกันด้วย

108. ถาม เครื่องหมาย หมายความว่า
        ตอบ เครื่องหมาย "ทางร่วม" หมายความว่า ทางข้างหน้าจะมีรถเข้ามาร่วมในทิศทางเดียวกัน จากทางซ้ายหรือทางขวา ตามลักษณะสัญลักษณ์ในป้าย ผู้ขับรถจะต้องขับรถให้ช้าลง และเดินรถด้วยความระมัดระวัง

109. ถาม เครื่องหมาย หมายความว่า
        ตอบ เครื่องหมาย "ทางคู่ข้างหน้า" หมายความว่า ทางข้างหน้าจะเป็นทางคู่มีเกาะ หรือสิ่งอื่นใดแบ่งการจราจรออกเป็นสองทางไปทางหนึ่ง มาทางหนึ่ง ให้ขับรถชิดไปทางด้านซ้ายด้วยความระมัดระวัง

110. ถาม เครื่องหมาย หมายความว่า
        ตอบ เครื่องหมาย "สิ้นสุดทางคู่" หมายความว่า ทางข้างหน้าเป็นทางร่วมที่ไม่มีเกาะ หรือสิ่งอื่นใดแบ่งการจราจร ให้ขับรถให้ช้าลงอละชิดด้านซ้ายของทาง และเพิ่มความระมัดระวังยิ่งขึ้น

111. ถาม เครื่องหมาย หมายความว่า
        ตอบ เครื่องหมาย "จุดกลับรถ" หมายความว่า ทางข้างหน้าจะมีที่กลับรถ

112. ถาม เครื่องหมาย หมายความว่า
        ตอบ เครื่องหมาย "ทางเดินรถสองทาง" หมายความว่า ทางข้างหน้าเป็นทางเดินรถสองทาง ผู้ขับรถจะต้องขับรถให้ช้าลงและเดินรถใกล้ขอบทางด้านซ้าย กับให้ระมัดระวังอันตรายจากรถที่สวนมา

113. ถาม เครื่องหมาย หมายความว่า
        ตอบ เครื่องหมาย "สัญญาณจราจร" หมายความว่า ทางข้างหน้ามีสัญญาณไฟจราจร ให้ขับรถให้ช้าลง และพร้อมที่จะปฏิบัติตามสัญญาณไฟจราจร

114. ถาม เครื่องหมาย หมายความว่า
        ตอบ เครื่องหมาย "หยุดข้างหน้า" หมายความว่า ทางข้างหน้ามีเครื่องหมายหยุดติดตั้งอยู่ ให้ผู้ขับรถเตรียมพร้อมที่จะหยุดรถได้ทันที เมื่อขับรถถึงป้ายหยุด

115. ถาม เครื่องหมาย หมายความว่า
        ตอบ เครื่องหมาย "ให้ทางข้างหน้า" หมายความว่า ทางข้างหน้ามีป้ายให้ทางติดตั้งอยู่ ให้ผู้ขับรถเตรียมพร้อมที่จะให้ทางทันทีเมื่อขับรถถึงป้ายให้ทางให้ขับรถให้ช้าลง และเดินรถด้วยความระมัดระวัง

116. ถาม เครื่องหมาย หมายความว่า
        ตอบ เครื่องหมาย "ระวังคนข้ามถนน" หมายความว่า ทางข้างหน้ามีทางสำหรับคนข้ามถนน หรือมีหมู่บ้านราษฎรอยู่ข้างทางซึ่งมีคนเดินข้ามไปมาอยู่เสมอ ให้ขับรถให้ช้าลงพอสมควร และระมัดระวังคนข้ามถนน ถ้ามีคนกำลังเดินข้ามถนนให้หยุดให้คนเดินข้ามถนนไปได้โดยปลอดภัย

117. ถาม เครื่องหมาย หมายความว่า
        ตอบ เครื่องหมาย "โรงเรียนระวังเด็ก" หมายความว่า ทางข้างหน้ามีโรงเรียนตั้งอยู่ข้างทาง ให้ขับรถให้ช้าลง และระมัดระวังอุบัติเหตุ ซึ่งอาจจะเกิดขึ้นแก่เด็กนักเรียน ถ้าเด็กนักเรียนกำลังเดินข้ามถนน ให้หยุดรถให้เด็กนักเรียนข้ามถนนไปได้โดยปลอดภัย ถ้าเป็นเวลาที่โรงเรียนกำลังสอน ให้งดใช้เสียงสัญญาณ และห้ามมิให้เกิดเสียงรบกวนด้วยประการใดๆ

118. ถาม เครื่องหมาย หมายความว่า
        ตอบ เครื่องหมาย "ระวังสัตว์" หมายความว่า ทางข้างหน้าอาจมีสัตว์ข้ามทาง ให้ขับรถให้ช้าลง และระมัดระวังอันตรายเป็นพิเศษ

119. ถาม เครื่องหมาย หมายความว่า
        ตอบ เครื่องหมาย "ระวังเครื่องบินบินต่ำ" หมายความว่า ทางข้างหน้าเข้าใกล้สนามบินและอาจมีเครื่องบินบินลงในระดับต่ำ ให้ขับรถให้ช้าลง หากเห็นเครื่องบินกำลังขึ้นหรือลงผ่านทางข้างหน้า ให้หยุดรถให้เครื่องบินผ่านไปได้โดยปลอดภัย

120. ถาม เครื่องหมาย หมายความว่า
        ตอบ เครื่องหมาย "ระวังอันตราย" หมายความว่า ทางข้างหน้ามีอันตรายเช่น เกิดอุบัติเหตุ ทางทรุด เป็นต้น ให้ขับรถให้ช้าลงให้มาก และระมัดระวังอันตรายเป็นพิเศษ

121. ถาม เครื่องหมาย หมายความว่า
        ตอบ เครื่องหมาย "เตือนแนวทางต่างๆ" หมายความว่า ทางตอนนั้นมีการเปลี่ยนแปลงแนวทางตมทิศทางที่ชี้ไป ผู้ขับรถจะต้องขับรถให้ช้าลง และเดินรถด้วยความระมัดระวัง

122. ถาม เครื่องหมาย หมายความว่า
        ตอบ เครื่องหมาย "เขตห้ามแซง" ใช้ติดตั้งด้านขวาของทาง หมายความว่า ทางช่วงนั้น มีระยะมองเห็นจำกัด ผู้ขับรถไม่สามารถมองเห็นรถที่สวนมาในระยะที่จะแซงรถอื่นๆ ได้

123. ถาม เครื่องหมาย หมายความว่า
        ตอบ เครื่องหมาย "สลับกันไป" หมายความว่า ทางข้างหน้าจำนวนช่องจราจรลดลง ผู้ขับรถจะต้องขับรถให้ช้าลง และให้ขับรถสลับกันไปด้านละคันอย่างระมัดระวัง

124. ถาม เครื่องหมาย หมายความว่า
        ตอบ เครื่องหมาย "สำรวจทาง" หมายความว่า ทางข้างหน้ากำลังมีงานสำรวจทางอยู่บนผิวจราจร หรือช่องทางเดินรถ หรือใกล้ชิดกับผิวจราจร หรือช่องทางเดินรถ ให้ขับรถให้ช้าลง และระมัดระวังเป็นพิเศษ

125. ถาม เครื่องหมาย หมายความว่า
        ตอบ เครื่องหมาย "คนทำงาน" หมายความว่า ทางข้างหน้ามีคนกำลังทำงาน อาจมีการวางอุปกรณ์หรือวัสดุบนผิวจราจร หรือทางเดินรถ หรือใกล้ผิวจราจรหรือทางเดินรถ ควรขับรถให้ช้าลง และเพิ่มความระมัดระวัง

