25 นักเตะดาวร้ายในตำนานเวิลด์คัพ
25. มาริโอ บาโลเตลลี่ (อิตาลี)โชว์ความเกรียนในบอลโลกคาบนี้ด้วยการกระโดดถีบสองเท้าใส่ คริสเตียนโรดิเกซ กองกลางอุรุกวัย ในรอบแบ่งกลุ่ม จนโดนใบเหลืองที่สองตะเพิดออกจากสนาม ส่งผลสะเทือนให้ทีมกระเด็นหลุดจากเส้นทางแค่รอบแรกเท่านั้น
พฤติกรรมของ ‘ซูเปอร์มาริโอ’ ไม่เคยเปลี่ยน ซึ่งความจริงมันควรเรียกว่าสันดานมากกว่า ก่อนจะทำให้ เซซาเร่ ปรันเดลลี่ อับอายชาวประชา ถึงขนาดลาออกจากเก้าอี้เทรนเนอร์ทันทีหลังจบทัวร์นาเมนต์
24. มาร์เชโล่ (บราซิล)
ถูกจัดให้อยู่ในโหมดจอมวายร้ายไปอีกสำหรับแบ็กซ้ายบราซิลรายนี้นอกจากฟอร์มจะมหาห่วยกลายเป็นบ่อนำมันของแซมบ้า จนต้องมีการปรับเปลี่ยนในตำแหน่งนี้แล้ว ยังโชว์ลีลามารยาพุ่งล้มอีกต่างหากทุกครั้งที่ได้บอลปรี่เข้าในเขตโทษมาร์เชโล่ จะพยายามโผเป็นนกร่อนทันที ทำเอาชาวบ้านต่างเอือมระอาไปตามๆ กัน เพราะถ้าเล่นดีแล้วมีตุกติกบ้างไม่เท่าไร แต่นี่มันเห่ยไปซะทุกอย่าง
23. ไนเจล เด ยองก์ (ฮอลแลนด์)
ไม่มีใครลืมท่าโดดถีบยอดอกของแข้งดัตช์เลือดเดือดรายนี้ในนัดชิงบอลโลกเมื่อ 4 ปีก่อนแน่ เหยื่อคือ ชาบี อลอนโซ่ มิดฟิลด์สเปนที่โดนเข้าไปเต็มๆ จนตัวแอ่นลอยร่วงไปกองกับพื้น แต่ ฮาวเวิร์ด เว็บบ์ เชิ้ตดำอังกฤษกลับแจกแค่ใบเหลืองเท่านั้น แม้ เด ยองก์ จะโดนไล่ออกในภายหลัง แต่ว่ากันว่าเขาควรโดนลงโทษจากรณีอย่างนี้สัก 3 ใบแดงด้วยซำ
22. ครอบครัวซง (แคเมอรูน)
ทั้ง ริโกแบร์ และ อเล็กซ์ ซง ไม่น่าจะมาข้องเกี่ยวกับเรื่องอย่างนี้ แต่เมื่อย้อนปูมหลังดูกัน ริโกแบร์ ที่มีศักดิ์เป็นลุงโดนไล่ออกในบอลโลกถึง 2 สมัยคือ 1994 และ 1998 ในขณะที่หลานนั้นเกิดขึ้นครั้งล่าสุดนั่นเองศอกที่ไปตีใส่ มาริโอ มานด์ซูคิช ทำให้เขาโดนไล่ออกทันทีไม่มีข้อโต้แย้ง ซึ่งคงไม่น่าจะเป็นที่จดจำนักของวงตระกูลซง
21. คริสเตียโน่ โรนัลโด้ (โปรตุเกส)
เรื่องนี้เกิดขึ้นในบอลโลก 2006 อังกฤษดวลกับโปรตุเกสรอบน็อกเอาต์ นาทีที่ 62 ขณะที่ เวย์น รูนี่ย์ โดน ริคาร์โด้ คาร์วัลโญ่ กองหลังฝอยทองตามพัวพัน ก่อนจะเบียดกันล้มแล้วแถมยำไปที่กล่องดวงใจหนึ่งป้าบเข้าให้นั้นฉับพลัน โรนัลโด้ ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมทีมผีแดงของ รูนี่ย์ ก็บึ่งเข้ามาหาผู้ตัดสินทันที ฟ้องโวยวายใหญ่โต ก่อนเจ้าหมูอ้วนจะโดนใบแดงไล่ออก แต่ชอตเด็ดอยู่ที่การหันมาขยิบตาของเจ็ตโด้ที่กล้องจับได้ชัดเจน
