10 อันดับสัตว์ยอดแหยะ
คำเตือนอาจมีภาพหรือเนื้อหาที่น่าสะอิดสะเอียนรบกวนผู้ชมบางท่าน เพราะเรากำลังจะเข้าสู่โลกแห่งความน่าสะอิดสะเอียน เราจะเริ่มนับถอยหลังสิบอันดับพฤติกรรมยอดแหยะในอาณาจักรสัตว์อันดับที่10 ยีราฟ (Giraffe)
ที่มารูปภาพ th.wikipedia.org |
มันเป็นสัตว์ที่สูงโย่ง อาจดูงามสง่าเมื่อมันเยื้องย่างอย่างนวยนาดไปตามที่ราบแอฟริกา แต่มันมีความลับสุดสกปรก ยีราฟมีขายาว คอยาว และมีน้ำลายที่เหนียว ยาวยืด มันน้ำลายยืดอยู่ตลอดเวลา ไม่ค่อยมีใครเห็นว่ายีราฟน้ำลายยืด เพราะหัวของมันมักจะอยู่บนยอดไม้ และบนนั้นเองที่มันทำเรื่องน่าสะอิดสะเอียนอีกอย่างหนึ่ง ลิ้นยีราฟยืดได้ยาวถึง 18 นิ้ว และแข็งแรงขนาดที่จะดึงใบไม้ออกจากกิ่งได้ น้ำลายที่เหนียวของมันจะเคลือบรอยหยักที่คมของใบไม้และหนามแหลมไว้ ทำให้มันกลืนได้ง่าย เมื่อกินอิ่มยีราฟก็มีวิธีเช็ดหน้าที่ไม่ค่อยน่าชมนัก ยีราฟได้เป็นอันดับที่สิบเพราะมันทำความสะอาดทุกรูบนร่างกายของมันได้ด้วยลิ้น นึกดูสิว่าคุณจะทำอะไรได้บ้างถ้ามีลิ้นยาวอย่างยีราฟ
อันดับที่ 9 วัว (Cow)
วัวสามารถปลดปล่อยแก๊สออกมาในปริมาณที่เหลือเชื่อ วัวมีปัญหาเกี่ยวกับลม มันมักจะต้องเรออยู่ตลอดเวลาเพื่อปล่อยแก๊สมีเทนที่อัดแน่นอยู่ในกระเพาะของมัน จอมเรอสี่ขาพวกนี้สามารถปล่อยแก๊สได้ครึ่งแกลลอนในทุกๆ 1 นาที ทุกๆปี วัวประมาณ 100 ล้านตัวจะปล่อยแก๊สออกมา 50 ล้านตัน ออกสู่บรรยากาศ เหตุผลที่มันปล่อยแก๊สออกมามากเพราะมันกินเยอะมากเหลือเกิน มันกินอาหารวันละ 90 ปอนด์ และไม่ได้ปล่อยลมออกมาด้วยการเรอเท่านั้น มันยังปล่อยออกมาทางช่องทางอื่นอีกด้วย ถ้าเรากินอย่างวัวเราก็อาจมีแก๊สเยอะเหมือนกัน โดยเฉพาะอาหารประเภทถั่ว ถั่วเรียกได้ว่าเป็นอาหารที่ผลิตแก๊สมากที่สุด เพราะว่ามีกำมะถันสูงมาก แต่ถั่วไม่ใช่อาหารที่ผลิตแก๊สเพียงอย่างเดียว อาหารที่จะช่วยคุณผายลมได้แก่ กะหล่ำปลี บล็อกเคอรี่ และหอมใหญ่
อันดับที่ 8 ฮิปโปโปเตมัส (Hippopotamus)
