google.com, pub-6663105814926378, DIRECT, f08c47fec0942fa0 Mega topic: ฆาตกรรมโหด | จัดอันดับ | 10 อันดับ| เรื่องผี| เรื่องสยองขวัญ| ที่สุดในโลก| ดูดวง| ประวัติศาสตร์
Showing posts with label ฆาตกรรมโหด. Show all posts
Showing posts with label ฆาตกรรมโหด. Show all posts

คดีโหดแห่งเขาแอลป์

คดีโหดแห่งเขาแอลป์

แกะรอยคดีสุดสยองสะเทือนขวัญ-สังหารหมู่ 4 ศพในเทือกเขาแอลป์


เหตุร้ายสะเทือนขวัญเมื่อวันที่ 5 กันยายน ปีก่อน แแถวยอดเขาใกล้กับตíำบลเชวาลีน ไม่ห่างจากทะเลสาบแอนเนซี ในเขตโอต๊ -ซาววั หรือส่วนหนึ่งในเทือกเขาแอลป์ ประเทศฝรั่งเศส อดีตนักบินกองทัพอากาศอังกฤษรายหนึ่งขี่จักรยานไปพบกับรถบีเอ็มดับเบิลยูสีแดง ทะเบียนอังกฤษจอดนิ่งอยู่ และสิ่งที่ทำให้เขาต้องหยุดลงมาดู คือภายในรถมีร่างชายคนหนึ่งอยู่หลังพวงมาลัย กับหญิงอีก 2 คนที่เบาะหลัง ทั้งหมดดูเหมือนจะกลายเป็นศพไปแล้วและไม่ไกลจากรถยังพบศพชายอีก 1 คนพร้อม
จักรยาน กับเด็กหญิงอีกรายนอนฟุบจมเลือด เขาพลิกร่างเธอขึ้นมา ก่อนจะพบว่ายังมีลมหายใจ เขาจึงรีบลงจากเขามาแจ้งข่าวร้ายกับเจ้าหน้าที่



เมื่อตำรวจมาถึงพบเด็กหญิงมีร่องรอยถูกทุบตีที่หัวและรอยแผลถูกยิงที่ไหล่ จากนั้นจึงส่งไปยังโรงพยาบาลก่อนที่ต่อมาอีกราว 8 ชม. จะได้พบเด็กหญิงเล็กๆ อีกคนซ่อนอยู่ใต้กระโปรงศพของผู้หญิงที่อยู่เบาะหลัง เธอไม่มีบาดแผล แต่มีอาการหวาดกลัวขั้นรุนแรงจึงต้องส่งไปยังโรงพยาบาลเพื่อเยียวยาจิตใจขณะอยู่ที่โรงพยาบาล เด็กทั้ง 2 คนได้รับการ อารักขาจากเจ้าหน้าที่ฝรั่งเศสอย่างเข้มงวด โดยยังไม่มีใครรู้ถึงการฆ่าหมู่ครั้งนี้ว่ามีผลพวงมาจากเรื่องใดกันแน่แต่คดีนี้ก็สร้างความสยองสะเทือนขวัญจากฝรั่งเศสไปจนถึงอังกฤษแล้ว!

ฆ่ายกครัว
จากการสืบสวนระบุว่าผู้ตายทั้ง 3 ศพที่ถูกยิงหัวคนละ 2 นัดในรถ คือ นายซาอัด และนาง อิคบัลอัล ฮิลลี สองสามีชาวอังกฤษวัย 50 ปี และ 47 ปีตามลำดับ ส่วนผู้หญิงอีกคนคือ ซูฮาเลีย อัล-อัลแลฟวัย 74 ปี แม่และแม่ยายของนายซาอัด และเด็กหญิง 2คนก็เป็นลูกสาวของเขา คือ ซีฮับ วัย 7 ขวบ และไซนา วัย 4 ขวบ ทั้งหมดเดินทางมาพักผ่อนตั้งแคมป์เลอ โซลแตร ดู ลชั ในแซงต์-โยริออซ สถานพักผ่อนยอดฮิตของชาวอังกฤษอยู่ 2 คืน ก่อนจะเกิดเหตุร้ายซึ่งน่าจะเป็นตอนบ่ายแก่ๆ ราว 4 โมงเย็น แต่อีกศพที่โดนยิง 7 นัดโดย 2 นัดเข้าที่หัว คือนาย ซิลแว็ง โมล-ลิเย่ร์ คนงานโรงงาน และพ่อลูกสามจากเมืองอูซิแนส ที่อยู่ถัดไป ตำรวจเชื่อว่านายซิลแว็งคงขี่จักรยานผ่านมาขณะฆาตกรรายนี้ ซึ่งไม่แน่ใจว่ามีกี่รายกำลังลงมือ เลยถูกยิงทิ้งเพื่อปิดปาก

ตามประวัติพบว่าพื้นเพเดิมนาย ซาอัด อัล ฮิลลีเป็นชาวอิรักเกิดในแบกแดด หลังจากรัฐบาลนาย ซัดดัมฮุสเซน ล่มสลาย เขาก็ย้ายมาอยู่อังกฤษจนได้สัญชาติทำมาหากินเป็นวิศวกรด้านคอมพิวเตอร์อยู่ที่เคลย์เกทในเซอร์รีย์ นอกจากนี้ยังเคยทำงานเป็นวิศวกรชั่วคราวอยู่ที่กิลด์ฟอร์ด กับบริษัท เซอร์รีย์ แซทเทิลไลท์ เทคโน-โลยี ด้วยทั้งพื้นเพกับงานที่ทำของนาย ซาอัด อัล ฮิลลีรวมถึงวิธีสังหารและความเหี้ยมโหด ไม่เว้นแม้แต่คนแก่หรือเด็กผู้หญิง จึงทำให้เกิดการคาดเดาไปต่างๆ นานา!

