google.com, pub-6663105814926378, DIRECT, f08c47fec0942fa0 Mega topic: บุคคลสำคัญ | จัดอันดับ | 10 อันดับ| เรื่องผี| เรื่องสยองขวัญ| ที่สุดในโลก| ดูดวง| ประวัติศาสตร์
Showing posts with label บุคคลสำคัญ. Show all posts
Showing posts with label บุคคลสำคัญ. Show all posts

ลีโอ ตอลสตอย เมื่อความรักฆ่านักปราชญ์

ลีโอ ตอลสตอย เมื่อความรักฆ่านักปราชญ์

ที่มารูปภาพ
นักเขียน นักคิด นักปฏิวัติสังคม ขุนนางผู้มั่งคั่ง และนักรักเสเพล นั่นคือหลายบทบาทที่ทับซ้อนกันอยู่ในตัวของ ลีโอ ตอลสตอย ยอดนักประพันธ์เอกของโลก แต่บทบาทที่ปวดร้าวที่สุดในชีวิตของเขาเห็นจะได้แก่การเป็นสามีของโซฟี อันเดรเยฟน่าเบอร์ส

เคานท์ ลีโอ นิโคเลเยวิช ตอลสตอย เกิดในปี 1828 ครอบครัวของเขาเป็นตระกูลขุนนางที่สืบทอดตำแหน่งท่านเคานท์กันมาหลายชั่วคน เด็กน้อยตอลสตอยจึงมีชีวิตที่หรูหรา ฟุ้งเฟ้อ อยากได้อะไรเป็นต้องได้ ไม่ต่างอะไรกับลูกเทวดา ซึ่งตอลสตอยก็ทำตัวเป็นเทวดาจริงๆ เขาไม่ยอมเรียนหนังสือหนังหา เอาแต่เสเพลเที่ยวเตร่กินเหล้าาเคล้านารีไปวันๆ ในบันทึกอัตชีวประวัติของเขาเล่าว่า ตอลสตอยเสียพรหมจรรย์ให้กับหญิงโสเภณีตั้งแต่อายุเพียง16 ปี เพราะถูกรุ่นพี่ลากตัวไป "ครั้งแรกที่พี่ฉุดตัวผมไปเที่ยวซ่องและบังคับให้ร่วมเพศ ผมนั่งลงแทบเท้าเธอคนนั้นแล้วร้องไห้"


แต่น้ำตาในคืนนั้นเป็นความตกใจของเด็กหนุ่มที่ยังไม่เคยลิ้มรสรักเท่านั้น หลังจหากผ่านประสบการณ์เรียนรู้ความรัญจวนไปแล้ว ตอลสตอยก็มีอาการที่เรียกว่า อดสเน่หาจากสตรีไม่ได้ จนเจ้าตัวยังยอมรับตัวเองว่าไม่รู้จักพอ ซ่องโสเภณีกลายเป็นที่เที่ยวประจำของตอลสตอยแม้แต่สาวใช้ในบ้านสองคนก็เป็นคู่นอนของเขา ตอลสตอยหัวหกก้นขวิดอยู่อย่างนี้จนเข้ามหาวิทยาลัย แต่แล้วจู่ๆเขาก็ถอดใจกับการเรียนขึ้นมาจึงลาออกแล้วไสมัครเป็นทหาร ชีวิตในกองทัพทำให้เขาเห็นความไม่เป็นโล้เป็นพายของตัวเอง เขาจึงเริ่มอุทิศตัวเพื่อสังคมด้วยการสร้างโรงเรียนให้กับลูกชาวนาที่บ้านเกิด และเป็นจุดเริ่มต้นของงานเขียนของเขา


ในปี 1862 ตอลสตอยได้พบรักกับสาวงามโซฟี อันเดรเยฟน่า เบอร์สก่อนจะแต่งงานกัน ตอลสตอยบังคับให้โซฟีอ่านบันทึกส่วนตัว ซึ่งเขาได้บรรยายชีวิตรักและกามารมณ์ของตัวเองเอาไว้อย่างถึงพริกถึงขิง เพื่อให้เธอเข้าใจในตัวตนที่แท้จริงของเขา และตัดสินใจว่าจะอยู่กินด้วยได้หรือเปล่า ถ้าเป็นสมัยนี้การกระทำของตอลสตอยก็เรียกได้ว่าแฟร์มากทีเดียว แต่บังเอิญโซฟีเป็นผู้หญิงในศตวรรษที่ 18 ทั้งหัวเก่าเคร่งศาสนาและยังไม่เคยผ่านประสบการณ์รักๆใคร่ๆ มาก่อน เธอจึงตีความไปว่า ว่าที่เจ้าบ่าวแต่งงานกับเธอก็เพียงเพื่อเชยชมร่างกาย จิตใจของสาวน้อยจึงเริ่มมีอคติกับเรื่องโลกีย์นับตั้งแต่นั้น

โซฟีสารภาพว่าเธอไม่เคยมีความสุขกับการร่วมรักของสามีเลย และเพศสัมพันธ์ก็เป็นการแสดงออกทางกายที่น่าสะอิดสะเอียนอย่างยิ่ง เมื่อเมียสาวหน่ายเซ็กซ์ต้องมาร่วมชายคากับสามีผู้ไม่เคยอิ่มในกาม จึงไม่น่าแปลกใจที่ชีวิตคู่ของ ทั้งสองจะไม่ราบรื่น ตอลสตอยต้องแอบไปเริงรักกับสาวๆ ชาวนาในละแวกนั้นอยู่เป็นประจำ แต่ทั้งๆที่มีปัญหาเรื่องนี้ เขาก็ยังไม่วายทำให้เมียท้องได้ถี่ยิบ ทั้งคู่มีลูกด้วยกันถึง13 คน

แม้โซฟีจะเป็นคู่นอนที่ไม่ได้ความแต่สำหรับหน้าที่ภรรยาเธอก็ทำได้ไม่ขาดตกบกพร่อง เธอปรนนิบัติสามี ดูแลลูกๆ ทำงานบ้าน และยังเป็นผู้ช่วยตอลสตอยในการผลิตงานเขียนทุกชิ้น เมื่อครั้งที่ตอลสคอยแต่งวรรณกรรมอมตะเรื่องสงครามและสันติภาพ(War And Peace) นิยายความยาว7 แสนคำ หนา 1400 หน้า ซึ่งส่งให้ชื่อของเขาเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก ก็ได้โซฟีนี่ล่ะ ที่นั่งหลังขดหลังแข็งคัดลอกต้นฉบับจากลายมือยุ่งๆ ของเขาถึง 7 เที่ยวกว่าจะส่งไปโรงพิมพ์ ทว่าความทุ่มเทของโซฟีกลับถูกแฟนๆ ของตอลสตอยมองข้ามไปสิ้น เพราะความทุกข์ทรมานที่เธอหยิบยื่นให้กับสามี มีปริมาณมหาศาลเทียบเท่ากับความทุ่มเทช่วยเหลือสามีเรื่องานเช่นกัน

โซฟีเป็นผู้หญิงปากร้าย จู้จี้ และพร้อมจะบ่นได้ตลอดเวลา กิจกรรมที่เธอโปรดปรานที่สุดก็คือการคะยั้นคะยอให้สามีเขียนหนังสือ และจะคอยจ้ำจี้จ้ำไชด้วยถ้อยคำระคายหูหากตอลสตอยไม่ยอมทำงาน หรือทำสิ่งที่เธอเห็นว่าไร้สาระขัดต่อความเป็นคริสตศาสนิกชนที่ดี ความเคร่งศาสนาของเธอสวนทางกับนิสัยเสเพลปล่อยเนื้อปล่อยตัวของสามีราวขางกับดำ โซฟีทำให้ตอลสตอยเกิดความรู้สึกว่าเซ็กซ์เป็นสิ่งสกปรก และเป็นที่มาของผลงานเรื่อง บทเพลงแห่งกลกาม (The Kreutzer Sonata) ที่มีเนื้อหาประณามการร่วมรักและเรียกร้องให้คนละเว้นการร่วมประเวณี ขณะเดียวกันตัวตอลสตอยเองกลับห้ามความต้องการตามธรรมชาติไม่ได้ เขาจึงทั้งรักทั้งเกลียดโซฟีที่เป็นต้นเหตุให้เขาตกอยู่ในสภาพที่ขัดกับแนวคิดของตัวเองเช่นนี้ ฝ่ายโซฟีก็ดูถูกสามีว่ามือถือสากปากถือศีล เขียนบทความประณามเซ็กซ์แต่กลับมรไฟราคะไม่รู้จักจบสิ้น ใต้หลังคาบ้านของสองผัวเมียจึงเหมือนมีเสือสองตัวมาอาศัยอยู่ร่วมกัน จนหาความสุขไม่ได้

7 ปีต่อมาหลังจาก บทเพลงแห่งกลกามถูกตีพิมพ์ สถานการณ์ในบ้านของพวกเขาเลวร้ายถึงขีดสุด เมื่อโซฟีไปหลงรักเซอเกรี่ ทานาเยฟ เพื่อนเก่าเพื่อนแก่ของสามีเข้า เซอเกรีนั้นเป็นนักเปียโนเจ้าสำอาง แต่งตัวปราณีต ท่าทางกรีดกรายผู้ดีจ๋า ถูกต้องตรงรสนิยมของโซฟีทุกอย่าง ผิดกับนักเขียนสุดเซอร์น้ำท่าไม่อาบอย่างสามีของเธอ เธอมักจะด่าเขาว่า ตัวเหม็นเหมือนแพะ แต่สุดท้ายโซฟีก็ตัดใจจากเซอเกรีได้หลังจากหลงใหลเขาหัวปักหัวปำอยู่ถึงหนึ่งปี

พอภรรยากลับมาเข้ารูปเข้ารอยก็ถึงทีของตอลสตอยที่จะนอกใจบ้างโซฟีโวยวายว่าตอลสตอยกับเซอร์ตคอฟ ลูกศิษย์คนโปรดเป็นคู่รักร่วมเพศกัน แต่เรื่องนี้ไม่มีหลักฐานยืนยัน และขณะนั้นโซฟีก็บังเอิญไปรู้ว่าตอลสตอยกำลังให้เซอร์ตคอฟช่วยร่างพินัยกรรมยกลิขสิทธิ์งานเขียนของเขาให้เป็นสมบัติสาธารณะ จึงเป็นไปได้ว่าเธออาจจะแกล้งกล่าวหาสามีเพื่อให้พินัยกรรมฉบับนั้นเป็นโมฆะ (หลังตอลสตอยเสียชีวิต โซฟีได้ฟ้องเรียกลิขสิทธิ์ในงานของเขาคืนมา) การที่โซฟีเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับพินัยกรรมทำให้ตอลสตอยยิ่งหมดความไว้ใจในตัวภรรยาทั้งคู่มีปากเสียงกันบ่อยเสียจน เธอเคยขู่ว่าจะหนีออกจากบ้าน แต่ก็ไม่ทำจริงดังปากว่าเสียที เพราะจากบันทึกของเดล เคเนกี เพื่อนสนิทคนหนึ่งของตอลสตอย โซฟีเป็นผู้หญิงประเภทที่ไม่มีวันผละจากความมั่งคั่งของสามีไปแน่นอน

"เธอชอบชีวิตที่หรูหราฟุ่มเฟือย กระหายความมีหน้ามีตาและการยกยอปอปั้นในวงสังคม แต่สิ่งเหล่านี้ไม่มีความหมายต่อตอลสตอย เธอชอบความร่ำรวย แต่เขาเชื่อว่าทรัพย์สินเงินทองล้วนแต่เป็นบาป เธอเชื่อในการปกครองด้วยอำนาจ แต่เขาเชื่อในการปกครองด้วยความรัก"

ยิ่งไปกว่านั้นโซฟียังเป็นคนอารมณ์ร้าย พร้อมจะโมโหกระฟัดกระเฟียดได้ตลอดเวลา ความหัวสูงทำให้เธอรังเกียจเพื่อนๆ นักประพันธ์ซอมซ่อของตอลสตอย ทั้งยังแสดงออกมาอย่างไม่ปิดบังอีกด้วย ครั้งหนึ่งโซฟีมีเรื่องกับลูกสาว เธอโกรธมากถึงกับไล่ลูกออกจากบ้าน จากนั้นก็หันไปคว้าปืนลมของตอลสตอยมายิงรูปถ่ายลูกสาวคนนี้เสียกระจุย ยามใดที่ทะเลาะกัน เธอจะเอ็ดตะโรแช่งด่าตอลสตอย จนบ้านเปรียบเสมือนนรกบนดินสำหรับเขา

ชีวิตของตอลสตอยต้องพลิกผันอีกครั้งเมื่อถึงวัยไม้ใกล้ฝั่ง เขามีความเชื่อเสมอว่ามนุษย์ไม่ควรยึดติดกับวัตถุที่ไม่จีรัง นักประพันธ์ผู้ยิ่งใหญ่จึงบริจาคทรัพย์สมบัติมหาศาลที่มีให้กับสาธารณะ ถึงแม้โซฟีจะไม่เดือดร้อนเพราะตอลสตอยยังกันเงินพร้อมบ้านหลังหนึ่งไว้ให้เธอและลูกๆ แต่เธอก็ไม่พอใจอย่างแรง เธอด่าว่า ประณามเขาอย่างสาดเสียเทเสีย จนตอลสตอยซึ่งอดทนมานานถึง 48 ปีทนความบีบคั้นต่อไปไม่ไหว เขาตัดสินใจทิ้งทุกอย่างพเนจรเร่ร่อนไปบนถนนท่ามกลางหิมะที่ตกหนัก และแล้วเพียง 20 วันหลังจากนั้น ชายชราวัย 82 ปี คนนี้ก็เสียชีวิตอย่างเดียวดายด้วยโรคปอดบวมที่สถานีรถไฟเล็กๆ เมืองแอสตาโปโว ก่อนสิ้นใจตอลสตอยได้ทิ้งถ้อยคำสุดท้ายไว้ว่า"สัจธรรม คือสิ่งที่ข้าแสวงหา"

