เล่าเรื่องสยองขวัญ บ้านเก่า
เรื่องราวและเหตุการณ์ทั้งหมดนั้น ต้องย้อนกลับไปเมื่อกว่า 20 ปีที่แล้ว ปัจจุบันก้องอายุ 27 ปี
ในตอนที่เกิดเหตุนั้น ก้องยังอายุไม่ถึง 10 ขวบ ตอนนั้นอาศัยอยู่ในบ้านทาวน์เฮ้าส์หลังเล็ก ๆ ย่านสลัมในตัวจังหวัดจังหวัดหนึ่งทางภาคตะวันออก
บริเวณแถวบ้าน ก็จะมีเด็กรุ่นราวคราวเดียวกันอยู่มากมาย โดยที่บ้านติดกันนั้น ก็มีเด็ก ๆ อยู่ 2 คนพี่น้อง สมมติว่าชื่อเอและบี อายุเท่ากับกับก้อง บ้านของเอและบีนั้น อยู่ทางด้านซ้ายมือของบ้านของก้อง ครอบครัวของเอและบีนั้นมาเช่าบ้านหลังนี้อยู่ ครอบครัวนี้ประกอบอาชีพรับจ้างทั่วไป โดยที่แม่ของเอและบีจะรับซักรีด ส่วนยายก็จะขายผักสดที่ตลาดแถวนั้น พ่อของเอเป็นอัมพาตอยู่ในบ้าน ส่วนก้องและน้องชาย รวมไปถึงเอและบีนั้น ก็เป็นเพื่อนเล่นกันอยู่ทุกวันเป็นประจำตามประสาเด็กผู้ชาย
ขออธิบายลักษณะของทาวน์เฮ้าส์สมัยนั้น พอเข้าไปในบ้านก็จะมีที่จอดรถได้หนึ่งคันอยู่หน้าบ้าน พอเดินเข้าไปต่อ ก็จะเป็นโถงกว้าง ๆ มีบันไดอยู่ทางซ้ายมือ และก็ห้องน้ำห้องเดียวของบ้านจะอยู่บริเวณใต้บันได ส่วนชั้น 2 นั้น ก็จะแบ่งเป็น 2 ห้อง ทางฝั่งหน้าบ้าน 1 ห้อง ฝั่งหลังบ้านอีก 1 ห้อง ตัวก้องและน้องชายนั้น อาศัยห้องที่อยู่ด้านหลังนี้ล่ะเป็นห้องนอน สมัยนั้นขโมยเยอะมาก บ้านของก้องเองก็ต้องระวัง เนื่องจากพ่อนั้นทำงานกลับบ้านดึก โดยประตูห้องจะมีกลอนตัวใหญ่ ๆ สีดำ คล้องด้วยแม่กุญจากในห้องได้อยู่ทั้งห้องของพ่อแม่ รวมไปถึงห้องของก้อง
ทุกคืนเวลาประมาณสัก 4 – 5 ทุ่ม ก้องมักจะได้ยินเสียงปิดประตูห้องชั้น 2 แบบดังสนั่น โดยเสียงปิดประตูนั้นไม่ได้ดังมาจากห้องของพ่อแม่ของก้อง ก็ต้องเป็นข้างบ้าน ตอนแรกก็คิดว่าเป็นบ้านของเอและบี ซึ่งอยู่ติดกับบ้านของก้องทางด้านซ้าย แต่ว่าทางด้านขวา คนที่เช่าบ้านอยู่อีกหลังหนึ่งเป็นสามีภรรยาคู่หนึ่ง ตัวสามีนั้นก็มักจะชอบนั่งดื่มเหล้า เมาอยู่เป็นประจำบริเวณหน้าบ้านตัวเอง ซึ่งก้องและเด็กแถวนั้นก็เห็นอยู่แล้ว ตอนนั้นจึงสรุปได้ว่าน่าจะเป็นลุงข้างบ้านอีกหลังหนึ่งนี่ล่ะ ที่เมาแล้วมักชอบปิดประตูเสียงดัง