โคลนทั้งแหยะ ทั้งเละ ทั้งเหนียว แล้วก็เหม็นด้วย สัตว์ในอันดับที่ 8 นี้ชอบคลุกคลีกับความสกปรก ขอต้อนรับสู่โลกสุดเหม็นของฮิปโปโปเตมัส มันอาจดูน่ารังเกียจ แต่ถ้าคุณมีผิวที่บอบบางและต้องรับแดดจ้าในแอฟริกา ฮิปโปต้องใช้โคลนเป็นสารกันแดดตามธรรมชาติ แต่ความน่ารังเกียจของมันอยู่ตรงที่ เวลาที่ฮิปโปปล่อยทั้งฉี่และอึ มันจะโบกหางพลิ้วราวกับใบพัด ซึ่งอึที่มันปล่อยแล้วใช้หางช่วยกระจายออกไปนั้นใช้หยามเกียรติคู่ต่อสู้และจำกัดอาณาเขต
อันดับที่ 7 หมาใน (Dhole, Asian wild dog, Asian red dog)
ที่มารูปภาพ th.wikipedia.org |
การนับถอยหลังพฤติกรรมยอดแหยะของสัตว์ อยู่ในที่รกร้าง แห้งแล้ง ของป่าในอินเดียตอนเหนือ ในป่าที่แห้งแล้งนี้มีสัตว์ในอันดับที่ 7 นั่นคือหมาใน หมาในเป็นสัตว์ที่กินซาก มันมีชีวิตอยู่ด้วยการกินสัตว์ที่ตายหรือเป็นโรคตาย ถ้าคุณคิดว่านี่ก็เต็มกลืนแล้ว รอดูเวลาที่มันเลี้ยงลูกมันซะก่อน มันมีวิธีเตรียมอาหารเย็นที่น่าสะอิดสะเอียนที่สุด แม่และพ่อจะสำรอกอาหารออกมาให้กับลูกน้อย แล้วแม่หมาก็เหมือนแม่คน พอลูกกินอิ่มมันก็กินอาหารที่เหลือต่อจากลูกของมัน
อันดับที่ 6 แพะภูเขาทาห์ (Tahr Goat)
เทือกเขาอินเดียตอนใต้คือดินแดนที่ชื้นแฉะที่สุดในโลก เมื่อถึงหน้ามรสุมมันเปียกโชกไปด้วยน้ำฝนมากกว่า 20 ฟุต แต่ก็มีสัตว์ชนิดหนึ่งที่ชอบเปียก ทาห์(Tahr) เป็นแพะภูเขาที่หายากมาก เมื่อถึงฤดูผสมพันธ์ ตัวผู้จะวิ่งไล่จับตัวเมีย และเมื่อตัวเมียยอมรับมัน มันก็จะหยุดวิ่งแล้วรอให้ตัวผู้มารอดื่มน้ำปัสสาวะของมัน การกินฉี่ของตัวเมียจะทำให้รู้ข้อมูลพันธุกรรมของตัวที่จะมาเป็นคู่
อันดับที่ 5 หมีโคอาล่า (Koala)
ผู้คนคิดกันว่าสัญลักษณ์ของป่าออสเตรเลียนี้น่ารักน่ากอด มันหลับวันละ 22 ชั่วโมง มันได้เป็นอันดับ 5 ของสัตว์ยอดแหยะเพราะมันเป็นเจ้าปุกปุยจอมปากเหม็นและมีกลิ่นตัวแรง เจ้าหมีน้อยมีกระเป๋าหน้าท้องนี้กินแต่ใบยูคาลิปตัสที่มีพิษร้าย ระบบย่อยของมันต้องมีแบคทีเรียชนิดพิเศษเพื่อล้างพิษของใบยูคาลิปตัส และปัญหาก็คือลูกโคอาล่าเกิดมาโดยไม่มีแบคทีเรียดังกล่าว แม่ของมันจึงต้องถ่ายทอดให้มัน ลูกโคอาล่าต้องกินอึแม่ของมันเพื่อรับเอาแบคทีเรียนี้เข้าร่างกาย นี่เป็นสาเหตุที่ทำไมเจ้าหมีโคอาล่าผู้น่ารัก ตัวกลมปุกปุยมาอยู่ในการจัดอันดับสัตว์ยอดแหยะได้
