13 เมืองอาถรรพ์
หลายครั้งที่เรามักจะต้องสงสัยว่าทำไมเมืองบางเมือง หรือสถานที่บางแห่งในประเทศต่างๆ ถึงต้องปล่อยให้เป็นสถานที่รกร้าง ดูวังเวง เงียบเหงา และมักมาพร้อมคำเตือนว่า "ต้องห้าม" หรือ "ห้ามเข้า" แต่เรื่องเหล่านี้ไม่ได้ทำให้นักลองของยำเกรงแต่อย่างใดหลายคนอยากลองไปสักครั้งในชีวิต เพื่อพิสูจน์ว่า "ผีมีจริงหรือไม่?" ซึ่งบางคนก็เจอดีจนจับไข้หัวโกร๋น และบางคนก็ผิดหวังที่ไม่ได้เห็นอะไรฉบับนี้จึงขอเอาใจนักล่าท้าผีกันสักหน่อย เชิญมาลองของกับสถานที่ "โหด หวีดสยอง" ทั้ง 13 แห่ง ที่ติดอันดับเสียงร่ำลือว่ามีประวัติศาสตร์ยาวนานจนน่ากลัว สยองขวัญ สั่นประสาท และร่ำลือว่ามีผีดุที่สุดในโลกขนาดนั้นเลยจริงๆ
1.เชอร์โนบิล
เมืองพริเพียต ประเทศยูเครน
นี่คือเมืองที่เกิดเหตุโศกนาฏกรรมรุนแรงมากที่สุดครั้งหนึ่งใประวัติศาสตร์โลก เรียกได้ว่า "น่ากลัวที่สุดในโลก"นั่นคือการระเบิดของ “เชอร์โนบิล”โรงงานนิวเคลียร์ขนาดใหญ่ เมื่อวันที่26 เมษายน ปี 1986 หรือเมื่อ 26 ปีก่อน ที่นำหายนะครั้งใหญ่มาสู่สิ่งมีชีวิตที่ตกป็นเหยื่อ ทั้งสังเวยชีวิต ป่วยเป็นโรคมะเร็ง กลายพันธุ์ผ่าเหล่า หรือพิการเพราะอวัยวะที่ใหญ่ผิดขนาด จึงประกาศเป็นพื้นที่ต้องห้ามอุบัติเหตุครั้งนี้ เกิดขึ้นเมื่อวิศวกรได้ทำการทดสอบการทำงานของระบบหล่อเย็น และระบบทำความเย็นฉุกเฉินของแกนปฏิกรณ์นิวเคลียร์ แต่การทดสอบระบบได้ล่าช้ากว่ากำหนด จนต้องทำการทดสอบโดยวิศวกรกะกลางคืน ได้เกิดแรงดันไอน้ำสูงขึ้นอย่างฉับพลัน แต่ระบบตัดการทำงานอัตโนมัติไม่ทำงาน ส่งผลให้เกิดความร้อนสูงขึ้นจนทำให้แกนปฏิกรณ์นิวเคลียร์หมายเลข 4 หลอมละลาย และเกิดระเบิดในทันทีทันใด ผลจากการระเบิดทำให้เกิดขี้เถ้าปนเปื้อนกัมมันตภาพรังสีพวยพุ่งขึ้นสู่บรรยากาศ โดยปกคลุมทางตะวันตกของสหภาพโซเวียต ยุโรปตะวันออก ยุโรปตะวันตก ยุโรปเหนือทางการยูเครน เบลารุส และรัสเซียต้องอพยพประชากรมากกว่า 336,000คน ออกจากพื้นที่อย่างฉุกเฉิน
Chernobyl Diaries เผยเรื่องจริงน่ากลัวสุดๆ!!