ตลอดเวลา 14 ปีหลังการตายของตอลสตอย โซฟีต้องตกเป็นจำเลยของสังคม ในฐานะเมียใจยักษ์ที่ผลักไสผัวออกไปพบจุดจบที่ไม่ดี แต่ไม่มีใครบอกได้ว่าแท้ที่จริงแล้วเธอหรือตอลสตอยกันแน่ที่สร้างความทรมานให้อีกฝ่ายมากกว่ากัน เพราะชีวิตคู่ของคนทั่งสอง ก็เป็นดั่งเช่นข้อความที่ตอลสตอยเขียนไว้ในนิยายเรื่องหนึ่งของเขา

"หลายครอบครัวซ้ำซากอยู่ที่เดิม ทั้งๆที่สามีภรรยาแสนจะเบื่อหน่ายกัน นั่นก็เพราะทั้งคู่ไม่กลมเกลียวกันอย่างแท้จริง"
จากนิตยสาร LIVE คอลัมน์ คู่รักบันลือโลก

19 ความฝันที่พบบ่อยที่สุดในโลกและความหมาย

จิตวิทยาความฝัน ฝันถึงประตูหมายความว่าอย่างไร

จิตวิทยาความฝัน ฝันเห็นนกฮูกหมายความว่าอย่างไร

จิตวิทยาความฝัน ฝันเห็นเรือหมายความว่าอย่างไร

จิตวิทยาความฝัน ฝันเห็นปลาวาฬหมายความว่าอย่างไร

จิตวิทยาความฝัน ฝันเห็นช็อกโกแลตหมายความว่าอย่างไร

จิตวิทยาความฝัน ฝันเห็นดวงดาวหมายความว่าอย่างไร

จิตวิทยาความฝัน ฝันถึงงานหมายความว่าอย่างไร

จิตวิทยาความฝัน ฝันเห็นช้างหมายความว่าอย่างไร

จิตวิทยาความฝัน ฝันเห็นหิมะหมายความว่าอย่างไร

จิตวิทยาความฝัน ฝันเห็นนกหมายความว่าอย่างไร

จิตวิทยาความฝัน ฝันเห็นทองหมายความว่าอย่างไร

จิตวิทยาความฝัน ฝันเห็นผีหมายความว่าอย่างไร

จิตวิทยาความฝัน ฝันถึงดาราคนดังเซเลบหมายความว่าอย่างไร

จิตวิทยาความฝัน ฝันเห็นปลาโลมาหมายความว่าอย่างไร

จิตวิทยาความฝัน ความฝันของการเดินทางหมายความว่าอย่างไร

จิตวิทยาความฝัน ฝันถึงหมีหมายความว่าอย่างไร

จิตวิทยาความฝัน ความฝันถึงสงครามหมายความว่าอย่างไร

จิตวิทยาความฝัน ฝันเห็นฝนหมายความว่าอย่างไร

จิตวิทยาความฝัน ฝันเห็นฉลามหมายความว่าอย่างไร

จิตวิทยาความฝัน ฝันเห็นวัวกระทิงหมายความว่าอย่างไร

จิตวิทยาความฝัน ฝันเห็นจระเข้หมายความว่าอย่างไร

จิตวิทยาความฝัน ฝันเห็นหอยทากหมายความว่าอย่างไร

จิตวิทยาความฝัน ฝันเห็นปูหมายความว่าอย่างไร

จิตวิทยาความฝัน ฝันว่าช่วยชีวิตใครสักคนหมายความว่าอย่างไร

จิตวิทยาความฝัน ฝันเห็นขยะหมายความว่าอย่างไร

จิตวิทยาความฝัน ฝันว่าจัดกระเป๋าหมายความว่าอย่างไร

จิตวิทยาความฝัน ฝันเห็นหมอกหมายความว่าอย่างไร

จิตวิทยาความฝัน ฝันเห็นการผ่าตัดหมายความว่าอย่างไร

จิตวิทยาความฝัน ฝันเห็นเครื่องประดับหมายความว่าอย่างไร

ประวัติหลวงปู่ทวดวัดช้างไห้ ตามรอยหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด

ชุ่มฉ่ำรับสงกรานต์ สรงน้ำพระธาตุตามปีเกิดด้วยหัวใจอิ่มบุญ

วิธีตั้งเลขพยากรณ์ ดูดวงตำราพรหมชาติ

ดูดวงตำราพรหมชาติ ปีชวด

ดูดวงตำราพรหมชาติ ปีฉลู

ดูดวงตำราพรหมชาติ ปีขาล

ดูดวงตำราพรหมชาติ ปีเถาะ

ดูดวงทำนายฝัน ความหมายของความฝัน


กษัตริย์เกาหลี จักรพรรดิกวางสี จักรพรรดิปูยี
ตำนานอโดนิส โจนออฟอาร์ค มู่กุ้ยอิง
จักรพรรดิเนโร พระเจ้าเฮนรี่ที่ 8 อับราฮัม ลินคอล์น
พระเจ้าซุกจง มาตาฮารี เจ้าฟ้าหญิงบุญรอด
ตำนานธอร์ นิกิต้า ครุสชอฟ สงครามเกาหลี
กำแพงเมืองจีน อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ พระนางเลือดขาว
อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ สตีเฟน ฮอว์คิง ลีโอ ตอลสตอย
สตีฟ จ็อบส์ เจ้าพระยาวิชเยนทร์ พระนางมัสสุหรี
สัตว์มีพิษ ไวรัสอีโบลา เอเลี่ยนสปีชี่ส์
กำเนิดจักรวาล กำเนิดดวงอาทิตย์ ระบบสุริยะจักรวาล
ปริศนาของจักรวาล การเดินทางข้ามกาลเวลา สสารและปฏิสสาร
สิ่งมีชีวิตบนดาวอังคาร บิ๊กแบงคืออะไร สัตว์ใกล้สูญพันธุ์
สัตว์น้ำแปลก ปลาแองเกลอร์ สัตว์ดูดเลือด
อันดับงูสวยงาม อนาคอนด้า ตัวอ่อนปลาฉลาม
เห็ดมีพิษ ภัยของยาไอซ์ คลื่นยักษ์สึนามิ
กัญชาปลอดภัย ไวรัสอีโบลา ปรสิตที่น่ากลัว
สาเหตุสึนามิ ทำไมผมร่วง สงครามซีเรีย
ทำลายหลุมดำ โลกของเรา กระแสน้ำทะเล
วิธีทำลายเอกภพ กลไกวิวัฒนาการ ระบบภูมิคุ้มกัน
เล่าเรื่องผี เรื่องสยองขวัญ เรื่องผี
ฆาตกรโหด ฆาตกรต่อเนื่อง ฆาตกรโรคจิต
ผีนานาชาติ ผีปีศาจ พระธุดงค์เจอผี
โจนเบเน็ต คดีเพชรซาอุ เดวิด เบอร์โควิด
ซอว์นี่ บีน ฆาตกรโหดเมืองไทย อลิซาเบธ บาโธรี่
ฆาตกรฆ่าคนมากที่สุด คดีกักขังหน่วงเหนี่ยว คดีวิตถาร
คดีพิศวาสฆาตกรรม ฆาตกรเด็ก คดีฆ่าหั่นศพ
ยโศโฆษาฆาต แจ๊คเดอะริปเปอร์ ฆาตกรต่อเนื่องอินเดีย
เบลล์ กันเนส ยูนาบอมเบอร์ เอล ชาโป
ผีภาคเหนือ ผีภาคอีสาน ผีญี่ปุ่น
เมืองอาถรรพ์ เรื่องเล่าเดอะช็อค มนุษย์กินคน

บทความแนะนำ

นิทานไทย เรื่อง กระเช้าสีดา นิทานไทย กล่องข้าวน้อยฆ่าแม่ นิทานเรื่อง นางพิกุลทอง นิทานไทยเรื่อง เคราะห์ของตาจัน นิทานไทย เรื่อง กระต่ายสามขา นิทานไทยเรื่อง นางกากี นิทานไทยเรื่อง มณีพิไชย (ยอพระกลิ่น) นิทานธรรมชาดก

บทความเมนูอาหาร บทความภัยอันตราย บทความสุขภาพ บทความวิทยาศาสตร์ บทความสยองขวัญ บทความชีวิตสัตว์ บทความประวัติศาสตร์ บทความจัดอันดับ สารบัญบทความ

ประวัติและชีวิตส่วนตัวของอัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ (Albert Einstein)

ประวัติและชีวิตส่วนตัวของอัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ (Albert Einstein)

ประวัติและชีวิตส่วนตัวของอัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ (Albert Einstein)

อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ นักคิดที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในศตวรรษที่ 20 และนักวิทยาศาสตร์ชื่อดังคนแรก ชื่อไอน์สไตน์กลายเป็นคำเดียวกับอัจฉริยะ การคิดค้นของเขานำไปสู่ระเบิดปรมาณู ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในสมการ E=mc2 กลายเป็นสิ่งที่ทำลายโลกได้ ไอน์สไตน์นั้นปวดร้าวเสมอที่ต้องเลือกระหว่างงานและผู้หญิงในชีวิต มีความขี้เล่นอยู่มากที่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา ไอน์สไตน์เปลี่ยนจากคำวิจารณ์ว่า เธอสวยแค่ไหน เธออวบอัดแค่ไหน ว่าเขาจำร่างอันอบอุ่นของเธอได้ แล้วเขาก็เปลี่ยนไปพูดว่า ฉันเพิ่งอ่านหนังสือเรื่องคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้ามา ไอน์สไตน์เห็นว่าการแต่งงานนั้นอันตราย และงานของเขานั่นเองที่ชนะเสมอ



ภาพลักษณ์นักวิทยาศาสตร์สติเฟื่องในหนังมาจากผู้ชายคนเดียว อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ 50 ปีหลังเขาเสียชีวิต ใบหน้าของเขาอยู่ตามถ้วยกาแฟ ปฏิฑิน และเสื้อยืด เขาเป็นดาราผู้โด่งดังคนแรกของวิทยาศาสตร์ยุคใหม่ แต่เบื้องหลังภาพความสำเร็จที่น่าชื่นชมนี้ ไอน์สไตน์ยากที่จะเข้าใจพอๆกับสมการของเขา E=mc2 ความเป็นอัจฉริยะที่ไร้คู่แข่งเป็นเพียงเบื้องหน้าของเขาที่ทรยศแม้คนใกล้ชิด เขาชอบผู้หญิงและเขาเกลียดความชอบนี้มาก เขาพยายามต่อสู้กับมัน เพราะมันดึงเขาออกจากสิ่งที่เขาคิดว่ามันเป็นภารกิจนั่นคือการดึงความลับของจักรวาล ไอน์สไตน์ ลนั้นมีใจมุ่งกับความรู้ทางวิทยาศาสตร์ตั้งแต่ช่วงแรกๆของชีวิต ความหลงใหล ความกระตือรือร้น เขามุ่งหมายและให้ความสำคัญกับงานของเขาอย่างมาก การอุทิศตัวของไอน์สไตน์ ทำให้ได้รางวัลโนเบลสาขาฟิสิกส์ แต่เขาต้องเสียบางอย่างเพื่อแลกกับความสำเร็จ โดยเฉพาะความสัมพันธ์ส่วนตัว

ไอน์สไตน์นั้นมองว่าผู้หญิงคือพวกที่ต้องนำมาใช้ในแง่ที่ว่าผู้หญิงนั้นอาจจะเป็นแรงบันดาลใจได้ แต่เขาก็ต้องทำร้ายพวกเธอด้วย รักแรกของไอน์สไตน์คือเพื่อนนักศึกษาวิชาฟิสิกส์ มิเลว่า มาริช ซึ่งแก่กว่า 4 ปี ไอน์สไตน์ชอบความใฝ่ฝันและความเป็นตัวเองของเธอ ตอนเขาพบมิเลว่า มีความหลงใหลที่ทำให้ตัวเขาเองก็กลัวในสิ่งที่เขาคุมไม่ได้ เมื่อมิเลว่าที่ยังไม่ได้แต่งงานตั้งครรภ์ ทำให้งานวิทยาศาสตร์ของไอน์สไตน์อยู่ในอันตราย ไอน์สไตน์พยายามที่จะหางานทางภาคเหนือของสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งเป็นที่ๆคนหัวโบราณมากๆ และถ้าเขาไปที่นั่นพร้อมกับลูกนอกสมรส เขาต้องลำบากอย่างแน่นอน ไอน์สไตน์ไม่ยอมทำลายการงานของเขาเพื่อเด็กคนหนึ่ง ทั้งคู่ยกลูกคนแรกที่เป็นผู้หญิงให้คนอื่น ไอน์สไตน์ไม่เคยเห็นลูกสาวอีกเลย ต่อมาเมื่อเขาแต่งงานกับมิเลว่า เขามีลูกอีกสองคน ฮานส์อัลเบิร์ตและเอ็ดเวิร์ด การหมกมุ่นในงานของไอน์สไตน์ทำให้ครอบครัวต้องเป็นที่สอง เขาเดินทางบ่อยและทำงานดึก แทบไม่อยู่บ้านเห็นหน้าลูกหรือภรรยา ด้วยความเป็นทุกข์ มิเลว่าเขียนถึงเพื่อนว่า ฉันโหยหาความรัก ฉันเชื่อว่าต้องโทษวิทยาศาสตร์ตัวร้ายเท่านั้น ขณะที่มิเลว่าเชื่อใจเขาน้อยลงและหึงมากขึ้น เขาเริ่มผละตัวไปจากเธอและเริ่มโกรธมากขึ้น แล้วก็หันไปหาหญิงอื่นเพื่อที่จะปลอบใจ

