google.com, pub-6663105814926378, DIRECT, f08c47fec0942fa0 Mega topic: คดีสะเทือนขวัญ | จัดอันดับ | 10 อันดับ| เรื่องผี| เรื่องสยองขวัญ| ที่สุดในโลก| ดูดวง| ประวัติศาสตร์
Showing posts with label คดีสะเทือนขวัญ. Show all posts
Showing posts with label คดีสะเทือนขวัญ. Show all posts

ช็อกไอ้หื่นเปิดปากรับโยนเหยื่อตกรถไฟยังไม่สิ้นลม!

ช็อกไอ้หื่นเปิดปากรับโยนเหยื่อตกรถไฟยังไม่สิ้นลม!

พี่สาวน้องแก้มหักหน้าตำรวจยับ คสช.รับไม้บี้ประภัสร์พ้นรฟท.
กระแสโซเชียลมีเดียระอุ! จี้ คสช. ไล่ "ประภัสร์" พ้น รฟท. รับผิดชอบเหตุสะเทือนขวัญฆ่าข่มขืน "น้องแก้ม" บนรถไฟ พร้อมเรียกร้องให้สั่งประหารชีวิต "ไอ้เกม" ขณะที่เจ้าตัวยืนยันไม่ลาออก แต่หากบอร์ดมีมติปลดก็พร้อมยอมรับ เผยเตรียมเอาผิดผู้บริหารที่ช่วย "วันชัย" เข้าทำงาน และสั่งสืบเหตุข่มขืนบนรถไฟ 2 รายเมื่อปี 44 เปิดจดหมายสาวปริญญาโท เหยื่อข่มขืน 13 ปีก่อน ระบุเจ็บช้ำทั้งกายใจอย่างแสนสาหัส แถมถูกบีบออกจากงานและไม่ได้เงินเยียวยา ด้านตำรวจคุมตัวผู้ต้องหาทำแผนฯ อำมหิตโยนร่าง "น้องแก้ม" ออกจากรถไฟทั้งที่ยังมีลมหายใจ ด้านเรือนจำประจวบฯ ล้างคุกรอรับน้องใหม่ หวั่นถูกเพื่อนนักโทษจัดหนัก "บุ๋ม ปนัดดา" ผุดนครศรีธรรมราชโมเดล รณรงค์ข่มขืนเท่ากับประหาร

จากเหตุสะเทือนขวัญกรณีน้องแก้ม วัย 13 ปี นักเรียนชั้น ม.2 โรงเรียนสตรีนนทบุรี หายตัวลึกลับขณะโดยสารมากับรถไฟตู้นอนขบวนรถเร็วที่ 174 นครศรีธรรมราช-กรุงเทพฯ(ขาขึ้น) เมื่อวันที่ 6 ก.ค. ที่ผ่านมา หลังกลับจากไปเยี่ยมญาติที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี พร้อมพี่สาว น้องสาวคนเล็ก และเพื่อนพี่สาว เบื้องต้นตำรวจพุ่งเป้าไปที่พนักงานประจำรถ 4 นาย ว่าอาจเกี่ยวข้องในการหายตัวไปของน้องแก้ม จึงนำตัวมาสอบปากคำ กระทั่งนายวันชัย แสงขาว อายุ 22 ปี พนักงานปูเตียงรถนอน การรถไฟแห่งประเทศไทย รับสารภาพว่าเป็นคนลงมือฆ่าข่มขืนน้องแก้ม แล้วโยนร่างเหยื่อลงข้างทางในพื้นที่ อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้ระดมกำลังค้นหาศพน้องแก้มจนเจอตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ตำรวจคุมตัว"ไอ้เกม" ทำแผนฯ
ความคืบหน้าเมื่อเวลา 06:30 น. วันที่ 9 ก.ค. ที่สถานีรถไฟวังก์พง อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ พล.ต.ต.ธเนษฐ สุนทรสุข ผบก.ภ.จว.ประจวบคีรีขันธ์  พ.ต.อ.วันชัย ธารธรรม ผกก.สภ.ปราณบุรี และ พ.ต.ท.เจริญ ชลประเสริฐ พนักงานสอบสวน สภ.ปราณบุรี ได้นำตัว นายวันชัย หรือเกม แสงขาว ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ท่ามกลางกำลังตำรวจหลายสิบนายคุ้มกันอย่างหนาแน่น หลังจากก่อนหน้านี้ตำรวจไม่สามารถนำตัวผู้ต้องหาไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพได้ เนื่องจากมีญาติผู้ตายและประชาชนจำนวนมากจะเข้ารุมประชาทัณฑ์



วางแผนปิดไฟในตู้นอน
โดยวันนี้ตำรวจได้นำโบกี้รถไฟตู้นอนที่ 2 เลขข้างตู้ บนท.1026 ที่น้องแก้มโดยสารมาในคืนวันเกิดเหตุ มาจอดพักไว้ที่ชานชาลา จากนั้นนำตัวนายวันชัยที่อยู่ในสภาพอิดโรยขึ้นมาทำแผนฯ โดยนายวันชัยให้การอย่างไม่สะทกสะท้านว่า ก่อนเกิดเหตุตนได้เสพยาบ้ารวม  3 เม็ด พร้อมนั่งดื่มเบียร์กับเพื่อนพนักงานด้วยกันจนเมา และเกิดอารมณ์ทางเพศขึ้น และก่อนหน้านั้นเห็นน้องแก้มที่มากับญาติตั๋วนอนขึ้นรถไฟจาก จ.สุราษฎร์ธานี  จึงวางแผนปิดไฟในตู้นอน

บีบคอ-ต่อยสลบแล้วข่มขืน
เมื่อรถไฟเข้าเขต จ.ประจวบคีรีขันธ์ ผู้โดยสารหลับสนิททั้งตู้นอน จึงย่องมาที่เตียงนอนหมายเลข 28 ที่น้องแก้มนอนหลับสนิทอยู่คนเดียว ก่อนมุดผ้าห่มขึ้นไปคร่อมร่าง เอามือข้างหนึ่งบีบคอแน่น แล้วใช้กำปั้นต่อยท้องจนน้องแก้มสลบ จากนั้นก็เปิดหน้าต่างรถไฟออกเพื่อกลบเสียงดังแล้วถอดเสื้อผ้าเหยื่อลงมือข่มขืนจนสำเร็จความใคร่ 1 ครั้ง ก่อนจะหันไปรื้อค้นสิ่งของที่อยู่ภายในกระเป๋าสะพายสีชมพูของน้องแก้มที่วางอยู่ที่ปลายเท้า เพื่อหยิบเอาไอแพดและโทรศัพท์มือถือไอโฟน 5 เอสติดมือไป

โยนรถไฟทั้งยังมีลมหายใจ
แต่จังหวะเดียวกันนั้นน้องแก้มเริ่มรู้สึกตัว ตนกลัวเหยื่อส่งเสียงร้องให้คนอื่นได้ยิน จึงเอามือสองข้างบีบคอจนแน่นิ่งไปอีกครั้ง และเกิดอารมณ์ทางเพศขึ้นมาอีก จึงลงมือข่มขืนซ้ำรอบสอง หลังเสร็จเกิดกลัวความผิดขึ้นมา จึงจับน้องแก้มเอาศรีษะพาดกับขอบหน้าต่างรถไฟ แล้วผลักร่างกระเด็นตกออกไป ทั้งๆ ที่น้องแก้มยังมีลมหายใจอยู่ แล้วจึงโยนสิ่งของ ทั้งเสื้อผ้าและผ้าปูที่นอนที่เปื้อนเลือด ทิ้งออกนอกหน้าต่างตามไปด้วยเพื่ออำพรางคดี แต่ตอนนั้นตนจำไม่ได้ว่าถึงบริเวณไหน เพราะมันมืดมากแล้วจึงแต่งตัวทำทีเป็นไม่รู้เรื่อง กลับไปนั่งที่ตู้ตนเองจนรถไฟถึงกรุงเทพ แล้วนำโทรศัพท์ของน้องแก้มไปขายที่ห้างเอดิสัน กระทั่งถูกจับกุมดังกล่าว

อยากขอขมาแต่กลัวถูกตื้บ
นายวันชัย แสงขาวยังรับสารภาพอีกว่า ถึงนาทีนี้แล้วรู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่ตนทำไป อยากขอขมาแม่และญาติของน้องแก้ม แต่ก็กลัวจะถูกทำร้าย จึงอยากฝากเตือนทุกคนว่า อย่าไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติด เพราะจะทำให้ขาดสติ ทำผิดพลาดอย่างตนเอง
ภายหลังเจ้าหน้าที่ใช้เวลาทำแผนราว 45 นาที จึงเสร็จสิ้นด้วยเหตุการณ์ปกติ ไร้เงาญาติของผู้ตายและชาวบ้านแต่อย่างใด ก่อนนำตัวผู้ต้องหาไปสอบปากคำเพิ่มเติม เพื่อส่งฟ้องศาลตัดสินคดี

เร่งสรุปสำนวนส่งฟ้องใน 7 วัน
ด้าน พล.ต.ต.ธเนษฐ สุนทรสุข ผบก.ภ.จว.ประจวบคีรีขันธ์   กล่าวว่า คดีนี้ผู้ต้องหายอมรับสารภาพแล้วและให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตนได้รับคำสั่งจาก พล.ต.อ.เอก อังสะนานันท์ รอง ผบ.ตร. ให้เร่งสรุปสำนวนคดีและส่งฟ้องศาลภายใน 7 วัน โดยจะนำตัวผู้ต้องหาฝากขังที่ศาลจังหวัดหัวหินในวันพรุ่งนี้ (10 ก.ค.) เนื่องจากควบคุมตัวครบ 48 ชั่วโมงแล้ว เพื่อให้สาลตัดสินว่าผู้ที่กระทำผิดควรจะต้องรับโทษอย่างไร ซึ่งโทษสูงสุดของคดีนี้คือประหารชีวิต สำหรับความกังวลใจของครอบครัวน้องแก้มที่เชื่อว่าผู้ที่ก่อเหตุไม่ใช่นายวันชัยเพียงลำพัง แต่อาจจะมีผู้ต้องก่อเหตุอีก 3 รายนั้น ในขณะนี้ยังไม่มีหลักฐานที่ชี้ไปยังบุคคลอื่น