ปริศนาคดีโหด
เจ้าหน้าที่ฝรั่งเศสกับอังกฤษร่วมมือกันคลี่คลายคดีนี้มาตั้งแต่วันที่ 21 กันยายน ปีก่อน โดยใช้เจ้าหน้าที่ 2ชาติร่วม 100 คน สืบสาวกินความตั้งแต่ อิรัก, อดีตยูโกสลาเวีย, สวิตเซอร์แลนด์ รวมถึงเจ้าหน้าที่ฝรั่งเศสเดินทางมาที่อังกฤษเพื่อพบกับญาติของนายซาอัด ในเคลย์เกท เมืองเซอร์รีย์ โดยการสอบสวนพุ่งไปที่ 3ประเด็นในชีวิตของนาย ซาอัด ทั้งเรื่องงาน, ชีวิตครอบครัว และชีวิตของเขาในอิรักด้านพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุ ไม่พบอะไรนักนอกจากปลอกกระสุน 15 ปลอก ตกอยู่ใกล้กับรถ กับรายงานว่ามีคนเห็นรถคันหนึ่งวิ่งผ่านไปอย่างรวดเร็ว หลังจากเกิดเหตุยิงกัน ห่างไป 2 ไมล์ และรอยกระสุนที่ถูกยิงเข้ามาทางหน้าต่าง ทำให้ตำรวจเชื่อว่าฆาตกรรายนี้อาจเป็นมืออาชีพ ซึ่งตรงกับความเห็นของ จอห์น โอคอนเนอร์ อดีตผู้บัญชาการหน่วยรบทางอากาศของอังกฤษ ที่บอกกับสื่ออย่าง สกายนิวส์ ถึงความเชี่ยวชาญของมือปืนซึ่งน่าจะได้รับการฝึกมาเป็นอย่างดี และคล้ายกับการสังหารของพวกกองทหาร ไม่น่าจะเป็นพวกแก๊งโจรทั่วไป

และด้วยเป็นชาวอิรัก อดีตนายทหารยังตั้งข้อสังเกตว่ามันอาจโยงใยไปถึงหน่วยงานลับ สนับสนุนด้วยข้อมูลที่นายซาอัด เคยทำงานให้บริษัท AMS 1087 ที่คอยสำรวจและถ่ายภาพทางอากาศ รวมถึงปืนที่ใช้กับความแม่นยำของฆาตกร คดีนี้จึงอาจจะเป็นฝีมือของพวกผู้ก่อการร้าย แต่จากข้อมูลอย่างเป็นทางการ ยังไม่พบอะไรแบบนั้น หรือสามารถระบุอย่างเป็นทางการว่าเป็นฝีมือของพวกมือปืนอาชีพ อย่างไรก็ดี บางเบาะแสก็ส่อเค้าว่าอาจเป็นเหตุพาให้นายซาอัด กับครอบครัวต้องมาตายที่เทือกเขาแอลป์อย่างที่เป็นโดยเฉพาะการจากไปของพ่อของนายซาอัด เมื่อ 1ปีก่อนหน้านั้น?!



คนโหด-คนกันเอง!
ภายหลังเหตุการณ์ร้ายผ่านไปหลายเดือนก็ยังไม่มีแววว่าตำรวจจะจับมือใครดมได้ กระทั่งในเดือนเมษายน ที่ผ่านมา ตำรวจก็สามารถระบุได้ถึงรถคันที่มีพยานเห็นวิ่งผ่านไปอย่างรวดเร็วห่างไปจากจุดเกิดเหตุ 2 ไมล์ในเวลาไล่เลี่ยกับที่เกิดเหตุสังหารหมู่ครอบครัวของนายซาอัดตำรวจยืนยันว่า รถคันนั้นเป็นรถบีเอ็มดับเบิลยู X5 แบบโฟร์วีล ไม่สีเทาก็เป็นสีดำ หรือสีเข้ม และตำรวจเชื่อมั่นว่าเจ้าของรถคันนี้จะช่วยคลี่คลายคดีได้แน่ๆแต่ก่อนหน้านั้น จากเบาะแสที่ตำรวจพบว่านายซาอัดเคยมีปากเสียงอย่างรุนแรงกับพี่ชายของเขา-นายซาอิดอัล ฮิลลี วัย 54 ปี ถึงปัญหามรดกของพ่อ ในเดือนมีนาคม นายซาอิดจึงถูกตำรวจนำตัวมาสอบสวนก่อนจะปล่อยตัวไป จนกระทั่งเมื่อวันที่ 24 มิถุนายนที่ผ่านมา นายซาอิดก็ถูกตำรวจบุกไปจับกุมมาจากบ้านที่เชสซิงตัน ในเซอร์รีย์ โดยกล่าวหาว่าเขาคือผู้อยู่เบื้องหลังการตายฆ่ายกครัวน้องชายตัวเอง

“ผมบอกทุกอย่างที่ผมรู้กับตำรวจอังกฤษไปแล้ว และที่ผมทำได้ตอนนี้คือ รอคำตอบจากตำรวจ สำหรับเรื่องนี้ที่มันดูลึกลับไปหมด” นายซาอิดบอกกับนสพ.เดอะเมล์ก่อนหน้าจะโดนจับ นอกจากนั้นยังบอกด้วยว่าการตายของน้องชายและครอบครัว ทำให้เขากินไม่ได้นอนไม่หลับ“มีการเดาไปต่างๆ นานาแต่ผมก็หวังว่าในที่สุดแล้วตำรวจจะหาคนรับผิดชอบได้”ทางด้านตำรวจเหมือนจะมั่นใจหลักฐานที่มีพอสมควรในการรวบตัวนายซาอิดครั้งนี้ เพราะในการสอบสวนพบว่า นายคาดฮิมพ่อผู้ล่วงลับของทั้งคู่ได้ทิ้งทรัพย์สินจำนวนมหาศาลเอาไว้ รวมถึงเงิน 800,000ปอนด์ ในธนาคารสวิส โดย เอริก เมโยด์ หัวหน้าอัยการแอนเนซีแห่งฝรั่งเศส ได้ค้นพบเอกสารมากมายบางส่วนระบุชัดว่า นายซาอัดได้จ้างทนายเพื่อต่อสู้โต้แย้งไม่ยอมรับพินัยกรรมที่เมโยด์ บอกว่า นายซาอิดได้ปลอมแปลงพินัยกรรมให้มรดกตกเป็นของตัวเอง นอกจากนี้ในจดหมายที่นายซาอัดเขียนถึงเพื่อนตั้งแต่สมัยเด็กเมื่อ 1ปี ก่อนหน้าที่เขาจะถูกฆ่า ยังพบข้อความที่นายซาอัดบอกว่า เขากลัวตาย หลังจากมีปัญหาเรื่องพินัยกรรมจนเป็นความขัดแย้งกับพี่น้องของเขา แถมยังพบว่าก่อนไปเที่ยวพักผ่อน นายซาอัดได้เปลี่ยนตัวล็อกปืนของเขาที่บ้านในเซอร์รีย์ อีกด้วย

และที่สำคัญสุดๆ จากเนื้อความ นายซาอัดบอกชัดว่า เขากับพี่ชายไม่ได้พูดกันแล้ว “เขาพยายามอย่างมากที่จะเข้ามาจัดการทุกอย่างตั้งแต่พ่อยังไม่ตาย เขาพยา-ยามยึดทรัพย์สมบัติของพ่อ” นายซาอัด เขียนเอาไว้ คดีโหดลึกลับที่กินความมาร่วมปี จึงอาจจบลงด้วยเหตุพี่น้องฆ่ากันเพื่อแย่งสมบัติเหมือนเรื่องชั่วๆ พรรค์นี้ที่เกิดขึ้นอยู่บ่อยๆ ทั่วโลกก็เป็นได้ เพราะเงินทองมันไม่เคยเข้าใครออกใครและไม่เคยเว้นวรรค แม้จะเป็นสายเลือดเดียวกันก็ตาม!