ผลจากการระเบิดของโรงงานนิวเคลียร์แห่งนี้ ทำให้กว่า 4,000 คนต้องเสียชีวิต และอีกกว่า 300,000 คนต้องอพยพไปตั้งรกรากที่อื่น และอีกกว่า 600,000 คน มีอาการจากสารกัมมันตภาพรังสีในร่างกาย และส่งผลให้รูปร่างผิดปกติ จนไม่เหลือเค้ามนุษย์ปริมาณกัมมันตภาพรังสีที่ระเบิดออกมาของเชอร์โนบิล รุนแรงกว่าระเบิดปรมาณูที่ถล่มเกาะฮิโรชิม่าในสงครามโลกครั้งที่ 2 ถึง 4 เท่า! และอาจต้องใช้เวลาถึง 24,000 ปี กว่าที่จะกลับมาอาศัยอยู่ได้อย่างปลอดภัยกัมมันตภาพรังสีส่งผลให้เกิดการกลายพันธุ์ของสิ่งมีชีวิตที่เหลือเชื่ออย่างที่เคยมีผู้พบเห็นนกสายพันธุ์ประหลาดในเขตใกล้กับเชอร์โนบิล หรือที่เรียกว่า “Black Bird of Chernobyl”นกขนสีดำสนิทขนาดยักษ์ มีรัศมีของปีกกว้างถึง 20 ฟุต ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่เคยมีใครเห็นนกสายพันธุ์นี้มาก่อนคนที่เคยลักลอบเข้าไปสำรวจต่างขนลุก เช่น เหมือนถูกจ้องมองตลอดเวลา ได้ยินเสียงกรีดร้องที่ไร้ที่มาพบเห็นเงาของชายลึกลับ ที่หลายคนพูดถึงรูปร่างลักษณะตรงกัน จนถูกเรียกว่า “Slender Man” บ้างก็พบซากตุ๊กตา
เด็กผู้หญิงที่ตั้งอยู่ในส่วนต่างๆ ของเชอร์โนบิล ราวกับมีคนมาจัดวาง
2.หอคอยแห่งลอนดอน
ประเทศอังกฤษ
เป็นพระราชวังหลวงและป้อมปราการ ตั้งอยู่บนฝั่งแม่น้ำเทมส์ในกรุงลอนดอนในอังกฤษ ขึ้นชื่อว่าเป็นสถานที่ผีสิงที่ดุที่สุดในโลก โดยส่วนที่น่ากลัวที่สุดคือตัวหอคอยใช้เป็นป้อมที่จำขังโดยเฉพาะสำหรับนักโทษที่มียศศักดิ์สูงแถมยังเป็นที่สำหรับประหารชีวิตและทรมาน ซึ่งที่ผ่านมาได้มีนักโทษหลายต่อหลายคนต้องจบชีวิตลงอย่างน่าสยดสยองในหอคอยแห่งนี้ ทำให้หลายคนเชื่อว่า ยังคงมีวิญญาณของเหล่านักโทษยังคงวนเวียนอยู่ในหอคอยดังกล่าว โดยว่ากันว่า ช่วงดึกจะมีทั้งเสียงร้องโหยหวน รวมถึงมีภาพของดวงวิญญาณจำนวนมากล่องลอยขวักไขว่ในบริเวณหอคอยแห่งนี้และผีที่ปรากฏออกมาให้ผู้คนพบเห็นมากที่สุดก็คือ แอนน์ โบลีนน์(Anne Boleyn) เป็นพระมเหสีองค์ที่ 2ในสมเด็จพระเจ้าเฮนรีที่ 8 แห่งอังกฤษที่ถูกตั้งข้อหาว่าคบชู้สู่ชาย ถูกจับกุมและส่งไปหอคอยแห่งลอนดอน จนถูกประหารด้วยการใช้ดาบบั่นพระเศียรเป็นเหตุทำให้ดวงวิญญาณของพระนางก็ยังคงสิงสถิตอยู่ที่นั่น โดยช่วงเวลาราวตี 2 ของทุกคืนนั้นถือว่าเป็นช่วงเวลาน่ากลัวที่สุดของทหารยามรักษาการณ์เพราะเวลานั้นคือเวลาที่ตรงกับเวลาของการประหารชีวิตบุคคลต่างๆ ในราชวงศ์ รวมทั้งกรณีของพระนางแอนน์โบลีนน์ด้วย ดังนั้นเวลาดังกล่าว จึงเป็นช่วงที่ทหารยามจำนวนไม่น้อยได้พบเห็นร่างของพระนางอย่างชัดเจน
Tower of London Diariesขนพองสยองเกล้าจนขนลุก!!!