มอบแท็บเล็ตน้องแก้มให้ตำรวจ
ต่อมาเมื่อเวลา 15:00 น. พล.ต.ต.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ รอง ผบช.น. ในฐานะหัวหน้าชุดทีมสืบสอบคลี่คลายคดีการหายตัวไปของเด็กหญิงกชกร หรือน้องแก้ม ได้เดินทางมาที่ บก.รฟ. เพื่อติดตามความคืบหน้าของคดี โดยกล่าวว่า ในชั้นนี้อยู่ในขั้นตอนการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อมัดตัวคนผิด ต่อให้ผู้ต้องหาปฏิเสธในชั้นศาล ศาลก็ต้องเเชื่อมั่น 100% ว่าจากหลักฐานที่ตำรวจมีจะระบุได้ว่าเขาเป็นผู้กระทำความผิด โดยมีการดึว พ.ต.อ.นภันต์วุฒิ เลี่ยมสงวน ผกก.กก.ดส. มาร่วมทำงาน เนื่องจากเป็นหน้างานที่รับผิดชอบอยู่แล้ว รวมถึงพ.ต.อ.คึกฤทธิ์ พิทักษ์จำนงค์ ผกก.กองอุทธรณ์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งมีศักดิ์เป็นลุงของผู้ตาย ซึ่งเป็นเพื่อนนักเรียนนายร้อยตำรวจของ พ.ต.อ.นภันต์วุฒิอีกด้วย

รายงานข่าวแจ้งว่า เมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมา ทางเพื่อนของนายวันชัยได้เดินทางมาพบ ร.ต.ท.ยุทธภัณฑ์ คำแก้ว พนักงานสอบสวน สน.นพวงศ์ เพื่อนำแท็บเล็ตมามอบให้ โดยแท็บเล็ตดังกล่าวเป็นของน้องแก้มที่หายไปในวันเกิดเหตุ และเมื่อช่วงบ่ายวันนี้ทางพนักงานสอบสวน สภ.ปราณบุรี ได้เดินทางมารับแท็บเล็ตเพื่อส่งพิสูจน์หาความเชื่อมโยงของคดีต่อไป

เผยสืบจับจากมือถือเหยื่อ
ส่วนที่กองกำลังตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ รอง ผบช.น. เปิดเผยถึงแนวทางการติดตามจับกุมนายวันชัย แสงขาว ผู้ต้องหาฆ่าข่มขืนน้องแก้มว่า หลังจากญาติมาแจ้งความก็เริ่มซักถามถึงรายละเอียดในการเดินทาง รวมทั้งทรัพย์สินของน้องว่ามีอะไรบ้าง เมื่อทราบว่าโทรศัพท์ไอโฟน 5 เอสของผู้ตายหายไป จึงทำการตรวจสอบทางเทคนิคจนพบว่าไปอยู่ที่ร้านโทรศัพท์แห่งหนึ่งย่านศรีย่าน จึงเชิญตัวเจ้าของร้านมาสอบสวน ทราบว่านายวันชัยเป็นผู้นำโทรศัพท์มือถือของน้องแก้มมาขายให้ในราคา 1,800 บาท จึงให้ พ.ต.อ.นภันต์วุฒิ นำตัวผู้ต้องหามาสอบสวน โดยเบื้องต้นนายวันชัยอ้างว่าเก็บโทรศัพท์ได้บนรถไฟ จึงนำไปขายและไม่รู้เรื่องที่น้องแก้มหายตัวไปบนรถไฟ ต้องใช้เวลาในการสอบเค้นระยะหนึ่ง พร้อมนำหลักฐานมาเปิดเผย นายวันชัยจึงยอมสารภาพ

ดส.ตรวจค้นบ้านผู้ต้องหา
เมื่อเวลา 11:00 น. พ.ต.อ.นภันต์วุฒิ เลี่ยมสงวน ผกก.กก.ดส. พร้อมด้วย พ.ต.ท.สาโรจน์ จอกโคกสูง สว.งานสืบสวนตรวจตรา กก.ดส. พ.ต.ต.ยศนันท์ ฤกษนันทน์ สว.งานกิจกรรมเด็กเยาวชน กก.ดส. และเจ้าหน้าที่กองกำกับการเด็กและสตรี สนธิกำลังเข้าตรวจค้นบ้านพักนายวันชัย แสงขาว ภายในซอยสามเสน 28 แยกองครักษ์ 15 เลขที่ 491 แขวงนครชัยศรี เขตดุสิต กทม. ซึ่งเป็นบ้านพักคนงานมีจำนวน 4 ห้องพัก เนื้อที่ประมาณ 100 ตารางวา ผลปรากฏพบของกลางเป็นอุปกรณ์เสพยาบ้า ไอซ์ กัญชา โน๊ตบุ๊ค 1 เครื่อง โทรศัพท์ไอโฟน รุ่น 4 เอส 1 เครื่อง สายชาร์จโทรศัพท์ยี่ห้อไอโฟน 2 อันและเสื้อผ้ารองเท้าของนายเกม เจ้าหน้าที่จึงเก็บไปตรวจสอบ

น้องไม่เชื่อพี่ลงมือคนเดียว
สอบสวนนายเอก (นามสมมุติ) อายุ 19 ปี น้องชายนายเกมให้การว่า นายเกมเป็นคนเก็บกด มีโลกส่วนตัวสูง ชอบเก็บตัวอยู่คนเดียว เนื่องจากมักจะถูกพ่อแม่ต่อว่าเป็นประจำเพราะนายเกมไม่ค่อยทำงาน เวลาทะเลาะกับแฟนสาวก็จะลงมือทำร้ายร่างกายอยู่บ่อยครั้ง จนเบื่อที่จะเข้าไปห้ามปราม ทั้งนี้คาดว่าสาเหตุที่พี่ชายก่อคดีนี้ขึ้น น่าจะเกิดจากอารมณ์เก็บกดเรื่องราวต่างๆ มาเยอะ อย่างไรก็ตามตนไม่เชื่อว่าพี่ชายเป็นคนลงมือทำเพียงคนเดียว

หวั่นถูกเพื่อนนักโทษจัดหนัก
นายสุทิน ชิตชอบ ผู้บัญชาการเรือนจำ จ.ประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาระดับสูง ให้เตรียมความพร้อมในการรักษาความปลอดภัยนายวันชัย หลังจากพนักงานสอบสวน สภ.ปราณบุรี นำตัวไปขออำนาจศาลจังหวัดเพื่อพิจารณาในการฝากขัง ซึ่งคาดว่าจะนำตัวมาคุมขังที่เรือนจำจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ในวันที่ 10 ก.ค.นี้ ล่าสุดได้ประชุมเพื่อวางแผนในการวางมาตรการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด โดยมีการกั้นแนวเขตเพื่อให้นายวันชัยขังรวมกับผู้ต้องหา ซึ่งเป็นผู้สูงอายุและผู้ต้องขังที่มีอัตราโทษน้อย พร้อมสั่งเจ้าหน้าที่ดูแลอย่างเต็มที่เพื่อไม่ให้มีการรุมทำร้ายอย่างเด็ดขาด ทั้งนี้ยอมรับว่าหนักใจกับเรื่องนี้เป็นอย่างมาก เนื่องจากในเรือนจำมีนักโทษ 2,200 คน แต่มีกำลังเจ้าหน้าที่ไม่เพียงพอในการปฏิบัติงาน

"ขณะนี้กระแสภายในเรือนจำผู้ต้องขังจำนวนมากให้ความสนใจและรอผู้ต้องหาคดีนี้เข้ามาคุมขังเพื่อรับน้องใหม่ เนื่องจากถูกตั้งข้อหาข่มขืนและฆ่าเป็นข่าวดังไปทั่วประเทศ ซึ่งอาจจะทำให้ระบบการรักษาความปลอดภัยมีปัญหาเกิดขึ้นได้ หากมีการลุกฮือของผู้ต้องขังจำนวนมากเพื่อรุมทำร้าย" นายสุทิน กล่าว

ไร้เงาญาติเยี่ยม"ไอ้โหด
ส่วน พ.ต.อ.ปรีชา กลัดสวัสดิ์ รอง ผบก.ภว.จว.ประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผยว่า ได้รับมอบหมายให้เป็นหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดีนี้ โดยมีคำสั่งแต่งตั้งพนักงานสอบสวน จำนวน 13 นาย เพื่อรวบรวมพยานหลักฐานในคดีฆ่าข่มขืนกระทำชำเรา อำพรางซ่อนเร้นศพ และคดียาเสพติด ซึ่งขณะนี้ยังไม่สามารถสรุปสำนวนได้ เนื่องจากต้องรอผลการตรวจพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์จากสถาบันนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ คาดว่าจะใช้เวลาไม่เกิน 7 วัน สำหรับการสอบสวนและการนำตัวไปทำแผนได้ มีทนายอาสาของผู้ต้องหาเข้าร่วม เนื่องจากเป็นคดีใหญ่ที่มีอัตราโทษสูงถึงประหารชีวิต สำหรับผู้ต้องหารายนี้ยังไม่มีญาติเดินทางมาเยี่ยม หลังจากนำตัวมาคุมขังที่ สภ.ปราณบุรี โดยจัดเจ้าหน้าที่ตำรวจดูแลอย่างใกล้ชิด และผู้ต้องหาไม่มีอาการเครียด

จี้คสช.ไล่"ประภัสร์"พ้นรฟท.
ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) พ.อ.วินธัย สุวารี รองโฆษกกองทัพบก ในฐานะทีมโฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่จะมีการรวมตัวของกลุ่มโซเชียลมีเดีย เพื่อเรียกร้องให้มีการประหารชีวิตคนร้ายที่ทำร้ายน้องแก้มจนเสียชีวิตว่า ต้องดูลักษณะการรวมตัว เพราะการรวมตัวในระยะนี้อยู่ในช่วงการประกาศกฎอัยการศึก ไม่ว่าจะเป็นการชุมนุมทางการเมือง หรือการรวมตัวใดๆ ก็ตามอาจขัดต่อกฎอัยการศึก แต่ทั้งนี้จะพิจารณาความเหมาะสม ตนอยากเสนอให้กลุ่มดังกล่าวส่งตัวแทนมายื่นหนังสือให้กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคสช. ซึ่งถือว่าเป็นช่องทางที่เหมาะสมที่สุดในขณะนี้ ส่วนกรณีที่มีการเรียกร้องให้ นายประภัสร์ จงสงวน ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย ลาออกจากตำแหน่งนั้น คสช.ทราบว่าคดีดังกล่าวอยู่ในความสนใจของประชาชน และส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง แต่ทั้งนี้ต้องไปพิจารณากันในรายละเอียดกันอีกครั้ง