วันเวลาก็ผ่านไป ก้องได้ยินเสียงปิดประตูดังสนั่นแบบนี้ทุกคืน ทุกคืนจริง ๆ จนกระทั่งวันหนึ่ง 2 สามีภรรยาบ้านนี้ก็ย้ายออกไป กลับต่างจังหวัดไปแล้ว พอก้องรู้ก็แอบดีใจ เนื่องจากบ้านทาวน์เฮ้าส์กำแพงมันติดกัน เสียงดังสนั่นทุกคืน และส่วนใหญ่เวลาก้องได้ยิน ก็มักจะสะดุ้งตื่นแทบทุกครั้ง บางคืน 2 - 3 ติดกันด้วยซ้ำ คืนนั้นก็คิดว่าเสียงปิดประตูดัง ๆ นั้น คงไม่ได้ยินอีกแล้ว แต่ทว่ามันก็ยังคงดังอยู่ ก้องคิดในใจไม่ผิดแน่แล้ว ต้องเป็นเจ้าเอ เจ้าบี แน่นอน พรุ่งนี้หลังเลิกเรียนเดี๋ยวเจอกันแน่
เช้าวันต่อมา หลังจากที่เลิกเรียนแล้ว ก้องก็รีบกลับไปที่บ้านเปลี่ยนชุด เตรียมพร้อมเดินไปที่บ้านของเอและบี แล้วก็ตวาดอย่างหงุดหงิดว่า เฮ้ยตกกลางคืนพวกมึงเล่นอะไรกันเนี่ย ปิดประตูดังทุกคืน ห้องข้างหลังน่ะสนั่นเลย ไอ้ตอนแรกก็นึกว่าเป็นบ้านอีกข้างหนึ่ง บ้านลุงขี้เมาน่ะ แต่ว่านี่เขาย้ายไปแล้ว ก็ต้องเป็นพวกเองแน่ ๆ
เอได้ยินแบบนั้นก็ตกใจ หน้าถอดสีนิด ๆ ก้องเองก็เข้าใจว่าที่เอหน้าถอดสี เนื่องจากโดนเพื่อนหงุดหงิดนั่นเอง เอตอบกลับมาว่าก้องบ้านเราไม่มีใครขึ้นชั้นบนเลยนะ พ่อเราเป็นอัมพาตนอนอยู่ชั้นล่าง เรากับแม่ก็ต้องนอนกันอยู่ด้านล่างดูแลพ่อ ยายนอนหน้าบ้านเลย เนื่องจากแกขี้ร้อน อีกอย่างข้างบนน่ะ เอหยุดพูดไป แล้วก็บอกต่อว่าเอางี้ เดี๋ยวพาขึ้นไปดูเลยดีกว่า
เอก็เดินไปหยิบไฟฉายบนทีวี แล้วก็เดินนำก้องไปขึ้นบันไดไป ซึ่งชั้นบนระหว่าง 2 ห้องนั้น เป็นโถงกลางค่อนข้างจะมืด ไฟเสีย เนื่องจากเปิดไม่ติด ห้องด้านหน้าของบ้านนั้นไม่มีประตู แสงก็พอมีสาดจากด้านนอกนิดหน่อย แต่ก็ยังคงมืดอยู่ เอส่งก้องที่ขั้นบนสุดของบันได แล้วก็ยื่นไฟฉายใส่มือของก้อง ตามด้วยพูดว่าเดินไปดูเองสิ