กษัตริย์เกาหลี จักรพรรดิกวางสี จักรพรรดิปูยี
ตำนานอโดนิส โจนออฟอาร์ค มู่กุ้ยอิง
จักรพรรดิเนโร พระเจ้าเฮนรี่ที่ 8 อับราฮัม ลินคอล์น
พระเจ้าซุกจง มาตาฮารี เจ้าฟ้าหญิงบุญรอด
ตำนานธอร์ นิกิต้า ครุสชอฟ สงครามเกาหลี
กำแพงเมืองจีน อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ พระนางเลือดขาว
อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ สตีเฟน ฮอว์คิง ลีโอ ตอลสตอย
สตีฟ จ็อบส์ เจ้าพระยาวิชเยนทร์ พระนางมัสสุหรี
สัตว์มีพิษ ไวรัสอีโบลา เอเลี่ยนสปีชี่ส์
กำเนิดจักรวาล กำเนิดดวงอาทิตย์ ระบบสุริยะจักรวาล
ปริศนาของจักรวาล การเดินทางข้ามกาลเวลา สสารและปฏิสสาร
สิ่งมีชีวิตบนดาวอังคาร บิ๊กแบงคืออะไร สัตว์ใกล้สูญพันธุ์
สัตว์น้ำแปลก ปลาแองเกลอร์ สัตว์ดูดเลือด
อันดับงูสวยงาม อนาคอนด้า ตัวอ่อนปลาฉลาม
เห็ดมีพิษ ภัยของยาไอซ์ คลื่นยักษ์สึนามิ
กัญชาปลอดภัย ไวรัสอีโบลา ปรสิตที่น่ากลัว
สาเหตุสึนามิ ทำไมผมร่วง สงครามซีเรีย
ทำลายหลุมดำ โลกของเรา กระแสน้ำทะเล
วิธีทำลายเอกภพ กลไกวิวัฒนาการ ระบบภูมิคุ้มกัน
เล่าเรื่องผี เรื่องสยองขวัญ เรื่องผี
ฆาตกรโหด ฆาตกรต่อเนื่อง ฆาตกรโรคจิต
ผีนานาชาติ ผีปีศาจ พระธุดงค์เจอผี
โจนเบเน็ต คดีเพชรซาอุ เดวิด เบอร์โควิด
ซอว์นี่ บีน ฆาตกรโหดเมืองไทย อลิซาเบธ บาโธรี่
ฆาตกรฆ่าคนมากที่สุด คดีกักขังหน่วงเหนี่ยว คดีวิตถาร
คดีพิศวาสฆาตกรรม ฆาตกรเด็ก คดีฆ่าหั่นศพ
ยโศโฆษาฆาต แจ๊คเดอะริปเปอร์ ฆาตกรต่อเนื่องอินเดีย
เบลล์ กันเนส ยูนาบอมเบอร์ เอล ชาโป
ผีภาคเหนือ ผีภาคอีสาน ผีญี่ปุ่น
เมืองอาถรรพ์ เรื่องเล่าเดอะช็อค มนุษย์กินคน

บทความแนะนำ

ประวัติของเจ้าพ่อเฟซบุ๊ค บทสัมภาษณ์ วิกรม กรมดิษฐ์ ตะลุยเมนูบุฟเฟต์ อย่างมีชั้นเชิง ประวัติของอัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ ภัยของยาไอซ์ ฮาเร็ม สวรรค์ของหนึ่งบุรุษหรือทุกข์ของอิสตรี เปิดแฟ้มลับชีวิตรัก อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ (Adolf Hitler) เกรซ มูกาเบ หญิงร้ายแห่งซิมบับเว

บทความเมนูอาหาร บทความภัยอันตราย บทความสุขภาพ บทความวิทยาศาสตร์ บทความสยองขวัญ บทความชีวิตสัตว์ บทความประวัติศาสตร์ บทความจัดอันดับ สารบัญบทความ

ไขปริศนาใครคือแจ๊คเดอะริปเปอร์ (Jack The Ripper)

ไขปริศนาใครคือแจ๊คเดอะริปเปอร์ (Jack The Ripper)

พบศพเหยื่อแจ๊คเดอะริปเปอร์รายแรก
 ตลอดเวลาที่ผ่านมามีปริศนามากมายที่มนุษย์อธิบายไม่ได้ แต่ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีได้นำไปสู่ทฤษฎีใหม่ๆ การค้นหาหลักฐานใหม่ๆ ก็กำลังดำเนินไป มันอาจช่วยค้นหาคำตอบปริศนาต่างๆในอดีตให้เราได้ รายการ Mystery Quest ได้สืบสวนและจำลองสถานการณ์เพื่อทดสอบว่าใครกันแน่ที่เป็นแจ๊ค เดอะริปเปอร์ และจากหลักฐานพบว่ามีผู้ต้องสงสัยใหม่อีกสองรายซึ่งทีมงานจะเน้นไปที่สองคนนี้ คนหนึ่งเป็นคนที่อ้างว่าเป็นแพทย์ชาวอเมริกัน ส่วนอีกคนเป็นผู้หญิงที่ฆ่าภรรยาและลูกของชายชู้ของเธอ การสืบสวนนี้ค้นหาจากหลักฐานที่เหลืออยู่เท่านั้น เพราะผู้ต้องสงสัย พยาน และบุคคลที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้ในเวลานั้นตายไปหมดแล้ว