20. สลาเวน บิลิช (โครเอเชีย)
รอบตัดเชือกปี 1998 ระหว่างที่ฝรั่งเศสกลับมาแซงนำโครเอเชีย 2-1 นั้น พวกเขายังได้ฟรีคิกตรงริมกรอบเขตโทษด้านซ้าย ก่อน ซีเนดีน ซีดาน บรรจงเปิดไปจากนั้น สลาเวน บิลิช กองหลังโครแอตที่ประกอบ โลร็องต์ บล็องก์ อยู่ก็ล้มลงเอามือกุมหน้า ผลคือ บล็องก์ โดนใบแดง จากภาพช้าเห็นว่าเขาโดนดึงก่อนเอามือผลัก บิลิช เบาๆ เท่านั้น ซึ่งผู้ตัดสินไม่ทันการแสดงของ บิลิช ที่เนียนมากๆ แต่สุดท้ายตราไก่ก็เข้าไปชิงและคว้าแชมป์ในที่สุด
19. ดีเอโก้ ซิเมโอเน่ (อาร์เจนตินา)
บอลโลกปี 1998 ในรอบสอง จังหวะที่ เดวิด เบ็คแฮมโดนกระแทกล้มลงแล้วเอาขาไปขวาง ดีเอโก้ ซิเมโอเน่ ซึ่งเป็นคนทำฟาวล์ เหมือนเป็นการเอาคืน แต่ไม่ได้เจ็บอะไรนัก จากนั้นกองกลางอาร์เจนไตน์ ซึ่งปัจจุบันเป็นกุนซือที่พาแอต.มาดริดยิ่งใหญ่ก็ฟ้องผู้ตัดสินทันทีสุดท้ายหนุ่มเบ็คส์โดนไล่ออก ทั้งที่ไม่มีอะไรร้ายแรงเพียงแต่เก๋าไม่พอเท่านั้นเอง
18. โดโบรเมียร์ เซเชฟ (บัลแกเรีย)
ปี 1966 ในรอบแบ่งกลุ่มบราซิลเหนือกว่าบัลแกเรียหลายขุม ก่อนจะคว้าชัยไป 2-0 ตามคาด อย่างไรก็ตามพวกเขาต้องสังเวย เปเล่ ดาวดังในเวลานั้น เมื่อโดน เซเชฟ เล่นงานซะจนอ่วมบาดเจ็บเล่นในรอบสองไม่ได้และชวดแชมป์อย่างน่าเสียดาย
17. เจอร์เก้น คลิ้นส์มันน์ (เยอรมันตะวันตก)
เกมชิงดำปี 1990 ระหว่างอาร์เจนตินากับเยอรมันนั้น ดุเดือดอย่างมาก แต่เป็นอินทรีเหล็กที่เหนือกว่าโหมลุยหนักคลิ้นซี่ กระชากบอลมาจากทางด้านขวาก่อนจะแตะอ้อม เปโดร มอนซอนกองหลังฟ้าขาว แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดคือจู่ๆ พี่หลามก็ดีดตัวเหินฟ้าลงไปนอนกองกับพื้น ทั้งที่ มอนซอน แทบไม่ได้โดนตัวอะไรนักแต่โดนใบแดงไป ส่งให้เยอรมันครองแชมป์ตามระเบียบ
16. อันโตนิโอ รัตติน (อาร์เจนตินา)