126. ถาม เครื่องหมาย หมายความว่า
        ตอบ เครื่องหมาย "เครื่องจักรกำลังทำงาน" หมายความว่า ทางข้างหน้ามีเครื่องจักรกำลังทำงานบนผิวจราจรหรือทางเดินรถ หรือใกล้กับผิวจราจร หรือทางเดินรถ ควรขับรถให้ช้าลง และเพิ่มความระมัดระวัง

127. ถาม เครื่องหมาย หมายความว่า
        ตอบ เครื่องหมาย "ทางเบี่ยงซ้าย" หมายความว่า ทางข้างหน้ามีงานก่อสร้าง จำเป็นต้องเปลี่ยนแนวทางการจราจรไปใช้ทางเบี่ยงหรือทางชั่วคราวทางด้านซ้าย ควรขับรถให้ช้าลง และเพิ่มความระมัดระวัง

128. ถาม เครื่องหมาย หมายความว่า
        ตอบ เครื่องหมาย "ทางเบี่ยงขวา" หมายความว่า ทางข้างหน้ามีงานก่อสร้าง จำเป็นต้องเปลี่ยนแนวทางการจราจรไปใช้ทางเบี่ยงหรือทางชั่วคราวทางด้านขวา ควรขับรถให้ช้าลง และเพิ่มความระมัดระวัง

129. ถาม เครื่องหมาย หมายความว่า
        ตอบ เครื่องหมาย "ลูกศรชี้ตรงไปข้างหน้า" หมายความว่า ลูกศรสีขาวโดยมีปลายลูกศรชี้ตรงไปข้างหน้า ผู้ขับรถในช่องเดินรถนั้นต้องขับรถตรงไปข้างหน้า ห้ามเลี้ยวซ้าย หรือเลี้ยวขวา

130. ถาม เครื่องหมาย หมายความว่า
        ตอบ เครื่องหมาย "ลูกศรเลี้ยวซ้าย" หมายความว่า ลูกศรทึบสีขาวโดยมีปลายลูกศรเฉียงไปทางซ้าย ผู้ขับรถในช่องเดินรถนั้นต้องขับรถเลี้ยวซ้าย ห้ามขับรถตรงไปหรือเลี้ยวขวา

131. ถาม เครื่องหมาย หมายความว่า
        ตอบ เครื่องหมาย "ลูกศรเลี้ยวขวา" หมายความว่า ลูกศรทึบสีขาวโดยมีปลายลูกศรเฉียงไปทางขวา ผู้ขับรถในช่องเดินรถนั้นต้องขับรถเลี้ยวขวา ห้ามขับรถตรงไปหรือเลี้ยวซ้าย

132. ถาม เครื่องหมาย หมายความว่า
        ตอบ เครื่องหมาย "ลูกศรเลี้ยวซ้ายกับเลี้ยวขวา" หมายความว่า ลูกศรทึบสีขาวมีปลายลูกศรแยกออกเป็นสองทาง ชี้เฉียงซ้ายทางหนึ่งกับเฉียงขวาอีกทางหนึ่ง ให้ผู้ขับรถในช่องเดินรถนั้นเลี้ยวซ้ายหรือเลี้ยวขวา ห้ามขับรถตรงไป

133. ถาม เครื่องหมาย หมายความว่า
        ตอบ เครื่องหมาย "เส้นทางข้าม" มีลักษณะเป็นแถบสีขาวกว้างและยาวหลายๆ แถบประกอบกันขวางทางเดินรถ หรือเป็นเส้นทึบสีขาวสองเส้นขนานกันขวางแนวทางเดินรถ และมีเส้นแนวหยุดหรือเส้นให้ทางประกอบ หมายความว่า ผู้ขับขี่ต้องขับรถให้ช้าลง และพร้อมที่จะหยุดได้ทันท่วงที เมื่อมีคนเดินข้ามทาง ณ ทางข้ามนั้น ในเขตทางข้ามที่ไม่มีเจ้าหน้าที่ หรือสัญญาณจราจร ให้คนมีสิทธิข้ามทางไปก่อน ฉะนั้น ในขณะที่คนกำลังเดินอยู่ในทางข้าม ผู้ขับขี่ต้องหยุดรถก่อนถึงเส้นแนวหยุด หรือเส้นให้ทางและเมื่อคนเดินข้ามทางได้ข้ามไปแล้ว จึงจะเคลื่อนรถต่อไปได้

134. ถาม เครื่องหมาย หมายความว่า
        ตอบ เครื่องหมาย "เส้นแบ่งทิศทางจราจรห้ามแซง" มีลักษณะเป็นเส้นทึบสีเหลืองเดี่ยว หรือคู่ หมายความว่า ผู้ขับขี่ต้องขับรถไปทางด้านซ้ายของเส้น ห้ามขับรถผ่านหรือคร่อมเส้นโดยเด็ดขาด

135. ถาม เครื่องหมาย หมายความว่า
         ตอบ เครื่องหมาย "เส้นแบ่งทิศทางจราจรปกติ"  มีลักษณะเป็นเส้นประสีเหลือง หมายความว่า เป็นเส้นแสดงการแบ่งแยกการจราจรของรถที่มีทิศทางตรงกันข้าม ผู้ขับขี่ต้องขับรถไปทางด้านซ้ายของเส้น ยกเว้นในกนณีที่ต้องการเลี้ยวขวาหรือแซงขึ้นหน้ารถคันอื่น

136. ถาม เครื่องหมาย หมายความว่า
        ตอบ เครื่องหมาย "เส้นแบ่งทิศทางจราจรห้ามแซงเฉพาะด้าน" มีลักษณะเป็นเส้นทึบสีเหลืองคู่กับเส้นประสีเหลือง หมายความว่า รถที่อยู่ทางด้านเส้นทึบห้ามผ่านหรือคร่อมเส้นทึบโดยเด็ดขาด ส่วนรถที่อยู่ทางเส้นประ เมื่อเห็นว่าปลอดภัยอาจแซงขึ้นหน้ารถคันอื่น หรือข้ามเส้นดังกล่าวนี้ด้วยความระมัดระวัง

137. ถาม เครื่องหมาย หมายความว่า
        ตอบ เครื่องหมาย "เส้นแบ่งช่องเดินรถ" หรือ "เส้นแบ่งช่องจราจร" มีลักษณะเป็นเส้นประสีขาวแบ่งทางเดินรถหรือทางจราจรที่มีทิศทางเดียวกัน ให้เป็นช่องเดินรถหรือช่องจราจร หมายความว่า ผู้ขับขี่ต้องขับรถภายในช่องเดินรถหรือช่องจราจร ห้ามขับรถคร่อมเส้น เว้นแต่จะเปลี่ยนช่องเดินรถหรือช่องจราจร

138. ถาม เครื่องหมาย หมายความว่า
        ตอบ เครื่องหมาย "เส้นห้ามเปลี่ยนช่องเดินรถ" หรือ "เส้นห้ามเปลี่ยนช่องจราจร" มีลักษณะเป็นเส้นทึบสีขาวแบ่งทางเดินรถหรือทางจราจรในทิศทางเดียวกัน ให้เป็นช่องเดินรถหรือช่องจราจร หมายความว่า ผู้ขับขี่ต้องขับรถภายในช่องเดินรถ หรือช่องจราจร ห้ามขับรถผ่าน หรือคร่อมเส้น