อันดับที่ 4 ปลิงทะเล (Sea Cucumber)
มหาสมุทรคือถิ่นของสัตว์ที่สวยงามอย่างเหลือเชื่อ แย่หน่อยที่เจ้าสัตว์ในอันดับ 4 นี้ไม่ใช่หนึ่งในนั้น ถ้าจะตามดูมันคุณต้องไปที่ก้นทะเลแล้วตามรอยจากอึสีเหลืองที่มันถ่ายเอาไว้เป็นทางยาว ปลิงทะเลเป็นญาติกับดาวทะเล ปลิงทะเลเป็นเครื่องดูดฝุ่นแห่งท้องทะเล มันกินสิ่งที่น่ารังเกียจที่อยู่ตามพื้นทะเล ทั้งซากสัตว์ เศษทราย มูลสัตว์อื่น เมื่อกินแล้วมันก็จะอึอยู่ทั่วไปหมด สิ่งที่แปลกอีกอย่างของปลิงทะเลก็คือมันหายใจทางก้น มันดูดน้ำเข้าไปแล้วออกซิเจนก็จะซึมเข้าด้านในตามช่องทวารหนัก ปลาเพิร์ล(Pearl Fish) อาศัยก้นของปลิงทะเลเป็นที่พักพิง มันจะรอจังหวะให้ปลิงทะเลดูดน้ำเข้าทางก้นแล้วเจ้าปลาเพิร์ลก็จะเข้าไปโดยเอาหางแหย่เข้าไปก่อน แล้วค่อยๆถอยหลังเข้าไปในก้นของปลิงทะเล มันจะออกมาเฉพาะเวลากินอาหาร
อันดับที่ 3 ปลาแฮ็ก(Hagfish, Slim eel)
ปลาแฮ็กกินซากสัตว์ |
ปลาแฮ็ก (Hagfish) |
การจัดอันดับเรื่องสุดคลื่นไส้จะลงสู่ความลึกใต้ทะเลที่เป็นที่อยู่ของซากปลา ซากสัตว์ที่เน่าเปื่อยดึงดูดสัตว์ที่ครองอันดับที่สามของเรา มันคือปลาแฮ็ก ปลาแฮ็กมันมองแทบไม่เห็น มันหาอาหารด้วยการรับกลิ่นและประสาทการสัมผัสที่เยี่ยมยอด มันกินสัตว์ที่ตายแล้วหรือใกล้ตายโดยเข้าทางรูใดๆ ก็ตามที่เปิดอยู่แล้วก็กินจากข้างในออกมา คุณไม่ต้องกลัวว่ามันจะกัดคุณเพราะมันไม่มีขากรรไกร แต่มันมีเขี้ยวตะไบ มันกินอาหารโดยใช้ลิ้นดึงชิ้นเนื้อเข้าปาก แล้วฟันที่เหมือนตะไบก็จะขบกันเพื่อบดเคี้ยวเนื้อ
เมือกปลาแฮ็ก |
และมันยังมีกลไกการป้องกันตัวอันน่าคลื่นไส้อีกอย่าง เมื่อมันถูกรบกวนมันจะเปลี่ยนน้ำทะเลรอบตัวให้เป็นน้ำเมือกลื่นๆ โดยต่อมน้ำเมือก 150 ต่อมตามร่างกายของปลาแฮ็ก มันสามารถผลิตเมือกเหนียวได้ 17 ไพน์ท(Pint)ในหนึ่งนาที น้ำเมือกนี้ประกอบไปด้วยไฟเบอร์ที่บางแต่เหนียว
อันดับที่ 2 นกแร้ง (Vulture)
นกแร้ง |
นกแร้งกินซากสัตว์ |