เอลซ่า ลูกพี่ลูกน้องของไอน์สไตน์เป็นหนึ่งในนั้น พวกเขาเป็นชู้รักกัน ไอน์สไตน์เขียนถึงเอลซ่าว่า ผมคงดีใจมาก หากได้เดินไม่กี่ก้าวข้างๆคุณ โดยไม่มีเมียขี้หึง ผมถือว่าเธอคือลูกจ้างที่ไล่ออกไม่ได้ ปี 1919 4 เดือนหลังหย่าขาดจากมิเลว่า ไอน์สไตน์แต่งกับลูกพี่ลูกน้องของเขา ในตัวเอลซ่า เขาพบคู่ชีวิตที่สมบูรณ์แบบ ผู้หญิงที่พร้อมจะดูแลเขาและให้ตัวเองเป็นที่สองรองจากการค้นคว้าทางวิทยาศาสตร์ เธอเป็นภรรยาแบบในยุคเก่าแบบที่มิเลว่าไม่สามารถจะเป็นได้ดังที่ไอน์สไตน์ได้เคยกล่าวไว้ว่า เขาต้องการคนรีดเสื้อให้กับเขา ตั้งแต่หย่าไอน์สไตน์ก็ไม่ได้พบลูกชายทั้งสองคน ต่อมาลูกชายคนโตเขียนหนังสือเรื่องโครงการเดียวที่เขาเลิกทำคือผมเอง ลูกคนที่สองเป็นโรคจิตเสื่อม เขาอยู่ในโรงพยาบาลประสาทหลายปี เขาไม่ใช่พ่อที่ประสบความสำเร็จ เขาไม่มีความเกี่ยวข้องกับลูกๆ มากนัก เขาพบกับเด็กทั้งสองเป็นครั้งคราวหลังจากที่หย่า อาจจะพูดได้ว่าเขาได้เกรด A+++ ในวิชาฟิสิกส์ แต่ว่าในเรื่องของการเป็นพ่อนั้น เขาได้เกรดประมาณ C- ถึง D เท่านั้น

ปี 1919 ปีที่เขาแต่งงานกับเอลซ่า ทฤษฎีสัมพันธภาพได้รับการพิสูจน์ว่าถูกต้อง ด้วยวัย 40 ปี ไอน์สไตน์กลายเป็นคนดังทันที ซุปเปอร์สตาร์คนแรกที่เป็นนักวิทยาศาสตร์ ในหลายแง่มุมแล้วเขากลายเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่มีชื่อเสียงที่สุด เป็นหนึ่งใน 12 คนที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลกในชั่วข้ามคืนเท่านั้น สามปีต่อมาไอน์สไตน์ได้รับเกียรติยศสูงสุดของนักวิทยาศาสตร์ นั่นคือรางวัลโนเบล แต่ขณะที่ทั่วโลกเชื่อว่าไอน์สไตน์เป็นอัจฉริยะ เขากลับคิดว่าตัวเองล้มเหลวในทางอารมณ์ แรงขีบเพื่อความสำเร็จทางการงานจะนำความเศร้ามาให้ในอีกหลายปีข้างหน้า อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์เกิดในยุคที่มีการคิดค้นวิทยาศาสตร์ขึ้นเป็นจำนวนมาก ตั้งแต่ช่วงแรกของชีวิต เขาถูกกระตุ้นด้วยความหลงใหลสิ่งที่เป็นไปรอบตัว ตอนยังเด็กสิ่งแรกที่พ่อให้กับเขาไว้ก็คือเข็มทิศแม่เหล็ก เขาประทับใจกับการเคลื่อนไหวของโลหะชิ้นน้อยที่แกว่งไปมา แล้วก็หาทางไปทางทิศเหนือ ว่าทำไมมันถึงเป็นแบบนั้น มีบางอย่างฝังลึกที่นั่น มีบางอย่างในตัวเขาที่ต้องค้นหาความจริงของสิ่งต่างๆให้ได้

เข็มทิศเป็นจุดเริ่มต้นการแสวงหาความรู้ของไอน์สไตน์ การแสวงหาที่จะครอบงำส่วนที่เหลือของชีวิต อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์เกิดในปี 1879 ทางตอนเหนือของเยอรมันนี ลูกคนโตของพ่อแม่ชนชั้นกลาง ชาวยิวเคร่งศาสนา เฮอร์แมนและพอลลีน เฮอร์แมนเป็นวิศวกรและยังเป็นเจ้าของโรงงานผลิตไดนาโม การผลิตไฟฟ้าในเยอรมันนีเกิดขึ้นในอัตราที่เร็วมาก ครอบครัวของเขาเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับธุรกิจที่เปรียบเหมือนกับการปฏิวัติเทคโนโลยีในยุคนั้น และเป็นยุคที่มีการปฏิวัติที่ยิ่งใหญ่ มีกระบวนการขนาดใหญ่ที่ทำให้อุตสาหกรรมใหม่ๆนั้นเป็นไปได้ ความมั่งคั่งก็มีมากขึ้น เข้าสูศตวรรษใหม่ที่อะไรก็ดูจะเป็นไปได้ทั้งนั้น แม่ของเขาพอลลีนเป็นหญิงที่ชอบข่มผู้อื่น เธอสนับสนุนให้ลูกชายเล่นไวโอลินและปลูกฝังให้เขาตั้งใจที่จะประสบความสำเร็จ แม่ของไอน์สไตน์นั้นเป็นคนที่ครอบงำครอบครัวเขา เธอครอบครองอำนาจและพ่อของเขาด้วย และนี่คือสิ่งที่พบเห็นในนักวิทยาศาสตร์หลายคน ส่วนใหญ่จะมีปูมหลังที่พ่อช่างฝันเล็กน้อย และแม่จะเป็นผู้นำในการดูแลครอบครัว แม่ของไอน์สไตน์ปลูกฝังในตัวเขา ไม่ว่าจะทำงานอะไรก็ตาม อย่าคิดวางมือเด็ดขาดจนกว่ามันจะเสร็จ

ไอน์สไตน์ในวัยหนุ่มเป็นคนที่พึ่งตัวเองได้และช่างคิด ชอบเเรียนรู้ด้วยความสมัครใจ เขาใช้เวลาหลายชั่วโมงสร้างบ้านจากไพ่และแก้โจทย์คณิตศาสตร์ที่ซับซ้อน เขาไม่ชอบโรงเรียน ตอนแรกครูคิดว่าเขานั้นโง่ เขาใช้เวลานานในการแก้โจทย์เลขจนครูคิดว่าเขาหัวช้า แต่จริงๆแล้วเขาคิดว่าจะทำยังไงเพื่อหาวิธีที่ดีกว่าในการแก้โจทย์ เรื่องหนึ่งที่ลือกันก็คือไอน์สไตน์นั้นเรียนไม่เก่ง ที่จริงเขาเป็นนักเรียนที่เก่งมาก เขากับวิชาพีชคณิต เรขาคณิต ฟิสิกส์ คณิตศาสตร์ ตรีโกณมิติ เรขาคณิตขั้นสูง ทุกวิชาที่เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ เขาเป็นนักเรียนเกรดเอ และเมื่อไอสไตน์ได้จังหวะเล่นงานครู พวกเขาก็ไม่มีทางสู้เลย เขาจะถามคำถามครูแล้วครูก็จะหาทางคิดให้ออกแต่ก็คิดไม่ออก ปี1896 ไอน์สไตล์ออกจากบ้านและเข้าเรียนที่โปลีเทคนิคแห่งสหพันธรัฐสวิสที่ซูริค ที่เขาฝึกหัดเป็นครูฟิสิกส์และคณิตศาสตร์ ที่นี่เองที่เขาได้พบโลกเสรีทางปัญญาและยังได้พบผู้หญิงอีกด้วย

ผู้หญิงต่างรุมล้อมเขาเพราะว่าเขาหน้าตาดีมาก เขามีลักษณะของนักกวี นักดนตรี หรือนักเขียน มากกว่าจะเป็นนักวิทยาศาสตร์ ที่โปลีเทคนิคนี่เอง ไอน์สไตน์วัย 17 ปีตกหลุมรักนักศึกษามิเลว่า มาริช ซึ่งเป็นนักศึกษาฟิสิกส์จากเซอร์เบียและแก่กว่าเขา 4 ปี เธอสวยมาก ไอน์สไตล์เล่าต่อมาว่าตาของเธอดึงดูดเขา และพวกเขาก็สร้างความสัมพันธ์ที่ร้อนแรงขึ้นอย่างรวดเร็ว แม้ว่าไอน์สไตน์จะมีแฟลตของตัวเองไว้บังหน้า แต่ว่าจริงๆแล้วพวกเขานั้นอยู่ด้วยกัน พวกเขานั้นเป็นคู่กัน มิเลว่าเป็นผู้หญิงที่ไม่ธรรมดา เธอฉลาดมากและชัดเจน เป็นผู้หญิงที่กำลังศึกษาปริญญาเอกอยู่ เมื่อสมัย 100 กว่าปีก่อนถือว่าไม่ธรรมดามากๆ และมิเลว่าก็เป็นนักฟิสิกส์ที่เก่งมากๆอีกด้วย คู่รักทั้งสองเขียนจดหมายรักถึงกันและไอน์สไตน์ถึงกับแต่งกลอนให้ด้วย เขาไม่ใช่คนรักแบบทั่วไปที่เป็นแบบหวานแหวว นี่คือคนสองคนที่หลงใหลซึ่งกันและกัน แต่ก็หลงใหลในฟิสิกส์มากๆด้วย ไอน์สไตน์มีความขี้เล่นอยู่มาก เขาบอกว่าเธอสวยแค่ไหน เธออวบอัดแค่ไหน ว่าเขาจำร่างอันอบอุ่นของเธอได้ แล้วเขาก็จะเปลี่ยนไปพูดว่า ฉันเพิ่งอ่านหนังสือคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้ามา

แต่ความสัมพันธ์เริ่มมีปัญหา ทั้งสองครอบครัวต่างก็ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะดีพอสำหรับลูกของตัวเอง แม่ชาวยิวจากชนชั้นกลางของไอน์สไตน์ตกใจกับคู่ที่ลูกชายเลือก เธอเห็นว่ามิเลว่ามาจากเซอร์เบีย เป็นคนต่างชาติที่สถานะทางสังคมต่ำกว่าลูกชายเธอ ครอบครัวไอน์สไตน์โดยเฉพาะแม่ของเขาเกลียดมิเลว่า แล้วเมื่อไอน์สไตน์พูดตอนเรียนจบว่า เขาต้องการแต่งงานกับเธอ แม่ของเขาถึงกับปล่อยโฮและสะอื้นอยู่บนเตียงของเธอ แม่ของไอน์สไตน์บอกเขาว่าลูกกำลังทำลายอนาคตและทำลายโอกาสตนเอง ถ้าเธอท้องชีวิตลูกต้องยุ่งเหยิงแน่นอน ภายในไม่กี่เดือน มิเลว่าตั้งครรภ์ ในยุคนั้นการมีลูกโดยไม่ได้แต่งงาน ไม่เพียงทำลายสถานะทางสังคมของไอน์สไตน์ แต่ยังเป็นเรื่องการงานอีกด้วย ไอน์สไตน์มีทางเลือกเดียว อะไรจะมาก่อน ลูกของเขาหรือว่าการงาน?

ปี 1901 ชีวิตของไอน์สไตน์ นักฟิสิกส์วัย 22 กำลังล่มสลาย เขามีปริญญาแต่ตกงาน และแฟนของเขามิเลว่า มาริชตั้งครรภ์ การมีลูกนอกสมรสถืเป็นความอัปยศทางสังคม ไอน์สไตน์ยืนยันให้มิเลว่าไปคลอดที่บ้านพ่อกม่เธอในเซอร์เบีย ห่างไปหลายร้อยไมล์ ทารกเพศหญิงชื่อว่าลีเซล ไอน์สไตน์ไม่เคยเห็นหน้าลูกคนแรก เธออาจถูกรับไปเลี้ยงโดยใครสักคน จนถึงทุกวันนี้ชะตาของลีเซลยังคงเป็นปริศนาอยู่ ลีเซลหายไปจากบันทึกของราชการและหายไปจากชีวิตของไอน์สไตน์ เมื่อตอนอายุสองขวบเธออาจเสียชีวิตไปด้วยโรคหรือถูกส่งให้คนอื่นไปรับเลี้ยง เราไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอกันแน่ คงเป็นเรื่องน่าเจ็บปวดของทั้งสองฝ่ายที่ต้องเสียลูกไป แต่พวกเขาก็ยังคงต้องดำเนินชีวิตต่อไป

มิถนายน ปี1902 ไอน์สไตน์ได้งานที่เขาชอบ เขาได้งานเป็นผู้เชี่ยวชาญด่านเทคนิคชั้นสาม ในสำนักงานสิทธิบัตรสวิสในกรุงเบิร์น งานราชการที่มั่นคง เวลาทำงานที่มีชั่วโมงแน่นอน ทำให้มีเวลาคิดทฤษฎีของเขาในตอนค่ำและสุดสัปดาห์ และยังให้ความมั่นคงทางการเงินจนแต่งงานกับมิเลว่าได้ แต่ขั้นแรกเขาต้องเอาชนะใจพ่อแม่ของเขาก่อน ในที่สุดเขาได้รับอนุญาตจากพ่อ ตอนที่พ่อของเขานอนบนเตียงใกล้ตาย ไม่นานหลังพ่อของเขาเสียชีวิต ไอน์สไตน์แต่งงานกับมิเลว่า เธออายุ 28 ปี เขาอายุ 24 ปี ไอน์สไตน์ทำงานวันละ 8 ชั่วโมง 6 วันต่อสัปดาห์ ที่สำนักงานสิทธิบัตร พอกลับมาบ้านและทุกนาทีที่ว่างก็ทำงานทางด้านทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์ ไอน์สไตน์เป็นชายหนุ่มที่ไม่อยู่เฉยๆ ไม่มีอะไรแม้แต่ครอบครัวที่จะขวางความคิด ความใฝ่ฝันของเขาได้ ไอน์สไตน์ทำงาน งานด้านฟิสิกส์บนโต๊ะในครัว ซึ่งเงินไม่เคยพอเลย มิเลว่าก็บ่นอยู่เรื่อย