มีการจดบันทึกว่าในปี 1864 ทหารยามนายหนึ่งถึงกับตะลึง เมื่อเห็นหมอกควันสีขาวรวมตัวกันเป็นรูปของสตรีโบราณสวมหมวกโบราณต่อหน้าต่อตา ร่างนั้นมีอาการจางๆ หายๆ อยู่3 ครั้ง ก่อนที่จะมีสภาพเป็นหญิงโบราณเดินตรงเข้ามาหาเขา เขาจึงตัดสินใจใช้ดาบปลายปืนแทงร่างนั้นเต็มแรง ก่อนที่จะยิงปืนเข้าใส่ร่างนั้นเสียงดังสนั่นหวั่นไหว แต่ปรากฏว่า ทุกอย่างก็หายไปและเงียบสงัดอีกจุดหนึ่งในบริเวณพระราชวัง ซึ่งว่ากันว่าเป็นจุดที่มีคนเห็นวิญญาณปรากฏโฉมของแอนน์ โบลีนน์บ่อยๆ ก็คือตรงที่ใกล้ๆ กับ โบสถ์เซนต์ปีเตอร์แอด วินคิวลา ซึ่งถือว่าเป็นจุดที่ร่างไร้เศียรของแอนน์ โบลีนน์ ถูกนำเอาไปฝังไว้ ณ จุดนั้นทหารยามจำนวนไม่น้อย มักจะมองเห็นขบวนของเหล่าผีอัศวินจำนวนมากและเลดี้หรือสตรีชั้นสูงจำนวนหนึ่งที่แต่งกายในชุดโบราณสมัยทิวดอร์ พากันเดินหาที่นั่งตามม้ายาว นั่งแบบที่เห็นกันจนเจนตาตามโบสถ์ และที่น่ากลัวมากก็คือผู้นำขบวนก็คือสตรีที่ดูยังไงๆ ก็คล้ายแอนน์ โบลีนน์ มากๆ ซึ่งปลีกตัวไปยังแท่นบูชาทันที เมื่อพระนางเดินทางไปถึงแท่นสำคัญนั้นร่างทุกร่างที่เห็นอยู่เมื่อครู่ ก็พลันหายไปจากสายตาทันควัน ปล่อยให้วิหารนั้นเงียบเชียบราวกับป่าช้าอีกครั้งมีทหารยามพบเห็นสตรีสวมผ้าคลุมศีรษะออกมาเดินเล่นริมระเบียงที่ถูกปิดตาย หากแต่มีลักษณะที่ทรงหิ้วพระเศียรที่ขาดไว้ในพระหัตถ์ ไม่ก็พระนางจะลากโซ่ตรวนในห้องประหารแล้วกรีดร้องเสียงดัง และจนบัดนี้เหตุการณ์แปลกๆ ที่ว่านี้ก็ยังมีให้เห็นทุกคืน
3.เมืองนิวส์ออร์ลีน
รัฐหลุยเซียนา ประเทศสหรัฐอเมริกา
เป็นเมืองท่าสำคัญของสหรัฐอเมริกาเป็นเมืองที่รู้จักในสถาปัตยกรรมฝรั่งเศสอันโดดเด่นและยังเป็นเมืองที่ขึ้นชื่อว่าผีดุอีกด้วย เหตุผลที่มีผีดุเพราะโรคระบาดร้ายแรง อหิวาต์ และไข้เหลืองที่คร่าชีวิตชาวเมืองไปทีละหมื่น แต่ผีที่หลายคนรู้จักก็คือ มารี ลาโว ผู้นำลัทธิวูดูที่มีชื่อเสียงในปี 1800 ซึ่งได้รับความศรัทธาอย่างแรงกล้าของที่นี่ ก่อนที่เธอจะเสียชีวิตในปี 1881 ว่ากันว่าเธอยังเป็นเจ้าของตำนานอันน่าพิศวงมากมายหลายร้อยเรื่องที่นี่ ส่วนสถานที่แห่งผีดุคือบ้านหรูหราหลังนี้ เป็นสมบัติตกทอดของเดลฟีน ลอรี ในปี 1831 เป็นสาวอเมริกันชั้นสูง และน่าจะเป็นฆาตรกรต่อเนื่องว่ากันว่าเธอทรมาน ทำให้พิการและฆ่าทาสตายไปกว่า 100 ศพ จนกระทั่งในปี 1834 ได้เกิดเหตุไฟไหม้ขึ้นเมื่อนักดับเพลิงเข้าไปก็พบทาสทั้งชาย