วันที่ 31 สิงหาคม ปี ค.ศ.1888 เวลา 03:00 น. Whitechapel District, London


กลางดึกคืนหนึ่งหญิงสาวเดินอยู่ตามลำพังบนถนน มีเงาหนึ่งเดินตามเธอมา เธอถูกรัดคอจนหมดสติ ฆาตกรนำมีดขนาด 12 นิ้วออกมาชำแหละเธอ ไม่กี่นาทีต่อมามีคนพบศพของเธอ ลำคอของเธอถูกเชือด ร่างที่ไร้วิญญาณยังคงอุ่นอยู่ นี่เป็นศพหนึ่งที่เป็นฝีมือของแจ๊ค เดอะริปเปอร์ และใครคือฆาตกรผู้นี้ ภายใต้เงาที่ลึกลับฆาตกรยังไม่ถูกเปิดเผย แจ๊ค เดอะ ริปเปอร์ ยังคงสังหารเหยื่อซ้ำแล้วซ้ำอีก แต่กลับหนีรอดจากการถูกจับกุมไปได้ ฆาตกรต่อเนื่องที่โด่งดังที่สุดคนหนึ่งของโลก เพ่นพ่านอยู่บนถนนของลอนดอนในช่วงทศวรรษที่ 1800 มีเหยื่อที่เป็นผู้หญิงอย่างน้อยห้าคน ฆาตกรผู้นี้คว้านอวัยวะภายในของเหยื่อออกมา ตำรวจค่อนข้างจะแน่ใจหลังจากที่ตรวจศพของเหยื่อว่าฆาตกรจะต้องมีความรู้และทักษะในด้านการผ่าตัด มันเป็นทักษะที่โดดเด่นของฆาตกรผู้นี้ และนี่ก่อให้เกิดความกลัวไปทั่วอังกฤษและทั่วโลก นับเป็นฆาตกรต่อเนื่องรายแรกของโลกก็ว่าได้

ไม่มีใครรู้ว่าใครคือฆาตกรผู้นี้ จากนั้นจู่ๆ เขาก็หายไป รายการ Mystery Quest ได้ส่งทีมงานไปตามย่านต่างๆ ของลอนดอนเพื่อทำการสืบสวน ทีมงานจะตรวจสอบหลักฐานใหม่ๆ ที่โยงไปถึงผู้ต้องสงสัยรายใหม่สองคน คนหนึ่งคือแพทย์ชาวอเมริกัน ฟรานซีส ทัมเบิลตี้ (Francis Tumblety) และอีกคนหนึ่งที่เป็นที่น่าประหลาดใจเป็นผู้หญิงที่มีชื่อว่า แมรี่ เพียร์ซี่ (Mary Pearcey) ทีมงานจะทดสอบว่า เพียร์ซี่จะมีสรีระร่างกายที่แข็งแรงพอที่จะจัดการกับเหยื่อได้หรือไม่ และพวกเขาจะเปรียบเทียบลายมือของผู้ต้องสงสัยกับข้อความที่เชื่อว่าเป็นของฆาตกรผู้นี้ ทีมงานจะทดสอบทฤษฎีเกี่ยวกับเส้นทางหลบหนีของฆาตกร และกำหนดรูปแบบทางด้านจิตวิทยา (Criminal Profile) และจะเทียบหลักฐานนี้กับผู้ต้องสงสัยแต่ละราย

ทฤษฎีที่ว่าใครคือแจ๊ค เดอะริปเปอร์อยู่กับเรามากว่า 1 ศตวรรษแล้ว ผู้ต้องสงสัยก็มีตั้งแต่ ลูอิส คาร์โรลล์ นักเขียนเรื่องอลิสอินวันเดอร์แลนด์ ไปจนถึงวอลเตอร์ ชิคเกิร์ต นักวาดภาพอิมเพรสชั่นนิสม์ที่โด่งดัง และที่แปลกที่สุดก็มีข่าวลือว่ามีคนของราชวงศ์เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ซึ่งก็คือเจ้าชายอัลเบิร์ต วิคเตอร์หลานของพระนางวิคตอเรียที่มักจะเสด็จไปในย่านที่เกิดคดีฆาตกรรมนี้อยู่บ่อยครั้ง มีข่าวลือออกมาว่าอัลเบิร์ตคือบิดาของเด็กคนหนึ่งที่เกิดจากสาวชาวบ้านและพระราชินีทรงสั่งให้กำจัดผู้หญิงทุกคนที่รู้จักเด็กคนนี้ แต่มีทฤษฎีใหม่ล่าสุดที่ระบุว่าแจ๊คเดอะริปเปอร์ไม่ใช่ผู้ชาย ซึ่งไม่ใช่ต้องเรียกว่าแจ๊คเดอะริปเปอร์ จริงๆ ต้องเรียกจิลเดอะริปเปอร์มากกว่า

ในปี 2006 ผู้เชี่ยวชาญดีเอ็นเอจากออสเตรเลีย ได้ทดสอบน้ำลายจากจดหมายที่เชื่อกันว่าถูกส่งมาจากแจ๊คเดอะริปเปอร์ การทดสอบระบุว่าผู้ที่ปิดผนึกจดหมายฉบับนี้คือผู้หญิง ทีมงานได้แกะรอยหาหลักฐานโดยเริ่มจากการทดสอบนี้ เบรนท์ เทอ์เวย์ (Brent Turvey) มุ่งมั่นจะไขปริศนานี้ให้ได้ เขาเป็นหนึ่งในนักวิเคราะห์พฤติกรรมแนวหน้าของโลก วิธีการของเขาถูกนำไปสอนในหน่วยงานของ FBI ส่วนสจ๊วต อีแวนส์ (Stewart Evans) อดีตตำรวจชาวอังกฤษผู้เชี่ยวชาญในคดีแจ๊คเดอะริปเปอร์ได้ร่วมทำงานกับเบรนท์เพื่อไขปริศนาของคดีนี้

ผู้ต้องสงสัยใหม่อย่างแมรี่ เพียร์ซี่ได้เสียชีวิตไปในปี 1890 หลังจากฆ่าภรรยาและลูกของชายชู้ของเธอ การฆ่าของผู้หญิงคนนี้เต็มไปด้วยความโหดเหี้ยม เธอปาดคอเหยื่อฆาตกรรมของเธอคนนั้นลึกมากจนมันแทบจะหลุดออกมาเลยทีเดียว ก่อนถูกตัดสิน เพียร์ซี่ได้เขียนจดหมายถึงครอบครัวของเธอ ทำให้ได้เห็นถึงจิตใจของเธอ ก่อนจะสืบสวนคดีนี้ ทีมงานจะต้องกำหนดรูปแบบด้านจิตของฆาตกรรายนี้ออกมาเสียก่อน พวกเขาเริ่มต้น ณ จุดที่มีการฆาตกรรมเหยื่อรายแรก ภาพถ่ายและคำบอกเล่าต่างๆ นั้นไม่สามารถสรุปเป็นข้อมูลชี้ชัดออกมาได้ ต้องออกไปดูที่จุดเกิดเหตุ สร้างประสบการณ์ด้านเสียงและฉากของความสัมพันธ์ออกมาซะก่อน