สภาทนายฯช่วยฟ้องแพ่ง
นายเดชอุดม ไกรฤทธิ์ นายกสภาทนายความ กล่าวว่า สำหรับคดีนี้ในทางแพ่งถือว่าเป็นคดีคุ้มครองผู้บริโภค  เพราะผู้เสียหายได้รับความเสีบหายอันเนื่องมาจากการให้บริการขนส่งสาธารณะ เมื่อเกิดเหตุภยันตรายขึ้นบนรถไฟ ดังนั้นการรถไฟฯต้องรับผิด โดยทางสภาทนายความจะรับเป็นทนายความช่วยเหลือทางคดีความให้ไม่มีค่าใช้จ่าย จะฟ้องศาลแพ่งเรียกค่าเสียหายแก่ชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ค่าปลงสพ ค่าขาดไร้อุปการะ และค่าเสียหายทางจิตใจพร้อมดอกเบี้ยตั้งแต่วันเกิดเหตุจนกว่าจะชำระเงินเสร็จ

แนะนำทำประชามติแก้กม.
นอกจากนี้นายกสภาทนายความ เปิดเผยถึงกรณีกระแสทางโซเชียลเน็ตเวิร์ก เรียกร้องให้แก้ไขกฎหมายความผิดข่มขืนเท่ากับประหารชีวิตว่า การแก้กฎหมายให้ผู้กระทำความผิดข่มชืนได้รับโทษประหารชีวิตอย่างเดียว ก็ต้องพิจารณาว่าสังคมต้องการแบบนี้จริงหรือไม่ หากเห็นว่าบทลงโทษผู้กระทำความผิดข้อหาช่มชืนปัจจุบันมีโทษจำคุกสูงสุด 20 ปียังไม่เพียงพอ ก็ต้องจัดทำประชามติขอความเห็นสังคม ทั้งนี้ ตนเห็นว่าการลงโทษต้องให้เหมาะสมกับพฤติการณ์ความผิด กรณีถูกข่มขืนเป็นเหตุการณ์ที่ร้ายแรงมาก แต่ต้องถามว่าสมควรเอาชีวิตผู้กระทำความผิดหรือไม่ ถ้าต้องการเอาชีวิตก็สามารถแก้กฎหมายได้ แต่สังคมจะเอาด้วยหรือไม่ ตนเห็นว่าเราควรจะมีสติและพยายามทำคดีให้ดีที่สุด เมื่อจำเลยจำนนต่อหลักฐานศาลก็จะลงโทษเต็มที่ ซึ่งกฎหมายของเราก็เหมาะสมและได้มาตรฐานโลก แต่กระบวนการรับโทษต้องรวดเร็ว โปร่งใส และรัดกุม

ชี้แก้โทษปัญหาอาจรุนแรงขึ้น
นายเดชอุดม กล่าวอีกว่า หากมองอีกมุมหนึ่งการแก้โทษให้มีเพียงประหารชีวิตอย่างเดียว อาจเป็นการเพิ่มความรุนแรงขึ้นก็ได้ คนร้ายที่ข่มขืนอาจตัดสินใจฆ่าเหยื่อและทำลายหลักฐาน ทำให้ไม่มีพยานหลักฐานสำคัญในคดี เหมือนกับการเพิ่มโทษประหารชีวิตแก่ผู้ค้ายา เพื่อป้องกันและลดการจำหน่ายยาเสพติด จะเห็นว่าจากเดิมจับผู้ต้องหาพร้อมของกลางยาเสพติดที่จำหน่ายได้เพียง 100 เม็ด แต่ปัจจุบันผู้ค้ายามียาเสพติดไว้จำหน่ายเป็นล้านเม็ด เพราะมีโทษประหารเท่ากัน ดังนั้นการเพิ่มโทษต้องคิดถึงผลย้อนกลับด้วย

กม.เดิมฆ่าข่มขืน-ประหาร
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตามประมวลกฎหมายอาญาที่เกี่ยวกับความผิดทางเพศ มาตรา 276 ระบุว่า ผู้ใดข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่นโดยขู่เข็ญด้วยประการใดๆ โดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยผู้นั้นไม่สามารถขัดขืนได้ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 4-20 ปี และปรับตั้งแต่ 8,000-40,000 บาท โดยที่มาตรา 277 ระบุว่า ผู้ใดกระทำชำเราเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี ซึ่งไม่ใช่ภรรยาหรือสามีของตน โดยเด็กนั้นยินยอมหรือไม่ก็ตาม ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 4-20 ปี และปรับตั้งแต่ 8,000-40,000 บาท และถ้าเป็นการกระทำความผิดต่อเด็กอายุไม่เกิน 13 ปี ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 7-20 ปี และปรับตั้งแต่ 14,000-40,000 บาท หรือจำคุกตลอดชีวิต ขณะที่มาตรา 277 ทวิ บัญญัติไว้ด้วยว่า ถ้าการกระทำผิด ตามมาตรา 276 หรือมาตรา 277 เป็นเหตุให้ผู้ถูกกระทำถึงแก่ความตาย ผู้กระทำต้องระวางโทษประหารชีวิต หรือจำคุกตลอดชีวิตด้วย

กรมคุ้มครองสิทธิมอบเงินช่วย
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มารดาพร้อมครอบครัวของน้องแก้ม ได้เดินทางเข้าไปมอบดอกไม้ขอบคุณสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตำรวจรถไฟ ตำรวจภูธรภาค 7 และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ได้เร่งรัดจับกุมผู้ต้องหาคดีดังกล่าว โดยมีพล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รอง ผบ.ตร.(ปป.) เป็นตัวแทนรับมอบ จากนั้นพ.ต.อ.ดร.ณรัชต์ เศวตนันทน์ อธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม มอบเงินสดจำนวน 1 แสนบาท ให้กับมารดาของน้องแก้ม ซึ่งการมอบในครั้งนี้ เป็นไปตามพระราชบัญญัติค่าตอบแทนผู้เสียหายและค่าทดแทน และค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา พ.ศ.2544 (ประเด็นนี้ได้มีการตั้งกระทู้ใน pantip.com แฉว่าเป็นการจัดฉากของตำรวจ)

จ่อแก้รับแจ้งความคนหาย
พล.ต.อ.เอก กล่าวว่าตนยืนยันว่าหลังเกิดเหตุดังกล่าวตำรวจได้รับแจ้ง และดำเนินการช่วยเหลือการค้นหาร่างน้องแก้มอย่างเต็มที่ พร้อมทั้งเตรียมปรับแก้ข้อกำหนดในการรับแจ้งความคนหาย ที่จากเดิมจะต้องรอให้ครบ 24 ชั่วโมงนั้นถึงจะสามารถแจ้งความได้ โดยจะเร่งปรับเปลี่ยนให้แจ้งความได้ทันที และกำชับพนักงานสอบสวนที่รับแจ้งให้รับดำเนินการอย่างเร่งด่วน ส่วนการปรับแก้การพิจารณาอัตราโทษในคดีข่มขืนกระทำชำเรา จำเป็นต้องให้ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในกระบวนการยุติธรรม เข้ามามีส่วนร่วม ซึ่งตำรวจเป็นเพียงผู้บังคับใช้กฎหมาย และรวบรวมพยานหลักฐานในการส่งสำนวนต่อพนักงานอัยการเท่านั้น

เคือง ตร.ไม่ช่วยค้นหา
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศ ขณะที่ญาติผู้ใหญ่ของน้องแก้มมอบดอกไม้พร้อมกล่าวแสดงความขอบคุณตำรวจนั้น บรรดาญาติอีกส่วนหนึ่งได้แสดงความไม่พอใจพร้อมเดินออกจากห้องรับรองทันที ต่อมาเมื่อมีการถ่ายภาพมอบดอกไม้และรับเงินช่วยเหลือ พี่สาวน้องแก้มได้แสดงอาการเบือนหน้าหนี ซึ่งก่อนหน้านี้ได้มีกระแสข่าวจากกลุ่มญาติของน้องแก้ม แสดงความรู้สึกไม่พอใจผ่านโซเชียลมีเดียถึงการทำงานของตำรวจที่ไม่ช่วยดำเนินการในการค้นหาร่างของน้องแก้มอย่างเต็มที่แต่แรก ซึ่งคืนวันที่พบร่างของน้องแก้มเป็นเพียงญาติและเจ้าหน้าที่มูลนิธิที่เป็นผู้ช่วยกันค้นหาเท่านั้น

บี้ผู้บริหารรถไฟลาออก
นายเสรี สุวรรณภานนท์ อดีตรองประธานสภาร่างรัฐธรรมนูญ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊คส่วนตัว ถึงกรณีน้องแก้มถูกข่มขืนและฆ่าบนรถไฟ ว่าปัจจุบันอยู่ระหว่างการประกาศใช้กฎอัยการศึก ทหารมีอำนาจเต็ม ในการบริหารปกครองประเทศให้สงบเรียบร้อย สามารถกำหนดและใช้กระบวนการพิจารณาคดีรวดเร็วได้ ปล้วให้กระบวนการศาลพิจารณาและตัดสินคดีโดยเร็ว คดีข่มขืนแล้วฆ่าแม้ผู้ถูกกล่าวหาจะรับสารภาพ แต่หากกระทำความผิดจริงและจำนนต่อหลักฐานก็มีโทษสถานเดียวคือประหารชีวิต เรื่องที่เกิดขึ้นผู้บริหารรถไฟควรลาออก เพื่อรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เป็นความรับผิดชอบที่ไม่ควรต้องให้มีใครบอก