และหญิงถูกล่ามโซ่บ้าง ขังในกรงสุนัขบ้าง บางคนถูกทำให้เสียโฉม บางคนถูกตัดทั้งแขนและขา อีกจำนวนหนึ่งถูกเย็บปากติดกันเพื่อให้อดอาหารตาย แต่เธอคนนี้กลับรอดพ้นจากความผิดเพราะเธอมีญาติเป็นผู้ว่าที่ร่ำรวย เธอใช้เงินซื้อความยุติธรรมมาได้และเธอไม่ถูกจับ และไม่มีใครได้ยินเรื่องของเธออีกแต่ที่แน่ๆ คฤหาสน์ดังกล่าวได้มีสิ่งที่หลายคนพบเห็นในตัวบ้านเช่นวิญญาณหลอนภายในตัวบ้านพร้อมทั้งเสียงกรีดร้องและเสียงหวดของแส้เป็นระยะๆ
4.ฮาชิมา
เกาะร้างในประเทศญี่ปุ่นเมืองนี้ถูกสร้างขึ้นบนทะเล ในยุคที่อุตสาหกรรมถ่านหินเฟื่องฟู ในปี1887 ก่อสร้างโดยบริษัทมิตซูบิชิ มีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย และมีชื่อเรียกอีกอย่างว่า Battleship Island โดยต้องเดินทางด้วยเรือจากฝั่งทะเลของเมืองนางาซากิ ออกไปประมาณ 15กิโลเมตร บนทะเลจีนตะวันออก และได้ปิดตัวลงอย่างถาวรในปี 1974 ทุกวันนี้เหลือเพียงแต่เศษซากของความรุ่งเรืองทิ้งไว้ให้ระลึกถึงอดีต แต่ถึงจะเป็นเมืองเล็กๆ ที่ดูทันสมัยอยู่กลางทะเล แต่ถ้าเกิดมองลึกๆ จะพบว่ามันร้างอย่างน่ากลัว และได้รับการโจษจันว่าผีดุ แต่ละอาคารต่างมีบรรดาผี และวิญญาณคนตายแห่งท้องทะเลจับจองกันไปอยู่ในเวลากลางคืนโดยเฉพาะในช่วงมรสุมหรือพายุเข้าจะได้ยินเสียงน่ากลัวดังค่อยๆ อย่างหวีดหวิวอยู่ในสายลมและเสียงฝน ซึ่งต้องตั้งใจฟังให้ดี เพราะว่ากันว่า “เมืองนี้กำลังร้องไห้ เพราะมันโดดเดี่ยวอยู่เป็นเวลานานแล้ว...ความหนาวเหน็บจากสายฝนบาดลึกไปถึงหัวใจของเมือง ซึ่งโหยหาใครสักคนไปอยู่ด้วย!” นอกจากนี้สถานที่นี้เคยถูกใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง “Battle Royale” และทีมงานก็ได้เจอสิ่งผิดปกติในกองถ่ายอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็น “มีคนอื่นที่ไม่ใช่ทีมงานถูกถ่ายติดเข้ามาในฉาก”หรือไม่ก็ “ฟิล์ม เสียทั้งๆ ที่เพิ่งใช้งาน”หรือแม้แต่นักแสดงบางคนถูกผีสิง!!