เหยื่อรายแรก แมรี่ แอนน์ นิโคลส์ August 31, 1888 เธอถูกพบศพเมื่อเวลา 03:45 บนถนนที่มีชื่อว่าบัคโรล ศพของเธอถูกปาดคอเข้ามาที่ทั้งสองด้านจนศรีษระเกือบจะหลุด และที่ส่วนท้องก็ถูกชำแหละด้วยมีดยาวอย่างโหดเหี้ยม ตรอกตรงที่เกิดเหตุทั้งเปลี่ยวและมืด และไม่มีใครสัญจรไปมาในช่วงเช้าตรู่ มันเหมาะอย่างยิ่งสำหรับพวกโจรหรือฆาตกร มีหญิงโสเภณีมากมายที่มาหาลูกค้าอยู่ และทุกคนก็รู้ว่ามีจุดที่เงียบสงบตรงไหนบ้างที่จะทำธุระส่วนตัว ฆาตกรน่าจะเป็นคนที่รู้จักพื้นที่นี้ดี ฆาตกรผู้นี้มุ่งเป้าหมายไปยังพวกผู้หญิงหากิน และรู้ว่าเหยื่อของเขาน่าจะพาไปยังที่ๆ เหมาะที่สุด หรือจุดที่แทบไม่มีใครสังเกตเห็น รูปแบบและพฤติกรรมของฆาตกรค่อยๆ ปรากฏขึ้น ดูเหมือนเขาจะโกรธและเกลียดพวกผู้หญิงนี้อย่างมาก

การฆาตกรรมในครั้งนี้เกิดขึ้นในเขต Whitechapel ของลอนดอน มันเป็นย่านสลัมที่แออัดไปด้วยคนจน พวกเขาเหล่านี้ต้องใช้ชีวิตอยู่อย่างอดๆ อยากๆ นั่นทำให้ผู้หญิงหลายคนออกมาตามท้องถนนเพื่อมาขายบริการทางเพศ เมื่อเกิดคดีฆาตกรรม ความแตกตื่นจึงเกิดขึ้นทั่วพื้นที่ เมื่อผู้หญิงกลายเป็นศพทั่วลอนดอน หนังสือพิมพ์พากันประโคมข่าว และเกิดความบ้าคลั่งในการแย่งกันเพื่อระบุรายละเอียดของฆาตกรและข้อมูลที่เกี่ยวกับเรื่องนี้ หนังสือพิมพ์ลงรูปวาดต่างๆที่เกี่ยวกับการฆาตกรรม นั่นยิ่งทำให้ภาพลักษณ์ของแจ๊คเดอะริปเปอร์ดูน่ากลัว ซึ่งบางส่วนก็เป็นการแต่งเติมของสื่อส่วนหนึ่ง จดหมายที่อ้างว่ามาจากฆาตกรรายนี้เริ่มปรากฏอยู่บนหนังสือพิมพ์ โดยนักหนังสือพิมพ์ที่ไร้จรรยาบรรณบางคน แต่มีจดหมายฉบับหนึ่งลงวันที่ 18 ตุลาคม และลงชื่อว่าแจ๊คเดอะริปเปอร์ ที่หลายคนเชื่อว่ามันเป็นของฆาตกร จดหมายถูกส่งไปให้คนกลุ่มหนึ่งที่กำลังออกลาดตระเวนท้องถนน มันถูกพบในกล่องใบหนึ่งที่มีไตของมนุษย์อยู่ข้างใน เหยื่อรายที่สี่ แคทเธอลีน เอ็ดโดวส์ที่ถูกฆ่าตายไปเมื่อสองสัปดาห์ก่อนถูกพบศพโดยไม่มีไต ไตข้างซ้ายของเธอและมดลูกถูกตัดออกโดยฆาตกร

วิธีที่เหยื่อส่วนใหญ่ถูกฆ่าตายก็เป็นเบาะแสที่สำคัญถึงพฤติกรรมของแจ๊คเดอะริปเปอร์

เหยื่อรายที่สอง แอนนี่ แชปแมน September 8,1888
เธอถูกหั่นเป็นชิ้นๆ ส่วนคอก็มีบาดแผลลึกมากไปถึงกระดูกด้านหลัง ส่วนท้องทั้งหมดก็ถูกคว้านออกมา สิ่งที่หายไปก็คือมดลูก มันไม่ใช่แค่การคว้านไส้และนำอวัยวะออกมาเท่านั้น จุดเด่นก็คือมันเป็นความพยายามกระทำกับสิ่งที่บ่งบอกเพศของเหยื่อ มันเป็นความพยายามและต้องใช้เวลาอย่างมาก มีการระบุว่าพบมีดที่อาจเป็นของฆาตกร มันมีความคมและถูกออกแบบมาโดยเฉพาะ และมีความคล้ายคลึงกับมีดผ่าตัดของแพทย์ ซึ่งเป็นสิ่งบ่งบอกลักษณะของฆาตกรรายนี้ได้ รายละเอียดของการฆาตกรรมระบุว่าฆาตกรต้องมีความรู้ด้านการแพทย์ กายวิภาค สรีระร่างกาย

ฟรานซีส ทัมเบิลตี้

ผู้ต้องสงสัยแพทย์ชาวอเมริกัน ฟรานซีส ทัมเบิลตี้ ก็เป็นคนที่มีความรู้เหล่านี้ หมอทัมเบิลตี้ไม่เคยเป็นที่รู้ของประชาชนทั่วไปว่าตกเป็นผู้ต้องสงสัยจนกระทั่งมีการพบจดหมายฉบับหนึ่งที่มาจากหน่วยงานของสก็อตแลนด์ยาร์ดที่บอกว่าพวกเขากำลังสงสัยชายคนนี้ รายงานนี้ถูกเขียนขึ้นเมื่อปี 1913 หน่วยพิเศษของสก็อตแลนด์ยาร์ดหรือหน่วยข่าวกรองลับ มีข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับฟรานซีส ทัมเบิลตี้ว่าเขามักจะแต่งตัวเป็นทหารและอ้างว่าทำงานให้กับกองทัพ จากรูปถ่ายของเขาเครื่องแบบที่เขาใส่ผิดปกติมากและมันน่าจะเป็นชุดทหารปลอม

ฟรานซีส ทัมเบิลตี้ดูเหมือนศิลปินที่มีเล่ห์เหลี่ยมมาตั้งแต่วัยรุ่น เขาเติบโตขึ้นมาในโรเชสเตอร์ นิวยอร์ค และพอผ่านช่วงวัยรุ่น เขาก็กลายเป็นแพทย์คนหนึ่ง เขาสร้างเรื่องอื้อฉาวด้วยการขายสมุนไพรและยาปลอมไปทั่วอเมริกา และเมื่อปัญหาเริ่มปรากฏ เขาก็รีบย้ายออกจากอเมริกาทันที หลักฐานระบุว่าเขาเดินทางมาอังกฤษเมื่อเดือนมิถุนายนปี 1888 และช่วงเวลาที่เกิดคดีแจ๊คเดอะริปเปอร์ เขาก็อยู่ในลอนดอนด้วย หลักฐานระบุว่าเขาอาศัยอยู่ในย่านถนน Batty Street ซึ่งอยู่ติดกับถนน Birners เป็นที่เกิดเหตุที่เหยื่อรายที่สามและสี่ถูกฆาตกรรมในครั้งเดียวกันที่ถูกเรียกว่าการลงมือฆ่าซ้อน เจ้าของอพาร์ตเม้นท์แจ้งว่าชายอเมริกันที่มาเช่าพักหายตัวไปในคืนวันนั้น