139. ถาม เครื่องหมาย หมายความว่า
        ตอบ เครื่องหมาย "ห้ามหยุดรถ" มีลักษณะเป็นแถบสีแดงสลับขาว แสดงที่ขอบคันหิน หรือขอบทางด้านซ้ายของทางเดินรถ หรือทางจราจร หรือที่อื่นๆ หมายความว่า ห้ามหยุดรถ หรือจอดรถทุกชนิดระหว่างแนวเขตที่กำหนดเป็นอันขาด

140. ถาม เครื่องหมาย หมายความว่า
        ตอบ เครื่องหมาย "ห้ามจอดรถ" มีลักษณะเป็นแถบสีเหลืองสลับขาว แสดงที่ขอบคันหิน หรือขอบทางด้านซ้ายของทางเดินรถ หรือทางจราจร หรือที่อื่นๆ หมายความว่า ห้ามจอดรถทุกชนิดระหว่างแนวเขตที่กำหนด เว้นแต่การหยุดรับส่งคน หรือสิ่งของชั่วขณะซึงต้องกระทำโดยมิชักช้า

141. ถาม เครื่องหมาย หมายความว่า
        ตอบ เครื่องหมาย "เส้นแนวหยุด" มีลักษณะเป็นเส้นทึบสีขาวกว้าง และขวางแนวทางเดินรถ หมายความว่า เมื่อมีสัญญาณจราจรบังคับ หรือป้ายหยุด ผู้ขับขี่ต้องหยุดรถก่อนถึงเส้นแนวหยุด และเมื่อได้รับสัญญาณจราจรให้ไป หรือเมื่อไม่เป็นเหตุให้กีดขวางการจราจรแล้ว ให้ผ่านเส้นหยุดไปได้

142. ถาม เครื่องหมาย หมายความว่า
        ตอบ เครื่องหมาย "เส้นให้ทาง" มีลักษณะเป็นเส้นประสีขาวกว้าง และขวางแนวทางเดินรถ หมายความว่า ผู้ขับขี่ต้องขับรถให้ช้าลง หากเห็นว่าจะไม่ปลอดภัยต่อรถคันอื่น หรือคนเดินเท้าในทางขวางหน้าหรือเป็นการกีดขวางการจราจร ผู้ขับขี่ต้องหยุดรถก่อนถึงแนวเส้นให้ทาง

143. ถาม เครื่องหมาย หมายความว่า
        ตอบ เครื่องหมาย "เส้นทแยงห้ามหยุดรถ" มีลักษณะเป็นเส้นทึบสีเหลืองลากทแยงตัดกันภายในกรอบเส้นทึบสีเหลือง หมายความว่า ห้ามหยุดรถทุกชนิดภายในกรอบเส้นทแยงห้ามหยุดรถ ยกเว้นรถที่หยุดรอเพื่อเลี้ยวขวา

144. ถาม ข้อความ "หยุด" บนผิวทางจราจร หมายความว่า
        ตอบ ข้อความ "หยุด" เมื่อปรากฏอยู่ในช่องจราจรใด หมายความว่า ให้ผู้ขับรถในช่องจราจรนั้นปฏิบัติตามความหมายเช่นเดียวกับป้าย "หยุด"

145. ถาม รถลักษณะใดที่ห้ามนำมาใช้ในทางเดินรถ
        ตอบ 1. รถที่มีสภาพไม่มั่นคงแข็งแรง มีส่วนควบคุมอุปกรณ์ไม่ครบถ้วนตามที่กฎหมายกำหนด หรืออาจเกิดอันตรายหรือเสื่อมเสียสุขภาพอนามัยแก่ผู้ใช้รถ คนโดยสาร ประชาชน เช่น รถที่มีโคมไฟหน้าชำรุด โคมไฟท้ายชำรุด รถที่มีระบบห้ามล้อชำรุด รถที่ไม่มีกระจกบังลมด้านหน้า เป็นต้น
               2. รถที่ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนรถ ไม่ติดเครื่องหมายแสดงการเสียภาษี
               3. รถที่มีเสียงอื้ออึง หรือมีสิ่งลากถูไปบนทางเดินรถ
               4. รถที่มีล้อหรือส่วนที่สัมผัสกับผิวทางที่ไม่ใช่ยาง ยกเวันรถที่ใช้ในราชการสงคราม หรือรถที่ใช้ในราชการตำรวจ
               5. รถที่ผู้ขับขี่ไม่อาจแลเห็นทางพอแก่ความปลอดภัยมาใช้ในทางเดินรถ
               6. รถที่เครื่องยนต์ก่อให้เกิดก๊าซ ฝุ่น ควัน ละอองเคมี หรือเสียงเกินเกณฑ์ที่กำหนด (ความดังจากท่อไอเสียรถต้องไม่เกิน 85 เดซิเบล เอ และควันดำของรถต้องไม่เกิน 50 เปอร์เซ็นต์)

146. ถาม ในการขับรถสวนทางกัน ผู้ขับขี่จะต้องปฏิบัติอย่างไร
        ตอบ 1. ให้ผู้ขับขี่ขับรถชิดทางด้านซ้ายของทางเดินรถ และให้ถือกึ่งกลางของทางเดินรถ หรือเส้นหรือแนวที่แบ่งทางเดินรถเป็นหลัก
                2. ทางเดินรถที่แคบ ให้ผู้ขับขี่แต่ละฝ่ายลดความเร็วของรถลง เพื่อให้สวนทางกันได้ โดยความปลอดภัย
                3. ทางเดินรถที่แคบซึ่งไม่อาจขับรถสวนทางกันได้โดยปลอดภัย ให้ผู้ขับขี่รถคันที่ใหญ่กว่าหยุดรถชิดขอบทางด้านซ้าย เพื่อให้ผู้ขับรถคันที่เล็กกว่าขับผ่านไปก่อน
                4. กรณีที่มีสิ่งกีดขวางอยู่ข้างหน้า ผู้ขับขี่ต้องลดความเร็วหรือหยุดรถรอให้รถคันที่สวนทางขับผ่านมาก่อน

147. ถาม การขับรถในกรณีที่ด้านซ้ายของทางเดินรถมีสิ่งกีดขวาง ผู้ขับขี่จะต้องปฏิบัติอย่างไร
        ตอบ ขับรถหลีกสิ่งกีดขวางล้ำเข้าไปในเส้นกึ่งกลางของทางเดินรถทางด้านขวาได้และจะต้องไม่เป็นการกีดขวางการจราจรของรถที่สวนมา หากไม่สามารถขับผ่านไปได้ต้องหยุดรอให้รถที่ขับสวนทางรถขับผ่านมาก่อน

148. ถาม ในการขับรถผู้ขับขี่ต้องขับรถในทางเดินรถด้านซ้ายและต้องไม่ล้ำกึ่งกลางของทางเดินรถ เว้นแต่กรณีใดที่ผู้ขับขี่สามารถขับล้ำกึ่งกลางของทางเดินรถหรือขับเข้าไปในทางเดินรถด้านขวาได้
        ตอบ 1. ด้านซ้ายของทางเดินรถมีสิ่งกีดขวาง หรือถูกปิดการจราจร
                2. ทางเดินรถนั้นเจ้าพนักงานจราจรกำหนดให้เป็นทางเดินรถทางเดียว
                3. ทางเดินรถนั้นกว้างไม่ถึง 6 เมตร