ที่มา หนังสือพิมพ์เดลินิวส์

เล่าเรื่องผี เรื่องสยองขวัญ เรื่องผี
ฆาตกรโหด ฆาตกรต่อเนื่อง ฆาตกรโรคจิต
ผีนานาชาติ ผีปีศาจ พระธุดงค์เจอผี
โจนเบเน็ต คดีเพชรซาอุ เดวิด เบอร์โควิด
ซอว์นี่ บีน ฆาตกรโหดเมืองไทย อลิซาเบธ บาโธรี่
ฆาตกรฆ่าคนมากที่สุด คดีกักขังหน่วงเหนี่ยว คดีวิตถาร
คดีพิศวาสฆาตกรรม ฆาตกรเด็ก คดีฆ่าหั่นศพ
ยโศโฆษาฆาต แจ๊คเดอะริปเปอร์ ฆาตกรต่อเนื่องอินเดีย
เบลล์ กันเนส ยูนาบอมเบอร์ เอล ชาโป
ผีภาคเหนือ ผีภาคอีสาน ผีญี่ปุ่น
เมืองอาถรรพ์ เรื่องเล่าเดอะช็อค มนุษย์กินคน
เรื่องย่อเพื่อเธอ เรื่องย่อสาวน้อยร้อยล้าน เรื่องย่อรักเร่
เรื่องย่อตามรักคืนใจ เรื่องย่อพลับพลึงสีชมพู เรื่องย่อไฟล้างไฟ
เรื่องย่อรัตนาวดี เรื่องย่อคู่ปรับฉบับหัวใจ เรื่องย่อห้องหุ่น
เรื่องย่อรอยรักแรงแค้น ขอเป็นเจ้าสาวสักครั้งให้ชื่นใจ เรื่องย่อเพลิงตะวัน
เรื่องย่อนางร้ายที่รัก เพื่อนรักเพื่อนริษยา เรื่องย่อตะวันตัดบูรพา
เรื่องย่อเลื่อมสลับลาย นางสาวทองสร้อยคุณแจ๋ว เรื่องย่อใต้เงาจันทร์
เรื่องย่อละครเจ้านาง เรื่องย่อผู้กองยอดรัก เรื่องย่อสุดแค้นแสนรัก
เรื่องย่อเพลงรักเพลงลำ เรื่องย่อละครเพื่อนแพง เรื่องย่อเลือดมังกร
นิทานนางกากี นิทานนางพิกุลทอง นิทานยอพระกลิ่น
นิทานกระต่ายสามขา นิทานกระเช้าสีดา นิทานเคราะห์ของตาจัน
กล่องข้าวน้อยฆ่าแม่ ทำไมงูเหลือมไม่มีพิษ ทำไมเต่ามีกระดอง
ทำไมจระเข้จึงไม่มีลิ้น ทำไมหมากับแมวไม่ถูกกัน ทำไมนกกะปูดตาแดง
นิทานธรรมชาดก เรื่องย่อละคร ดูดวงทำนายฝัน

บทความเมนูอาหาร บทความภัยอันตราย บทความสุขภาพ บทความวิทยาศาสตร์ บทความสยองขวัญ บทความชีวิตสัตว์ บทความประวัติศาสตร์ บทความจัดอันดับ สารบัญบทความ

ปริศนาฆาตกรรม ใครฆ่านางงามเด็กแห่งโคโลราโด้

ช่วงวันคริสต์มาส 26 ธันวาคม 1996 ในรัฐโคโลราโด้ของสหรัฐ เสียงโทรศัพท์ที่สถานีตำรวจดังขึ้นเมื่อเวลา 05:45 น. มีเสียงผู้หญิงร้องไห้สะอึกสะอื้นมาตามสาย จับใจความได้ว่าลูกสาวของเธอถูกลักพาตัวไป เมื่อตำรวจไปถึงบ้านของจอห์น แรมซี่ย์ ก็พบแพตซี่และจอห์น สองสามีภรรยากำลังอยู่ในสภาพตื่นตระหนกอย่างแรง ในมือถือจดหมายเรียกค่าไถ่แผ่นหนึ่งไว้ด้วย

คดีโจนเบนท์ แรมซี่ย์

แพตซี่เล่าว่าโจนเบนท์ ลูกสาววัยเพียง 6 ขวบ เจ้าของตำแหน่งนางงามเด็กประจำรัฐโคโลราโด้ของพวกเขาหายตัวไปจากห้องนอน และเธอพบจดหมายเรียกค่าไถ่ลูกถูกเสียบไว้ที่บันไดบ้านขั้นสุดท้าย มีใจความว่า



"เราคือกลุ่มคนที่เรียกว่าเป็นตัวแทนของชาวต่างด้าว ตอนนี้เราได้จับลูกสาวคุณไว้แล้ว เธอปลอดภัย ยังไม่ถูกทำร้าย และถ้าคุณยังอยากให้เธอมีชีวิตอยู่จนถึงปี 1997 คุณต้องทำตามคำสั่งเรา คุณต้องถอนเงินออกมา 118,000 ดอลลาร์ แบ่งเป็นธนบัตรใบละ 100 จำนวน 100,000 ดอลลาร์ ส่วนที่เหลือ 18,000 นั้นให้เป็นใบละ 20 ดอลลาร์ทั้งหมด พอกลับถึงบ้านคุณต้องเอาเงินใส่ถุงกระดาษสีน้ำตาล เราจะโทรหาคุณระหว่างเวลา 8:00 - 10:00 น. พรุ่งนี้ เพื่อบอกว่าให้เอาเงินไปไว้ที่ไหน การส่งเงินจะทำให้คุณเหนื่อยจนหมดแรง เพราะฉะนั้นจงพักผ่อนให้เต็มที่ ถ้าเราพบว่าคุณถอนเงินมาได้เร็ว เราจะโทรหาคุณเร็วขึ้น คุณจะได้ส่งเงินไปให้เราเร็วๆ และคุณจะได้รับลูกสาวของคุณกลับไป

คดีโจนเบนท์ แรมซี่ย์

ถ้ามีการบิดพลิ้ว เราจะสังหารลูกสาวของคุณทันที มีสุภาพบุรุษสองคนดูแลลูกสาวคุณอยู่ พวกเขาไม่ชอบคุณนัก ฉะนั้นอย่าทำอะไรที่เป็นการยั่วยุหรือท้าทาย การบอกเรื่องนี้กับใครๆไม่ว่าจะเป็นเอฟบีไอหรือตำรวจ จะทำให้ลูกคุณโดนตัดหัว ถ้าเราจับได้ว่าคุณพูดกับสุนัขรับใช้พวกนั้น...ลูกคุณตาย ถ้าคุณบอกเรื่องนี้ให้ทางธนาคารรู้...เธอตาย ถ้าเงินถูกทำตำหนิหรือเครื่องหมายใดๆ...เธอตาย คุณจะเล่นลูกไม้กับเราก็ได้ แต่เตือนไว้ก่อนว่าเราเป็นพวกที่คุ้นเคยกับเล่ห์กลทางกฎหมายและเทคนิคต่างๆ ดี หากคุณตบตาเรา ลูกสาวคุณมีโอกาสตาย 99% ถ้าคุณทำตามที่เราสั่งแต่โดยดี ลูกสาวคุณมีโอกาสรอด 100% อย่าพยายามอวดฉลาดเลยจอห์น อย่าคิดว่าการฆ่าคนเป็นเรื่องยาก จงอย่าประเมินค่าเราต่ำไปนัก จงใช้สามัญสำนึกแบบชาวใต้ที่ดีของพวกคุณ ตอนนี้ทุกอย่างขึ้นอยู่กับคุณแล้วจอห์น    จากกลุ่ม S.B.T.C."

คดีโจนเบนท์ แรมซี่ย์

หลังจากอ่านจดหมายจบ ตำรวจก็รีบติดตั้งเครื่องดักฟังโทรศัพท์เพื่อจับที่อยู่ของคนร้ายโดยเร่งด่วน ส่วนจอห์นก็รีบไปเบิกเงินจากธนาคารกลับมาตามที่คนร้ายสั่ง หลังจากนั้นทุกคนก็นั่งจับเจ่ารอโทรศัพท์อย่างใจจดใจจ่อ พร้อมกับปลอบใจแพตซี่ที่นั่งร้องไห้ตลอดเวลาไปด้วย ทว่ารอแล้วรอเล่าจนเวลาล่วงไปบ่ายโมง ก็ไม่ปรากฏว่ามีโทรศัพท์จากใครโทรมาแม้แต่กริ๊งเดียว จนกระทั่งเวลาบ่ายโมง จอห์นซึ่งรอจนเบื่อก็ชวนฟลีท ไวท์ เพื่อนสนิทของครอบครัวออกเดินสำรวจรอบๆ บ้าน เพื่อดูว่ามีข้าวของอะไรถูกขโมยบ้างหรือเปล่า

ทั้งคู่สังเกตเห็นความผิดปกติบางอย่างที่ประตูทางลงห้องใต้ดิน จอห์นและฟลีทจึงช่วยกันดันประตูห้องใหญ่หนสฝืดนั้นออก เมื่อเข้าไปข้างในเขาก็พบร่างเล็กๆ ของหนูน้อยโจนเบนท์อยู่ที่นั่น เธอนอนหงายมีผ้าห่มคลุมทับชุดนอน ที่ศรีษะมีร่องรอยถูกทำร้ายเป็นแผลใหญ่ ที่ปากถูกเทปปิดไว้แน่น มีสายเชือกสีขาวรัดแน่นอยู่รอบลำคอจนเชือกจมลึกเข้าไปในเนื้อที่ด้านหลังมีไม้เล็กๆ ขันชะเนาะเอาไว้ ส่วนข้อมือทั้งสองข้างก็ถูกมัดด้วยเชือกชนิดเดียวกัน ร่างของเด็กน้อยแข็งทื่อเขียวคล้ำและมีกลิ่นเหม็นเน่าจางๆ บ่งบอกว่าเธอต้องเสียชีวิตไปแล้วอย่างน้อยหนึ่งวัน

ทันทีที่เห็นจอห์นก็รีบเข้าไปคว้าตัวลูกขึ้นมา แต่เมื่อพบว่าเธอตายสนิท เขาจึงอุ้มร่างไร้วิญญาณนั้นกลับเข้าไปในห้องโถง พลางร้องเรียกแพตซี่ไปตลอดทาง การพบศพเด็กหญิงทำให้สถานการณ์พลิกผันไปในทันที ตำรวจพุ่งเป้าความสงสัยทั้งหมดไปที่สองผัวเมียจอห์นและแพตซี่ เพราะตามปกติแล้วคดีฆาตกรรมที่เกิดขึ้นในบ้านโดยไม่มีหลักฐานว่ามีผู้บุกรุกบุกเข้ามา ตำรวจต้องสงสัยสมาชิกในครอบครัวก่อนเป็นอันดับแรกซึ่งในคดีนี้ก็มีเหตุให้น่าสงสัยหลายประการอีกด้วย ข้อแรกตำรวจพบรอยเท้าย่ำหิมะออกไปนอกบ้าน และมีรอยรองเท้าปรากฏอยู่ห้องใต้ดินที่พบศพ ซึ่งแสดงว่ามีคนปีนออกจากห้องใต้ดินของบ้านนี้ แต่กลับไม่มีรอยเท้าที่แสดงว่ามีผู้บุกรุกเข้ามาจากภายนอกเลย

ข้อที่สอง ในคืนนั้นมีเพื่อนบ้านหลายคนได้ยินเสียงร้องหลายครั้งดังมาจากบ้านแรมซี่ย์ในกลางดึก และเห็นแสงไฟเปิดสว่าง ซึ่งน่าแปลกที่สองผัวเมียแรมซี่ย์เองกลับหลับปุ๋ย ไม่มีใครได้ยินเสียงดังกล่าวแม้แต่น้อย นอกจากนี้ตำรวจยังพบว่ากระดาษที่ใช้เขียนจดหมายเรียกค่าไถ่ก็เป็นกระดาษที่ฉีกจากสมุดฉีกในบ้านนี่เอง แม้แต่ปากกาที่ใช้เขียนจดหมายก็ถูกพบภายในบ้านเช่นกัน