ก้องคิดในใจว่าถ้าเกิดให้บีแกล้งหลอกผีนะ จะฟาดด้วยไฟฉายเลย ก้องก็เลยเปิดไฟฉายเดินส่องไป แล้วก็ต้องผงาดก่อนที่จะถึงประตูห้องของทางด้านหลังบ้านนั้นประมาณสักเมตร 2 เมตร ก้องมองเห็นกลอนลูกบิดประตูนั้นมีสนิมขึ้นเขรอะ แบบว่ายังไงก็ไม่น่าจะเปิดปิดได้ แถมยังมีกลอนตัวใหญ่คล้องแม่กุญแจตัวยักษ์อีกด้วย รวมไปถึงมีโซ่คล้องไปคล้องมา แล้วก็แม่กุญแจตัวใหญ่อีกหนึ่งตัว ที่สำคัญมีทั้งฝุ่น ทั้งใยแมงมุม รวมไปถึงสนิม แล้วก็ร่องรอยที่บ่งบอกว่ามีไม่มีใครมาแตะนานมาแล้ว ก้องจึงนิ่งอยู่จังหวะหนึ่ง แล้วก็คิดว่าไม่ใช่ล่ะ มันแปลก ๆ และในช่วงจังหวะที่ก้องกำลังหันหลังกลับไปหาเอ ซึ่งเอก็ยืนมองอยู่ห่าง ๆ ก้องรู้สึกได้จริง ๆ ว่าได้ยินเสียงคนตบประตูอย่างแรงมาจากอีกฝั่งของประตูที่ปิดตาย เท่านั้นเองก้องจึงวิ่งตาลาก เอเห็นก้องวิ่งก่อน เอจึงวิ่งนำหน้าไปเลย แล้วก็ถามทีหลังว่าก้องเห็นอะไร วิ่งทำไม ก้องก็บอกว่าได้ยินเสียงคนตบประตูมาจากอีกฝั่งหนึ่ง แต่ว่าเอนั้นไม่ได้ยิน
เรื่องในตอนนี้ก็ผ่านพ้นไป ก้องพยายามไม่คิดถึงอีก แต่ก็ยังคงได้ยินเสียงปิดประตูทุกคืน แล้วก็จำได้ว่าวันนั้นที่หนักจริง ๆ เป็นวันที่หยุดเรียน สมัยนั้นเกือบ 20 ปีก่อน เด็กอายุไม่ถึง 10 ขวบ ถือว่ายังเด็กนะครับ ตอนนั้นก้องก็แก้ผ้าอาบน้ำอยู่หลังบ้าน ซึ่งแน่นอนว่าหลังบ้านของก้องกับเอนั้นติดกัน บริเวณหลังบ้านนั้นจะมีโอ่งเรียงกันอยู่ยาวเลย รวมไปถึงราวตากผ้า ส่วนบ้านของเอจะมีถังน้ำพลาสติกขนาดใหญ่สีดำ ไซส์แบบสูงเมตรครึ่งได้ ใหญ่ขนาดจุดผู้ใหญ่ลงไปได้มากกว่า 3 คน วางยกระดับขึ้น แล้วก็ต่อก๊อกเพื่อเอาไว้สำหรับการรับซักรีด ซึ่งไอ้ถังเนี้ยเจ้าปัญหา พอเอได้ยินเสียงอาบน้ำมาจากบ้านของก้อง เอก็ชอบปืนถังขึ้นมาแอบดู ล้อเลียนด้วยความสะใจแบบประสาเด็ก ๆ
วันนี้ก็เช่นกัน เอปืนถังมาดูแบบเดิม แต่ว่าก้องนั้นโมโหมาก จึงตะโกนโวยวายไปด้วยความโกรธ พร้อมกันนั้นก็ยังเขวี้ยงขันอย่างเต็มแรงและก็แม่นยำเสียด้วย โดนหน้าผากของเอแบบเต็ม ๆ ขันนั้นก็กระเด็นขึ้นไปค้างอยู่ตรงระแนงบริเวณหน้าตางของห้องชั้น 2 ของบ้านเอนั่นเอง ซึ่งดูแล้วเข้าใจได้ว่าโครงสร้างนี้ เอาไว้วางคอมเพรสเซอร์แอร์แอร์นั่นเอง เอนั้นเห็นกิริยาทุกอย่าง ก็เลยเจ็บปนขำ ก้องก็โวยวายด่าเอ พร้อมกันก็สั่งให้เอนั้นปืนขึ้นไปเก็บขันให้ด้วย เอก็ยอมขึ้นไปเก็บให้โดยดี