5.เมืองออราดูร์ซู - แกลน
ประเทศฝรั่งเศส
เมืองร้างที่โดนทำลายย่อยยับโดยกองทัพของเยอรมนีในปี 1944 มีชาวบ้านถูกฆ่าตายที่นี่อย่างโหดเหี้ยมไปถึง642 ศพ จากคำบอกเล่าของนายทหารเยอรมันผู้หนึ่ง นี่เป็นผลพวงจากความโหดร้ายในการสังหารหมู่ เด็กๆ และผู้หญิงถูกต้อนราวกับฝูงแกะเข้าไปในโบสถ์และถูกเผาทั้งเป็น ส่วนผู้ชายก็ถูกทรมานด้วยการยิงที่ขา ให้ตายอย่างช้าๆ ในโรงนา ปัจจุบันซากของเมืองเก่ายังคงมีให้เห็นอยู่ในความทรงจำของวันที่โหดร้าย และชาวเมือง Oradousได้ย้ายถิ่นฐานของตนไปยังเมืองใกล้ๆคงเหลือไว้แต่เพียงซากความทรงจำที่แสนเจ็บปวด แม้ปัจจุบันจะมีการสร้างเมืองนี้ขึ้นมาใหม่ แต่ที่นี่ก็ยังคงขึ้นชื่อเรื่องของอาถรรพ์ความเฮี้ยน จนไม่มีใครกล้าย่างกรายเข้าไป
6.เมืองคีย์เวสต์ฟลอริดา
ประเทศสหรัฐอเมริกา
เมืองนี้เคยเป็นเมืองแห่งสมรภูมิสงครามกลางเมือง เกาะโจรสลัดอาชญากรอื่นๆ สถานที่เก็บศพ และเป็นสถานที่ที่นิยมของพวกชอบเรื่องราวลึกลับโดยเฉพาะการเข้าชมตุ๊กตาผีสิง “โรเบิร์ด” ที่มีอายุกว่า 105 ปี โดยเล่ากันว่า ครั้งหนึ่งมันเป็นของขวัญของลูกโรเบิร์ต ยูจีน ออตโต เมื่อปี 1904โดยเชื่อว่า ตุ๊กตาดังกล่าวต้องมนต์ดำวูดูของคนใช้ที่ไม่พอใจตระกูลนี้ โดยคนในครอบครัวโรเบิร์ตอ้างว่า ระหว่างอยู่กับตุ๊กตา เขาได้ยินตุ๊กตาพูดได้ เดินได้ ชอบทำของเล่นและของใช้ในบ้าน
เสียหายอยู่เสมอ จนในที่สุดตุ๊กตาดังกล่าวจึงถูกเก็บไว้ในห้องใต้หลังคา หลังจากที่ยูจีนเสียชีวิตในปี 1974ครอบครัวใหม่ก็มาซื้อบ้านหลังดังกล่าวและได้ยินเสียงตุ๊กตากรีดร้อง และเดินเข้ามาทำร้ายลูกสาวของเขา
7.เมืองซางจี
ประเทศไต้หวัน
ดีไซน์การออกแบบอันสุดพิลึกพิลั่น ซึ่งเกิดอุบัติเหตุระหว่างก่อสร้าง ที่คร่าชีวิตคนงานไปหลายคน จนถึงกับต้องหยุดการก่อสร้างไปหลายครั้ง หรือกระทั่งเหตุการณ์สุดประหลาดที่มีคนอ้างว่า เห็นส่วนต่างๆ ของบ้านเคลื่อนไหวไปมาได้เองชวนขนลุก เรื่องจริงของหมู่บ้านร้างแห่งนี้ยังไม่มีใครรู้แน่ชัด ผู้สร้างพยายามสร้างหมู่บ้านนี้ให้เป็นที่พักในวันหยุด เป็นบ้านพักที่อยู่บนน้ำอีกด้วย แต่อย่างไรก็ตาม การก่อสร้างก็ดันมีปัญหาในตอนสุดท้าย ชิ้นส่วนไฟเบอร์กลาสที่ใช้ในการก่อสร้างบ้านทรงจานบินเหล่านี้เกิดผุกร่อนลง และทำให้บางส่วนมันพังลงมา ชาวบ้านละแวกนั้นเชื่อว่า สถานที่ตั้งแห่งนั้นมีอาถรรพ์เลยทำให้ไม่มีใครกล้าเข้ามาอีก