ที่น่าแปลกยิ่งไปกว่านั้นต้องยกให้ปฏิกิริยาของจอห์นขณะพบศพ จากประสบการณ์ของตำรวจซึ่งเห็นคนตายมามาก ทันทีที่พาอแม่เห็นร่างของลูกน้อยนอนตายอยู่ พวกเขาจะต้องเรียกตำรวจลงไปดูสพเป็นอันดับแรก แต่จอห์นกลับอุ้มร่างของโจนเบนท์ขึ้นมาซะเอง เหมือนกับจงใจทำลายสภาพที่เกิดเหตุ และหลังจากส่งศพไปสถาบันนิติเวชแล้ว จอห์นก็โทรศัพท์บอกข่าวกับลูกอีกสองคนที่ไปพักผ่อนอยู่ต่างเมือง และกำลังเดินทางกลับมาเพราะข่าวน้องสาวถูกลักพาตัวไปเรียกค่าไถ่ แต่จอห์นบอกว่าโจนเบนท์ตายแล้วด้วยคำพูดที่เรียบเฉยราวกับพูดถึงเรื่องทั่วไป ไม่ใช่ข่าวการตายของลูกสาวตัวเองอย่างไรอย่างนั้น

คดีโจนเบนท์ แรมซี่ย์

ข้อสงสัยของตำรวจยังไม่หมดเพียงเท่านี้ พวกเขาพบว่าเงินจำนวน 118,000 ดอลลาร์ในจดหมายเรียกค่าไถ่ มีจำนวนเท่ากับเงินโบนัสวันคริสต์มาสที่จอห์นเพิ่งได้รับพอดิบพอดี และอักษรย่อ S.B.T.C. ก็น่าจะมาจาก Subic Bay Training Centre ซึ่งมันเป็นหน่วยทหารของจอห์นระหว่างที่เขาไปประจำการอยู่ในกองทัพเรือเมื่อปี 1960 ด้วย คนร้ายจึงต้องรู้จักจอห์นชนิดเจาะลึกราวกับเป็นคนๆ เดียวกัน ถึงได้รู้รายละเอียดส่วนตัวของเขามากมายปานนี้

จากหลักฐานทั้งหมดทั้งมวลทำให้ตำรวจได้ข้อสรุปว่าฆาตกรที่สังหารหนูน้อยโจนเบนท์นั้นไม่น่าจะเป็นคนแปลกหน้าที่ไหน แต่น่าจะเป็นจอห์น พ่อของเธอนั่นเอง และจอห์นย่อมไม่อาจกลบเกลื่อนร่องรอยทุกอย่างได้ ถ้าไม่มีความช่วยเหลือจากแพตซี่ร่วมด้วย แต่คนรวยอย่างจอห์นไม่ใช่หมูที่จะให้ตำรวจเคี้ยวได้ง่ายๆ พอรู้ว่าคุกตารางอาจลอยมาถึงตัว เขาก็รีบจ้างทนายฉลาดเป็นกรดมาสองคน และสองทนายมือทองก็ทำงานได้คุ้มค่าจ้างด้วยการร้องต่อศาลขอประกันตัวจอห์นได้อย่างง่ายดายราวกับพลิกมือ ตำรวจจึงต้องฝากความหวังในการจับฆาตกรไว้ที่ผลการชันสูตรศพหนูน้อยโจนเบนท์เพียงอย่างเดียว

คดีโจนเบนท์ แรมซี่ย์

จากการชันสูตรพบว่าแม้จะมีวัยเพียง 6 ขวบ แต่โจนเบนท์กลับถูกล่วงละเมิดทางเพศมาอย่างยาวนาน เยื่อพรหมจารีของเธอมีรอยขาดขนาด 1 ซม. x 1 ซม.อยู่ด้วย บริเวณช่องคลอดก็บวมเป่งและมีคราบเลือดเกรอะกรัง ส่วนสาเหตุการเสียชีวิตของเธอนั้นเกิดจากการถูกรัดคอ คอของเธอหัก ที่กะโหลกศรีษะไม่มีรอยฉีกขาด แต่มีรอบกระแทกอย่างแรงคล้ายถูกทุบด้วยไฟฉายหรือไม้กอล์ฟ ที่แผ่นหลังและขาทั้งสองข้างมีรอยถลอกคล้ายถูกลากมาจากที่ใดที่หนึ่งก่อนจะนำมาทิ้งไว้ในห้องใต้ดิน

คดีโจนเบนท์ แรมซี่ย์

ผลชันสูตรยืนยันความจริงอันสยดสยองว่า ขณะที่ศรีษะถูกกระแทกอย่างแรงจนบาดเจ็บสาหัสนั้น โจนเบนท์ยังมีชีวิตอยู่ เธอถูกฟาดซ้ำแล้วซ้ำเล่าหลายครั้ง แต่ฆาตกรก็กลัวว่าเธอจะไม่ตายจึงรัดคอเธอแล้วใช้ไม้ขันชะเนาะอย่างแน่นหนา เพื่อให้มั่นใจว่าหนูน้อยจะต้องขาดใจตายอย่างแน่นอน

เป็นการฆาตกรรมที่โหดเหี้ยมเลือดเย็นเหลือเกิน โดยเฉพาะเมื่อเหยื่อเป็นเพียงเด็กหญิงแสนสวยวัยเพียง 6 ขวบเท่านั้น

ถึงแม้กฎหมายจะเอาผิดครอบครัวแรมซี่ย์ไม่ได้ แต่ใช่ว่าพวกเขาจะสามารถลอยนวลไปได้อย่างสบายใจ เพราะกระแสสังคมที่รุนแรงไม่แพ้บทลงโทษทางกฎหมาย ที่ตามเล่นงานจนสมาชิกในครอบครัวทุกคนไม่มีที่ยืนในเมืองโบลเดอร์ จอห์นและแพตซี่จึงแก้ลำด้วยการไปออกรายการโทรทัศน์เพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ของตัวเอง

"ผมไม่ได้ฆ่าโจนเบนท์ลูกสาวผม มีคนพูดใส่ร้ายว่าเธอถูกละเมิดทางเพศ แต่ผมพูดได้เลยว่านี่เป็นการหมิ่นประมาทครอบครัวผมมาก พวกคุณทุกคนคิดผิดทั้งหมด" นอกจากนี้จอห์นยังตั้งเงินรางวัลให้ใครก็ตามที่สามารถให้เบาะแสคนร้ายได้ด้วยวงเงินสูงถึงหนึ่งแสนดอลลาร์ (ประมาณสามสิบล้านบาท) อีกด้วย

แต่แทนที่การลงทุนไปออกทีวีจะช่วยให้เสียงนินทาที่ถาโถมใส่จอห์นและแพตซี่เบาบางลง กลับกลายเป็นว่ายิ่งพวกแรมซี่ย์เคลื่อนไหว ชาวบ้านก็ยิ่งมีเรื่องใหม่ๆ มานินทากันสนุกปากจนจอห์นต้องหอบลูกหอบเมียหนีไปอยู่รัฐแอตแลนตาเพื่อซื้อความสบายหู เรื่องของครอบครัวแรมซี่ย์จึงเริ่มหายไปจากความสนใจของสังคม อีกหนึ่งปีต่อมาก็เกิดการโอละพ่อครั้งใหญ่ เมื่อห้องแล็บตรวจสอบสิ่งที่เก็บมาจากร่างของโจนเบนท์แล้วพบว่ามันไม่ใช่เชื้ออสุจิ หรือก็คือเด็กน้อยไม่ได้ถูกล่วงละเมิดทางเพศอย่างที่ตำรวจฟันธง หลักฐานทางนิติเวชที่ค้านสายตาประชาชนชิ้นนี้ทำเอาตำรวจผู้รับผิดชอบคดีลุกขึ้นมาออกงิ้วกันเป็นทิวแถว

นายตำรวจสตีฟ โธมัส ซึ่งมั่นใจว่าจอห์นและคนในครอบครัวคือกุญแจสำคัญในการตายของโจนเบนท์ ประกาศลาออกจากราชการทันที ก่อนไปสตีฟยังได้ทิ้งเชื้อไฟไว้ด้วยว่าอัยการชอบเอาข้อมูลคดีซึ่งควรจะเป็นความลับทางราชการไปปรึกษากับจอห์น กระพือให้ข่าวลือที่ว่าจอห์นแอบให้เงินใต้โต๊ะกับอัยการบางคนยิ่งดูจะเป็นความจริงมากขึ้น และแล้วอีก 13 เดือนต่อมาในวันที่ 13 ตุลาคม 1999 คดีฆาตกรรมนางงามเด็กแห่งรัฐโคโลราโด้ก็มาถึงจุดสิ้นสุด เมื่อคณะลูกขุนพิจารณาคดีประกาศว่าครอบครัวแรมซี่ย์ทุกคนเป็นผู้บริสุทธิ์ เนื่องจาก "เราไม่มีหลักฐานเพียงพอที่จะแจ้งข้อหาจับกุมตัวทุกคนที่ได้ถูกไต่สวนไปแล้ว" อัยการประจำเมืองโบลเดอร์แถลงกับนักข่าว

คดีโจนเบนท์ แรมซี่ย์

ผลการพิจารณาคดีนี้กลายเป็นรอยด่างอีกหน้าหนึ่งของวงการยุติธรรมของสหรัฐ เสียงค้านที่ดังระงมไปทั่วประเทศบีบให้จอห์นและแพตซี่ต้องยอมเข้าเครื่องจับเท็จเพื่อยืนยันความบริสุทธิ์อีกครั้งเมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2000 แต่เมื่อการพิสูจน์ยังทำโดยทีมอัยการเจ้าเก่าหน้าเดิม จึงไม่มีชาวบ้านคนไหนยอมเชื่อผลลัพธ์ที่ออกมาอยู่นั่นเอง ครอบครัวแรมซี่ย์จึงปีกหลักอยู่ที่แอตแลนต้า โดยไม่ยอมกลับไปเหยียบเมืองโบลเดอร์อีกเลย