149. ถาม กรณีที่มีช่องทางเดินรถตั้งแต่  2 ช่องทางขึ้นไป ผู้ขับรถชนิดใดต้องขับรถชิดทางด้ายซ้ายสุด
        ตอบ 1. ผู้ขับขี่รถที่มีความเร็วช้า หรือรถที่มีความเร็วต่ำกว่ารถคันอื่น ที่ขับในทิศทางเดียวกัน
               2. ผู้ขับขี่รถบรรทุก รถบรรทุกคนโดยสาร รถจักรยานยนต์ ยกเว้น กรณีที่มีช่องทางเดินรถประจำทางให้ขับรถในช่องทางเดินรถด้านซ้ายสุดที่ติดกับช่องทางเดินรถประจำทาง

150. ถาม เมื่อผู้ขับขี่รถลงจากทางลาดชันหรือภูเขาจะต้องปฏิบัติอย่างไร
        ตอบ 1. ห้ามใช้เกียร์ว่าง
               2. ห้ามเหยียบคลัทช์
               3. ห้ามใช้เบรกตลอดเวลา
               4. ห้ามดับเครื่องยนต์
               5. ใช้เกียร์ต่ำ
               6. ขับรถชิดขอบทางด้านซ้าย
               7. ให้เสียงสัญญาณเตือนรถที่อาจสวนทางมา

151. ถาม ผู้ขับขี่ต้องขับรถให้ห่างจากรถคันหน้าเป็นระยะทางเท่าใด
        ตอบ ห่างพอสมควรในระยะที่สามารถหยุดรถได้โดยปลอดภัย

152. ถาม การขับรถผ่านทางร่วมทางแยกที่เป็นทางเอกตัดกันและไม่ปรากฏสัญญาณ หรือเครื่องหมายจราจร ผู้ขับขี่จะต้องปฏิบัติอย่างไร
         ตอบ 1. ถ้ามีรถอื่นอยู่ในทางร่วมทางแยก ผู้ขับขี่ต้องให้รถในทางร่วมทางแยกขับผ่านไปก่อน
                 2. ถ้ามาถึงทางร่วมทางแยกพร้อมกัน และไม่มีรถอยู่ในทางร่วมทางแยก ผู้ขับขี่ต้องหยุดรถให้รถที่อยู่ทางด้านซ้ายของคนขับผ่านไปก่อน

153. ถาม ข้อกำหนดความเร็วของรถในกรณีปกติมีการกำหนดอย่างไร
        ตอบ 1. ในเขตกรุงเทพมหานคร เขตเมืองพัทยา หรือเขตเทศบาล ขับรถด้วยความเร็วไม่เกิน 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
                2. นอกเขตตามข้อ 1 ขับรถด้วยความเร็วไม่เกิน 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

154. ถาม ในขณะขับรถผู้ขับขี่ต้องมีเอกสารชนิดใด
        ตอบ 1. ใบอนุญาตขับรถ
                2. สำเนาภาพถ่ายคู่มือจดทะเบียนรถ

155. ถาม การใช้ไฟสัญญาณและสัญญาณมือของผู้ขับขี่กรณีที่ต้องการจะเลี้ยวรถจะต้องปฏิบัติอย่างไร
        ตอบ 1. สัญญาณไฟ ให้สัญญาณไฟเลี้ยวทั้งด้านหน้าและด้านหลังในทิศทางที่จะเลี้ยว
               2. สัญญาณมือ
                    - เลี้ยวขวาให้ผู้ขับขี่ยื่นแขนขวาตรงออกไปเสมอไหล่
                    - เลี้ยวซ้ายให้ผู้ขับขี่ยื่นแขนขวาตรงออกไปนอกรถเสมอไหล่และงอมือชูขึ้นโบกไปทางซ้ายหลายครั้ง
               3. การให้สัญญาณตามข้อ 1 และ ข้อ 2 ต้องให้สัญญาณก่อนที่จะเลี้ยวเป็นระยะทางไม่น้อยกว่า 30 เมตร และให้ผู้ขับขี่ซึ่งขับรถคันอื่นเห็นได้ในระยะไม่น้อยกว่า 60 เมตร

156. ถาม เมื่อผู้ขับขี่พบเครื่องหมาย "เลี้ยวซ้ายผ่านตลอด" ผู้ขับขี่ควรปฏบัติอย่างไร
        ตอบ ให้ผู้ขับขี่หยุดให้ทางแก่รที่กำลังผ่านทางร่วมทางแยกจากทางด้านขวา และให้ทางแก่รถที่เลี้ยวขวาก่อนจึงจะเลี้ยวซ้ายผ่านไปได้

157. ถาม ในการเลี้ยวรถผู้ขับขี่จะต้องขับรถในช่องทางเดินรถที่ต้องการจะเลี้ยวก่อนถึงทางเลี้ยวไม่น้อยกว่ากี่เมตร
        ตอบ 30 เมตร

158. ถาม บริเวณใดห้ามกลับรถ
        ตอบ 1. ในทางเดินรถที่สวนทางกันได้ห้ามกลับรถในขณะที่มีรถอื่นสวนทางมา หรือตามมา ในระยะน้อยกว่า 100 เมตร
               2. ในเขตปลอดภัยหรือที่คับขัน
               3. บนสะพานหรือในระยะ 100 เมตร จากทางราบของเชิงสะพาน
               4. บริเวณทางร่วมทางแยก เว้นแต่จะมีเครื่องหมายจราจรอนุญาตให้กลับรถได้
               5. บริเวณที่มีเครื่องหมายห้ามกลับรถ

159. ถาม บริเวณใดห้ามแซง
        ตอบ 1. ห้ามแซงด้านซ้าย เว้นแต่รถที่ถูกแซงกำลังเลี้ยวขวาหรือให้สัญญาณจะเลี้ยวขวา ทางเดินรถนั้นได้จัดแบ่งเป็นช่องทางเดินรถในทิศทางเดียวกันตั้งแต่ 2 ช่องทางขึ้นไป
               2. ห้ามแซงเมื่อรถกำลังขึ้นทางชัน ขึ้นสะพาน หรืออยู่ใกล้ทางโค้ง เว้นแต่จะมีเครื่องหมายจราจรให้แซงได้
               3. ห้ามแซงภายในระยะ 30 เมตร ก่อนถึงทางข้าม ทางร่วมทางแยก วงเวียนหรือเกาะที่สร้างไว้ หรือทางเดินรถที่ตัดข้ามทางรถไฟ
               4. ห้ามแซงเมื่อมีหมอก ฝน ฝุ่น หรือควัน จะทำให้ไม่อาจเห็นทางข้างหน้าได้ ในระยะ 60 เมตร
               5. ห้ามแซงเมื่อเข้าที่คับขันหรือเขตปลอดภัย
               6. ห้ามแซงล้ำเข้าไปในช่องเดินรถประจำทาง
               7. ห้ามแซงในบริเวณที่มีเส้นแบ่งช่องการเดินรถเป็นเส้นทึบ