นกแร้งเป็นสัตว์กินซาก เมื่อมันเห็นความตายมันจะมารุมกิน มันไม่ชอบอะไรอื่นนอกจากซากสัตว์ที่เน่าเฟะ ยิ่งเน่าเท่าไหร่ยิ่งดี นกแร้งจะบินหลายไมล์เพื่อหาซากสัตว์เป็นอาหาร มันมีกรงเล็บและจงอยปากที่ไม่แข็งแรงนัก นกแร้งจะเข้าถึงด้านในของซากโดยเจาะตรงส่วนที่อ่อนที่สุด เช่นส่วนท้องแล้วลากไส้ออกมากิน การกินเนื้อเน่าอาจตายได้ แต่กรดในกระเพาะของนกแร้งเข้มข้นมาก สามารถทำลายแบคที่เรียที่ร้ายแรงที่สุดได้ และนิสัยอันเหลือรับประทานอีกอย่างของนกแร้งก็คือ เนื่องจากมันไม่มีต่อมเหงื่อ เมื่ออากาศร้อนจัด มันก็จะปล่อยของเสียออกมาตามหว่างขา เพื่อให้ความเย็นหล่อเลี้ยงเส้นเลือดที่เท้าของมัน
อันดับที่ 1 แมลงวัน (Fly)
แมลงวันตอมอาหาร |
ร่างกายของแมลงวันปกคลุมด้วยแบคทีเรียที่อันตรายมากๆ ซึ่งสามารถแพร่โรคติดต่ออย่างไทฟอยด์หรือโรคบิด เมื่อมันตอมอาหารแค่รอยเท้าสกปรกของมันก็แย่พอแล้ว แต่มารยาทการกินอาหารของมันนั้นแย่สุดๆ แมลงวันจะพ่นเอนไซม์ที่จะเปลี่ยนอาหารเป็นน้ำซุป ส่วนที่มันดูดไม่หมด มันก็เหลือให้เรากินต่อจากมัน ถ้าคุณคิดว่านี่น่าสะอิดสะเอียนแล้วรอดูเวลาที่มันเลี้ยงลูกซะก่อน แมลงวันจะวางไข่ในซากสัตว์ที่ตายแล้ว เพื่อที่ตัวอ่อนหนอนแมลงจะได้กินเมื่อมันออกจากไข่
ไข่แมลงวันปลอดเชื้อ |
และด้วยความสามารถนี้ของหนอนแมลงวันทำให้มีคนนำตัวอ่อนแมลงวันมาใช้เพื่อคนไข้พิเศษ มีการเพาะตัวอ่อนในห้องแล็บและไข่ถูกทำให้ปลอดเชื้อเพื่อกำจัดแบคทีเรีย มันเป็นศัลยแพทย์ที่ตัวเล็กที่สุดในโลก สรรพคุณการเยียวยาของหนอนแมลงวันถูกพบครั้งแรกในสงครามกลางเมืองของชาวอเมริกัน ทหารที่บาดเจ็บสาหัสถูกทิ้งไว้หลายวันโดยไม่ได้รับการรักษา เมื่อผู้บาดเจ็บได้รับกการช่วยเหลือก็พบว่าบาดแผลมีหนอนแมลงวันมารังควานซะแล้ว แต่แล้วก็ต้องประหลาดใจเมื่อพบว่าตัวอ่อนแมลงวันกินเฉพาะเนื้อเยื่อที่ตายแล้ว และในปัจจุบันหนอนตัวอ่อนแมลงวันที่เพาะจากห้องแล็บปลอดเชื้อจะถูกส่งไปรักษาบาดแผลที่ไม่ตอบสนองต่อยาปฏิชีวนะ ถ้าคุณถามคนที่ๆม่ได้เป็นแผล พวกเจาอาจจะขยะแขยงที่พวกมันมาไต่ตามตัว แต่ถ้าถามคนที่เท้าเป็นรู มีกลิ่นเหม็นและน้ำหนองไหล นั่นมันน่าขยะแขยงกว่าตัวอ่อนแมลงวันที่ปลอดเชื้อซะอีก
ที่มา รายการ The Most Extreme Animal Planet
ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต
บทความแนะนำ