google.com, pub-6663105814926378, DIRECT, f08c47fec0942fa0 ประโยชน์ต่อสุขภาพของและอันตรายขิง

ประโยชน์ต่อสุขภาพของและอันตรายขิง

ประโยชน์ต่อสุขภาพของและอันตรายขิง


ประโยชน์ของขิงมีมากกว่ามากมาย ค้นพบประโยชน์ต่อสุขภาพที่น่าอัศจรรย์ของอาหารนี้ แต่ยังรวมถึงความเสี่ยงและอันตรายที่เกิดขึ้นด้วย

ขิงบรรเทาอาการท้องอืด
หากคุณมีอาการท้องอืด ให้จิบชาขิงหรือเคี้ยวชิ้นเล็กๆ ที่ปอกเปลือกแล้วดิบๆ คุณสามารถเพิ่มแถบหรือสองแถบลงในอาหารประเภทพืชตระกูลถั่วเพื่อลดอาการท้องอืดและไม่สบายตัว ตรงกันข้ามอาหารเหล่านี้จะทำให้ปวดท้อง! ประโยชน์ต่อสุขภาพของขิงมีมากมาย หากการบริโภคขิงมีความเสี่ยง และหากรสเผ็ดไม่เป็นเอกฉันท์ คุณธรรมบางประการก็สามารถโน้มน้าวให้คุณรวมขิงไว้ในจานของคุณ

ขิงกับสรรพคุณแก้ปวดเมื่อย
การศึกษาแนะนำว่าการรับประทานขิงในช่วงเริ่มต้นของอาการไมเกรนสามารถช่วยลดความเจ็บปวดได้โดยการปิดกั้นฮอร์โมนที่ก่อให้เกิดการอักเสบ การศึกษาอื่นสนับสนุนว่าขิงสามารถช่วยบรรเทาอาการปวดข้ออักเสบได้ ในการศึกษาดังกล่าว อาสาสมัครที่เป็นโรคข้อเข่าเสื่อมหรือข้ออักเสบรูมาตอยด์รับประทานขิงผงทุกวัน หลังมีอาการปวดและบวมน้อยกว่าผู้เข้าร่วมที่ไม่กินขิงผง อย่าลังเลที่จะปรุงน้ำขิงสูตรโฮมเมด นี้ เพื่อใช้ประโยชน์จากประโยชน์ต่อสุขภาพ

ประโยชน์ของขิงที่มีแนวโน้มจะช่วยป้องกันมะเร็งได้ดียิ่งขึ้น
จากการศึกษาหลายชิ้น ขิงอาจมีคุณสมบัติต้านมะเร็ง นักวิจัยพบว่าขิงช่วยขจัดเซลล์มะเร็งรังไข่ การศึกษาอื่นยังพบว่าผลิตภัณฑ์เสริมอาหารขิงสดสามารถช่วยลดการอักเสบของลำไส้ใหญ่ได้ นอกจากนี้ ขิงยังเป็นหนึ่งในอาหารดีท็อกซ์ที่ควรมีติดตู้เย็นอีกด้วย!

ความเสี่ยงของขิง: อาหารที่อาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนในครรภ์ได้
การศึกษาทางวิทยาศาสตร์ชี้ให้เห็นถึงความเชื่อมโยงระหว่างการบริโภคขิงกับการแท้งบุตร นักวิจัยบางคนเชื่อมโยงกับภาวะแทรกซ้อนในการตั้งครรภ์ ในขณะที่คนอื่นๆ พบว่าไม่มีปัญหาในการใช้บรรเทาอาการคลื่นไส้ ปรึกษาแพทย์ของคุณเสมอก่อนรับประทานอาหารเสริมใดๆ หรือใช้เพื่อรักษาอาการแพ้ท้อง อย่าลืมหลีกเลี่ยงอาหาร 6 ประเภทนี้ระหว่างตั้งครรภ์ด้วย นอกจากนี้ ตามเว็บไซต์ของ WebMD ยังมีข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ไม่เพียงพอที่จะสรุปได้ว่าการบริโภคขิงนั้นปลอดภัยในขณะที่ให้นมลูก ในแง่นี้ ขอแนะนำอย่างยิ่งให้หลีกเลี่ยงขิงในระหว่างการให้นมลูก เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงที่ไม่จำเป็น