160. ถาม ห้ามผู้ขับขี่ขับรถในกรณีใด
        ตอบ 1. ในขณะหย่อนความสามารถในอันที่จะขับ เช่น ภายหลังจากรับประทานยาแก้ไข้หวัด ในขณะง่วงนอน
               2. ในขณะเมาสุราหรือของมึนเมาอย่างอื่น
               3. ในลักษณะกีดขวางการจราจร
               4. โดยประมาทหรือน่าหวาดเสียว อันอาจเกิดอันตรายแก่บุคคลหรือทรัพย์สิน
               5. ในลักษณะที่ผิดปกติวิสัยของการขับรถตามธรรมดาหรือไม่อาจแลเห็นทางด้านหน้าหรือด้านหลัง ด้านใดด้านหนึ่ง หรือทั้งสองด้านได้พอแก่ความปลอดภัย
               6. คร่อมหรือทับเส้นหรือแนวแบ่งช่องรถ เว้นแต่เมื่อต้องการเปลี่ยนช่องเดินรถ เลี้ยวรถ หรือกลับรถ
               7. บนทางเท้าโดยไม่มีเหตุอันสมควร เว้นแต่รถลากเข็นสำหรับทารก คนป่วย หรือคนพิการ
               8. โดยไม่คำนึงความปลอดภัยหรือความเดือดร้อนของผู้อื่น
               9. ในขณะที่เสพ หรือรับเข้าร่างกายไม่ว่าด้วยวิธีการใดๆ ซึ่งวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทกลุ่มแอมเฟตามีน หรือวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทอย่างอื่น (ยาบ้า)
              10. ขับรถโดยไม่มีใบอนุญาตขับรถ
              11. ขับรถบนไหล่ทาง เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานจราจร
              12. ใช้ไฟฉุกเฉินขณะขับรถตรงไปเพื่อผ่านทางร่วมทางแยก
              13. ขับรถแข่ง เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานจราจร

161. ถาม ในขณะที่ขับรถ ถ้าท่านเกิดอาการง่วงนอน ควรปฏิบัติอย่างไร
        ตอบ จอดรถและพักผ่อนก่อนออกเดินทางต่อไป

162. ถาม การขับรถในขณะที่ฝนตกและถนนลื่น ผู้ขับขี่ควรปฏิบัติอย่างไร
        ตอบ เปิดที่ปัดน้ำฝน ลดความเร็วของรถลง และขับรถด้วยความระมัดระวัง

163. ถาม ข้อห้ามของผู้ขับรถ
        ตอบ 1. ห้ามอนุญาตให้ผู้ที่ไม่มีใบอนุญาตขับรถ ขับรถยนต์ของตน
               2. ห้ามใช้แผ่นป้ายทะเบียนรถที่จัดทำขึ้นเอง
               3. ห้ามให้ผู้อื่นใช้ใบอนุญาตขับรถของตน
               4. ห้ามใช้รถที่ยังไม่ได้จดทะเบียน

164. ถาม เมื่อผู้ขับขี่ต้องการจะจอดรถจะต้องปฏิบัติอย่างไร
        ตอบ 1. ให้สัญญาณด้วยมือและแขน หรือสัญญาณไฟ (สัญญาณชะลอรถและยกเลี้ยว) ก่อนที่จะหยุดหรือจอดรถในระยะไม่น้อยกว่า 30 เมตร
                2. หยุดหรือจอดรถได้เมื่อเห็นว่าปลอดภัยและไม่กีดขวางการจราจร
                3. จอดรถทางด้านซ้ายของทางเดินรถ และขนานกับขอบทางหรือไหล่ทางไม่เกิน 25 เซ็นติเมตร (เว้นแต่เป็นทางเดินรถทางเดียวแและเจ้าพนักงานจราจรอนุญาตให้จอดรถในทางเดินรถด้านขวาได้)
                4. ห้ามจอดในช่องทางเดินรถประจำทางในเวลาที่กำหนดให้เป็นช่องทางเดินรถประจำทาง

165. ถาม บริเวณใดห้ามจอดรถ
        ตอบ 1. บนทางเท้า
               2. บนสะพานหรืออุโมงค์
               3. ในทางร่งมแยกหรือในระยะ 10 เมตรจากทางร่วมแยก
               4. ในทางข้ามหรือในระยะ 3 เมตรจากทางข้าม
               5. บริเวณที่มีเครื่องหมายห้ามจอดรถ
               6. ในระยะ 3 เมตรจากท่อน้ำดับเพลิง
               7. ในระยะ 10 เมตรจากที่ติดตั้งสัญญาณจราจร
               8. ในระยะ 15 เมตรจากทางรถไฟผ่าน
               9. จอดรถซ้อนกับรถคันอื่นที่จอดอยู่ก่อน (จอดรถซ้อนคัน)
             10. บริเวณปากทางเข้าออกอาคารหรือทางเดินรถ หรือในระยะ 5 เมตร จากปากทางเดินรถ
             11. ระหว่างเขตปลอดภัยกับขอบทางหรือในระยะ 10 เมตร นับจากปลายสุดของเขตปลอดภัยทั้ง 2 ข้าง
             12. ในที่คับขัน
             13. ในระยะ 15 เมตรก่อนถึงบริเวณที่ติดตั้งป้ายหยุดรถประจำทาง และเลยไปอีก 3 เมตร
             14. ในระยะ 3 เมตร จากตู้ไปรษณีย์
             15. ในลักษณะกีดขวางการจราจร
             16. จอดรถทางด้านขวาในกรณีที่เป็นทางเดินรถสวนทางกัน

166. ถาม การจอดรถในทางเดินรถที่เป็นทางลาด หรือชัน ผู้ขับขี่จะต้องปฏิบัติอย่างไร
        ตอบ จอดรถโดยหันล้อหน้าของรถเข้าขอบทาง

167. ถาม ผู้ขับขี่ซึ่งจอดรถในทางเดินรถ หรือไหล่ทางในเวลาที่มีแสงสว่างไม่เพียงพอที่ผู้ขับขี่อื่นสามารถเห็นรถที่จอดได้ชัดเจนไม่น้อยกว่าระยะ 150 เมตร ผู้ขับขี่ที่จอดรถจะต้องปฏิบัติอย่างไร
        ตอบ ผู้ขับขี่ที่จอดรถต้องเปิดไฟส่องสว่างโดยใช้โคมไฟเล็ก โคมไฟท้าย และโคมไฟส่องป้ายทะเบียนรถ

168. ถาม บริเวณใดห้ามผู้ขับขี่หยุดรถ
        ตอบ 1. ในช่องเดินรถ เว้นแจ่หยุดชิดขอบทางด้านซ้ายของทางเดินรถ ในกรณีที่ไม่มีช่องเดินรถประจำทาง
               2. บนทางเท้า
               3. บนสะพานหรือในอุโมงค์
               4. ในทางร่วมทางแยก
               5. ในเขตที่มีเครื่องหมายจราจรห้ามหยุดรถ
               6. ตรงปากทางเข้าออกของอาคารหรือทางเดินรถ
               7. ในเขตปลอดภัย
               8. ในลักษณะกีดขวางการจราจร

169. ถาม การให้สัญญาณด้วยมือและแขนของผู้ขับขี่ จะต้องปฏบัติอย่างไร
        ตอบ 1. เมื่อจะลดความเร็วของรถ ให้ผู้ขับขี่ยื่นแขนขวาตรงออกไปนอกรถเสมอระดับไหล่ และโบกมือขึ้นลงหลายครั้ง
                2. เมื่อจะหยุดรถ ให้ผู้ขับขี่ยื่นแขนขวาตรงออกไปนอกรถเสมอระดับไหล่ ยกแขนขวาท่อนล่างตั้งฉากกับแขนท่อนบน และตั้งฝ่ามือขึ้น
                3. เมื่อจะให้รถคันอื่นผ่านหรือแซงขึ้นหน้า ให้ผู้ขับขี่ยื่นแขนขวาตรงออกไปนอกรถเสมอระดับไหล่ และโบกมือไปข้างหน้าหลายครั้ง
                4. เมื่อจะเลี้ยวขวาหรือเปลี่ยนช่องเดินรถไปทางขวา ให้ผู้ขับขี่ยื่นแขนขวาตรงออกไปนอกรถเสมอระดับไหล่
                5. เมื่อจะเลี้ยวซ้ายหรือเปลี่ยนช่องเดินรถไปทางซ้าย ให้ผู้ขับขี่ยื่นแขนขวาตรงออกไปนอกรถเสมอระดับไหล่ และงอข้อมือชูขึ้นโบกไปทางซ้ายหลายครั้ง