8.เมืองคราโค
ประเทศอิตาลี
เมืองร้างที่ถูกปิดรอบไปด้วยกำแพงในยุคกลางตั้งอยู่บนหน้าผาสูง 400 ฟุต ถูกสร้างขึ้นคริสตศักราช 500 แต่ดังต้องคำสาป เมืองแห่งนี้ถูกภัยพิบัติ ไม่ว่าจะเป็นภัยแล้งที่ทำให้ผลิตผลทางการเกษตรไม่ดี การถูกโจรปล้นบ้านเรือน และสุดท้าย
การเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่หลายครั้งติดกันทำให้ผู้คนเสียชีวิตไปมากมาย และเสียหายเกินกว่าที่จะได้รับการบูรณะขึ้นมาใหม่ นำพาให้เมืองล่มสลายในปี 1960 ประชากรกลุ่มสุดท้ายได้อพยพออกไปเพราะเกรงกลัวแผ่นดินไหว ปัจจุบันคงเหลือไว้แต่ซากของเมืองเก่า ยังคงมีให้เห็นอยู่ในความทรงจำของวันที่อาถรรพ์
9.เมืองเกตตีสเบิร์ก
รัฐเพนซิลเวเนีย ประเทศสหรัฐอเมริก
ในเดือนก.ค. ปี 1863 เมืองเล็กๆใกล้มหาวิทยาลัย รัฐเพนซิลเวเนีย ได้กลายเป็นจุดปะทะทางการทหารที่ใหญ่ที่สุดในสงครามกลางเมือง โดยทหารมากกว่า150,000 คน รวมตัวกันเปิดศึก และทหารมากกว่า 50,000 คน ตาย สูญหาย บาดเจ็บทุกวันนี้ยังมีเงาแห่งการต่อสู้ในรูปของผีทหารที่ตายในสนามรบ ไม่ว่าจะเป็นที่บ้านร้าง สวนสาธารณะ แต่สถานที่ที่แนะนำคือถ้ำปีศาจ ซึ่งหลายคนเรียกว่า หุบเขาปีศาจ ซึ่งเป็นป่าหินที่เป็นจุดต่อสู้รุนแรงที่สุดในสงครามกลางเมืองซึ่งทุกวันนี้ยังมีเรื่องน่าขนหัวลุกเกิดขึ้นบ่อย
10.โรงพยาบาลทหาร Beelitz
เมืองพอทสดัม ประเทศเยอรมันนี
มีชื่อทางการว่า Hospital Beelitz HeilstaettenBeelitz โดยในปี 1986 ทหารบาดเจ็บผู้หนึ่ง ได้ถูกส่งตัวมารักษาที่นี่หลังจากโดนลูกกระสุนในสงครามSommer ในช่วงสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง คนนั้นคืออด็อป ฮิตเลอร์ นั่นเอง การที่เดินไปตามระเบียง
ใหญ่ หรือห้องโถงใหญ่ก็ตาม อาจจะไม่ทำให้นึกถึงความน่ากลัวของเผด็จการทหารผู้นั้น แต่เพราะภาพประวัติศาสตร์อันสาหัสของเยอรมันที่เกิดขึ้นมาจนถึงปัจจุบันนี้ก็ยังถูกกล่าวขานถึงความน่ากลัวและเสียงหวีดร้อง ที่เกิดขึ้นทุกค่ำคืนอยู่ไม่หาย
11.นิวมะลิลา
เมืองเกซอน ประเทศฟิลิปปินส์