จัดเป็นจอมยั่วยุ ไซโคอย่างแท้จริงสำหรับ รัตติน เกมที่อาร์เจนตินาดวลดับอังกฤษในปี 1960 จึงเต็มไปด้วยความระอุยิ่งนัก มีการกระทบกระทั่ง เกมต้องหยุดตลอดเวลา ซึ่งคนที่ป่วนคือ รัตติน นี่แหละหลังจบเกมผู้เล่นทั้งสองแทบไม่จับมือหรือแลกเสื้อกันเพราะมันเดือดเกินกว่าจะรับได้ ก่อนสิงโตคำรามคว้าชัยไป
15. เธียร์รี่ อองรี (ฝรั่งเศส)
หลายคนยังจำได้รอบเพลย์ออฟโซนยุโรปที่ฝรั่งเศสดวลกับไอร์แลนด์ชิงตั๋วไปเล่นบอลโลก 2010 ปรากฏว่าเสมอกันอยู่ 1-1 ในสกอร์รวม 2 นัด และช่วงท้ายตราไก่ได้ฟรีคิก บอลยาวเปิดมาในเขตโทษ นอกจาก อองรี จะยืนลำหน้าแล้วเขายังใช้มือช่วยปัดหนึ่งจังหวะอย่างรวดเร็ว ก่อนเปิดให้ วิลเลี่ยม กัลลาส โขกเผาขนเข้าไป พาทีมเข้ารอบแบบท่ามกลางเสียงก่นด่าสารพัด
14. เคลาดิโอ เจนติเล่ (อิตาลี)
เบื้องหลังที่ทำให้อิตาลีพลิกคว้าแชมป์โลกในปี 1982 คือ เจนติเล่ ขาโหดรายนี้แหละ ที่พี่เค้าไล่หวดดะสตาร์ดังทุกคนที่ต้องเผชิญหน้ากัน ตั้งแต่ ดีเอโก้ มาราโดน่า ในวัยขบเผาะ, ซิโก้ ดาวเด่นแซมบ้า และ คาร์ลไฮนซ์ รุมเมนิกเก้ หอกเบียร์ทำเอาทุกคนน่วมจนโชว์ฟอร์มไม่ออก ได้บอลทีไรเห็นเงา เจนติเล่ ต้องโดดเหยงทันที
13. นิโกล่าส์ อเนลก้า (ฝรั่งเศส)
แคมป์ตราไก่ปั่นป่วนอย่างมากในปี 2010 โดยเฉพาะนิโก้ อเนลก้า ที่ออกมาวิจารณ์แท็กติกของ เรย์มงด์โดเมอเน็ค กุนซือในเวลานั้นอย่างสาดเสียเทเสีย ก่อนจะโดนไล่กลับบ้านทันทีและแน่นอนปัญหาภายในทีมส่งผลให้ฝรั่งเศสตกตำอย่างมากแทบจะกู่ไม่กลับกันเลยทีเดียว
12. ปาทริช เอวร่า (ฝรั่งเศส)
ถ้า อเนลก้า เป็นวายร้ายในเวลานั้น ปาทริช เอวร่า ที่ได้รับตำแหน่งกัปตันทีมฝรั่งเศสก็ไม่ต่างกันนัก เขากลายเป็นจอมป่วนทีมอีกคน มีปัญหากับทั้งโดเมอเน็ค เข้าไปโต้เถียงอย่างไม่เกรงบารมี ไหนจะงัดข้อกับเพื่อนร่วมทีมอีกกลุ่ม จนมองหน้ากันไม่ติด ซึ่งเป็นวิกฤติของสโมสรในเวลานั้นอย่างยิ่ง
11. เปเป้ (โปรตุเกส)
อื้อฉาวในเวิลด์ คัพครั้งนี้แหละ เกมจั่วหัวของโปรตุเกสกับเยอรมัน ในขณะที่อินทรีเหล็กซึ่งเด็ดขาดกว่า ออกนำไปก่อน 2-0 เปเป้ พะยี่ห้อไอ้คลั่งชื่อดังก็จัดการเอาหัวไปโขก โธมัส มุลเลอร์ อย่างน่าเกลียด เพราะหาว่าสำออย ก่อนจะโดนอัปเปหิออกจากสนามไปตามระเบียบก่อนฝอยทองแพ้ยับหมดสภาพ
10. ริวัลโด้ (บราซิล)