170. ถาม ผู้ขับขี่จะต้องใช้ไฟแสงสว่าง (ไฟหน้าและไฟท้าย) เมื่อใด
        ตอบ ในเวลาที่มีแสงสว่างไม่เพียงพอที่จะมองเห็นคน รถ หรือสิ่งกีดขวางในทางได้โดยชัดแจ้งภายในระยะไม่น้อยกว่า 150 เมตร

171. ถาม การใช้เสียงสัญญาณของรถ ผู้ขับขี่ต้องใช้เสียงสัญญาณอย่างไร
        ตอบ ใช้เสียงแตรที่ได้ยินในระยะไม่น้อยกว่า 60 เมตร ห้ามใช้เสียงสัญญาณไซเรน เสียงสัญญาณที่เป็นเสียงนกหวีด เสียงที่แตกพร่า เสียงหลายเสียงหรือเสียงสัญญาณอย่างอื่น ตามที่อธิบดีกำหนด และให้ผู้ขับขี่ใช้เสียงสัญญาณได้เฉพาะเมื่อจำเป็น หรือป้องกันอุบัติเหตุเท่านั้น และห้ามใช้เสียงยาว หรือซ้ำเกินควรแก่ความจำเป็น

172. ถาม การบรรทุกของผู้ขับขี่ต้องปฏิบัติอย่างไร
        ตอบ 1. ความกว้าง   - ได้ไม่เกินส่วนกว้างของตัวรถ
                2. ความยาว    - ด้านหน้ายื่นไม่เกินหน้าหม้อรถ
                                    - ด้านหลังยื่นพ้นตัวรถไม่เกิน 2.50 เมตร
                3. ความสูง     - กรณีรถบรรทุกให้บรรทุกสูงจากพื้นทางได้ไม่เกิน 3.00 เมตร แต่ถ้ารถมีความกว้างของรถเกินกว่า 2.30 เมตร ให้บรรทุกสูงจากพื้นทางได้ไม่เกิน 3.80 เมตร
                4. ต้องจัดให้มีสิ้งป้องกันคน สัตว์ หรือสิ่งของที่บรรทุกตกหล่น รั่วไหล ส่งกลิ่น ส่องแสงสะท้อน หรือปลิวไปจากรถ อันอาจก่อให้เกิดเหตุเดือดร้อนรำคาญ ทำให้สกปรก เสื่อมเสียสุขภาพอนามัย หรือก่อให้เกิดอันตรายแก่ประชาชนหรือทรัพย์สิน

173. ถาม กรณีที่บรรทุกของยื่นเกินกว่าความยาวของตัวรถ ผู้ขับขี่ต้องปฏิบัติอย่างไร
        ตอบ 1. ในเวลากลางวันติดธงสีแดงรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ขนาดกว้าง 30 เซ็นติเมตร ยาว 45 เซ็นติเมตร
               2. ในเวลากลางคืน หรือในเวลาที่ไม่สามารถมองเห็นได้ในระยะ 150 เมตร ต้องติดไฟสัญญาณสีแดงที่มองเห็นได้ชัดเจนในระยะ 150 เมตร

174. ถาม เมื่อผู้ขับขี่พบรถฉุกเฉินจะต้องปฏิบัติอย่างไร
        ตอบ 1. หยุดรถ หรือจอดรถให้อยู่ชิดขอบทางด้านซ้าย แต่ถ้ามีช่องทางเดินรถประจำทางให้หยุดชิดกับช่องทางเดินรถประจำทาง แต่ห้ามหยุดหรือจอดรถในทางร่วมทางแยก
                2. ขับรถตามหลังรถฉุกเฉินได้ในระยไม่ต่ำกว่า 50 เมตร

175. ถาม ในกรณีที่เครื่องยนต์หรือเครื่องอุปกรณ์ของรถขัดข้อง (รถเสีย) ผู้ขับขี่จะต้องปฏิบัติอย่างไร
        ตอบ 1. นำรถให้พ้นจากทางเดินรถโดยเร็วที่สุด
                2. ถ้าจำเป็นต้องจอดในทางเดินรถจะต้องจอดรถในลักษณะที่ไม่กีดขวางการจราจร และแสดงเครื่องหมายดังนี้
                    2.1 ในเขตกรุงเทพมหานคร เมืองพัทยา หรือเขตเทศบาลให้ใช้สัญญาณไฟกระพริบสีเหลืองอำพัน สีแดง หรือสีขาว ที่ติดอยู่ด้านหน้าและท้ายรถทั้งด้านซ้ายอละด้านขวา (ไฟฉุกเฉิน) หรือติดตั้งป้าย ทั้งด้านหน้าและท้ายรถ
                    2.2  นอกเขตกรุงเทพมหานคร เมืองพัทยา หรือเขตเทศบาล ให้แสดงเครื่องหมาย ทั้งด้านหน้าและด้านท้ายรถ โดยห่างจากรถไม่ต่ำกว่า 50 เมตร และให้สัญญาณไฟกระพริบ (ไฟฉุกเฉิน) ในเวลาที่มองเห็นไม่ชัดเจน แสงสว่างไม่เพียงพอและจอดได้ไม่เกิน 24 ชั่วโมง

176. ถาม การลากจูงรถจะต้องปฏิบัติอย่างไร
        ตอบ 1. การลากจูงรถที่ไม่สามารถใช้พวงมาลัยหรือห้ามล้อได้ ให้ใช้วิธียกหน้าหรือท้ายรถที่ถูกลากจูง
                2. การลากจูงที่สามารถใช้พวงมาลัยหรือห้ามล้อได้ ให้ใช้วิธีตามข้อ 1 หรือใช้สายพ่วง ที่มีความยาวจากส่วนหน้าสุดของรถที่ถูกลากหรือจูง ไม่น้อยกว่า 3 เมตร แต่ไม่เกิน 5 เมตร
                3. ห้ามลากหรือจูงรถเกินกว่า 1 คัน

177. ถาม จากภาพรถคันใดมีสิทธิขับผ่านไปได้ก่อน


        ตอบ รถคัน ข. เนื่องจากขับรถอยู่ในทางเอก จึงมีสิทธิขับผ่านไปได้ก่อน รถคัน ก. ซึ่งขับอยู่ในทางโทต้องหยุดรถให้รถในทางเอกขับผ่านไปก่อน

178. ถาม จากภาพผู้ขับขี่รถคัน ง. ต้องการขับรถตรงไป จะต้องปฏิบัติอย่างไร


        ตอบ กรณีทางเอกตัดกัน รถคัน ง. ต้องหยุดรถและรอให้รถซึ่งอยู่ในทางด้านซ้ายของตน (คัน ก.) ขับผ่านไปก่อน เมื่อเห็นว่าปลอดภัยแล้ว จึงขับรถผ่านทางไปด้วยความระมัดระวัง