พอปืนขึ้นไปหยิบขันได้ ก็โยนขันนั้นลงมาที่ก้อง จังหวะที่เอกำลังจะลงมานั้นเอง เหมือนกับว่าเอชะงักกับอะไรสักอย่าง จังหวะที่หยุดแล้วก็หันไปที่หน้าต่างของห้องนอนชั้น 2 ด้านหลังที่ล็อกอยู่ ซึ่งจะมีช่องที่กระจกแตกเล็ก ๆ เอเกาะมองอยู่ประมาณสัก 3 – 4 วินาที จากที่เอนั่งยอง ๆ หันหน้าไปทางหน้าต่าง เอกลับเอ็นหลังตกจากชั้น 2 ลงมาแบบคนไร้สติ แต่ว่าเคราะห์ดีที่ตกลงไปในถังน้ำใหญ่ เอจึงไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร ลำบากถึงก้องที่ต้องลงไปกู้เอขึ้นมาจากถังน้ำ ซึ่งวันนั้นเออยู่บ้านคนเดียวสักด้วย ส่วนคนอื่น ๆ นั้นพาพ่อไปหาหมอที่โรงพยาบาล
ก้องจึงถามกับเอว่าเล่นอะไรแผลง ๆ ตายได้เลยนะ แต่ว่าเอเล่าในสิ่งที่เห็นให้กับก้องได้ฟังว่า จังหวะที่ปืนขึ้นไปหยิบขันและโยนลงมาได้ กำลังจะปืนกลับนั้น เอได้ยินเสียงดังตุ๊บ ตุ๊บ ตุ๊บ ตุ๊บ รัว ๆ เหมือนกับเสียงคนเอาส้นเท้าตอกลงไปบนไม้กระดานแรง ๆ ด้วยความที่ลืมตัว บวกกับความเป็นเด็กซน และก็ลืมด้วยว่าห้องที่ว่านั้นมันเป็นห้องร้างปิดตาย เอจึงเกาะหน้าต่าง แล้วก็มองผ่านรูกระจกที่แตกเข้าไปด้านใน
เอเล่าว่าเห็นโรงศพสีขาวที่เหลืองตามกาลเวลาตั้งอยู่กลางห้อง เป็นโรงศพแบบไทย แล้วก็ยังเห็นผู้ชายคนหนึ่งบอกว่าน่าจะเป็นเด็กที่โตกว่า ประมาณสัก 12 – 15 ขวบ นั่งอยู่บนโรงศพห้อยขาลงมาด้านล่าง แล้วก็แกว่งขาเอาส้นเท้ากระแทกลงดังตุ๊บ ตุ๊บ ตุ๊บ ตุ๊บ พร้อมกันนั้นก็หันหน้ามามองเอ ด้วยความตกใจ เอหงายหลังลงมาทันที หลังจากนั้นบ้านของเอ ไม่มีใครกล้าขึ้นไปที่ชั้น 2 อีกเลย
ก้องจึงมาคิดย้อนหลังว่าเสียงที่ได้ยินตอนที่เอาไฟฉายไปส่องดูนั้น เป็นเสียงนี้หรือเปล่า แล้วเสียงปิดประตูที่ได้ยินทุกคน หรือจะไม่ใช่เสียงเปิด ปิด ประตู อาจจะเป็นเสียงเจ้าของโรงเปิด ปิด หรือว่านั่งอยู่บนโรง เอาขาเคาะโรงเล่นหรือเปล่าก็ไม่ทราบได้
บ้านหลังนี้ทุกวันนี้ ก็ยังไม่ทราบประวัติ ครอบครัวของเอและบีนั้น ก็ย้ายออกไปนานแล้ว เรื่องราวทั้งหมดก็จบลงเพียงเท่านี้ ขอขอบคุณเจ้าของเรื่องบ้านเก่า
ขอขอบคุณที่มาจาก เดอะช็อคสตอรี่
บทความแนะนำ