ความเสี่ยงอีกประการของขิง: อาจทำให้ช่องปากอักเสบและรบกวนคุณ
ขิงมีแนวโน้มที่จะทำให้เกิดการอักเสบของปากและเยื่อเมือก ซึ่งอาจทำให้เกิดความรู้สึกไม่สบายและการอักเสบในช่องปากเมื่อบริโภคในผง ในสภาพธรรมชาติ หรือในการแช่ เป็นต้น

ขิงช่วยบรรเทาอาการคลื่นไส้
ครั้งต่อไปที่คุณมีไวรัสหรืออาการเมารถ ให้ลองขิงเพื่อบรรเทาอาการท้องของคุณ การศึกษาชิ้นหนึ่งพบว่าขิงมีประสิทธิผลเท่ากับยาสโคโพลามีนที่ต้องสั่งโดยแพทย์ในการป้องกันอาการเมารถ โดยไม่มีผลข้างเคียงจากอาการง่วงนอน ในปี 2011 ระหว่างการศึกษาในห้องปฏิบัติการที่ Pharmaceutical Institute of the Free University of Berlin นักวิทยาศาสตร์ได้ค้นพบว่าสารบางชนิดในขิงจะเกาะติดกับตัวรับที่เซลล์ในลำไส้เล็ก ซึ่งขัดขวางการกระทำของสารเคมีที่ร่างกายก่อให้เกิดอาการคลื่นไส้ รวมทั้งเซโรโทนิน

การศึกษาอื่นๆ เกี่ยวกับขิงและผลกระทบต่ออาการคลื่นไส้:

ลองนึกภาพรับประทานอาหารกลางวันปิดตาในขณะที่เก้าอี้ของคุณหมุนตัวเองขึ้นและลงเหมือนคลื่น! นี่คือสิ่งที่อาสาสมัครผู้กล้าหาญ 36 คนตกลงที่จะรับในปี 1982 โดยเป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาดั้งเดิมของมหาวิทยาลัยแห่งรัฐเพนซิลวาเนีย ซึ่งแสดงให้เห็นถึงประโยชน์ของขิงในการต่อต้านอาการเมารถ ตามที่นักวิจัย Daniel B. Mowrey แคปซูลขิงแห้งแบบผงมีผลมากกว่ายาทั่วไปเช่น Dramamine หรือ Gravol (dimenhydrinate ทั้งคู่) ที่ใช้สำหรับอาการเมารถ การวิจัยที่ดำเนินการในปี 2546 ที่มหาวิทยาลัยมิชิแกนดูเหมือนจะสนับสนุนประโยชน์ของขิงในการรักษาอาการคลื่นไส้ ครั้งนี้ อาสาสมัคร 13 คนกินแซนด์วิชเบคอนและชีส ก่อนนั่งอยู่ในถังหมุนที่ตกแต่งด้วยแถบขาวดำเพื่อเพิ่มความรู้สึกไม่สบายใจ! ในระหว่างการศึกษา พวกเขากินเหง้าขิงแห้ง 1,000 ถึง 2,000 มก. ในแคปซูล ซึ่งลดอาการคลื่นไส้ลง 40% นอกจากนี้ ความรุนแรงของอาการคลื่นไส้ลดลงเร็วขึ้นสองเท่า ห้านาทีแทนที่จะเป็นสิบครั้ง ในกลุ่มที่รับประทานขิงเมื่อเทียบกับกลุ่มที่ได้รับยาหลอก ในที่สุด ขิงยังบรรเทาอาการหนักในทางเดินอาหารใน 25% ของกรณีในการศึกษาปี 2011 ที่จัดทำโดยวิทยาลัยแพทยศาสตร์ที่มหาวิทยาลัย Chang Gung ในไต้หวัน