179. ถาม ผู้ขับขี่รถคัน ก. จะต้องปฏิบัติอย่างไร


        ตอบ หยุดรถให้รถในทางขวางข้างหน้าขับผ่านไปก่อน เนื่องจากผู้ขับรถคัน ก. ไม่สามารถขับผ่านพ้นจากทางร่วมทางแยกไปได้ แต่ถ้าบริเวณรถคัน ข. เป็นที่ว่างที่สามารถขับผ่านไปได้ รถคัน ก. มีสิทธิขับผ่านไแได้ก่อน เนื่องจากเป็นทางเอก ทางในทางขวางเป็นทางโท เนื่องจากมีเส้นหยุด (เส้นทึบ) ขวางถนนอยู่

180. ถาม ผู้ขับขี่รถคัน ก. ได้รับสัญญาณไฟเขียว จะต้องปฏิบัติอย่างไร


        ตอบ รอจนกว่ารถคันหน้าจะเคลื่อนตัวไปจนมีที่ว่างพอที่จะจอดต่อท้ายได้ถึงจะขับผ่านทางร่วมทางแยกไปได้

181. ถาม รถคันใดมีสิทธิใช้ทางได้ก่อน


        ตอบ รถคัน ข. เพราะกรณีทางแยกที่เป็นทางเอกตัดกัน ผู้ขับขี่ที่มาถึงพร้อมกัน ต้องยอมให้รถที่อยู่ทางด้านซ้ายของตนขับผ่านไปก่อน

182. ถาม รถคันใดมีสิทธิใช้ทางได้ก่อน


        ตอบ รถคัน ก. เนื่องจากอยู่ในทางเอก

183. ถาม ผู้ขับขี่รถคัน ก. ซึ่งอยู่ในทางโทจะต้องปฏิบัติอย่างไร


        ตอบ หยุดเพื่อให้รถคัน ข. และ ค. ขับตรงผ่านไปก่อน

184. ถาม ภาพดังกล่าวผู้ขับขี่รถคัน ก. หยุดรถได้ถูกต้องหรือไม่


        ตอบ ผิด เนื่องจากเขตดังกล่าวเป็นเขตห้ามหยุดและจะก่อให้เกิดการกีดขวางการจราจรแก่รถคันอื่น

185. ถาม จากภาพเครื่องหมายแบ่งช่องจราจรบนพื้นทางหมายถึง


        ตอบ ให้รถที่ขับในทางด้านซ้ายของภาพ ห้ามแซง ห้ามเลี้ยวรถผ่าน หรือคร่อมเส้นแบ่งช่องการจราจรโดยเด็ดขาด ส่วนรถที่ขับทางด้านขวาสามารถขับแซง ขับผ่าน เลี้ยวรถ ขับคร่อมเส้นแบ่งช่องการจราจรหรือขับผ่าน หรือทับเส้น กรณีเลี้ยวกลับรถ หรือแซงรถคันอื่นได้

186. ถาม รถคันใดมีสิทธิใช้ทางได้ก่อน


        ตอบ รถคัน ก. เป็นรถที่อยู่ในทางเอกมีสิทธิใช้ทางได้ก่อน เนื่องจากช่องทางของรถคัน ข. มีเส้นประขวางถนนอยู่ ซึ่งเส้นดังกล่าว หมายถึงเส้นให้ทาง ผู้ขับรถต้องหยุดรถให้รถในทางข้างหน้าขับผ่านไปก่อน

187. ถาม ผู้ขับขี่รถคันนี้ จะต้องปฏิบัติอย่างไร


        ตอบ เมื่อพบเครื่องหมายหยุด ผู้ขับขี่ต้องหยุดรถหลังเส้นให้หยุด และรอให้รถในทางข้างหน้าขับผ่านไปได้ ถ้าไม่มีรถในทางข้างหน้า ให้ขับผ่านไปได้ด้วยความระมัดระวัง

188. ถาม จากภาพผู้ขับขี่สามารถขับรถได้อย่างไร


        ตอบ แซงเข้าไปในทางเดินรถด้านขวาได้ เลี้ยวขวาได้ กลับรถได้

189. ถาม จากภาพผู้ขับขี่ขับรถถูกต้องหรือไม่


        ตอบ ถูก เพราะเครื่องหมายบนพื้นดังกล่าว ผู้ขับขี่ต้องขับรถชิดขอบทางด้านซ้ายของเครื่องหมายเท่านั้น ทางดังกล่าวสามารถขับรถสวนทางได้

190. ถาม จากภาพรถคันด้านซ้ายปฏิบัติถูกต้องหรือไม่


        ตอบ ผิด เพราะช่องทางดังกล่าว ผู้ขับขี่ต้องขับตรงไปเท่านั้น

191. ถาม จากภาพผู้ขับขี่ต้องปฏิบัติอย่างไร


        ตอบ ให้ผู้ขับขี่หยุดรถและรอให้รถในทางข้างหน้าขับผ่านไปก่อน

192. ถาม เมื่อผู้ขับขี่พบสัญญาณไฟแดง ต้องหยุดรถที่จุดใด


        ตอบ จุดหมายเลข 1 เนื่องจากระหว่างเส้นทึบเป็นทางข้ามของคนเดินข้าม หากหยุดรถที่จุดหมายเลข 2 จะเป็นการหยุดรถทับทางข้าม

193. ถาม จากภาพเป็นการเลี้ยวรถอย่างถูกต้องหรือไม่


        ตอบ ผิด เนื่องจากเป็นการเลี้ยวรถตัดหน้ารถทางตรง และไม่หยุดให้คนข้ามถนนไปก่อน

194. ถาม จากภาพเป็นการเลี้ยวรถอย่างถูกต้องหรือไม่


        ตอบ ถูก เพราะเข้าช่องทางเดินรถที่อนุญาตให้เลี้ยวได้อย่างถูกต้อง

195. ถาม จากภาพเป็นการเลี้ยวรถอย่างถูกต้องหรือไม่


        ตอบ ผิด เพราะเส้นแบ่งช่องการจราจรในภาพ ห้ามแซง ขับผ่าน หรือคร่อมโดยเด็ดขาด จึงห้ามเลี้ยวบริเวณดังกล่าว

196. ถาม ผู้ขับขี่รถคัน ก. จะเลี้ยวขวาต้องปฏิบัติอย่างไร


        ตอบ หยุดให้รถคัน ข. ขับผ่านไปก่อน แล้วจึงเลี้ยวรถผ่านไปได้ ส่วนรถคัน ค. อยู่ในทางโท ต้องหยุดให้รถคัน ก. และคัน ข. ขับผ่านไปก่อน

197. ถาม ถ้าท่านต้องการจะเลี้ยวขวาและเลี้ยวซ้ายเข้าถนนสาย X จะต้องขับรถในช่องทางใด


        ตอบ ช่องทางเดินรถที่ 1 เนื่องจากต้องเลี้ยวทางด้รถด้านานซ้ายของทางเดินรถ เมื่อเลี้ยวขวาแล้ว ส่วนช่องทางเดินรถที่ 2 ต้องชิดทางเดินขวา เมื่อเลี้ยวรถแล้ว เป็นการเข้าช่องทางเดินรถให้ถูกต้องเมื่อเลี้ยวรถ

198. ถาม กรณีทางเดินรถข้างหน้าเป็นทางเดินรถทางเดียว เมื่อเลี้ยวขวาแล้ว ผู้ขับขี่รถจะต้องขับรถในช่องทางใด


        ตอบ ช่องทางที่ 1

199. ถาม เมื่อผู้ขับขี่ต้องการจะเลี้ยวขวาเพื่อเข้าซอย ผู้ขับขี่จะต้องปฏิบัติอย่างไร