เกมนัดแรกของรอบแบ่งกลุ่มเมื่อปี 2002 กับตุรกี ในขณะที่ ริวัลโด้ แนวรุกตัวดังของบราซิลกำลังจะเตะมุม จู่ๆ เขาก็ร่วงลงไปกองกับพื้น พร้อมกับเอามือกุมหน้า ประหนึ่งว่าโดนบอลอัดเข้าเต็มแรง ทั้งๆ ที่คู่แข่งเตะบอลไปโดนเข่าเท่านั้น แต่นั่นก็เพียงพอให้กรรมการบ้าจี้ควักใบแดงไล่ ฮาคาน อุนซาล ออกนอกสนาม ถึงอย่างนั้นโลกก็ยังมีความยุติธรรมเมื่อริวัลโด้ถูกฟีฟ่าปรับเงินไป 5,000 ปอนด์ ให้หายบ้าไปในภายหลัง
9. รอย คีน (ไอร์แลนด์)
ก่อนฟุตบอลโลก 2002 จะเปิดฉาก ทัพไอริชภายใต้การกุมบังเหียน มิค แม็คคาธี่ย์ ยกพลไปเก็บตัวเตรียมพร้อมแต่แล้วก็เกิดเรื่องวุ่นวายเมื่อ รอย คีน กัปตันทีม ออกมาสับแหลกระบบการทำทีมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นสถานที่เก็บตัวหรือแม้กระทั่งเกมอุ่นเครื่อง จนทางสหพันธ์ทนไม่ไหวต้องตะเพิดกลับบ้านก่อนที่ทัวร์นาเมนต์จะเริ่มขึ้น
8. เจา โมราอิส (โปรตุเกส)
หลังจากที่โดน เซเชฟ เตะอ่วมมาในนัดแรก ทำให้ เปเล่ต้องพลาดการเล่นเกมที่สอง อย่างไรก็ตามเขากลับมาโชว์ฟอร์มใหม่ได้ในนัดต่อมาเมื่อมีคิวดวลกับโปรตุเกสและจะเป็นการวัดความเจ๋งกับ ยูเซบิโอ อย่างไรก็ตามเกือบตลอดทั้งเกม โมราอิส กองหลังจอมโหดฝอยทองไล่เตะไล่อัดตลอดจนต้องเขยกออกจากสนามนับครั้งไม่ถ้วน ถ้าเป็นสมัยนี้โดนไล่ไปนานแล้วพี่น้องเอ๋ย
7. ซีเนดีน ซีดาน (ฝรั่งเศส)
หลายคนน่าจะจำได้แม่นเกมนัดชิงปี 2006 ระหว่างที่อิตาลีเสมอกับฝรั่งเศส 1-1 และต้องมายื้อกันในช่วงต่อเวลาพิเศษ ขณะที่เหลืออีก 10 นาทีจะหมดเวลาซีดาน ก็เอาหัวไข่ดาวกระแทกไปที่ยอดอก มาร์โก มาร์เตรัซซี่ เต็มรักจนลงไปนอนดิ้นพล่านกับพื้นก่อนเพลย์เมกเกอร์ตราไก่จะโดนไล่ตามระเบียบและแพ้ในการยิงจุดโทษแห้วแชมป์ไป
6. มาร์โก มาเตรัซซี่ (อิตาลี)
ไหนๆ แล้วก็อย่าให้แพ้กันเลย กองหลังเลี่ยนรายนี้ก็ใช่ย่อย ลองนึกดูแล้วกันจู่ๆ คนนิ่งขรึมอย่าง ซีดาน จะเอาหัวมาโขก มาเตรัซซี่ ทำไม ภายหลังมีการเปิดเผยว่าแข้งบ้าบิ่นรายนี้ไปต่อว่าด่าทอดาว เตะตราไก่แบบเสียหายไปถึงแม่บังเกิดเกล้า จนต้องตั้งศาลเตี้ยโขกใส่ในที่สุดนั่นแหล
5. เยอรมันตะวันตก ปี 1982