ชีวิตใหม่ในแอตแลนต้าของจอห์นและครอบครัวควรจะสุขสบายที่สุดเท่าที่อำนาจเงินจะดลบันดาลได้ แต่จะเพราะกรรมยุคนี้ติดจรวดหรืออย่างไรก็สุดจะเดา ไม่นานนักพวกเขาก็ได้รับข่าวร้ายว่ามะเร็งในตัวแพตซี่กลับลุกลามขึ้นมาอีก ซ้ำร้ายคราวนี้เซลล์มะเร็งยังลุกลามไปทั่วถึงระดับที่รักาาไม่ได้ ซึ่งก็หมายความว่าเธอกำลังจะตาย เคราะห์กรรมที่เกิดขึ้นกับเธอไม่เพียงแต่สร้างความทุกข์ใจให้ลูกและสามี แต่ยังส่งผลไปถึงคนที่ติดตามคดีฆาตกรรมหนูน้อยโจนเบนท์ด้วย ทุกคนหวังว่าก่อนตายแพตซี่อาจจะสำนึกบาปและยอมสารภาพความจริงออกมาก็เป็นได้

อย่างไรก็ตามโลกนี้มีเรื่องเหนือความคาดหมายมากมายกว่าที่คิด จู่ๆ ตำรวจก็ได้ข้อมูลใหม่ว่า จอห์น มาร์ค คาร์ ครูชาวอเมริกันวัย 41 ปี ได้เขียนอีเมล์ติดต่อกับศาสตราจารย์คนหนึ่งในรัฐโคโลราโด้ เพื่อศึกษาเรื่องคดีของโจนเบนท์มาตั้งแต่แรกเริ่ม และคาร์ก็สารภาพด้วยว่าเขานี่ล่ะคือฆาตกรที่ทุกคนกำลังตามหาอยู่

คดีโจนเบนท์ แรมซี่ย์
จอห์น มาร์ค คาร์

ประวัติของคาร์สร้างความสับสนให้กับคนที่ปักใจเชื่อว่าหนูน้อยโจนเบนท์ตายด้วยน้ำมือพ่อของเธอไม่น้อย คาร์เกิดที่เมืองแฮมิลตัน รัฐอลาบาม่า หลังจากจบปริญญาตรีเขาก็ทำงานเป็นนายหน้าขายที่ดิน ก่อนจะผันตัวไปเป็นผู้ช่วยครูที่โรงเรียนเล็กๆ ในรัฐอลาบาม่าในปี 1996 ซึ่งเป็นปีที่เกิดคดีฆาตกรรมโจนเบนท์พอดิบพอดี ต่อมาคาร์ถูกเชิญให้ออกหลังจากมีการร้องเรียนหลายครั้งว่าเขาใช้ถ้อยคำไม่เหมาะสมกับเด็กๆ ทว่าชะรอยอาชีพครูคงทำให้คาร์ค้นพบเส้นทางของตัวเอง เพราะหลังจากนั้นเขาก็ไปเรียนต่อในสาขาศิลปะเพื่อจะออกมาเป็นครูเต็มตัว แต่ไม่กี่เดือนต่อมาเขาก็ถูกตำรวจตะครุบตัวในข้อหามีภาพเด็กเปลือยไว้ในความครอบครอง สร้างความอับอายขายหน้าให้ภรรยาของคาร์จนต้องขอหย่า ตอนหนึ่งของคำฟ้องระบุว่าเธอเพิ่งรู้จากโรงเรียนเก่าที่สามีเคยทำงาน ว่าเขามีพฤติกรรมฝักใฝ่เด็กอย่างผิดปกติจนไม่เหมาะกับอาชีพครู

ยิ่งสืบเรื่องราวย้อนหลังไป พ่อแม่ที่เคยให้ลูกเรียนหนังสือกับคาร์คงขนลุกซู่ เนื่องจากครูหนุ่มใหญ่หน้าตาใจดีคนนี้เคยแต่งงานกับเด็กหญิงเควียนตานา ช็อตต์ส ซึ่งมีอายุเพียง 13 ปีมาแล้ว แสดงให้เห้นถึงจิตใจที่นิยมมีเพศสัมพันธ์กับเด็กของเขา แต่คาร์มีโอกาสได้เชยชมเมียรักวัยกระเตาะเพียงปีเดียว ศาลก็ประกาศให้การแต่งงานของเขาเป็นโมฆะตามคำร้องของแม่หนูช็อตต์ส ซึ่งสารภาพว่าเธอต้องหายใจอยู่กับความหวาดกลัวทุกเมื่อเชื่อวัน จนน่ากลัวว่าจะตายเสียก่อนจะได้โตเป็นสาว เช่นเดียวกับคาร์ล่า ภรรยาคนที่สองซึ่งหย่าขาดกับคาร์ไปแล้วก็แต่งงานกับเขาเมื่ออายุเพียง 16 ปีเท่านั้น

คาร์ล่าให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์แห่งหนึ่งว่า ตั้งแต่คดีโจนเบนท์ดังกระหึ่มไปทุกมุมเมือง อดีตสามีของเธอก็หมกมุ่นอยู่กับการค้นคว้าข้อมูลเกี่ยวกับคดีนี้จนผิดปกติ นายเว็กซ์ฟอร์ด พ่อของคาร์ก็ยอมรับว่าลูกชายสนใจคดีโจนเบนท์มาก และได้ทำรายงานส่งให้วิทยาลัยที่เขาสำเร็จการศึกษาด้วย ซึ่งฝีมือการเขียนที่เจาะลึกเหมือนเห็นเหตุการณ์ด้วยตาตัวเองของเขานั้นเด็ดดวงจนอาจารย์ถึงกับออกปากว่านี่ถ้าไปเขียนนิยายขาย รับรองว่าต้องขายดิบขายดีติดอันดับเบสท์เซลเลอร์อย่างแน่นอน

หลังจากถูกจับในข้อหามีรูปเปลือยของเด็กๆ ไว้ในครอบครอง คาร์ก็หนีคดีออกร่อนเร่เป็นนกขมิ้นเหลืองอ่อนไปตามประเทศต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเกาหลีใต้ ไต้หวัน ญี่ปุ่น เยอรมนี เนเธอร์แลนด์ อิตาลี ออสเตรเลีย ฮอนดูรัส และคอสตาริกา โดยไปประกอบอาชีพเป็นครูตามที่ถนัด แต่น่าสังเกตว่าเขาไม่เคยอยู่ที่ใดที่หนึ่งนานเกินสองปีเลย ก่อนจะถูกตำรวจตามมาจับได้เมื่อปี 2002 ในเมืองเล็กๆ ที่เรียกว่ากรุงเทพมหานคร ประเทศไทยเรานี่เอง



พอถูกจับแทนที่จะบอกปัดว่าตนเองไม่ผิดเหมือนผู้ต้องสงสัยทั่วไป คาร์กลับยืดอกรับหน้าตาเฉยว่าเขานี่ล่ะคือฆาตกรฆ่าโจนเบนท์ แต่เมื่อตำรวจส่งเรื่องไปถึงมืออัยการ อัยการประจำรัฐโคโลราโด้ก็ทำเอาทุกคนหน้าหงายด้วยการไม่ส่งฟ้องคาร์ โดยมีเหตุผลสั้นๆ ว่าหลักฐานไม่เพียงพอ เนื่องจากในช่วงเวลาที่เกิดคดีฆาตกรรมโจนเบนท์นั้น คาร์กำลังฉลองคริสต์มาสกับครอบครัวที่เมืองแอตแลนต้า รัฐจอร์เจีย ห่างจากเมืองโบลเดอร์ออกไปหลายร้อยไมล์

เซท เทอมิน ทนายของคาร์ก็ตีปีกแถลงว่า อัยการเขตโบลเดอร์ได้ยกเลิกหมายจับลูกความของเขาแล้ว และที่ตำรวจรีบจับตัวคาร์ทั้งๆ ที่ขาดพยานหลักฐานก็เป็นเพียงการหาแพะรับบาป เพราะคดีนี้ถูกสือมวลชนประโคมข่าวจนกลายเป็นประเด็นร้อนไปแล้วนั่นเอง อย่างไรก็ตามถึงจะรอดพนจากตำแหน่งฆาตกรในคดีโจนเบนท์ไปได้ แต่คาร์ก็ยังไม่วายต้องเข้าไปนอนตบยุงในคุกอยู่ดี เนื่องจากคดีมีภาพอนาจารของเด็กไว้ในครอบครองของเขายังไม่หมดอายุความ

มีข้อสังเกตว่าตลอดเวลาที่เรื่องของคาร์ตกเป็นข่าวหน้าหนึ่งหลายวันติดต่อกัน ครอบครัวแรมซี่ย์ซึ่งเป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสียโดยตรงกลับเฉยสนิท ไม่แสดงปฏิกิริยาใดๆ ออกมาเลยแม้แต่น้อย ราวกับพวกเขามั่นใจแต่แรกแล้วว่า คาร์ไม่ใช่ฆาตกรโหดที่ฆ่าลูกสาวของเขา ลินดา ฮอฟมันพิวจ์ อดีตแม่บ้านของพวกแรมซี่ย์ได้ให้สัมภาษณ์ไว้ในหนังสือซุบซิบสังคมเล่มหนึ่งว่า "เป็นไปได้ว่าโจนเบนท์ถูกแม่ของเธอฆ่าอย่างโหดเหี้ยม ฉันรู้ดี เพื่อนฝูงของครอบครัวนี้ก็รู้ดี แม้แต่ตำรวจก็รู้ จะมีก็แต่กระบวนการยุติธรรมที่เอื้อมเข้ามาไม่ถึง"

ถ้อยแถลงของลินดาเป็นความจริงหรือไม่ คงมีแต่ครอบครัวแรมซี่ย์เท่านั้นที่จะตอบได้...