พฤษภาคม ปี1904 มิเลว่ากำเนิดลูกชายคนแรก ฮานส์อัลเบิร์ต แต่แม้มีเด็กเกิดใหม่ในบ้าน ไอน์สไตน์ก็ยังหมกมุ่นแต่งาน เขาละเลยความต้องการของภรรยายิ่งขึ้น ความฝันด้านวิชาการของเธอแตกสลายไป เธอกลายเป็นแม่เต็มเวลาที่ต้องดูแลลูกๆของเธอ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วเธออยู่แต่ในเงาของสามีเธอ มีความตึงเครียดในชีวิตสรส เขาและมิเลว่าแทบไม่ได้คุยเรื่องฟิสิกส์กันเหมือนแต่ก่อน เขากลับเลือกทำงานดึกที่สำนักงานแทน เขาเรียกมันว่า กุฎิฆราวาสที่เขาคิดค้นพัฒนาทฤษฎีวิทยาศาสตร์ได้อย่างสงบ ไอน์สไตน์เชื่อว่าความคิดเขาเริ่มเป็นรูปเป็นร่าง เขาเขียนรายงานฉบับแล้วฉบับเล่า มั่นใจว่าการอุทิศตนอย่างแน่วแน่ของเขาจะส่งผลในไม่ช้า ในปี 1905 เป็นปีที่สุดมหัศจรรย์ของไอน์สไตน์ จู่ๆเขาก็เขียนรายงานได้สี่ฉบับที่เปลี่ยนโฉมหน้าของวิทยาศาสตร์และความก้าวหน้าของมนุษย์ ทั้งสี่ฉบับนั้นถูกเขียนขึ้นห่างกันแปดสัปดาห์และมันก็ร้อนแรงมากๆ

ฉบับที่โด่งดังที่สุดคือเรื่องทฤษฎีสัมพันธภาพ และสมการที่อธิบายทฤษฎีคือ E=mc2 ไอน์สไตน์เป็นอัจฉริยะที่พอได้ความคิดที่ยอดเยี่ยมก็จะปิดตัวเองด้านอารมณ์ ย้ายอารมณ์ทั้งหมดไปที่อื่นซะ แล้วมิเลว่าก็ถูกผลักให้ห่างออกไปอีกและหายเข้าไปในเงามืด การที่เอ็ดเวิร์ดลูกคนที่สองเกิดมา ไม่ได้ช่วยชีวิตสมรสไอน์สไตน์และมิเลว่าเลย มิเลว่าไม่พอใจในความหมกมุ่นในงานของสามี ขณะที่เธอต้องอยู่บ้านกับลูกๆ เธอไม่พอใจที่เขากำลังโด่งดังกับชื่อเสียงทางวิทยาศาสตร์ แต่อาชีพของเธอกลับจบสิ้นลง เธอได้เห็นด้วยว่าความหลงใหลในตัวเธอก็จางลง เขาแยกห้องนอนและไอน์สไตน์ก็หลีกเลี่ยงที่จะแตะต้องเธอ และมิเลว่าก็พบว่าไอน์สไตน์มีมิตรภาพให้หญิงอื่น เพื่อนหญิงคนหนึ่งเขียนจดหมายถึงเขา ฟังดูเหมือนกับว่าจะนัดพบกัน แต่ว่ามิเลว่าพบจดหมายนั้นก่อน เธอออกอาการหึงหวงและเขียนจดหมายถึงสามีผู้หญิงคนนั้น และไอสไตน์ไม่พอใจมากเขาบอกว่ามิเลว่านั้นอัปลักษณ์และก็ขี้หึง

ในการเดินทางธุรกิจไปเบอร์ลินในปี 1912 ไอน์สไตน์พบกับลูกพี่ลูกน้องและเพื่อนวัยเด็ก เอลซ่า ซึ่งแก่กว่าไอน์สไตน์สามปี เธอเป็นแม่ม่ายหย่าสามีที่มีฐานะและมีลูกสาวสองคน เพราะความวุ่นวายและหึงหวงของมิเลว่า ไอน์สไตน์รู้สึกว่าเอลซ่าเหมือนอากาศบริสุทธิ์ พวกเขาเริ่มลักลอบเป็นชู้กัน ความสัมพันธ์ของไอน์สไตน์และมิเลว่าเลวร้ายจนเขาหลีกเลี่ยงการอยู่ลำพังกับเธอ ในที่สุดก็ยื่นเงื่อนไขต่างๆที่ต้องทำหากต้องการอยู่กับเขา เงื่อนไขในการอยู่ด้วยกันนั้นรุนแรงมาก ไอน์สไตน์เรียกร้องว่าเมื่อฉันพูดกับเธอ เธอต้องตอบฉันทันที แล้วถ้าฉันให้เธอออกจากห้องของฉัน เธอต้องออกไปทันที ในที่สุดสิ่งที่แน่นอนก็คือเขาจะไม่ยอมเสียสละ ถ้าเขาใช้เวลากับครอบครัวมากขึ้น มองผู้หญิงอื่นให้น้อยลง บางทีอาจจะรักษาชีวิตสมรสไว้ได้

ปี 1914 เมื่อไอน์สไตน์รับตำแหน่งอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยเบอร์ลิน มิเลว่าและลูกๆต่างก็ไปเมืองหลวงของเยอรมันนี 3 เดือนต่อมามิเลว่ากลับสวิตเซอร์แลนด์พร้อมลูกๆ แต่เธอไม่กลับไปอีก 1 เดือนต่อมาเกิดสงครามโลกครั้งที่ 1 ไอน์สไตน์ผู้รักสันติภาพอย่างจริงจังและเปิดเผย ถอยกลับเข้าห้องทดลองและทำงานวิทยาศาสตร์ต่อไป ชีวิตส่วนตัวเขาพังทลาย และที่ผ่านมาทฤษฎีที่คิดขึ้นใหม่ยังไม่ได้รับการพิสูจน์ จนเกือบสิบปีหลังจากที่เขาตีพิมพ์มันขึ้นมา ตอนต้นสงครามโลกครั้งที่หนึ่งในปี1914 ชีวิตส่วนตัวของไอน์สไตน์กำลังพังทลาย เขาแยกกันอยู่กับภรรยามิเลว่าที่อยู่กับลูกชายสองคนในสวิตเซอร์แลนด์ซึ่งเขาไม่ค่อยได้เห็นหน้า ขณะยุโรปเริ่มเข้าร่วมสงคราม ไอน์สไตน์ผู้รักสันติอย่างจริงจังขังตัวเองในห้องทำงานในกรุงเบอร์ลิน เขาบอกว่ามันบ้ามากๆ ไม่มีเหตุผลเลย คนหลายล้านจะตายโดยไร้เหตุผล มาหยุดมันให้สงครามยุติเถอะ นี่เป็นจุยืนที่ไม่เป็นที่นิยมอย่างมากในเยอรมันนีตอนนั้น แต่ว่าไอน์สไตน์ไม่สนใจ

ในปีนั้นสถาบันชั้นนำของเยอรมันนีตีพิมพ์คำประกาศเพื่อปกป้องที่เยอรมันนีรุกรานชาติอื่น ไอน์สไตน์จัดรวบรวมชื่อเพื่อสันติภาพบ้าง แต่ได้เพียงสามลายเซ็นต์เท่านั้น ไอน์สไตน์เป็นคนรักสันติเสมอมา เขาเคยเจอทหารแล้วก็กลัวมากเลยทีเดียว ตอนเป็นเด็กพอเห็นทหารเดินแถวอย่างเข้มแข็งตามถนนในเยอรมันนี เขาขอพ่อแม่ว่าอย่าให้เขาต้องโดนเกณฑ์ไปเป็นทหารเลย ไม่ว่าจะในรูปแบบใด เป็นสิ่งที่ตรงข้ามกับเขาโดยสิ้นเชิง รวมทั้งจิตวิญญาณในตัวของเขาด้วย ไอน์สไตน์ดึงตัวไปสู่โลกแห่งทฤษฎีทางฟิสิกส์ ไอน์สไตน์เก็บตัวเองอยู่กับงานที่ยิ่งใหญ่ ซึ่งตอนนั้นยังเป็นทฤษฎีสัมพันธภาพทั่วไป ทฤษฎีแรงโน้มถ่วงที่แสดงเวลาในอวกาศซึ่งยืดหยุ่นและโน้มเอียงและทำนายว่าจะมีการขยายตัวของจักรวาล หลังทำงานหนักอยู่หลายปีเพื่อพัฒนาทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์ ไอน์สไตน์ก็เหนื่อยอ่อนทั้งร่างกายและจิตใจ

ในปี1916 เขาล้มป่วย เอลซ่าลูกพี่ลูกน้องของเขาที่เริ่มเป็นชู้กันเมื่อ 4 ปีก่อนคอยพยาบาลจนเขาหายดี ความสัมพันธ์ของพวกเขาไม่ค่อยโรแมนติก เป็นแบบแม่ห่วงลูกมากกว่า และมีส่วนของการดูแลเอาใจใส่ที่เขาต้องการ เอลซ่าไม่ได้เสแสร้งในเรื่องความสำเร็จทางวิชาการ ซึ่งทำให้เขาโล่งใจหลังจากที่ได้เจอแบบมิเลว่ามา ความสัมพันธ์ของพวกเขาลึกซึ้งยิ่งขึ้น แต่ก่อนแต่งงานกันไอน์สไตน์ต้องหย่ากับมิเลว่าก่อน การหย่าของพวกเขาเจ็บปวดอย่างมากสำหรับมิเลว่า ลูกๆและก็ไอน์สไตน์เอง ครอบครัวนั้นแตกสบายจริงๆ ในการเดินทางไปเบอร์ลินซึ่งตอนนั้นเขาเป็นศาสตราจารย์ชั้นนำแล้ว เขาไปเยี่ยมลูกๆบ้างเป็นครั้งคราว เขาบอกว่าเขาร้องไห้ตลอดทางกลับบ้านหลังจากได้เจอลูก

ปี1919 เป็นจุดเปลี่ยนชีวิตการงานและชีวิตส่วนตัวของไอน์สไตน์ ปีนั้นเขาหย่ากับมิเลว่าทำให้เป็นอิสระและแต่งงานกับเอลซ่าได้ เอลซ่านั้นหน้าตาไม่ดีเท่ามิเลว่า เอลซ่าประสบความสำเร็จกับเขาเพราะเธอดูแลเขาเหมือนกับภรรยาในยุคเก่าซึ่งเป็นสิ่งที่มิเลว่าไม่อาจจะเป็นได้ เธอทำอาหารเย็น เฮฮากับเพื่อนๆ และถอยออกห่างเมื่อไอน์สไตน์มีเพื่อนหญิง ปี1919 ยังเป็นปีที่มีปรากฏการณ์ธรรมชาติที่ไม่ปกติเกิดขึ้น สุริยุปราคา เป็นเหตุการณ์ที่พิสูจน์ว่าทฤษฎีสัมพันธภาพของไอน์สไตน์นั้นถูกต้อง เป็นจุดที่เขาคิดค้นและฝันถึง เขามีที่สำหรับเขาในประวัติศาสตร์แล้ว หนึ่งในคนแรกๆที่บอกเขาน่าจะเป็นผู้หญิงที่สำคัญที่สุดในชีวิต บุคคลที่เขาเห็นว่าสำคัญที่สุดที่ต้องบอกให้ได้และเขาก็มีความสุขที่สุดที่จะได้บอกว่า ในที่สุดเขาประสบความสำเร็จอย่างล้นหลามและก็พลิกผันวงการฟิสิกส์ได้ นั่นก็คือแม่ของเขา เขาเขียนโปสการ์ดถึงเธอบอกว่า นี่ผมเพิ่งได้ยินว่าแสงดาวนั้นโค้งตอนเคลื่อนที่ผ่านดวงอาทิตย์ เป็นชัยชนะแท้จริง และทุกอย่างในการงานผมวิเศษมาก ผมมีความสุขมากที่ได้บอกแม่

ชั่วข้ามคืนไอน์สไตน์กลายเป็นคนมีชื่อเสียง ในหนึ่งปีหนังสือกว่าร้อยเล่มตีพิมพ์เรื่องทฤษฎีสัมพันธภาพ ไม่กี่คนเท่านั้นที่เข้าใจทฤษฎีนี้ว่าหมายถึงอะไร ไอน์สไตน์อธิบายไว้ในแบบที่ทุกคนเข้าใจได้ ถ้าคุณนั่งบนจานร้อนๆสักวินาที มันจะดูเหมือนนานเป็นชั่วโมง แต่ถ้าสาวสวยมานั่งบนตักของคุณหนึ่งชั่วโมงก็ดูเหมือนวินาทีเดียวเท่านั้นนั่นแหละครับสัมพันธภาพ ปี1921 ไอน์สไตน์และเอลซ่าเริ่มการเดินทางไปสู่อเมริกาเป็นครั้งแรก ที่นี่เขาได้รับการต้อนรับเยี่ยงดาราหนังหรือราชวงศ์ มีฝูงชนคอยตามเขาไปทุกที่ เอลซ่าชอบมากแต่ไอน์สไตน์ไม่ชอบเลย เขาตกใจจริงๆกับปฎิกิริยาที่เขาพบ ผู้คนมองเขาเหมือนเป็นพระเจ้า เขาเป็นบุคคลตัวอย่าง เป็นซุปเปอร์สตาร์อย่างแท้จริง มันดึงดูดสื่อมวลชนจำนวนมาก ไม่ว่าจะไปที่ไหนและนั่นทำให้เขาตกใจมาก เขาบ่นเรื่องนักข่าวที่มาตั้งแคมป์อยู่นอกประตู มันมีความวุ่นวายเกิดมากเกินไปมีคำขอสัมภาษณ์ที่มากเกินไป