ในรอบแบ่งกลุ่มนัดสุดท้ายเยอรมันตะวันตกเจอกับออสเตรีย หากว่าอินทรีเหล็กชนะ 1-0 ก็จะกอดคอกันเข้ารอบทันที ปล่อยให้แอลจีเรียที่ลุ้นอีกทีล่องจุ๊นไป นอกจากมีความสัมพันธ์ที่แนบแน่นเก่าก่อนแล้ว สองชาตินี้ยังมีหลายอย่างคล้ายกันและเมื่อ ฮอร์สท์ ฮรูแบร์ช ซัลโวเต็มเหนี่ยวให้เยอรมันนำ 1-0 เกมก็ผ่อนคลายทันที สองทีมเล่นกันแบบเรื่อยๆ ไม่เร่งเหมือนล็อกผล ก่อนสมใจกันไป ซึ่งเยอรมันตะวันตกโดนด่าเละเทะ
4. ฮาราล์ด ชูมัคเกอร์ (เยอรมันตะวันตก)
รอบตัดเชือกระหว่างเยอรมันกับฝรั่งเศสในปี 1982 จังหวะที่ พาทริค บาสติสตอง กองหน้าตราไก่วิ่งกวดหาบอลนั้น ชูมัคเกอร์ นายด่านอินทรีเหล็กบึ่งสวนมาหาบอลพร้อมกับยกเข่ากระแทกเข้าที่หน้า บาสติสตอง เต็มๆจนถึงขั้นต้องหามออกเล่นต่อไปไม่ไหว จากภาพช้าเห็นว่าไอ้ชูฟาวล์ชัดเจน แต่แม้จะผิดเต็มๆ ก็ไม่มีคำขอโทษจากปากปีศาจร้ายเลยสักนิด
3. แฟร้งค์ ไรจ์การ์ด (ฮอลแลนด์)
ยามที่เยอรมันดวลกับฮอลแลนด์ทีไรต้องได้เรื่องตลอดบอลโลกปี 1990 ก็เช่นเดียวกัน เกมนั้นเดือดอย่างมากปะทะกันหนักตลอดและเมื่อ ไรจ์การ์ด พุ่งเข้าเสียบ รูดี้ โฟลเลอร์ก่อนจะโดนใบเหลืองไปตามระเบียบ แต่กองหลังดัตช์ไม่พอใจวิ่ง ตามไปแอบถ่มนำลายใส่กองหน้าอินทรีเหล็ก ถือเป็นพฤติกรรมที่แย่มากๆ ก่อนไอ้เป็ดน้อยจะเอาคืนและโดนไล่ออกไปซะ
2. ดีเอโก้ มาราโดน่า (อาร์เจนตินา)
เด็กรุ่นหลังยังจำได้ในรอบ 8 ทีมสุดท้ายระหว่างอังกฤษกับอาร์เจนตินาปี 1986 นั้นเกิดเหตุการณ์หลายอย่าง นอกจากจังหวะลากโซโล่ของ ดีเอโก้ มาราโดน่า กัปตันทีมโชว์เลี้ยงหลบ 5 คนก่อนเข้าไปยิงอย่างเหนือชั้น ยังมีการใช้มือปัดบอลเข้าไป ก่อนจะอ้างว่าเป็น “หัตถ์พระเจ้า” ในภายหลัง ส่งให้อาร์เจนตินาชนะ 2-1 และสู่แชมป์โลกในที่สุด
1. หลุยส์ ซัวเรซ (อุรุกวัย)
จอมฉาวแห่งยุคของจริง นอกจากล่าสุดที่กัดแขน จอร์โจ้คิเอลลินี่ จนโดนลงโทษหนักแล้ว ย้อนกลับไปปี 2010 เกมรอบ8 ทีมสุดท้ายกับกานาเขาก็สร้างเรื่องฉาวเช่นเดียวกันในระหว่างต่อเวลาพิเศษเพื่อหาทีมเข้ารอบตัดเชือกนั้น กานากำลังจะได้ประตูแล้วแต่ ซัวเรซ ใช้มือปัดออกมา เขายอมที่จะโดนใบแดงไล่ออก ก่อนที่ทีมจะเสียจุดโทษแล้ว กียาน อซาโมอาห์ ยิงพลาด สุดท้ายเลยอดสร้างประวัติศาสตร์ทีมแรกจากแอฟริกาที่เข้ารอบรอง ด้วยความไร้สปิริตของพี่จอบ