        ตอบ บริเวณกลางถนนมีเขตปลอดภัยหรือเกาะสมมุติ ผู้ขับขี่ไม่สามารถขับรถเข้าไปหรือขับผ่าน หรือคร่อมได้ ต้องไปกลับรถที่บริเวณช่องว่างก่อนแล้วค่อยเลี้ยวซ้ายเข้าซอยภายหลัง

200. ถาม ผู้ขับขี่ที่ต้องการจะเลี้ยวรถจะต้องปฏิบัติอย่างไร


        ตอบ ขับรถเลี้ยวผ่านไปได้แต่ต้องหยุดรอให้คนเดินข้ามทางม้าลายก่อน

201. ถาม จากภาพรถคันสีฟ้าด้านขวามือต้องการจะเลี้ยวซ้ายได้หรือไม่


        ตอบ ไม่ได้ เนื่องจากเป็นการเข้าช่องทางผิด ผู้ขับขี่ต้องขับรถในช่องซ้ายเท่านั้น

202. ถาม จากภาพเป็นการจอดรถที่ถูกต้องหรือไม่


        ตอบ ผิด เพราะจอดรถบริเวณป้ายหยุดรถประจำทาง ต้องจอดรถให้ห่างก่อนถึงป้ายหยุดรถประจำทาง 15 เมตร และเลยไป 3 เมตร

203. ถาม จากภาพเป็นการจอดรถที่ถูกต้องหรือไม่


        ตอบ ถูก เพราะเป็นการจอดรถในบริเวณที่จัดไว้ให้อย่างถูกต้อง

204. ถาม จากภาพเป็นการจอดรถที่ถูกต้องหรือไม่


        ตอบ ผิด เพราะจอดบริเวณทางร่วมทางแยก ต้องจอดห่างจากบริเวณทางร่วมทางแยก 10 เมตร

205. ถาม จากภาพเป็นการจอดรถที่ถูกต้องหรือไม่


        ตอบ ผิด เพราะต้องจอดรถห่งจากทางรถไฟอย่างน้อย 15 เมตร

206. ถาม จากภาพเป็นการจอดรถที่ถูกต้องหรือไม่


        ตอบ ผิด เพราะเป็นการจอดรถทางด้านขวาในทางเดินรถที่สวนทางกัน ซึ่งผู้ขับขี่ต้องจอดรถทางด้านซ้ายเท่านั้น

207. ถาม ภาพดังกล่าวเป็นการจอดรถที่ถูกต้องหรือไม่


        ตอบ ถูกต้อง เพราะจอดรถชิดทางด้านซ้ายของทางเดินรถโดยห่างไม่เกิน 25 เซ็นติเมตร

208. ถาม ภาพดังกล่าวแสดงการจอดรถอย่างถูกต้องหรือไม่


        ตอบ ผิด เพราะสีขาว-แดง ที่ขอบทางหมายถึงห้ามจอดรถหรือหยุดรถ

209. ถาม จากภาพเป็นการจอดรถที่ถูกต้องหรือไม่


        ตอบ ผิด เพราะผู้ขับขี่ต้องจอดรถห่างจากทางม้าลาย หรือทางข้ามในระยะไม่น้อยกว่า 3 เมตร

210. ถาม จากภาพแสดงการจอดรถที่ถูกต้องหรือไม่


        ตอบ ผิด เพราะสีขาว-เหลือง บริเวณขอบทางหมายถึงห้ามจอดรถ เว้นแต่หยุดรับส่งคน หรือสิ่งของชั่วขณะ

211. ถาม จากภาพแสดงการจอดรถที่ถูกต้องหรือไม่


        ตอบ ผิด เนื่องจากเป็นการจอดรถในบริเวณเขตปลอดภัย ซึ่งเป็นเขตห้ามจอดรถ

212. ถาม ภาพดังกล่าวผู้ขับขี่หยุดรถได้อย่างถูกต้องหรือไม่


        ตอบ ถูกต้อง เนื่องจากผู้ขับขี่ต้องระมัดระวังที่จะไม่ให้รถชนหรือโดนคนเดินเท้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบริเวณทางข้าม ผู้ขับขี่ต้องยอมให้คนเดินเท้าใช้ทางก่อน



213. ถาม ภาพดังกล่าวผู้ขับขี่หยุดรถได้อย่างถูกต้องหรือไม่


        ตอบ ผิด บริเวณดังกล่าว เป็นเขตห้ามหยุดรถทุกชนิด

กษัตริย์เกาหลี จักรพรรดิกวางสี จักรพรรดิปูยี
ตำนานอโดนิส โจนออฟอาร์ค มู่กุ้ยอิง
จักรพรรดิเนโร พระเจ้าเฮนรี่ที่ 8 อับราฮัม ลินคอล์น
พระเจ้าซุกจง มาตาฮารี เจ้าฟ้าหญิงบุญรอด
ตำนานธอร์ นิกิต้า ครุสชอฟ สงครามเกาหลี
กำแพงเมืองจีน อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ พระนางเลือดขาว
อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ สตีเฟน ฮอว์คิง ลีโอ ตอลสตอย
สตีฟ จ็อบส์ เจ้าพระยาวิชเยนทร์ พระนางมัสสุหรี
สัตว์มีพิษ ไวรัสอีโบลา เอเลี่ยนสปีชี่ส์
กำเนิดจักรวาล กำเนิดดวงอาทิตย์ ระบบสุริยะจักรวาล
ปริศนาของจักรวาล การเดินทางข้ามกาลเวลา สสารและปฏิสสาร
สิ่งมีชีวิตบนดาวอังคาร บิ๊กแบงคืออะไร สัตว์ใกล้สูญพันธุ์
สัตว์น้ำแปลก ปลาแองเกลอร์ สัตว์ดูดเลือด
อันดับงูสวยงาม อนาคอนด้า ตัวอ่อนปลาฉลาม
เห็ดมีพิษ ภัยของยาไอซ์ คลื่นยักษ์สึนามิ
กัญชาปลอดภัย ไวรัสอีโบลา ปรสิตที่น่ากลัว
สาเหตุสึนามิ ทำไมผมร่วง สงครามซีเรีย
ทำลายหลุมดำ โลกของเรา กระแสน้ำทะเล
วิธีทำลายเอกภพ กลไกวิวัฒนาการ ระบบภูมิคุ้มกัน
เล่าเรื่องผี เรื่องสยองขวัญ เรื่องผี
ฆาตกรโหด ฆาตกรต่อเนื่อง ฆาตกรโรคจิต
ผีนานาชาติ ผีปีศาจ พระธุดงค์เจอผี
โจนเบเน็ต คดีเพชรซาอุ เดวิด เบอร์โควิด
ซอว์นี่ บีน ฆาตกรโหดเมืองไทย อลิซาเบธ บาโธรี่
ฆาตกรฆ่าคนมากที่สุด คดีกักขังหน่วงเหนี่ยว คดีวิตถาร
คดีพิศวาสฆาตกรรม ฆาตกรเด็ก คดีฆ่าหั่นศพ
ยโศโฆษาฆาต แจ๊คเดอะริปเปอร์ ฆาตกรต่อเนื่องอินเดีย
เบลล์ กันเนส ยูนาบอมเบอร์ เอล ชาโป
ผีภาคเหนือ ผีภาคอีสาน ผีญี่ปุ่น
เมืองอาถรรพ์ เรื่องเล่าเดอะช็อค มนุษย์กินคน

บทความเมนูอาหาร บทความภัยอันตราย บทความสุขภาพ บทความวิทยาศาสตร์ บทความสยองขวัญ บทความชีวิตสัตว์ บทความประวัติศาสตร์ บทความจัดอันดับ สารบัญบทความ

Popular Posts