บทที่หนึ่ง: การฉีกขนาดใหญ่
ตัังแต่ตอนเกิด เอกภพขยายตัวขึ้น ด้วยเหตุผลที่เราไม่รู้ อวกาศได้ถูกสร้างขึ้นใหม่ในทุกทิศทุกทางเท่าๆกัน อวกาศระหว่างกาแลคซี่ก็ขยายขึ้น ดังนั้นพวกมันจึงเคลื่อนที่แยกจากกัน อวกาศภายกาแลคซี่ก็ขยายขึ้นด้วย แต่ในนี้แรงดึงดูดแข็งแกร่งพอที่ดึงเข้าไว้ด้วยกัน ในบทของการฉีกขนาดใหญ่ การขยายตัวนั้นเร็วขึ้นเป็นเหตุให้อวกาศขยายตัวอย่างรวดเร็วจนแรงดึงดูดไม่สามารถชดเชยต่อปฎิกิริยานีได้อีกต่อไป ผลคือการฉีกขนาดใหญ่ ในตอนแรง มีเพียงโครงสร้างใหญ่ๆอย่างกาแลคซี่ที่ฉีกออกจากกันเพราะอวกาศระหว่างวัตถุหนึ่งๆขยายตัวเร็วมาก ต่อมา ส่วนใหญ่ๆอย่าง หลุมดำ ดาว และดาวเคราะห์ ตาย แรงดึงดูดไม่แข็งแกร่งพอที่จะดึงดูดพวกมันเข้าไว้ด้วยกัน ดังนั้นพวกมันจะมลายไปสู่ส่วนต่างๆ ในตอนท้าย อวกาศจะขยายตัวเร็วยิ่งกว่าความเร็วแสง อะตอนในตอนนี้จะได้รับผลกระทบและทำให้พวกมันแตกออก ในตอนที่อวกาศขยายตัวเร็วกว่าแสง ก็จะไม่มีอนุภาคใดในเอกภพตอนนั้นจะสามารถทำปฏิกิริยากับอนุภาคอื่นได้อีกต่อไป เอกภพจะละลายไปเป็นอนุภาคโดดเดี่ยวที่ไม่สามารถจะสัมผัสสิ่งอื่นๆในเอกภพได่อย่างถาวร อืมม, และคุณก็คิดว่าคุณรู้สึกโดดเดี่ยว
บทที่สอง: ร้อนสุดขั้วหรือหนาวสุดขีด
ดูผิวเผินความแตกต่างระหว่าการฉีกขนาดใหญ่และ ความร้อนสุดขีดคือในบทร้อนสุดขีดนั้นสารจะไม่เสียหายและมันเปลี่ยนความเหลือเชื่ออันยาวนาน เพียงแค่ขอบเขตของเวลากลายเป็นรังสี ในขณะที่เอกภพขยายตัวไปตลอด แต่ มันทำงานอย่างไร, มาพูดถึงเอนโทรปี(ค่าวัดความไม่เป็นระเบียบ) ในทุกๆระบบมีแนวโน้มจะมีสถานะเอนโทรปีสูงสุด เหมือนตอนเราดื่มลาเต้แมคเคียโต้ ในขั้นต้น, มันมีความต่างกันในแต่ละส่วนแต่เมื่อเวลาผ่านไปมันจะเริ่มเย็นลงและเริ่มละลายไปเป็นส่วนเดียวและมันทำงานแบบเดียวกับเอกภพด้วย เช่นนั้น, ในขณะที่เอกภพใหญ่ขึ้นและใหญ่ขึ้น สารจะสลายช้าลงและกระจายออก ในบางเหตุ หลังจากหลายช่วงอายุของดวงดาว กลุ่มเมฆก๊าซที่จำเป็นต่อการเกิดดาวจะหมดสิ้นไป ดังนั้นเอกภพมืดมิด ดวงอาทิตย์ที่ยังเหลืออยู่จะตาย หลุมดำจะค่อยๆเสื่อมลงและค่อยๆระเหยไปกว่าล้านล้านปีโดยรูจักกันใน ฮวกกิ้นเรดิเอชั่น(hawking radiation) เมื่อการกระบวรการสำเร็จแล้ว แก๊สที่เจือจางของโปรตอนและอนุภาคเบายังเหลืออยู่จนกระทั่งมันย่อยสลายไป จากการกระทำทั้งหมดในเอกภพก็จะเข้าใจในจุดนี้ เอนโทรปีไปอยู่ที่ค่าสูงสุดและเอกภพตายไปตลอดกาล นอกจาก, ในทางทฤษฏีมันอาจเป็นไปได้แต่หลังจากความเหลือเชื่ออันยาวนานในชัวระยะเวลา มันอาจจะเป็นไปตามธรรมชาติการลดลงของเอนโทรปี ก็จะได้ผลบางอย่างที่เราเรียกว่า 'quantum tunnelling' นำไปสู่การเกิดบิกแบงครั้งใหม่
บทที่สาม: การบดและการกระแทกขนาดยักษ์
นี่เป็นบทที่มีความก้าวหน้ามากที่สุด ถ้าปราศจากพลังงานมืดอย่างที่เราเคยคิดไว้หรือมันลดลงไปผ่านกาลเวลา แรงดึงดูดจะมีอำนาจเหนือเอกภพสักวัน ในอีกไม่กี่ล้านล้านปีระยะเวลาของการขยายตัวของเอกภพจะเริ่มช้าลงและหยุด หลังจากนั้น มันย้อนกลับ กาแลคซี่จะแข่งขันกับอันอื่นๆรวมเข้าด้วยกัน เอกภพจะเริ่มเล็กลงและเล็กลง ด้วยเหตุผลที่ เอกภพเล็กลงหมายถึงเอกภพร้อนขึ้น อุณหภูมิจะสูงขึ้นในทุกๆที่ ในคราวเดียว 1แสนปีก่อนการบดยักษ์ รังสีภูมิหลังจะร้อนขึ้นที่พื้นผิวของดวงดาวส่วนใหญ่ นั่นหมายถึงพวกมันจะเกรียมจากด้านนอก หลายนาทีก่อนการบดยักษ์ อะตอนแกนกลางถูกฉีดออกก่อนที่สุดยอดหลุมดำยักษ์จะกลืนกินทุกสิ่ง ท้ายสุด หลุมดำทั้งหมดจะปรากฎออกมาเป็นสุดยอดอภิมหาหลุมดำยักษ์ที่จุไปด้วยมวลทั้งหมดของเกภพและในช่วงสุดท้ายก่อนการบดยักษ์มันจะกลืนกินเอกภพ รวมถึงตัวมันเอง ทฤษฏีสภาพการกระแทกบักษ์ เคยเกิดขึ้นมาแล้วมากมาลหลายครั้ง และนั่นทำให้เอกภพเข้าสู่วงจรอันไม่สิ้นสุดของการขยายและการก่อขึ้น นั่นมันไม่ดีหรอ? ถ้าอย่างนั้น อะไรจะเกิดขึ้นในตอนจบของเอกภพ ในตอนนี้,ร้อนสุดขีดดูจะเป็นไปได้มากที่สุด แต่พวกเราหวังว่าการ 'ดับสูญชั่วนิรันดร์' จะผิดและเอกภพจะเริ่มต้นใหม่ และเริ่มใหม่อีกครั้ง เราไม่ทราบแน่ชัดว่าจะเป็นทางไหน ดังนั้นเราเพียงทึกทักเอาว่าทฤษฎีที่ก้าวหน้าที่สุดจะเป็นความจริง
ที่มา Kurzgesagt – In a Nutshell Youtube Channel