ปี1922 ไอน์สไตน์ได้รับรางวัลโนเบลสาขาฟิสิกส์ 10ปีต่อมาเขาเดินทางไปทั่วโลก บรรยายการค้นพบใหม่ของเขา ให้แฟนผู้อุทิศตนหลายคนฟัง เขากลายเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของคนรุ่นนั้น แต่ที่บ้านเกิดเยอรมันนี ไอน์สไตน์ไม่ถูกมองว่าเป็นอัจฉริยะแต่เป็นเพียงคนยิวคนหนึ่ง ปี1932 ฮิตเลอร์กำลังจะกลายเป็นเผด็จการแห่งเยอรมันนี ไม่มีคนยิวคนใดปลอดภัย โดยเฉพาะคนยิวที่ดังที่สุดในโลก ไอน์สไตน์คนยิวเป็นวลีที่ใช้บ่อยมาก พรรคนาซีที่กำลังจะรุ่งจะให้เงินสนับสนุนเมื่อไอน์สไตน์ไปพูด มีเรื่องเข้าหัวของเขาว่าบางทีเขาน่าจะไปซะ มีราคาค่าหัวของไอน์สไตน์ ลือกันว่าห้าพันดอลล่าห์หรือมากกว่านั้น ไอน์สไตน์กลับบอกว่า ฉันไม่คิดว่าฉันมีค่าขนาดนั้นหรอก ยุโรปกลายเป็นสถานที่อันตราย ไอน์สไตน์รู้ว่าเขาไม่มีอนาคตที่นั่น

ปี1932 ครอบครัวไอน์สไไตน์ล่องเรือไปอเมริกา ซึ่งพวกเขาไม่เคยกลับมายุโรปอีกเลย มันชัดเจนสำหรับเขาว่า เขาจะถูกจับสังหารหรือโยนเข้าค่ายกักกันก็ได้ ไอน์สไตน์ เอลซ่าและลูกสาวสองคนของเธอไปอยู่ในอเมริกา ไม่ช้าไอน์สไตน์ก็ทำงานหนักอีกครั้งหนึ่ง ที่น่าขันก็คือด้วยกฏของธรรมชาตินี่เองที่ทำให้ไอน์สไตน์นักรักสันติภาพตัวยงค้นพบสิ่งที่ถูกนำมาใช้ช่วยสร้างอาวุธทำลายล้างขนาดใหญ่ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่มนุษยชาติเคยพบเห็นมา หลังหนีพวกนาซีในปี1932 นักวิทยาศาสตร์เจ้าของรางวัลโนเบล อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์และครอบครัวลงหลักปักฐานในอเมริกาขณะอายุ 56ปี เขารับตำแหน่งวุฒิการศึกษาขั้นสูงที่พรินซ์ตัน นิวเจอร์ซี่ เขาและภรรยาเอลซ่ากับลูกสาวของเธอสองคนที่เขารับเป็นลูก ลูกชายสายเลือดที่แท้จริงของเขาที่เขาแทบไม่เคยได้เห็นหรือพูดคุยด้วยยังอยู่ในยุโรปกับแม่

อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ชอบอเมริกา เขากลายเป็นพลเมืองอเมริกันเขารู้สึกสบายใจจริงๆในอเมริกาในแง่ที่ว่าเขามีความสงบและสันติ พรินซ์ตันเป็นที่ๆวิเศษสำหรับเขา เขาไม่ต้องรับผิดชอบด้านการสอน ไม่ต้องรับผิดชอบด้านการบริหาร เขาได้ทำอย่างที่เขาต้องการ ที่สถาบันไอน์สไตน์ได้ทำงานเรื่องทฤษฎีสนามรวม เป็นการพยายามอธิยายทุกสิ่งในธรรมชาติด้วยสมการเดียว เขาค้นหาต่อไปเพื่อความจริงอันเป็นที่สุด ความจรงที่เป็นเป้าหมาย ซึ่งเขาเชื่อว่าเข้าถึงได้โดยคณิตศาสตร์เท่านั้น แต่ไอน์สไตน์ไม่ได้อยู่ได้ด้วยงานทางวิชาการเท่านั้น เขาชอบผู้หญิงมาโดยตลอดและด้วยความที่เป็นคนดังก็มีสาวมากมายมาชอบเขา เขาไม่เคยมีขอบเขตส่วนตัว นั่นคือวิธีที่เขาใช้ชีวิต และเขาได้ชื่อว่าเป็นคนที่ฉลาดที่สุดในโลก เขามีเงินมากมาย เขาดูแลตนเองเป็นอย่างดี เขาอยู่ในสภาพที่ดีและเขาก็มีกลุ่มคนล้อมรอบเขาทุกที่ ผู้คนจะแนะนำเขาให้รู้จักผู้หญิงอยู่เสมอ แล้วเขาก็จะเชิญผู้หญิงมาที่บ้าน แล้วเขาจะสวมเสื้อคลุมอาบน้ำผ้าไหม จะคุยกับเธอ เสื้อคลุมก็จะเปิดออกโดยไม่ตั้งใจ ถ้าเธอเล่นด้วยก็ดี แต่ถ้าไม่ก็แล้วไป

มีสาวที่เด็กกว่าหลายคนที่เข้ามายุ่งเกี่ยวด้วย เอลซ่ายอมทน เธอไม่มีทางเลือก เพราะสำหรับการแต่งงานครั้งแรก ไอน์สไตน์ได้วางกฎเกณฑ์พื้นฐานในการใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน พวกเขาแยกห้องนอนกัน เขาจะคบใครก็ได้ที่เขาต้องการ ผู้หญิงจะมาในรถที่มีคนขับเพื่อไปดูโอเปร่ากับเขา อีกสองวันเขาถึงกลับบ้าน และผู้หญิงพวกนั้นต้องมีกล่องลูกอมมาฝากเอลซ่า เอลซ่าไม่พอใจเรื่องนี้แต่เธอก็ทำอะไรไม่ได้เลย เขาวิ่งไปมากับผู้หญิงมากมาย เธอไม่ได้มีความสุขเลยแม้แต่น้อย แต่ว่าเธอก็ยังยอมทนในแบบที่เธอทำใจไว้แล้ว ฤดูใบไม้ร่วงปี1935 เอลซ่าล้มป่วยหนัก 20ปีก่อนที่ไอน์สไตน์ล้มป่วย เธอพยาบาลจนเขาหายดี คราวนี้บทบาทสลับกัน ไอน์สไตน์ดูแลเธอจนวันสุดท้ายของเธอ เธอทึ่งกับความรักและการดูแลที่ไอน์สไตน์แสดงกับเธอตอนที่เธอกำลังจะตาย เอลซ่า ไอน์สไตน์เสียชีวิตในวันที่ 20 ธันวาคม ปี1936 อายุได้ 60 ปี ทั้งคู่แต่งงานได้เกือบ 17ปี หลังจากเธอตายไอน์สไตน์ก็กลับเข้าห้องทำงานทันที เขาบอกว่าเป็นทางที่ดีที่สุดที่เขาจะรับมือกับเหตุการณ์นี้

แต่งานของไอน์สไตน์โดนขัดจังหวะ เมื่อทีมนักวิทยาศาสตร์ที่อพยพมา เล่าให้เขาฟังว่า นาซีอาจกำลังค้นพบอาวุธใหม่ที่น่ากลัว เขาตระหนักว่าถ้าอวุธที่มีอำนาจสูงอย่างระเบิดปรมาณูตกอยู่ในมือของนาซี ก็จะกลายเป็นจุดจบของอารยธรรมได้และจะส่งผลให้มนุษยชาติถอยหลังกลับไปหลายศตวรรษ ยุโรปกำลังใกล้มีสงครามเข้ามา ไอน์สไตน์รู้สึกตกใจกับการยึดยุโรปของฮิตเลอร์ ไอน์สไตน์รู้ว่าลัทธินาซีเป็นตัวตนแห่งความชั่วร้าย และเขาเข้าใจว่าภายใต้สถานการณ์ที่พิเศษจริงๆ เมื่อมีความชั่วร้ายขั้นสุดยอด มันก็จำเป็นต้องใช้กำลัง ไอน์สไตน์ถูกบีบให้ต้องทิ้งความรักสันติ วันที่ 2 สิงหาคม ปี1939 ไอน์สไตน์ร่วมลงนามในจดหมายถึงประธานาธิบดีรูสต์เวล ให้ทราบถึงปรากฏการณ์ใหม่ที่จะนำไปสู่การสร้างระเบิด จดหมายนี้ช่วยให้เกิดโครงการแมนฮัตตัน เป็นการแข่งขันของอเมริกาเพื่อสร้างระเบิดปรมาณู

เขาถูกวิจารณ์ว่าไม่คงเส้นคงวา เขาอธิบายให้นักศึกษาฟังว่า ใช่ผมทำให้คุณผิดหวัง แต่เพื่อรับประกันว่าเสรีภาพให้คงอยู่ ชายคนนี้ อุดมการณ์นี้จะต้องหยุด ซึ่งเขาหมายถึงฮิตเลอร์ อเมริกันชนะการแข่งสร้างระเบิดปรมาณู และในเดือนสิงหาคม ปี1945 พวกเขาทิ้งระเบิดสองลูกใส่ที่ฮิโรชิม่าและนางาซากิ กว่าสองแสนคนเสียชีวิต เมื่อไอน์สไตน์ได้ยินข่าว เขาถึงกับทรุดลงแล้วบอกว่า ฉันน่าจะเผานิ้วของฉันที่เขียนจดหมายนั่นถึงประธานาธิบดีรูสต์เวล สำหรับทั่วโลกไอน์สไตน์เป็นที่รู้จักกันดีว่าเป็นบิดาแห่งระเบิดปรมาณู พลังงานเท่ากับมวล นั่นคือหลักพื้นฐานของระเบิดปรมาณู แต่ต้องพูดถึงความเข้าใจว่า คุณต้องเปลี่ยนมวลเล็กน้อยให้เป็นพลังงานจำนวนมากแล้วทำให้ทั้งเมืองราบนั้นเป็นสิ่งที่ไอน์สไตน์ไม่เคยทำ เขาไม่เคยทำงานเรื่องปรมาณูหรือโครงการปรมาณูเลย

ความน่ากลัวของฮิโรชิม่าและนางาซากิคอยตามหลอน เขาคอยรณรงค์ต่อต้านการใช้อาวุธทำลายล้างสูงอย่างระเบิดปรมาณู ปี1949 อยู่ที่พรินซ์ตัน นิวเจอร์ซี่ ตอนรัสเซียทดลองระเบิดนิวเคลียร์ลูกแรก อเมริกาโดนความกลัวคอมิวนิสต์เข้าเกาะกุม หัวหน้าเอฟบีไอคนหนึ่งคิดว่าอัลเบิร์ต ไอน์สไตน์เป็นคอมมิวนิสต์และคิดล้มล้างประเทศ เอฟบีไอได้เก็บข้อมูลเกี่ยวกับไอน์สไตน์และความคิดทางการเมืองมาหลายสิบปี พวกเขากล่าวหาไอน์สไตน์ว่าเขาเหมาะกับองค์กรคอมมิวนิสต์ยิ่งกว่าโจเซฟ สตาร์ลินซะอีก ไอน์สไตน์ถูกสอดแนมอย่างใกล้ชิดและถูกดักฟังทางโทรศัพท์ เรื่องราวทั้งหมดนั้นเป็นความลับ แต่ไอน์สไตน์นั้นยิ่งใหญ่พอและไม่สนใจว่ามีคนคิดกับเขาอย่างไร เขาเป็นชายที่มีความมั่นใจส่วนตัวมากๆ มีคนถามเขาว่าอะไรจะเป็นอาวุธหลักของสงครามโลกครั้งที่สาม เขาตอบว่าเขาไม่รู้ แต่รับประกันได้ว่าอาวุธหลักของสงครามโลกครั้งที่ 4 คือไม้กอล์ฟ ไม่มีอะไรเหลือ อารยธรรมจะถูกทำลาย

ปี 1955 ไอน์สไตน์ลงชื่อในคำร้องให้ล้มเลิกการผลิตอาวุธปรมาณูและสงคราม เขาบอกว่าตอนนี้เราต้องเขาหาพลเรือนเพื่อควบคุมอาวุธนิวเคลียร์ เข้าหาองค์กรระหว่างประเทศ รัฐบาลควรจะร่วมมือเพื่อเข้าสู่สันติภาพ แทนที่จะมุ่งสู่สงคราม เขาเป็นสัญลักษณ์ของศตวรรษที่20 แต่ในฐานะผู้ชาย เขาทำให้ครอบครัวผิดหวัง ความรักในวิทยาศาสตร์ของไอน์สไตน์ไม่เคยลดลง เขายังคงทำงานทุกวันเกี่ยวกับทฤษฎีของเขา จนวันที่ 18 เมษายน ปี1955 ตอนที่เขาเข้าโรงพยาบาลบ่นว่าเจ็บหน้าอกเป็นปัญหาที่ร้ายแรงที่อาจรักษาได้ เขาไม่ยอมผ่าตัดซึ่งอาจจะช่วยรักษาเขาได้ เขากลับบอกว่าพอแล้ว ฉันได้ทำงานในส่วนของฉันแล้ว ถึงเวลาต้องไปอย่างสวยงามสักที ไอน์สไตน์เสียชีวิตต่อมาในวันนั้น เขาอายุ 76ปี นักวิทยาศาสตร์ผู้ยิ่งใหญ่แห่งโลกยุคใหม่ เขาไม่ต้องการพิธีการใหญ่โต เพื่อทำตามคำขอของเขา ศพของไอน์สไตน์ถูกเผาและอัฐิถูกโปรยลงในสถานที่ที่ไม่มีใครรู้ มรดกของไอน์สไตน์ก็คือแรงบันดาลใจ คือคนที่ประสบความสำเร็จในสิ่งที่ผู้คนไม่ค่อยกล้าที่จะทำ ไม่มีใครเหมือนเขามาก่อน เขาเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่เป็นที่รู้จักตลอดกาล