เล่าเรื่องผี เรื่องสยองขวัญ เรื่องผี
ฆาตกรโหด ฆาตกรต่อเนื่อง ฆาตกรโรคจิต
ผีนานาชาติ ผีปีศาจ พระธุดงค์เจอผี
โจนเบเน็ต คดีเพชรซาอุ เดวิด เบอร์โควิด
ซอว์นี่ บีน ฆาตกรโหดเมืองไทย อลิซาเบธ บาโธรี่
ฆาตกรฆ่าคนมากที่สุด คดีกักขังหน่วงเหนี่ยว คดีวิตถาร
คดีพิศวาสฆาตกรรม ฆาตกรเด็ก คดีฆ่าหั่นศพ
ยโศโฆษาฆาต แจ๊คเดอะริปเปอร์ ฆาตกรต่อเนื่องอินเดีย
เบลล์ กันเนส ยูนาบอมเบอร์ เอล ชาโป
ผีภาคเหนือ ผีภาคอีสาน ผีญี่ปุ่น
เมืองอาถรรพ์ เรื่องเล่าเดอะช็อค มนุษย์กินคน
เรื่องย่อเพื่อเธอ เรื่องย่อสาวน้อยร้อยล้าน เรื่องย่อรักเร่
เรื่องย่อตามรักคืนใจ เรื่องย่อพลับพลึงสีชมพู เรื่องย่อไฟล้างไฟ
เรื่องย่อรัตนาวดี เรื่องย่อคู่ปรับฉบับหัวใจ เรื่องย่อห้องหุ่น
เรื่องย่อรอยรักแรงแค้น ขอเป็นเจ้าสาวสักครั้งให้ชื่นใจ เรื่องย่อเพลิงตะวัน
เรื่องย่อนางร้ายที่รัก เพื่อนรักเพื่อนริษยา เรื่องย่อตะวันตัดบูรพา
เรื่องย่อเลื่อมสลับลาย นางสาวทองสร้อยคุณแจ๋ว เรื่องย่อใต้เงาจันทร์
เรื่องย่อละครเจ้านาง เรื่องย่อผู้กองยอดรัก เรื่องย่อสุดแค้นแสนรัก
เรื่องย่อเพลงรักเพลงลำ เรื่องย่อละครเพื่อนแพง เรื่องย่อเลือดมังกร
นิทานนางกากี นิทานนางพิกุลทอง นิทานยอพระกลิ่น
นิทานกระต่ายสามขา นิทานกระเช้าสีดา นิทานเคราะห์ของตาจัน
กล่องข้าวน้อยฆ่าแม่ ทำไมงูเหลือมไม่มีพิษ ทำไมเต่ามีกระดอง
ทำไมจระเข้จึงไม่มีลิ้น ทำไมหมากับแมวไม่ถูกกัน ทำไมนกกะปูดตาแดง
นิทานธรรมชาดก เรื่องย่อละคร ดูดวงทำนายฝัน

เดวิด เบอร์โควิทซ์ ฆาตกรต่อเนื่องแห่งนิวยอร์ค 10 อันดับฆาตกรเด็ก ย้อนรอยคดีพิศวาสฆาตกรรม นวลฉวีและศยามล ไขปริศนาใครคือแจ๊คเดอะริปเปอร์ (Jack The Ripper) คดีโหดแห่งเขาแอลป์ เกรซ มูกาเบ หญิงร้ายแห่งซิมบับเว วิวาห์สังหารในอินเดีย ฆาตกรต่อเนื่อง 20 ศพ 25 การทรมานสุดโหดในประวัติศาสตร์

บทความเมนูอาหาร บทความภัยอันตราย บทความสุขภาพ บทความวิทยาศาสตร์ บทความสยองขวัญ บทความชีวิตสัตว์ บทความประวัติศาสตร์ บทความจัดอันดับ สารบัญบทความ

ย้อนรอยคดีซีอุยฆ่ากินเครื่องในเด็ก

ย้อนรอยคดีซีอุยฆ่ากินเครื่องในเด็ก


คำเตือนอาจมีภาพหรือเนื้อหาโหดร้ายทารุณ
คดีซีอุยเป็นคดีที่สร้างความสะเทือนขวัญและสร้างความทรงจำที่เลวร้ายให้กับสังคมไทยในยุคสมัยนั้น เกิดเรื่องไม่คาดฝันกับลูกเล็กเด็กแดงที่เป็นเหยื่อถูกฆาตกรใจร้ายลงมือฆ่าตายด้วยความโหดเหี้ยมทารุณ แถมยังควักหัวใจและตับไปกิน ข่าวดังกล่าวได้แพร่สะพัดไปในวงกว้างจนถึงกับทำให้ผู้ใหญ่ในสมัยนั้นผวา และห้ามไม่ให้ลูกหลานของตัวเองออกไปไหนคนเดียวและให้คอยระวังคนแปลกหน้า ไม่เช่นนั้นจะถูกหลอกไปฆ่ากินตับและหัวใจ



แทบไม่น่าเชื่อเลยว่าชาวจีนที่รูปร่างเล็กเป็นมะขามข้อเดียว ล่ำสัน ตัดผมสั้นเกรียน มักจะหาวหวอดๆ จนเห็นฟันหน้าที่ยื่นบิดเบี้ยวเหยเก หน้าตาปกติของซีอุยไม่น่ากลัวอะไร แต่เมื่อเวลาหาวแล้วตาของเขาจะลุกโพลงขึ้นทันที ดูคล้ายกับสัตว์ป่าที่พร้อมจะขย้ำเหยื่อ คดีสอบสวนซีอุยมีการใช้ล่ามเป็นผู้แปลสำนวนส่งให้อัยการมีใจความว่า เขาชื่อซีอุย แซ่อึ้งเป็นชาวจีนแต้จิ๋ว เกิดปีพุทธศักราช 2470 ที่ซัวเถา ประเทศจีน บิดามารดามีอาชีพทำไร่ ฐานะยากจน ทำให้ชีวิตของเขาในวัยเด็กขาดความอบอุ่น ความเอาใจใส่จากบิดามารดา เขาตัดสินใจเร่ร่อนไปตามที่ต่างๆ หลายครั้งเขาจะโดนเด็กที่ตัวโตกว่ารังแก เอารัดเอาเปรียบ บางทีถึงขั้นทำร้ายร่างกาย เกิดเป็นความทรงจำฝังใจที่ไม่ดีต่อเขาตลอดมา

ต่อมานักบวชรูปหนึ่งได้แนะนำให้เขากินหัวใจและตับมนุษย์ จะทำให้มีพละกำลัง สามารถต่อสู้ศัตรูที่มารังแก เกิดเป็นความคิดฝังใจซีอุยตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เมื่ออายุได้ 18 ปี เขาถูกคัดเลือกเป็นทหารเข้าประจำการสมรภูมิรบ หลังจากนั้นเขาได้อยู่ในวงล้อมของข้าศึก ทำให้เสบียงร่อยหลอ ไม่เพียงพอ เกิดความหิวโหย ด้วยความวิปริตผิดมนุษย์ทั่วไป ซีอุยจึงกินอวัยวะภายในของเพื่อนทหารด้วยกันที่ถูกสะเก็ดระเบิดเสียชีวิต พอกินเข้าไปแล้ว รู้สึกมีลมออกที่หูดังวิ้งๆ ตลอดเวลา พร้อมกับเริ่มรับรู้ความอร่อยของรสชาติอวัยวะภายในของมนุษย์มากขึ้นทุกที หลังปลดประจำการซีอุยได้หลบหนีความยากจนมาทำมาหากินในแผ่นดินไทยด้วยการเริ่มต้นรับจ้างทำสวนของเจ๊กะป๊อที่อำเภอทับสะแก จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พ.ศ.2497 ซึ่งปัจจุบันครอบครัวของเจ๊กะป๊อได้ย้ายถิ่นฐานไปอยู่ที่อื่น ไม่ได้อยู่ที่นั่นแล้ว และได้ทิ้งปริศนาที่ว่าทำไมเจ๊กะป๊อที่ตอนนั้นยังเป็นเด็กจึงไม่ถูกซีอุยทำร้าย

เหยื่อรายแรก เด็กหญิงบังอร ภมรสุด
ในที่สุดซีอุยเริ่มลงมือกับเหยื่อรายแรกคือเด็กหญิงบังอร เมื่อวันที่ 10 เมษายน ปีพ.ศ.2497 เมื่อเวลาประมาณทุ่มเศษ ขณะนั้นซีอุยออกมาเดินเล่นในตลาดทับสะแก ระหว่างเดินผ่านหน้าโรงเลื่อยได้พบกับเด็กหญิงบังอรเดินสวนมา ซีอุยจึงปรี่เข้าไปอุ้มเด็ก ใช้มือปิดปากปิดจมูก วิ่งฝ่าความมืดข้างโรงเลื่อย เด็กหญิงผู้เคราะห์ร้ายพยายามดิ้นรนต่อสู้ แต่ไม่สามารถต้านแรงของซีอุยได้ หลังจากนั้นซีอุยได้ลงมือกัดคอหอยเด็กหญิงบังอร และเป็นความโชคดีของเธอที่มีคนเดินผ่านมา ซีอุยจึงผละจากเหยื่อไป เด็กหญิงบังอรรอดตายราวปาฏิหาริย์ ปัจจุบันเธอคือนางบังอร อายุประมาณ 50 กว่า ประกอบอาชีพขายอาหารแถวเสาชิงช้า แต่เธอปฏิเสธที่ให้ข้อมูลใดๆ เกี่ยวกับเรื่องอันเลวร้ายที่เธอพบพานในอดีต

เหยื่อรายที่สอง เด็กหญิงนิด แซ่ภู
ถัดมาไม่ถึงเดือน วันที่ 9 พฤษภาคม 2497 ซีอุยได้เริ่มลงมือฆาตกรรมเด็ก ขณะที่ชาวบ้านทับสะแกกำลังสนุกสนานในงานมงคลสมรสของปลัดอำเภอมงคลที่หน้าที่ว่าการกิ่งอำเภอทับสะแก โดยมีเหยื่อคือเด็กหญิงนิด แซ่ภู วัย 9 ขวบ บุตรสาวนางจำเนียร แซ่ภู ถูกทำร้ายด้วยมีดพับปลายแหลมแทงไปที่คอหอยของเด็กเคราะห์ร้ายจนเสียชีวิต ก่อนจะอุ้มร่างไร้วิญญาณของเธอไปตามทางรถไฟ แล้วเลือกใช้สะพานใต้ทางรถไฟเป็นที่ชำแหละศพ รุ่งเช้าข่าวการฆาตกรรมวิตถารได้แพร่กระจายไปอย่างรวดเร็วจนทำให้ชาวอำเภอทับสะแกเกิดความหวาดผวา เป็นที่โจษจันกันอย่างมาก เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ไม่สามารถจับกุมฆาตกรรายนี้ได้แต่อย่างใด

เหยื่อรายที่สาม เด็กหญิงม่วยจู แซ่ฮั้ว
หลังจากฆ่าเหยื่อรายที่สอง ซีอุยมาที่พระนครเมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน ปี 2497 พร้อมกับลงมือฆ่าเด็กหญิงม่วยจู แซ่ฮั้ว อายุ 6 ปี โดยลวงไปฆ่าบริเวณสถานีรถไฟสวนจิตรลดา

เหยื่อรายที่สี่ เด็กหญิงกิมเฮียง
ซีอุยหวนกลับมาที่ทับสะแกอีกครั้ง คราวนี้มาก่อคดีฆาตกรรม เหตุเกิดเมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2498 ขณะเดินเล่นอยู่บริเวณโรงลิเกแถวอำเภอสามร้อยยอด เพื่อหาเหยื่อและได้สังหารเด็กหญิงกิมเฮียงอย่างเลือดเย็น