Elizabeth Stride เหยื่อรายที่สามถูกพบเป็นศพ เมื่อวันที่ 30 กันยายน 1988 เวลาประมาณ 01:00 น. บนถนน Birners ศพของเธอถูกปาดคอ และมีรอยฟกช้ำที่หัวไหล่ ดูเหมือนว่าอาจมีใครสักคนมาขัดจังหวะฆาตกร ศพของเธอจึงไม่ถูกชำแหละเหมือนรายอื่น ไม่เกิน 1 ชั่วโมงหลังจากนั้นเมื่อเวลา 01:45 น. ก็มีคนพบศพ Catherine Eddowes เหยื่อรายที่ 4 ศพของเธอถูกหั่นไม่มีชิ้นดี และเพียง 15 นาทีหลังจากนั้นเวลา 02:00 น. ทัมเบิลตี้ถูกพบที่โรงแรม Batty Street ทีมงานได้จำลองการเดินทางจากจุดที่ฆาตกรรม ไปยังจุดที่พบเศษเสื้อผ้าเปื้อนเลือดของเหยื่อ และจุดที่พบทัมเบิลตี้ ก็พบว่าเป็นไปได้ที่จะใช้เวลาเดินทาง 15 นาทีซึ่งสัมพันธ์กับเวลาที่เขาเดินทางกลับมาที่โรงแรม

พื้นเพของทัมเบิลตี้ก็ดูเหมือนว่าจะเกลียดผู้หญิงเอามากๆ ทัมเบิลตี้เคยเล่าว่าเขาเคยแต่งงานกับผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งเขารักเธอมาก แต่ตอนหลังพบว่าเธอเป็นโสเภณี ทั้งคู่แยกทางกัน และดูเหมือนตั้งแต่นั้นมาทัมเบิลตี้ก็ไม่ยุ่งเกี่ยวกับผู้หญิงอีกเลย เขามีลักษณะหลายอย่างที่เข้าข่ายว่าจะเป็นแจ๊คเดอะริปเปอร์ที่ทั้งเกลียดผู้หญิงและพอจะมีความรู้ด้านการแพทย์อยู่บ้าง เขาเคยถูกจับและต้องสงสัยว่าเป็นแจ๊คเดอะริปเปอร์แต่ไม่มีหลักฐานใดๆ โยงใยไปถึง เขาประกันตัวออกมาและรีบกลับไปอเมริกาและเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น Frank Townsend

ส่วนผู้ต้องสงสัยอีกคนหนึ่งที่เป็นผู้หญิง มีข่าวลือว่าจริงๆ แล้วแจ๊คเดอะริปเปอร์อาจจะเป็นผู้หญิงที่จงเกลียดจงชังผู้หญิงหากิน แต่ตำรวจในตอนนั้นไม่คิดว่าผู้ต้องสงสัยจะเป็นผู้หญิง แต่จากการทดสอบในปัจจุบันที่พบว่า DNA ที่อยู่ในน้ำลายที่ปิดผนึกจดหมายที่น่าจะเป็นของฆาตกรนั้นเป็น DNA ของผู้หญิง ทางทีมงานจึงได้ทดสอบว่าเป็นไปได้มั้ยที่ผู้หญิงจะมีแรงพอที่จะฆาตกรรมคนได้อย่างโหดเหี้ยมและรุนแรง ทีมงานได้ทดสอบด้วยการใช้เครื่องวัดแรงกดที่กระทำต่อเหยื่อโดยให้ผู้หญิงที่มีรูปร่างพอๆ กับ  แมรี่ เพียร์ซี่ ผู้ต้องสงสัย ออกแรงบีบคอและกดเหยื่อหุ่นจำลองซึ่งมีเครื่องวัดแรงกดนั้นอยู่ด้านล่าง หลังการทดสอบพบว่าเป็นไปได้ที่ผู้หญิงจะสามารถออกแรงกดและบีบคอเหยื่อให้หมดสติภายในเวลาสั้นๆ เหมือนอย่างที่แจ๊คเดอะริปเปอร์ทำกับเหยื่อ

การฆาตกรรมโหดสองแม่ลูกของแมรี่ เพียร์ซี่ ก็คล้ายกันมากกับคดีของแจ๊คเดอะริปเปอร์ แมรี่มีความสัมพันธ์กับชายที่แต่งงานแล้ว ด้วยความอิจฉาริษยา เธอฆ่าภรรยาและลูกของเขา เธอหลอกล่อเหยื่อมาที่บ้านของเธอและสังหารเหยื่อด้วยที่เขี่ยไฟในเตาผิง เธอนำทารกใส่เข้าไปในเตา หลังจากนั้นก็นำศพของทั้งสองใส่ลงในรถเข็นเด็กเพื่อนำออกไปทิ้งให้ไกลจากบ้านของเธอ ศพของผู้หญิงคนนั้นถูกพบโดยที่ลำคอมีบาดแผลที่ลึกมากซึ่งเป็นสัญลักษณ์ในการฆ่าของแจ๊คเดอะริปเปอร์ และในคำให้การของแมรี่ เพียร์ซี่ที่เธออ้างว่าเธอไม่มีทางเลือก เธอต้องนำศพของผู้หญิงคนนั้นใส่ลงในรถเข็นเด็ก เพื่อที่จะนำศพยัดลงไปในรถเข็นเด็ก เธอจึงต้องตัดส่วนคอลงไปลึกมากเพื่อให้ศพสามารถยัดลงไปได้