เรื่องราวน่ารู้เรียบเรียงจากสารคดีคุณภาพในรูปแบบบทความ
กดถูกใจแฟนเพจเพื่อติดตามและอัพเดตบทความใหม่ๆ คลิกเลย


กดถูกใจ ANYAPEDIA

20 ประโยชน์ของน้ำมันกัญชา


มีการถกเถียงกันมากมายเกี่ยวกับน้ำมัน CBD ในหมู่ผู้คนในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ตัวอย่างเช่น บางคนเชื่อว่ามีผลข้างเคียงบางอย่างเมื่อใช้แล้ว พวกเขาคิดว่ามันไม่ปลอดภัยสำหรับการบริโภค ในทางกลับกัน คนอื่นสนับสนุนการใช้งานเนื่องจากประโยชน์ต่อสุขภาพที่สามารถให้ได้ หากคุณอยู่ในกลุ่มแรก เห็นได้ชัดว่าคุณยังเพิกเฉยต่อประโยชน์ที่น้ำมัน CBD สามารถมอบให้ได้เมื่อใช้แล้ว

น้ำมันกัญชามีประโยชน์ต่อผิว
คุณรู้หรือไม่ว่าน้ำมัน CBD สามารถช่วยปรับปรุงผิวของคุณได้หลายวิธี? คุณเคยใช้จ่ายเงินเพื่อกำจัดสภาพผิวที่ผิดปกติเช่นโรคสะเก็ดเงินและสิวหรือไม่? ยาส่วนใหญ่ที่แพทย์สั่งมักจะมีผลข้างเคียงบางอย่าง แม้ว่าจะไม่เป็นเช่นนั้น แต่คุณก็อาจต้องดิ้นรนเพื่อซื้อยาดังกล่าว วิธีที่ดีที่สุดคือการใช้สารละลายจากธรรมชาติ เช่น น้ำมัน CBD พบว่ามีประสิทธิภาพในการรักษาสิวเป็นอย่างมาก ด้วยการใช้งาน คุณจะรู้สึกมั่นใจอีกครั้งในที่สาธารณะเกี่ยวกับผิวของคุณ นอกจากการรักษาสภาพเหล่านี้แล้ว ยังช่วยให้ผิวของคุณดูอ่อนกว่าวัยอีกด้วย

น้ำมันกัญชามีประโยชน์ต่อเส้นผม
มีจำนวนมากของผลประโยชน์ผมของคุณจะสัมผัสได้เป็นโดยใช้น้ำมัน CBD ตัวอย่างเช่น มีการค้นพบว่าทำให้ผมหนาขึ้นและยาวขึ้น เนื่องจากมันช่วยให้หนังศีรษะของคุณได้รับการหล่อเลี้ยงด้วยกรดไขมันและวิตามินอีในปริมาณที่สูง ประโยชน์อีกอย่างที่มีในเรื่องนี้คือช่วยให้ผมของคุณยังคงความเรียบร้อย ความมันตามธรรมชาติจะส่งผลต่อหนังศีรษะของคุณอย่างมาก เมื่อเกิดเหตุการณ์นี้มีโอกาสลดลงของผมประสบรังแคของคุณ คุณรู้หรือไม่ว่า CBD มีคุณสมบัติต้านจุลชีพ? สิ่งนี้มีหน้าที่ตรวจสอบให้แน่ใจว่าหนังศีรษะของคุณไม่ติดเชื้อ

น้ำมันกัญชาการพัฒนาสมอง
นี่เป็นอีกหนึ่งคุณประโยชน์ที่ยอดเยี่ยมของน้ำมัน CBD จากการศึกษาพบว่าสามารถช่วยลดความวิตกกังวลและภาวะซึมเศร้าได้ในระดับที่ดี ทำได้โดยส่งผลต่อเซโรโทนิน นอกจากนี้ยังสามารถช่วยปกป้องสมองจากโรคอัลไซเมอร์ ซึ่งเป็นภาวะผิดปกติที่เกี่ยวข้องกับความบกพร่องทางสติปัญญาและพฤติกรรม นอกจากนี้ยังพบว่าเซลล์สมองสามารถพัฒนาได้ด้วยการบริโภคน้ำมัน CBD เป็นประจำ ซึ่งจะช่วยลดปัญหาความจำเสื่อมได้

น้ำมันกัญชาลดอาการปวดข้อ
คนส่วนใหญ่ที่อายุเกิน 40 ปี (โดยเฉพาะผู้หญิง) มักมีอาการปวดข้อ เมื่อคุณมีข้อต่ออักเสบ สิ่งเหล่านี้อาจนำไปสู่อาการตึง แดง บวม และเจ็บปวด โรคบางอย่างที่อาจส่งผลต่อข้อต่อของคุณ ได้แก่ โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์, โรคข้อเข่าเสื่อม, โรคข้อเข่าเสื่อม, โรคเด็กและเยาวชนไม่ทราบสาเหตุ, โรคลูปัสและโรคถุงลมโป่งพอง อย่างไรก็ตาม ด้วยการใช้น้ำมัน CBD สิ่งเหล่านี้สามารถรักษาได้อย่างมีประสิทธิภาพเพื่อให้แน่ใจว่าข้อต่อของคุณจะไม่รู้สึกเจ็บปวดอีกต่อไป มันมีประสิทธิภาพมากกับโรคข้ออักเสบ

น้ำมันกัญชามีประโยชน์ของการต่อต้านริ้วรอย
สัญญาณของความชราอย่างหนึ่งก็คือ ผิวของคุณจะเริ่มสูญเสียคอลลาเจน จึงทำให้มีเสน่ห์น้อยลง การแก่ชราอาจเป็นเรื่องธรรมชาติ แต่บางครั้งก็น่าอาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อผิวของคุณเคยเป็นที่อิจฉาของผู้อื่น ไม่จำเป็นต้องกังวลว่าจะจัดการกับปัญหานี้อย่างไร เนื่องจากสามารถทำได้อย่างเป็นธรรมชาติและมีประสิทธิภาพมากที่สุด หมายความว่าไม่มีผลข้างเคียงหรือภาวะแทรกซ้อนในระยะยาว การใช้น้ำมัน CBD สามารถช่วยให้ผิวของคุณคงความอ่อนเยาว์อยู่เสมอ สามารถช่วยในการชะลอการสูญเสียคอลลาเจน นอกจากนี้ การติดเชื้ออย่างสิวและโรคสะเก็ดเงินที่กล่าวข้างต้นสามารถทำให้ผิวของคุณแก่เร็ว วิธีการแก้ปัญหาตามธรรมชาตินี้สามารถช่วยได้ในวันนี้ ริ้วรอยลดลงตามการใช้งาน

น้ำมันกัญชาเป็นสิ่งที่ดีสำหรับนักกีฬา
ในฐานะที่เป็นนักกีฬาที่มีข้อสงสัยว่าคุณจะต้องเริ่มต้นที่การบริโภคน้ำมัน CBD อย่างต่อเนื่องเพราะผลประโยชน์ต่อสุขภาพที่จะสามารถช่วยไม่ให้ในระหว่างการออกกำลังกายของคุณ ตัวอย่างเช่น โปรแกรมการออกกำลังกายที่เข้มข้นสามารถทำให้เกิดอาการปวดข้อได้ นอกจากนี้ กล้ามเนื้อของคุณยังมีความเครียดอยู่ ซึ่งอาจส่งผลในระยะยาวหากไม่ได้รับการจัดการอย่างเหมาะสม น้ำมัน CBD สามารถช่วยลดความเจ็บปวดที่มาพร้อมกับโปรแกรมการออกกำลังกายที่เข้มข้น นอกจากนี้ยังช่วยให้มั่นใจได้ถึงการคงตัวของกล้ามเนื้อ ซึ่งจะทำให้ประสิทธิภาพโดยรวมดีขึ้นสำหรับนักกีฬา ไม่เคยได้รับการฝึกฝนทางกายภาพที่หนักหน่วงหรือรุนแรงโดยไม่ใช้วิธีธรรมชาตินี้

ขอแนะนำน้ำมันกัญชาสำหรับเด็ก
มีหลายวิธีที่น้ำมัน CBD สามารถช่วยเด็กๆได้ ตามที่การศึกษาได้แสดงให้เห็นในช่วงที่ผ่านมา คุณมีลูกที่นอนหลับยากในเวลากลางคืนหรือไม่? นี่เป็นหนึ่งในประโยชน์ที่ได้รับจากน้ำมัน CBD นอกจากนี้ยังสามารถช่วยในการรักษาสภาวะผิดปกติเช่นสมาธิสั้นและความวิตกกังวล นอกจากนี้ยังพบว่ามีประสิทธิภาพมากในเด็กที่เป็นออทิสติกเพราะสามารถบรรเทาอาการบางอย่างได้ สุดท้ายสามารถช่วยในการจัดการอาการชักในเด็กได้อย่างมีประสิทธิภาพ

น้ำมันกัญชากระตุ้นการเจริญเติบโตของเครา
โดยส่วนใหญ่แล้ว คุณถูกทำให้เชื่อว่าการไว้เคราที่สวยงามนั้นเกี่ยวข้องกับการใช้เงินจำนวนมากเพื่อซื้อครีมที่ซับซ้อน ส่วนที่แย่ที่สุดคือคุณไม่รู้ด้วยซ้ำว่าครีมเหล่านี้ผสมกันอย่างไร เพราะครีมบางชนิดอาจก่อให้เกิดอันตรายมากกว่าผลดี หนึ่งในตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับหนวดเคราที่หยาบกร้านคือการใช้น้ำมัน CBD ประกอบด้วยกรดไขมันซึ่งเป็นที่รู้จักว่ามีประสิทธิภาพในการเสริมสร้างเส้นผมที่เปราะบาง คุณสมบัติการสร้างโปรตีนสามารถช่วยในเรื่องดังกล่าวได้ น้ำมัน CBD ไม่เพียงแต่ช่วยให้หนวดเครายาวขึ้นและฟูขึ้นเท่านั้น นอกจากนี้ยังสามารถลดการแตกหักได้ทุกรูปแบบ

ประโยชน์ของน้ำมันกัญชาสำหรับทันตกรรม
ฟันผุเป็นปัญหาที่พบบ่อยในหมู่คนในกลุ่มอายุต่างๆ นอกจากจะทำให้เกิดความเจ็บปวดถาวรแล้ว ยังมีผลกระทบอื่นๆ ที่ผู้ป่วยสามารถทนทุกข์ได้ สิ่งเหล่านี้อาจทำให้สูญเสียความกระหายและการนอนหลับ เมื่อไม่ได้รับการรักษาที่ดี สุขภาพโดยรวมของคุณก็มีแนวโน้มที่จะได้รับผลกระทบ น้ำมัน CBD มีคุณสมบัติต้านการอักเสบ ทำให้มีประโยชน์สำหรับปัญหาฟันผุที่มีน้อย มีบางกรณีที่ความเสียหายสามารถกลับรายการได้ สำหรับปัญหาฟันผุที่สำคัญ ขอแนะนำให้พบทันตแพทย์มืออาชีพ

น้ำมันกัญชามีประโยชน์ต่อโรคต้อหิน
นี่เป็นข้อดีอีกอย่างหนึ่งของน้ำมัน CBD ที่คนส่วนใหญ่ยังไม่รู้ มีความเชื่อว่าน้ำมัน CBD ไม่สามารถช่วยผู้ป่วยที่มีปัญหาด้านการมองเห็นได้ สิ่งนี้ไม่เป็นความจริง แต่อย่างใด เนื่องจากผู้เชี่ยวชาญเริ่มยืนยันว่าจะเป็นประโยชน์ต่อการรักษารูปแบบหนึ่งได้อย่างไร ตัวอย่างเช่น ผู้เชี่ยวชาญบางคนอ้างว่าน้ำมัน CBD มีประสิทธิภาพมากสำหรับอาการของโรคต้อหินที่ไม่รุนแรง คาดว่าจะมีการศึกษาเพิ่มเติมเนื่องจากหัวข้อนี้ยังคงเป็นที่ถกเถียงกันในหมู่ผู้เชี่ยวชาญ

น้ำมันกัญชาสามารถช่วยลดน้ำหนักได้
น้ำมัน CBD มีประสิทธิภาพมากในการลดน้ำหนักด้วยวิธีที่ปลอดภัยที่สุด สิ่งนี้ถูกค้นพบในการศึกษาที่ดำเนินการที่มหาวิทยาลัยเร้ดดิ้ง น้ำมัน CBD ถูกใช้ในหนูและในที่สุดก็พบว่าพวกมันลดน้ำหนัก สาเหตุของโรคอ้วนมี 2 สาเหตุหลัก คือ การแสดงออกของโปรตีนและยีน จากการศึกษาพบว่าน้ำมัน CBD สามารถช่วยในการควบคุมสาเหตุเหล่านี้ได้ มีโปรตีนในร่างกายของคุณที่สามารถสร้างเซลล์ไขมันและการสร้างไขมันได้ น้ำมัน CBD สามารถยับยั้งกิจกรรมดังกล่าวได้ นอกจากนี้ยังช่วยให้ร่างกายของคุณเผาผลาญแคลอรีได้มากขึ้น

น้ำมันกัญชาการรักษาภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศ
การหย่อนสมรรถภาพทางเพศเกิดขึ้นเมื่อการแข็งตัวของคุณไม่แน่นพอ อาจส่งผลต่อการแสดงของคุณระหว่างมีเพศสัมพันธ์ นี่เป็นปัญหาทั่วไปในผู้ชายส่วนใหญ่ และสาเหตุหลักประการหนึ่งคือความเครียด การไหลเวียนของเลือดที่ไม่เหมาะสมในองคชาตของคุณอาจส่งผลต่อการแข็งตัวของคุณในระหว่างการมีเพศสัมพันธ์ การใช้น้ำมัน CBD ช่วยให้เลือดไหลเวียนได้ดีในบริเวณดังกล่าว พูดง่ายๆ ก็คือ มันสามารถทำให้คุณมีเซ็กส์ได้นานขึ้น ต้องการปรับปรุงชีวิตเพศของคุณ แต่ไม่รู้จะทำอย่างไร? ลองใช้วิธีแก้ปัญหาตามธรรมชาติวันนี้เพื่อการเปลี่ยนแปลง

น้ำมันกัญชาแก้ปัญหาโรคโครห์น
โรคโครห์นเป็นภาวะผิดปกติที่ทางเดินอาหารของคุณเริ่มมีอาการอักเสบ ซึ่งจะนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อน เช่น การขาดสารอาหาร น้ำหนักลด เหนื่อยล้า ท้องร่วง และปวดท้อง ปัญหาเหล่านี้อาจทำให้ผู้ป่วยรู้สึกไม่สบาย ลักษณะหนึ่งของโรคนี้คือคนมักจะมีอาการต่างกัน อย่างไรก็ตาม มีการค้นพบน้ำมัน CBD เพื่อช่วยลดอาการของโรคโครห์น เนื่องจากมีคุณสมบัติต้านการอักเสบ โปรดทราบว่าไม่มีผลต่อการอักเสบของลำไส้ ดังนั้นควรไปพบแพทย์หากคุณมีอาการดังกล่าว

น้ำมันกัญชาสามารถช่วยผู้ป่วยมะเร็งเม็ดเลือดขาวได้
มะเร็งเม็ดเลือดขาวเป็นภาวะผิดปกติที่เกิดจากการเจริญเติบโตอย่างผิดปกติของเซลล์เม็ดเลือดขาว เป็นมะเร็งเม็ดเลือดรูปแบบหนึ่งที่เซลล์เม็ดเลือดแดงกำลังถูกเซลล์เม็ดเลือดขาวในร่างกายของคุณเอาชนะ รายงานระบุว่าผู้คนกว่า 60,000 คนได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคนี้ทุกปี รูปแบบการรักษาที่ดีที่สุดคือการป้องกันไม่ให้เซลล์เม็ดเลือดขาวเติบโต นี่คือสิ่งที่น้ำมัน CBD สามารถช่วยได้ สามารถช่วยในการฆ่าเซลล์ แม้แต่มะเร็งตับก็สามารถป้องกันได้ด้วยสารอินทรีย์นี้

น้ำมันกัญชารักษาโรคพาร์กินสัน
นี่เป็นอีกหนึ่งหน้าที่ที่มีประสิทธิภาพของน้ำมัน CBD มีคุณสมบัติป้องกันระบบประสาทและสามารถต่อสู้กับความวิตกกังวลได้ นอกจากนี้ ประสิทธิภาพในการให้ประโยชน์ของสมองทำให้เหมาะสำหรับการรักษาโรคพาร์กินสัน ภาวะนี้เป็นที่ทราบกันดีว่ามาพร้อมกับโรคจิต ซึ่งเป็นภาวะที่พบว่าน้ำมัน CBD รักษาได้อย่างมีประสิทธิภาพ

น้ำมันกัญชาแก้ปวดประจำเดือน
บางคนอธิบายว่าน้ำมันกัญชา ช่วยลดอาการปวดประจำเดือนได้อย่างไร ดังนั้น หากคุณเริ่มรู้สึกปวดระหว่างมีประจำเดือน ก็สามารถพิสูจน์ได้ว่าเป็นทางออกที่สมบูรณ์แบบ สาเหตุหลักประการหนึ่งคือคุณสมบัติต้านการอักเสบ สิ่งเหล่านี้ช่วยป้องกันไม่ให้ความเจ็บปวดเกิดขึ้น นอกจากนี้ยังสามารถช่วยในปัญหาอื่นๆ ของผู้หญิง เช่น กลุ่มอาการก่อนมีประจำเดือน โรคข้อเข่าเสื่อม และไฟโบรมัยอัลเจีย

น้ำมันกัญชาปรับปรุงระบบสืบพันธุ์
นี่เป็นหนึ่งในเหตุผลที่แนะนำให้ใช้น้ำมัน CBD สำหรับทั้งชายและหญิง ภาวะปลอดเชื้อในผู้ชายเกิดขึ้นเมื่ออสุจิไม่สามารถปฏิสนธิกับไข่ได้ สำหรับผู้หญิงมีปัญหาเรื่องการทำงานของรังไข่ต่ำและการเจริญเต็มที่ของรูขุมขน เมื่อปัญหาเหล่านี้ไม่ได้รับการแก้ไขในทันที ก็จะยิ่งแย่ลงและซับซ้อนขึ้น น้ำมันกัญชาเพิ่มสมรรถนะทางเพศ มีประสิทธิภาพมากในการช่วยรักษาปัญหาข้างต้น ตัวอย่างเช่น สามารถช่วยเพิ่มจำนวนอสุจิของคุณตามธรรมชาติ เมื่อสิ่งนี้เกิดขึ้น ไข่จะผสมพันธุ์ได้

น้ำมันกัญชาแก้ปัญหาสำหรับโรคฮาชิโมโตะ
โรคของฮาชิโมโตะเป็นภาวะที่ระบบภูมิคุ้มกันโจมตีต่อมไทรอยด์ในร่างกายของคุณ อาจทำให้เกิดอาการต่างๆ เช่น ปวด ผมร่วง ผิวแห้ง เหนื่อยล้า ท้องผูก ลิ้นขยายใหญ่ และอื่นๆ อีกมากมาย ภาวะนี้ไม่เพียงแต่ทำให้เกิดการอักเสบรุนแรงเท่านั้น แต่ยังทำให้ต่อมไทรอยด์ของคุณไม่ทำงานอีกด้วย วิธีหนึ่งในการต่อสู้กับปัญหานี้คือการทำให้ระบบภูมิคุ้มกันถูกระงับ มีการค้นพบน้ำมัน CBD การทำเช่นนี้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังสามารถแก้ไขได้ด้วยคุณสมบัติต้านการอักเสบ สุดท้าย น้ำมัน CBD สามารถช่วยบรรเทาอาการปวดที่เกิดจากโรคของ Hashimoto ตามอาการข้างต้นได้

น้ำมันกัญชาประโยชน์ต่อโรคไบโพลาร์
โรคไบโพลาร์เกิดขึ้นเมื่อบุคคลเริ่มมีอารมณ์แปรปรวน นอกจากนี้ยังสามารถเรียกได้ว่าเป็นภาวะซึมเศร้าที่คลั่งไคล้และมีอาการต่างๆ สิ่งเหล่านี้อาจเป็นอารมณ์ที่ต่ำและสูงอย่างรุนแรง การเปลี่ยนแปลงของพลังงาน ความคิด พฤติกรรม และการนอนหลับ บุคคลที่ได้รับผลกระทบอาจรู้สึกสิ้นหวังและเศร้าเป็นส่วนใหญ่ น้ำมัน CBD สามารถเล่นบทบาทของยากล่อมประสาท สามารถช่วยรักษาปัญหาต่างๆ เช่น ความวิตกกังวลและภาวะซึมเศร้า ซึ่งช่วยให้อารมณ์ของคุณคงที่ นี่เป็นวิธีที่ดีและมีประสิทธิภาพในการบรรเทาภาวะซึมเศร้า

น้ำมันกัญชาสามารถช่วยสัตว์เลี้ยงของคุณได้
คุณรู้หรือไม่ว่าสัตว์เลี้ยงของคุณสามารถได้รับประโยชน์จากน้ำมัน CBD ได้หลายวิธี? สามารถใช้เพื่อแก้ไขปัญหาสุขภาพต่างๆ ที่สัตว์เลี้ยงของคุณอาจประสบอยู่ในขณะนี้ อาการเหล่านี้อาจเป็นอาการปวดข้อ ความเครียด ความวิตกกังวล อาการชัก ปัญหาทางเดินอาหาร และการอักเสบ สิ่งที่คุณต้องทำคือตรวจสอบให้แน่ใจว่าน้ำมัน CBD เป็นผลิตภัณฑ์ออร์แกนิก 100% เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

สตีเฟ่น ฮอว์คิง (Stephen Hawking) กับคำถามสำคัญของเอกภพ

สตีเฟ่น ฮอว์คิง (Stephen Hawking) กับคำถามสำคัญของเอกภพ

สตีเฟ่น ฮอว์คิง (Stephen Hawking) กับคำถามสำคัญของเอกภพ


"ไม่มีอะไรจะใหญ่และอายุมากไปกว่าเอกภพ คำถามที่ผมจะพูดถึงในวันนี้คือ ข้อหนึ่ง เรามาจากไหน? เอกภพเกิดขึ้นได้อย่างไร เราโดดเดี่ยวในเอกภพหรือไม่ มีสิ่งมีชีวิตอื่นไหมในห้วงอวกาศ? อนาคตของมนุษยชาติจะเป็นอย่างไร? ก่อนช่วงทศวรรษ 1920 ทุกคนเชื่อว่าเอภพต้องคงที่และไม่เปลี่ยนแปลงตามกาลเวลา ภายหลังจึงพบว่าแท้จริงเอกภพกำลังขยายตัว แกแล็กซี่อื่นกำลังเคลื่อนตัวออกห่างเรา หากคิดย้อนกลับไป จะถึงจุดหนึ่งที่เราเคยอัดกันกว่าปลากระป๋องเมื่อ 15,000 ล้านปีที่แล้ว นั่นคือบิ๊กแบง จุดเริ่มต้นของเอกภพ ว่าแต่ มีอะไรก่อนบิ๊กแบงหรือไม่ หากไม่มี อะไรสร้างเอกภพขึ้นมา? ทำไมเอกภพจึงเกิดจากบิ๊กแบงในลักษณะนั้น? เราเคยคิดว่าทฤษำกำเนิดเอกภพ สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ส่วน ส่วนแรกคือ กฎฟิสิกส์ต่างๆ เช่น สมการแมกซ์เวลล์และสัมพันธภาพทั่วไปที่กำหนดวิวัฒนาการเอกภพกำหนดสภาวะให้ทุกอณูเอกภพชั่วขณะพร้อมกัน และส่วนที่สองที่เลี่ยงไม่ได้เลยก็คือสภาวะแรกเริ่มของเอกภพ



เราก้าวหน้าไปได้ดีในส่วนแรก เราเข้าใจกฎวิวัฒนาการในทุกสภาพการณ์เว้นก็แต่ที่สุดโต่งที่สุด แต่สำหรับสภาวะแรกเริ่มของเอกภพนั้น เราเคยเข้าใจมันน้อยมาก อย่างไรก็ตาม การแบ่งทฤษฎีออกเป็นสองส่วนคือ กฎวิวัมนาการ และ สภาวะตั้งต้นนั้นถือว่าเวลาและอวกาศเป็นคนละสิ่งที่แยกขาดกัน แต่ในสภาวะสุดโต่งนั้น อิทธิพลของสัมพันธภาพทั่วไปร่วมกับทฤษฎีควอนตัมส่งผลให้เวลาเสมือนเป็นมิติหนึ่งของอวกาศ แปลว่าวลาและอวกาศมิใช่สิ่งที่แยกขาดจากกันอีกต่อไป ทำให้กฎวิวัฒนาการสามารถระบุสภาวะแรกเริ่มของเอกภพได้ หมายความว่าเอกภพสามารถสร้างตัวขึ้นมาโดยไม่ต้องมีอะไรอยู่ก่อน เรายังคำนวณความน่าจะเป็นได้ว่าเมื่อแรกกำเนิดนั้นเอกภพมีสภาพต่างจากนี้ ซึ่งผลคำนวณนี้สอดคล้องเป็นอย่างดีกับผลสังเกตการณ์จากดาวเทียม WMAP ในการตรวจวัดรังสีไมโครเวฟพื้นหลังของจักรวาลซึ่งเป็นภาพประทับของเอกภพช่วงแรกกำเนิด เราเชื่อว่าเราไขปริศนากำเนิดสรรพสิ่งงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว บางทีน่าจดสิทธิบัตรเอกภพไว้แล้วเก็บค่าธรรมเนียมทุกคนสำหรับการมีตัวตนนะครับ