เหยื่อรายที่ห้า เด็กหญิงหงั่น
สี่เดือนถัดมา วันที่ 27 ตุลาคม 2498 ซีอุยได้ลงมือสังหารโหดอีกครั้ง โดยครั้งนี้มีเด็กหญิงหงั่นเป็นผู้เคราะห์ร้าย บ้านอยู่ที่อำเภอเขาสามร้อยยอดเช่นเดียวกับเด็กหญิงกิมเฮียง

เหยื่อรายที่หก เด็กหญิงซิวจู แซ่ลิ้ม
จนกระทั่งวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2500 ซีอุยตั้งใจจะไปที่ประจวบคีรีขันธ์อีกครั้งแต่ได้แวะเที่ยวงานตรุษจีนที่จังหวัด และบังเอิญได้เจอเด็กหญิงซิวจู แซ่ลิ้ม อายุห้าขวบเสียก่อนจึงลวงเหยื่อด้วยวิธีการเดิมๆ หลังจากนั้นจึงลงมือฆ่า แล้วควักเอาตับและหัวใจออกมาต้มกิน

เหยื่อรายสุดท้าย เด็กชายสมบุญ บุณยกาญจน์
ท้ายที่สุดแล้วซีอุยก็ไม่อาจหนีพ้นผลกรรมที่เขาก่อไปได้ เมื่อซีอุยได้ลงมือกับเหยื่อรายสุดท้าย เหตุเกิดเมื่อวันที่ 27 มกราคม 2501 ที่ตำบลเขาไผ่ อำเภอเมือง จังหวัดระยอง ซีอุยได้ลงมือฆ่าเด็กชายสมบุญ อายุแปดขวบ ซึ่งเป็นลูกชายคนโตของนางละมูลและนายนาวา บุณยกาญจน์ ซีอุยใช้มีดแทงคอหอยของเหยื่ออย่างชำนาญ ก่อนใช้มีดพับกรีดหน้าอกควักเอาตับกับหัวใจออกมา แต่ยังไม่ทันได้เริ่มกิน นายนาวาและชาวบ้านได้ออกตามหาเด็กชายผู้เคราะห์ร้าย และเข้ามาพบศพเสียก่อน ชาวบ้านจึงรุมประชาทัณฑ์ ก่อนจับซีอุยให้ตำรวจเพื่อดำเนินคดี



จุดจบปิดฉากตำนานฆาตกรวิปริตกินคนที่เรือนจำบางขวาง โดยจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัตน์ออกคำสั่งลงโทษประหารชีวิตซีอุยด้วยการยิงเป้า เมื่อวันที่ 17 กันยายน 2502 หลังถูกประหารชีวิตทางราชการได้นำซากศพของซีอุยมาทำการดองเก็บไว้ ที่ตึกนิติเวช โรงพยาบาลศิริราช จากพฤติกรรมของซีอุยที่ฆ่าเด็กแล้วเอาอวัยวะภายในออกมากินนั้น จิตแพทย์ท่านหนึ่งได้วิเคราะห์ไว้ว่า คดีซีอุยนั้นเป็นที่สนใจและพูดถึงในวงการจิตเวชศาสตร์ และเคยมีอาจารย์แพทย์ท่านหนึ่งได้เคยสัมภาษณ์ซีอุย ในช่วงที่ถูกจับได้ใหม่ๆ ท่านผู้นั้นก็คือศาสตราจารย์นายแพทย์อรุณ ภาคสุวรรณ ร่วมกับศาสตราจารย์นายแพทย์สงกรานต์ นิยมเสน ซึ่งอาจารย์ได้เล่าให้ฟังว่าซีอุยมีความผิดปกติทางจิตใจอย่างรุนแรง มีความหวาดระแวง เข้าขั้นที่เรียกว่าความหลงผิดทีเดียว ซีอุยมีความเชื่อตลอดเวลาว่ามีคนคิดปองร้ายเขาอยู่ ซึ่งในความเป็นจริงนั้นไม่มี ซึ่งเราไม่สามารถบอกได้ว่าซีอุยมีความเชื่อแบบนี้มานานหรือยัง และเขายังหลงผิดและได้รับคำแนะนำจากนักบวชว่าการกินอวัยวะภายในของคนจะทำให้เขามีอำนาจเหนือผู้อื่นได้ เมื่อมีความหวาดระแวงอยู่ตลอดเวลา เขาจึงฆ่าเด็กเพื่อเอาอวัยวะมากิน เพื่อตอบสนองความเชื่อแบบผิดๆ ของเขา เพื่อที่จะได้ไม่มีใครมาทำร้ายเขาได้ แม้ว่าเขาจะกินศพเข้าไปแล้ว แต่ความกลัวนั้นก็ยังมีอยู่ การฆ่าจึงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง กรณีอย่างนี้ถ้าเป็นในปัจจุบันนั้นสามารถที่จะรักษาได้ด้วยการใช้ยาร่วมกับการรักษาอื่นๆ

เล่าเรื่องผี เรื่องสยองขวัญ เรื่องผี
ฆาตกรโหด ฆาตกรต่อเนื่อง ฆาตกรโรคจิต
ผีนานาชาติ ผีปีศาจ พระธุดงค์เจอผี
โจนเบเน็ต คดีเพชรซาอุ เดวิด เบอร์โควิด
ซอว์นี่ บีน ฆาตกรโหดเมืองไทย อลิซาเบธ บาโธรี่
ฆาตกรฆ่าคนมากที่สุด คดีกักขังหน่วงเหนี่ยว คดีวิตถาร
คดีพิศวาสฆาตกรรม ฆาตกรเด็ก คดีฆ่าหั่นศพ
ยโศโฆษาฆาต แจ๊คเดอะริปเปอร์ ฆาตกรต่อเนื่องอินเดีย
เบลล์ กันเนส ยูนาบอมเบอร์ เอล ชาโป
ผีภาคเหนือ ผีภาคอีสาน ผีญี่ปุ่น
เมืองอาถรรพ์ เรื่องเล่าเดอะช็อค มนุษย์กินคน
นิทานนางกากี นิทานนางพิกุลทอง นิทานยอพระกลิ่น
นิทานกระต่ายสามขา นิทานกระเช้าสีดา นิทานเคราะห์ของตาจัน
กล่องข้าวน้อยฆ่าแม่ ทำไมงูเหลือมไม่มีพิษ ทำไมเต่ามีกระดอง
ทำไมจระเข้จึงไม่มีลิ้น ทำไมหมากับแมวไม่ถูกกัน ทำไมนกกะปูดตาแดง
นิทานธรรมชาดก เรื่องย่อละคร ดูดวงทำนายฝัน
เรื่องย่อเพื่อเธอ เรื่องย่อสาวน้อยร้อยล้าน เรื่องย่อรักเร่
เรื่องย่อตามรักคืนใจ เรื่องย่อพลับพลึงสีชมพู เรื่องย่อไฟล้างไฟ
เรื่องย่อรัตนาวดี เรื่องย่อคู่ปรับฉบับหัวใจ เรื่องย่อห้องหุ่น
เรื่องย่อรอยรักแรงแค้น ขอเป็นเจ้าสาวสักครั้งให้ชื่นใจ เรื่องย่อเพลิงตะวัน
เรื่องย่อนางร้ายที่รัก เพื่อนรักเพื่อนริษยา เรื่องย่อตะวันตัดบูรพา
เรื่องย่อเลื่อมสลับลาย นางสาวทองสร้อยคุณแจ๋ว เรื่องย่อใต้เงาจันทร์
เรื่องย่อละครเจ้านาง เรื่องย่อผู้กองยอดรัก เรื่องย่อสุดแค้นแสนรัก
เรื่องย่อเพลงรักเพลงลำ เรื่องย่อละครเพื่อนแพง เรื่องย่อเลือดมังกร
กษัตริย์เกาหลี จักรพรรดิกวางสี จักรพรรดิปูยี
ตำนานอโดนิส โจนออฟอาร์ค มู่กุ้ยอิง
จักรพรรดิเนโร พระเจ้าเฮนรี่ที่ 8 อับราฮัม ลินคอล์น
พระเจ้าซุกจง มาตาฮารี เจ้าฟ้าหญิงบุญรอด
ตำนานธอร์ นิกิต้า ครุสชอฟ สงครามเกาหลี
กำแพงเมืองจีน อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ พระนางเลือดขาว
อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ สตีเฟน ฮอว์คิง ลีโอ ตอลสตอย
สตีฟ จ็อบส์ เจ้าพระยาวิชเยนทร์ พระนางมัสสุหรี
สัตว์มีพิษ ไวรัสอีโบลา เอเลี่ยนสปีชี่ส์
กำเนิดจักรวาล กำเนิดดวงอาทิตย์ ระบบสุริยะจักรวาล
ปริศนาของจักรวาล การเดินทางข้ามกาลเวลา สสารและปฏิสสาร
สิ่งมีชีวิตบนดาวอังคาร บิ๊กแบงคืออะไร สัตว์ใกล้สูญพันธุ์
สัตว์น้ำแปลก ปลาแองเกลอร์ สัตว์ดูดเลือด
อันดับงูสวยงาม อนาคอนด้า ตัวอ่อนปลาฉลาม
เห็ดมีพิษ ภัยของยาไอซ์ คลื่นยักษ์สึนามิ
กัญชาปลอดภัย ไวรัสอีโบลา ปรสิตที่น่ากลัว
สาเหตุสึนามิ ทำไมผมร่วง สงครามซีเรีย
ทำลายหลุมดำ โลกของเรา กระแสน้ำทะเล
วิธีทำลายเอกภพ กลไกวิวัฒนาการ ระบบภูมิคุ้มกัน

บทความแนะนำ

เล่าเรื่องสยองขวัญ แดนพิศวง อลิซาเบธ บาโธรี่ เคานท์เตสกระหายเลือด 25 การทรมานสุดโหดในประวัติศาสตร์ 8 อันดับฆาตกรสุดโหดแห่งสยามเมืองยิ้ม บ้านหลอนแดนนรก สาวชุดดำ เล่าเรื่องสยองขวัญ แรงงานต่างด้าว วิญญาณอาฆาต

บทความเมนูอาหาร บทความภัยอันตราย บทความสุขภาพ บทความวิทยาศาสตร์ บทความสยองขวัญ บทความชีวิตสัตว์ บทความประวัติศาสตร์ บทความจัดอันดับ สารบัญบทความ

Popular Posts