การสืบสวนอีกอย่างหนึ่งคือการตรวจสอบลายมือของผู้ต้องสงสัยกับลายมือในจดหมายที่คาดว่าเป็นของแจ๊คเดอะริปเปอร์ เจ้าหน้าที่ได้รับจดหมายจำนวนมากที่อ้างว่าเป็นของฆาตกรรายนี้ แต่ส่วนใหญ่ถูกพิสูจน์แล้วว่ามันถูกปลอมขึ้นมา ยกเว้นจดหมายฉบับหนึ่งที่ถูกส่งมาให้หน่วยลาดตะเวนของพลเรือน ซึ่งมันถูกส่งมาพร้อมกับไตข้างหนึ่งของมนุษย์ จดหมายนี้จ่าหน้าว่ามาจากนรก ไม่มีลายเซ็นต์อยู่ที่ท้ายจดหมาย มันมาพร้อมกับไตข้างหนึ่งของแคทเธอรีน เอ็ดโดว์ มันถูกเขียนเอาไว้ว่า "ผมส่งไตมาให้คุณครึ่งหนึ่ง มันถูกเอาออกมาจากผู้หญิงคนหนึ่ง และผมห่อเอาไว้อย่างดี ผมหั่นเป็นชิ้นพอดีคำ เพื่อที่คุณจะได้กินได้ง่าย ผมอาจจะส่งมีดเล่มนั้นมาให้คุณอีก ถ้าคุณจะกรุณารอต่อไปอีกสักพัก ลงชื่อ มาจากผม ถ้าคุณทำได้"

จดหมายจากแจ๊คเดอะริปเปอร์

จดหมายฉบับนี้ได้หายไปจากห้องเก็บหลักฐานของสก็อตแลนด์ยาร์ด เมื่อปี 1950 แต่ยังมีสำเนาให้ทำการเปรียบเทียบและวิเคราะห์ลายมือ นักวิเคราะห์ลายมือได้ระบุว่า ผู้ที่เขียนนี้มีลักษณะที่เป็นไปได้ว่าจะเป็นผู้ที่ชอบล่วงละเมิดทางเพศผู้อื่น และการสะกดคำในจดหมายสามารถระบุได้ว่าเป็นลักษณะการสะกดคำของชาวไอริช ซึ่งค่อนข้างระบุได้ว่าคนที่เขียนจดหมายนี้มีภูมิหลังเป็นชาวไอริช ซึ่งผู้ต้องสงสัยฟรานซิส ทัมเบิลตี้เป็นชาวอเมริกัน แต่พ่อของเขาเป็นชาวไอริช และเมื่อนำจดหมายจากนรกมาเปรียบเทียบกับจดหมายของทัมเบิลตี้ก็พบว่ามีความคล้ายคลึงกันอย่างมาก สิ่งหนึ่งที่พบว่าคล้ายกันก็คือการเชื่อมโยงคำที่ไม่ปกติ และการเขียนตัววายที่ลากหางยาวไปที่คำด้านล่างที่อยู่อีกบรรทัดหนึ่ง ซึ่งสุดท้ายแล้วผู้เชี่ยวชาญด้านลายมือก็สรุปว่า มีความเป็นไปได้ว่าผู้ที่เขียนจดหมายจากนรกคือฟรานซิส ทัมเบิลตี้



สุดท้ายได้มีการวิเคราะห์พฤติกรรมของฆาตกร โดยกำหนดเป็นรูปแบบของฆาตกร (Criminal Profile) ไว้ดังนี้
- การเชี่ยวชาญด้านพื้นที่ ไม่มีความจำเป็น
- ไม่คิดว่าจะเกี่ยวข้องกับผู้ที่มีความรู้ด้านการแพทย์ เพราะบาดแผลไม่ได้เฉียบคม ลักษณะบาดแผลบ่งบอกว่าฆาตกรมีความโหดเหี้ยม มีแรงจูงใจของคนที่ต้องการแก้แค้น
- ฆาตกรจงใจกระทำต่ออวัยวะที่แสดงลักษณะของเพศหญิง และฆาตกรไม่ได้รีบร้อนในการฆ่า และใช้เวลากับการฆ่าเหยื่อ ฆาตกรเกลียดเพศหญิง ใจเย็นไม่ได้ฆ่าจากการระเบิดอารมณ์โกรธหรือความฉุนเฉียว

เมื่อเทียบรูปแบบกับฆาตกรกับผู้ต้องสงสัยแมรี่ เพียร์ซี่สรุปได้ดังนี้
- แมรี่ เพียร์ซี่ไม่ได้อาศัยย่านจุดเกิดเหตุ ซึ่งตรงนี้ไม่ว่าใครก็สามารถเป็นฆาตกรได้
- แมรี่ เพียร์ซี่มีความรู้ทางด้านการแพทย์ แต่การฆาตกรรมโดยแจ๊คเดอะริปเปอร์ไม่จำเป็นต้องทำโดยผู้ที่มีความรู้ด้านการแพทย์
- ไม่มีหลักฐานอะไรบ่งบอกว่าเธอเกลียดเพศหญิง แมรี่ฆ่าด้วยความโกรธเพราะความรัก

เมื่อเทียบรูปแบบกับฆาตกรกับผู้ต้องสงสัยฟรานซิส ทัมเบิลตี้สรุปได้ดังนี้
- ฟรานซิส ทัมเบิลตี้ย้ายมาจากอเมริกาไม่ได้มีความชำนาญในพื้นที่เกิดเหตุ
- ฟรานซิส ทัมเบิลตี้มีความพยายามจะเป็นหมอ เขารู้ว่าอวัยวะแต่ละส่วนอยู่ตรงไหน แต่ไม่ได้มีความชำนาญในการชำแหละ ตรงนี้ตรงกับฆาตกร
- มีการระบุว่าฟรานซิส ทัมเบิลตี้เคยผิดหวังในความรักจากผู้หญิงและมีพฤติกรรมเกลียดผู้หญิง ไม่ชอบกลิ่นของผู้หญิง ตรงนี้ตรงกับฆาตกร
- ฟรานซิส ทัมเบิลตี้มีลักษณะใจเย็น การทำงานของเขามีการไตร่ตรอง ชอบจัดลำดับความสำคัญ

จากโปรไฟล์ของฆาตกรและของฟรานซิส ทัมเบิลตี้นั้นตรงกันทุกข้อ จึงมีความเป็นไปได้ว่าแจ๊คเดอะริปเปอร์นั้นคือฟรานซิส ทัมเบิลตี้ แต่อย่างไรก็ตามจากหลักฐานต่างๆ ที่มีเหลืออยู่เพียงน้อยนิด ไม่อาจสรุปได้ว่าแจ๊คเดอะริปเปอร์คือเขา เป็นเพียงผู้ต้องสงสัยที่ตรงกับฆาตกรที่สุดเท่านั้น