ในพื้นที่บริเวณ Balete Drive, นิวมะลิลา ,เมืองเกซอน พื้นที่แห่งนี้เรียกได้ว่าพื้นที่ต้องคำสาปเพราะที่นี้เต็มไปด้วยเรื่องผีมากมาย เช่น ต้นไทรคำสาป, บ้านผีสิงที่สร้างตั้งแต่ยุคสเปน ตั้งแต่ปี1800 และที่น่ากลัวที่สุดคือ ผีที่ปรากฏกลางถนนและสร้างความหายนะแก่ผู้คน นั่นก็คือหญิงในชุดขาวที่ตำนานเล่าว่า เธอถูกข่มขืนและฆ่า โดยทหารญี่ปุ่นในสงครามโลก โดยเธอมักปรากฏตัวในรูปของผู้หญิงใส่ชุดสีขาว ผมดำยาวไร้หน้า และยืนเลือดท่วมอยู่กลางถนนตอนกลางคืน จนมีคำแนะนำว่า ให้ผู้ขับขี่หลีกเลี่ยงถนนในเวลากลางคืนถ้าไม่จำเป็นก็อย่ามองกระจกหลัง ไม่งั้นผีจะขึ้นรถในสภาพเลือดท่วม และสร้างหายนะกับผู้ขับขี่
12.เมืองซาวานนาห์
รัฐจอร์เจีย ประเทศสหรัฐอเมริกา
เป็นเมืองที่มีสุสานป่าช้าเป็นจำนวนมาก อีกทั้งยังมีคฤหาสน์ บ้านเก่าๆ และต้นไม้ที่เป็นตำนานเรื่องเล่ามากมาย และสถานที่ขึ้นชื่อว่ามีผีสิงแห่งนี้คือ บ้านสามชั้นซึ่งเชื่อว่าสร้างในปี 1796 เคยเป็นที่พักของบุคคลสำคัญ ก่อนจะถูกซื้อในปี 1960โดยพยายามปรับปรุงตัวบ้านเพื่อให้เป็นแมนชั่นแต่ระหว่างการก่อสร้างก็เกิดเหตุหลังคาบ้านถล่มลงมาทับคนงานเสียชีวิต และผู้คนที่มาปรับปรุงบ้านและพักอาศัย มักได้ยินเสียงคนเดินและเสียงประหลาด อีกทั้งชิ้นส่วนในตัวบ้านลอยผ่านหน้าเขาไปอีกจุดหนึ่ง นอกจากนี้พวกเขายังได้เห็นชายในชุดสูทสีดำยืนจ้องมองมายังพวกเขาก่อนที่จะหายไป ปัจจุบันบ้านหลังดังกล่าวยังคงอยู่
13.นครบันดุง
ประเทศอินโดนีเซีย
นครบันดุง เมืองเอกของจังหวัดชวาตะวันตกที่อยู่ห่างจากกรุงจาการ์ตา เมืองหลวงของอินโดนีเซียไปทางตะวันออกเฉียงใต้ราว 140 กม.มีประวัติศาสตร์อันยาวนานกว่า 525 ปี นับตั้งแต่การก่อตั้งเมืองเมื่อปี 1488 จึงเป็นสถานที่ที่มีเรื่องเล่า รวมถึงตำนานสยองขวัญต่างๆ มากมาย หนึ่งในสถานที่สุดเฮี้ยนที่ถูกพูดถึงมากที่สุดคือ สวนป่าอนุรักษ์จูอันดาที่เคยถูกทหารญี่ปุ่นใช้เป็นสถานที่ทรมานนักโทษ และเชลยศึกในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ว่ากันว่า เคยมีผู้พบเห็นวิญญาณของผู้เสียชีวิตจำนวนมาก ยังคงวนเวียนหลอกหลอนผู้มาเยือนอยู่ในสวนจนถึงทุกวันนี้ แม้สงครามโลกครั้งที่ 2 จะสิ้นสุดมานานเกือบ 70 ปีแล้วก็ตาม
ที่มา นิตยสาร MAXIM
บทความแนะนำ