ขอเข้าสู่คำถามสำคัญข้อที่สองนะครับ เราโดดเดี่ยว หรือมีสิ่งมีชีวิตอื่นอีกในเอกภพ? เราเชื่อว่าชีวิตกำเนิดขึ้นเองบนโลก ดังนั้นต้องเป็นไปได้ที่จะเกิดสิ่งมีชีวิตบนดาวเคราะห์อื่นที่อำนวยซึ่งมีอยู่ไม่น้อยในแกแล็กซี่นี้ แต่เราก็ไม่รู้ว่าชีวิตเริ่มปรากฎได้อย่างไร เราค้นพบหลักฐานอยู่สองชิ้นที่บ่งชี้ความน่าจะเป็นของการเกิดสิ่งมีชีวิต ชิ้นแรกคือฟอสซิลสาหร่ายอัลจี จากเมื่อ 3,500 ล้านปีที่แล้ว โลกถือกำเนิดเมื่อ 4,600 ล้านปีที่แล้ว ความร้อนน่าจะยังสูงไปในช่วง 500 ล้านปีแรก ซึ่งหมายความว่าชีวิตแรก ปรากฎขึ้นภายในช่วง 500 ล้านปีถัดมา ถือว่าเร็วเมื่อเทียบอายุไข 10,000 ล้านปี ของดาวเคราะห์อย่างโลก แสดงให้เห็นความน่าจะเป็นในการเกิดสิ่งมีชีวิตค่อนข้างสูง หากความน่าจะเป็นต่ำแล้ว คงกินเวลาจนเกือบครบอายุขัย 10,000 ล้านปีของโลก กว่าชีวิตจะถือกำเนิด แต่อีกมุมหนึ่ง ก็ยังไม่เห็นมนุษย์ต่างดาวที่ไหนแวะมาเยือนโลก ไม่นับรายงานการพบเห็น UFO นะครับ ทำไมผู้พบเห็น UFO มักสติเฟื่องไม่เต็มบาท หากรัฐบาลสมรู้ร่วมคิดที่จะปิดข่าวและปกปิดความรู้ทางวิทยาศาสตร์ที่มากับมนุษย์ต่างดาวจริง ก็เป็นนโยบายที่ไร้ประสิทธิภาพเกินไป นอกจานี้ แม้โครงการ SETI จะค้นหาสิ่งมีชีวิตนอกโลกมายาวนาน เราก็ยังไม่เคยรับโทรทัศน์ช่องเกมโชว์ของมนุษย์ต่างดาวได้เลยสักครั้ง อาจเป็นเพราะยังไม่มีดาวดวงใด มีอารยธรรมใกล้เคียงกับเราในรอบรัศมีสองสามร้อยปีแสงนี้ ใครมีประกันให้พวกที่กลัวมนุษย์ต่างดาวลักพาตัวไป มั่นใจได้เลย ไม่มีขาดทุน

มาสู่คำถามสำคัญข้อสุดท้าย อนาคตของมนุษยชาติ หากเราเป็นสิ่งมีชีวิตทรงภูมิปัญญาเดียวในแกแล็กซี่นี้ เราต้องแน่ใจว่าเราจะอยู่รอดและดำรงชีวิตต่อได้ นี่เรากำลังก้าวสู่ยุคที่อันตรายขึ้นเรื่อยในประวัตืศาสตร์มนุษยชาติ ปริมาณประชากรและการใช้ทรัพยากรธรรมชาติสูงขึ้นทวีคูณ ไปพร้อมกับเทคโนโลยีที่สามารถส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมให้ดีขึ้นหรือเลวลงได้ทั้งนั้น แต่ในรหัสพันธุกรรม เรายังคงเห็นแก่ตัวและมีสัญชาตญาณความรุนแรงที่เคยเป็นประโยชน์ต่อการอยู่รอดในอดีต ยากพอควรที่จะหลีกเลี่ยงหายนะที่จะเกิดขึ้น ในอีกร้อยปีข้างหน้า ไม่ต้องกล่าวถึงอีกพันปีหรือล้านปี โอกาสเดียวที่เราจะอยู่รอดในระยะยาวคือเราต้องไม่ปิดกั้นตัวเองแค่บนโลก เราต้องเดินทางสู่ห้วงอวกาศ การที่เราสามารถตอบคำถามสำคัญเหล่านี้ได้ แสดงถึงความก้าวหน้าครั้งใหญ่ในช่วงร้อยปีที่ผ่านมา แต่หากเราต้องการดำรงเผ่าพันธุ์ให้พ้นร้อยปีข้างหน้า ทางรอดคือห้วงอวกาศครับ

ผมจึงสนับสนุนให้มนุษย์ออกเดินทางสู่อวกาศ หรือว่าต้องเรียกว่าประชากรอวกาศดีครับ ตลอดชีวิตผมแสวงหาที่จะเข้าใจเอกภพและพยายามที่จะตอบคำถามเหล่านี้ ผมโชคดีมากที่ความพิการของผมไม่รุนแรงมากนัก แท้จริงแล้ว อาจเป็นความพิการนี้เองที่ทำให้ผมมีเวลามากกว่าผู้อื่นในการแสวงหาความรู้ เป้าหมายที่สูงสุดคือทฤษฎีที่สมบูรณ์ของเอกภพ และเรากำลังก้าวหน้าไปได้ดี ขอบคุณที่ตั้งใจฟังครับ"

ศาสตราจารย์ครับ หากต้องลองทายดู ศาสตราจารย์เชื่อไหมครับว่า เราอยู่โดดเดี่ยวบนทางช้างเผือก พูดถึงอารยธรรมที่ภูมิปัญญาเทียบเท่าหรือสูงกว่าเรานะครับ คำตอบใช้เวลา 7 นาทีนะครับ ยิ่งทำให้ผมตระหนักถึงความกรุณาที่ท่านมีให้ในการบรรยายสำหรับ TED ในครั้งนี้

"ผมว่าค่อนข้างเป็นไปได้ที่เราจะเป็นอารยธรรมเดียวในรอบรัศมีหลายร้อยปีแสง ไม่อย่างนั้นเราคงได้รับคลื่นวิทยุอะไรบ้างแล้ว หรือเป็นไปได้อีทางก็คืออารยธรรมเหล่านั้นได้ล่มสลายไปเสียก่อน ด้วยน้ำมือตนเอง"

ศาสตราจารย์ฮอว์คกิ้งครับ ขอบคุณครับ เป็นคำเตือนที่จะเป็นประโยชน์มากเลยครับ สำหรับการสัมมนาที่เหลือของเราในสัปดาห์นี้ ศาสตราจารย์ครับ พวกเราขอบคุณจริงๆครับสำหรับความอุตสาหะเอื้อเฟื้อทีได้มาร่วมแบ่งปันคำถามให้พวกเราทุกคนในวันนี้ ขอขอบคุณเป็นอย่างสูงครับ



สตีเฟ่น ฮอว์คิง คือใคร
ประธานาธิบดี กษัตริย์ พระราชินี คนหนุ่มสาว และคนเฒ่าคนแก่ ต่างก็ชื่นชอบเขา นักวิทยาศาสตร์รุ่นใหม่ต่างก็ตื่นเต้นและท้าทายทฤษฏีของเขา ศาสตราจารย์ชาวอังกฤษ สตีเฟ่น ฮอว์คิง (Stephen Hawking) วัย 70 ปี ยังคงเป็นหนึ่งในนักวิทยาศาสตร์ที่มีคนรู้จักและได้รับความชื่นชมมากที่สุด คนหนึ่งของโลก เขาได้ถอดรหัสปริศนาบางเรื่องของเอกภพ และเขาได้ทิ้งปริศนาเกี่ยวกับชีวิตของเขา นั่นก็คือ เขามีชีวิตยืนยาวนานขนาดนี้ได้อย่างไร จากการที่ต้องทนทุกข์ทรมานจากโรคที่เขาเป็นอยู่ สตีเฟ่น ฮอว์คิงเริ่มมีอาการของโรค amyotrophic lateral sclerosis (ALS) ซึ่งมีอาการผิดปกติของระบบประสาทโดยไม่ทราบสาเหตุ โดยมีผลกับประสาทสั่งการ (motor neurons) ทำให้เส้นประสาทที่ควบคุมการเคลื่อนไหวของ กล้ามเนื้อ กล้ามเนื้อส่วนนั้นจะอ่อนแอลงจนเกือบเป็นอัมพาต เขามีอาการของโรคนี้ตั้งแต่สมัยเรียนที่มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ ปัญหาเรื่องการเดินและการพูดทวีความรุนแรงมากขึ้นทุกขณะ ทำให้เขาไม่สามารถปกปิดมันได้อีก ท้ายที่สุดหมอก็บอกเขาว่าเขามีเวลาอยู่บนโลกอีกเพียงแค่ 2 ปี แต่เขากลับอยู่มาได้อีกหลายสิบปี และสามารถทำงานทางวิชาการด้านจักรวาลหรือเอกภพได้อย่างดีเยี่ยม

ผู้ที่ศึกษา DNA ของ ฮอว์คิง บอกว่ามีคนป่วยโรคนี้เพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่โชคดีที่ความอ่อนแรงของกล้าม เนื้ออยู่ในระดับที่รุนแรงน้อย และในกรณีของฮอร์คิงถือว่าเป็นกรณีพิเศษเพราะเป็นโรคนี้มายาวนานถึง 50 ปี และไม่คิดว่าจะมีใครที่เป็นโรคนี้แล้วมีชีวิตยาวนานขนาดนี้ สตีเฟ่น ฮอว์คิงโด่งดังไปทั่วโลกจากหนังสือเรื่องประวัติย่อของกาลเวลาถูกตีพิมพ์ออก มาในปี พ.ศ.2531 และขายได้ 10 ล้านเล่ม หนังสือเล่มนี้พูดถึงเอกภพและการกำเนิดของมันในแบบง่ายๆ และนับตั้งแต่นั้นเขาก็สร้างทฤษฎีหลายๆเรื่องในการปรับความเข้าใจของคนทั่ว ไปเกี่ยวกับหลุมดำ และเพราะฮอว์คิงนี่เองที่ทำให้ทฤษฎีบิ๊กแบง (Big Bang) กลายเป็นเรื่องที่พูดถึงกันโดยทั่วไป ฮอว์คิงบอกว่าครอบครัวของเขาเป็นครอบตรัวประหลาด แม้แต่บนโต๊ะอาหารก็ไม่มีการพูดคุยกัน เพราะทุกคนมัวแต่ง้วนอยู่กับการอ่านหนังสือ

หลังจากที่เขาป่วยเขาก็เริ่มไม่สนใจเรียนแล้ว เพราะหมดอาลัยตายอยาก และไม่คิดว่าจะจบในระดับปริญญาเอกได้ แต่ช่วงนั้นเขาพบรักกับ เจน ผู้ซึ่งเป็นภรรยาคนแรกของเขา ทำให้เขาอยากที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไปและเริ่มมองว่าการทุ่มเทให้กับการทำงาน เป็นทางออกของปัญหาความเจ็บป่วย ต่อมาทั้งสองก็แยกทางกันในปี 2538 ฮอว์คิงก็แต่งงานใหม่กับ เอเลน เมสัน อดีตพยาบาลของเขา แต่ชีวิตรักในครั้งที่สองก็ไม่ประสบความสำเร็จ ผู้ช่วยของฮอว์คิงได้บอกว่า ปัจจุบันฮอว์คิงก็ยังคงคิดค้นทฤษฎีต่างๆ และเขาก็ยังมีอารมณ์สนุกสนานอยู่เสมอ เขามีความฝันที่จะได้บินในอวกาศ และก็มีการนำเขาขึ้นเครื่องบินที่มีสภาพไร้น้ำหนัก ทำให้เขาอยู่ในสภาพไร้น้ำหนักอยู่นานราว 25 วินาที ซึ่งมันเป็นประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมมากสำหรับฮอว์คิง เพราะเขาได้เป็นอิสระจากรถเข็น หลังจากที่ต้องนั่งอยู่กับมันอยู่นานราว 40 ปี ฮอว์คิงทำสิ่งนี้สำเร็จแม้ว่าจะเป็นอัมพาตเกือบทั้งตัว เขาสื่อสารกับบุคคลอื่นด้วยการกระพริบตาเท่านั้น และต้องพูดผ่านคอมพิวเตอร์สังเคราะห์เสียง

สัตว์มีพิษ ไวรัสอีโบลา เอเลี่ยนสปีชี่ส์
กำเนิดจักรวาล กำเนิดดวงอาทิตย์ ระบบสุริยะจักรวาล
ปริศนาของจักรวาล การเดินทางข้ามกาลเวลา สสารและปฏิสสาร
สิ่งมีชีวิตบนดาวอังคาร บิ๊กแบงคืออะไร สัตว์ใกล้สูญพันธุ์
สัตว์น้ำแปลก ปลาแองเกลอร์ สัตว์ดูดเลือด
อันดับงูสวยงาม อนาคอนด้า ตัวอ่อนปลาฉลาม
เห็ดมีพิษ ภัยของยาไอซ์ คลื่นยักษ์สึนามิ
กษัตริย์เกาหลี จักรพรรดิกวางสี จักรพรรดิปูยี
ตำนานอโดนิส โจนออฟอาร์ค มู่กุ้ยอิง
จักรพรรดิเนโร พระเจ้าเฮนรี่ที่ 8 อับราฮัม ลินคอล์น
พระเจ้าซุกจง มาตาฮารี เจ้าฟ้าหญิงบุญรอด
ตำนานธอร์ นิกิต้า ครุสชอฟ สงครามเกาหลี
กำแพงเมืองจีน อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ พระนางเลือดขาว
อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ สตีเฟน ฮอว์คิง ลีโอ ตอลสตอย
สตีฟ จ็อบส์ เจ้าพระยาวิชเยนทร์ พระนางมัสสุหรี

บทความแนะนำ

ประวัติของอัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ การพบเห็นมนุษย์ต่างดาวในประวัติศาสตร์ ตัวอ่อนปลาฉลามสุดโหด เป็นนักฆ่าตั้งแต่อยู่ในท้องแม่ 15 สัตว์โลกสวยงามที่ใกล้สูญพันธุ์ ความขัดแย้งในคาบสมุทรเกาหลี สุดยอดเฮลิคอปเตอร์ อาปาเช่ (Apache Helicopter) มฤตยูในสายน้ำ แมงกะพรุนกล่อง 25 แม่น้ำที่ยาวที่สุดในโลก

Popular Posts