กษัตริย์เกาหลี จักรพรรดิกวางสี จักรพรรดิปูยี
ตำนานอโดนิส โจนออฟอาร์ค มู่กุ้ยอิง
จักรพรรดิเนโร พระเจ้าเฮนรี่ที่ 8 อับราฮัม ลินคอล์น
พระเจ้าซุกจง มาตาฮารี เจ้าฟ้าหญิงบุญรอด
ตำนานธอร์ นิกิต้า ครุสชอฟ สงครามเกาหลี
กำแพงเมืองจีน อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ พระนางเลือดขาว
อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ สตีเฟน ฮอว์คิง ลีโอ ตอลสตอย
สตีฟ จ็อบส์ เจ้าพระยาวิชเยนทร์ พระนางมัสสุหรี
สัตว์มีพิษ ไวรัสอีโบลา เอเลี่ยนสปีชี่ส์
กำเนิดจักรวาล กำเนิดดวงอาทิตย์ ระบบสุริยะจักรวาล
ปริศนาของจักรวาล การเดินทางข้ามกาลเวลา สสารและปฏิสสาร
สิ่งมีชีวิตบนดาวอังคาร บิ๊กแบงคืออะไร สัตว์ใกล้สูญพันธุ์
สัตว์น้ำแปลก ปลาแองเกลอร์ สัตว์ดูดเลือด
อันดับงูสวยงาม อนาคอนด้า ตัวอ่อนปลาฉลาม
เห็ดมีพิษ ภัยของยาไอซ์ คลื่นยักษ์สึนามิ
กัญชาปลอดภัย ไวรัสอีโบลา ปรสิตที่น่ากลัว
สาเหตุสึนามิ ทำไมผมร่วง สงครามซีเรีย
ทำลายหลุมดำ โลกของเรา กระแสน้ำทะเล
วิธีทำลายเอกภพ กลไกวิวัฒนาการ ระบบภูมิคุ้มกัน
เล่าเรื่องผี เรื่องสยองขวัญ เรื่องผี
ฆาตกรโหด ฆาตกรต่อเนื่อง ฆาตกรโรคจิต
ผีนานาชาติ ผีปีศาจ พระธุดงค์เจอผี
โจนเบเน็ต คดีเพชรซาอุ เดวิด เบอร์โควิด
ซอว์นี่ บีน ฆาตกรโหดเมืองไทย อลิซาเบธ บาโธรี่
ฆาตกรฆ่าคนมากที่สุด คดีกักขังหน่วงเหนี่ยว คดีวิตถาร
คดีพิศวาสฆาตกรรม ฆาตกรเด็ก คดีฆ่าหั่นศพ
ยโศโฆษาฆาต แจ๊คเดอะริปเปอร์ ฆาตกรต่อเนื่องอินเดีย
เบลล์ กันเนส ยูนาบอมเบอร์ เอล ชาโป
ผีภาคเหนือ ผีภาคอีสาน ผีญี่ปุ่น
เมืองอาถรรพ์ เรื่องเล่าเดอะช็อค มนุษย์กินคน

บทความแนะนำ

คดีโหดแห่งเขาแอลป์ เล่าเรื่องผี มาเอาแม่ผมไปทำไม การทรมานในยุคโบราณ วิวาห์สังหารในอินเดีย ฆาตกรต่อเนื่อง 20 ศพ บ้านหลอนแดนนรก 10 สุดยอดเรื่องเล่าสยองขวัญเดอะช็อค 10 สุดยอดเมืองท่องเที่ยวชั้นนำของโลก 10 อันดับพระผงพิมพ์นิยมที่นักสะสมใฝ่ฝัน

ฆาตกรต่อเนื่อง Gilles De Rais

ฆาตกรต่อเนื่องหญิง อลิซาเบธ บาโธรี่

หมอฆาตกรต่อเนื่อง เอช. เอช. โฮล์มส์

ฆาตกรต่อเนื่อง Jesse Harding Pomeroy

ฆาตกรต่อเนื่อง แจ็คเดอะริปเปอร์

ฆาตกรต่อเนื่อง คาร์ล กรอสมันน์

ฆาตกรต่อเนื่อง Henri Landru

ฆาตกรต่อเนื่อง Albert Fish

ฆาตกรต่อเนื่อง เบล่าคิส

ฆาตกรต่อเนื่อง Fritz Haarmann

ฆาตกรต่อเนื่อง Peter Kürten

ฆาตกรต่อเนื่อง คาร์ล แพนซ์แรม

ฆาตกรต่อเนื่อง Joe Ball

ฆาตกรต่อเนื่อง Marcel Petiot

ฆาตกรต่อเนื่อง John Reginald Halliday Christie

ฆาตกรต่อเนื่อง เอ็ดไกน์

ฆาตกรต่อเนื่อง John George Haigh

ฆาตกรต่อเนื่อง Josef Mengele

ฆาตกรต่อเนื่อง ฮาร์วีย์กลาทแมนเมอร์เรย์

ฆาตกรต่อเนื่อง Albert DeSalvo

ฆาตกรต่อเนื่อง Juan Vallejo Corona

ฆาตกรต่อเนื่อง Charles Manson

ฆาตกรต่อเนื่อง Andrei Chikatilo

ฆาตกรต่อเนื่อง John Wayne Gacy

ฆาตกรต่อเนื่อง Manuel Delgado Villegas

ฆาตกรต่อเนื่อง เดนนิส เรเดอร์ฆาตกร BTK

ฆาตกรต่อเนื่อง Arthur Shawcross

ฆาตกรต่อเนื่อง เดนนิส นิลเซน

ฆาตกรต่อเนื่อง Harold Shipman

ฆาตกรต่อเนื่อง Peter Sutcliffe

ฆาตกรต่อเนื่อง เท็ดบันดี้

ฆาตกรต่อเนื่อง Ottis Elwood Toole

ฆาตกรต่อเนื่อง เปโดร อลอนโซ โลเปซ

ฆาตกรต่อเนื่อง Ed Kemper นักฆ่า Co-ed

ฆาตกรต่อเนื่อง โรเบิร์ตเบอร์เดลลา

ฆาตกรต่อเนื่อง Gary Ridgway

ฆาตกรต่อเนื่อง Richard Chase

ฆาตกรต่อเนื่อง Kenneth Alessio Bianchi

ฆาตกรต่อเนื่อง Donato Bilancia

ฆาตกรต่อเนื่อง David Berkowitz

ฆาตกรต่อเนื่อง Aileen Carol Wuornos

ฆาตกรต่อเนื่อง Javed Iqbal

ฆาตกรต่อเนื่อง Luis Alfredo Garavito

ฆาตกรต่อเนื่อง José Antonio Rodriguez Vega

ฆาตกรต่อเนื่อง โจเอล ริฟกิ้น

ฆาตกรต่อเนื่อง Anatoly Onoprienko

ฆาตกรต่อเนื่อง Richard Ramírez

ฆาตกรต่อเนื่อง Jeffrey Lionel Dahmer

ฆาตกรต่อเนื่อง Adolfo de Jesús Constanzo

ฆาตกรต่อเนื่อง Thierry Paulin

Popular Posts