ประโยชน์ของขิงช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด
การศึกษาทางวิทยาศาสตร์พบว่าขิงผงช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดในผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 ตรวจสอบระดับน้ำตาลของคุณอย่างระมัดระวังและปรึกษาแพทย์ของคุณเพื่อดูว่าขิงอาจโต้ตอบกับยาของคุณ ในบางกรณี การบริโภคขิงอาจส่งผลเสียต่อระดับอินซูลินของคุณ ข้อมูลน้ำตาลในเลือดนี้สามารถช่วยชีวิตคุณได้!

ความเสี่ยงของขิงอีกประการหนึ่ง: สามารถยับยั้งการแข็งตัวของเลือดได้
การศึกษาของออสเตรเลียแสดงให้เห็นว่าขิงเป็นสารกันเลือดแข็งที่มีประสิทธิภาพ มีประสิทธิภาพมากกว่าแอสไพริน สถาบันสุขภาพแห่งชาติเตือนผู้ป่วยที่ทานยาลดไขมันไม่ให้กินขิงเนื่องจากมีความเสี่ยงที่จะช้ำหรือมีเลือดออกมากขึ้น หากคุณกำลังใช้ยาทำให้เลือดบาง หลีกเลี่ยงขิง ในทำนองเดียวกัน หากคุณเป็นโรคหัวใจ การบริโภคขิงเป็นสิ่งที่อันตรายมาก

สรรพคุณของขิงในการรับมือกับความเจ็บปวดที่เกี่ยวข้องกับโรคข้อเข่าเสื่อมและข้ออักเสบ
ตามเว็บไซต์ของ WebMD การบริโภคขิงอาจช่วยลดอาการปวดที่เกี่ยวข้องกับโรคข้อเข่าเสื่อมได้เล็กน้อย นักวิจัยได้เปรียบเทียบผลกระทบของขิงกับผลของไอบูโพรเฟน แต่งานทางวิทยาศาสตร์อื่น ๆ ได้ตั้งคำถามถึงการเปรียบเทียบนี้และผลการบรรเทาอาการปวดในการลดอาการปวดข้ออักเสบ ที่กล่าวว่าในการศึกษาทางคลินิกหลายครั้งรวมถึงการศึกษาที่มหาวิทยาลัยโอเดนเซ่ในเดนมาร์กในคนไข้ 56 คนที่เป็นโรคข้ออักเสบหรือปวดกล้ามเนื้อ ผู้ที่ทานอาหารเสริมเหง้าขิงเป็นเวลาสามเดือนพบว่าระดับความเจ็บปวดลดลงอย่างมีนัยสำคัญ จึงต้องดำเนินการศึกษาทางวิทยาศาสตร์เพิ่มเติมเกี่ยวกับคุณธรรมและประโยชน์ของขิง แต่ไม่ใช่เพื่ออะไรที่ขิงเป็นสุดยอดอาหารเพื่อสุขภาพธาตุเหล็ก

ยังไม่ได้รับการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ว่าขิงสามารถรักษาโรค โรคและเงื่อนไขเหล่านี้ได้
ตามเว็บไซต์ของ WebMD ขณะนี้มีข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ไม่เพียงพอที่จะสรุปได้ว่าขิงมีคุณธรรมหรือผลประโยชน์สำหรับโรคภัยไข้เจ็บ ภาวะและโรคต่างๆ ซึ่งเรานับโดยเฉพาะอย่างยิ่ง:

คลื่นไส้และอาเจียนที่เกี่ยวข้องกับเคมีบำบัด
โรคเบาหวาน
อาการหลังตื่นนอน
ปัญหาคอเลสเตอรอล
แมลงกัดต่อย
อาการลำไส้แปรปรวน
ปวดข้อ
ไมเกรน
ปวดกล้ามเนื้อหลังออกกำลังกาย
พักฟื้นหลังการผ่าตัด
ข้ออักเสบรูมาตอยด์
กลืนลำบาก
ลดน้ำหนัก
อาการเบื่ออาหาร
หัวล้าน
เลือดออก
ปวดฟัน
เบื่ออาหาร
ไข้หวัดและไข้หวัดใหญ่
นอกจากนี้ โปรดทราบว่าการบริโภคขิงอาจทำให้ปวดท้อง อิจฉาริษยา ท้องร่วง และไม่สบายในลำไส้ในบางคน

ว่าด้วยการใช้ขิง
สำคัญ: ปรึกษาแพทย์ของคุณเสมอก่อนรับประทานอาหารเสริมหรืออาหารจากธรรมชาติ ขิงสามารถบริโภคได้หลายรูปแบบ คุณสามารถใช้เป็นชาสมุนไพรได้โดยการใส่เหง้าขิงสดขูด 1 ช้อนชาในน้ำเดือด กรองและทำให้หวาน คุณจะไม่ลังเลที่จะดื่มให้บ่อยขึ้นเมื่อคุณได้เห็นว่าชาและชาสมุนไพรนั้นดีต่อสุขภาพของคุณอย่างไร! คุณยังสามารถหาขิงเป็นอาหารเสริมในรูปแบบของแคปซูลขิงแห้ง ปฏิบัติตามปริมาณอย่างระมัดระวัง ในที่สุดคุณสามารถเคี้ยวขิงหวาน ชิ้น 2.5 ซม. เทียบเท่ากับขิงแห้ง 500 ถึง 1000 มก.

6 ดอกไม้บำบัดสุขภาพ

4 สิ่งห้ามใช้กับน้องหนูคุณผู้หญิง

วาซาบิไม่ได้ช่วยให้หายใจโล่ง

วิถีแห่งชาญี่ปุ่น

ผักกับมะเร็ง

งาเมล็ดเล็กมากคุณค่า

6 เครื่องดื่มสลายพุง

5 อาการผิดปกติของผู้หญิง

8 ฮอร์โมนสำคัญในร่างกาย

7 เครื่องดื่มสมุนไพรต้านมะเร็ง

สารปรอทอาจก่อให้เกิดโรค

4 ประโยชน์ของมะระ

8 วิธีแก้ปากเหม็นขั้นเทพ

ป้องกันกระเพาะปัสสาวะอักเสบ

9 วิธีเพิ่มพลังสมอง

5 ผักสวนครัวสยบกลิ่นตัวได้

อันตรายระยะยาวหมูทอดหมูปิ้ง

25 เมนูอาหารสุขภาพคูณสอง

โรคหอบหืด (Asthma)

ฟื้นชีวิตหลังคืนดื่มหนัก

ตะลุยเมนูบุฟเฟต์แบบมีชั้นเชิง

8 กีฬาช่วยเพิ่มความสูง

รวมพลคนกล้ามใหญ่

อยากสุขภาพดีต้องกินพริก

ถามตอบปัญหากลิ่นปาก

แก้ปัญหาตาเขียวช้ำ

ผื่นจากด้วงก้นกระดก

ฝังเข็มสลายไขมัน

4 โรคทางประสาทน่ารู้

สวยใสด้วยใบบัวบก

กระชาย โสมเมืองไทย

เสริมคอลลาเจนเพื่อผิวสวย

วิธีสระผมให้สะอาดหอม

หัวเข่ามักจะมีเสียงดัง

ยก Weight ดีอย่างไร

วิธีสร้างกล้ามดาราฮอลลีวู้ด

ข้าวโอสถข้าวกล้องอินทรีย์

กินอยู่แบบนาฬิกาชีวิต

โรคไตวายที่ไม่ควรมองข้าม

อาการของมะเร็งที่คิดไม่ถึง

อาการชาปลายประสาทอักเสบ

อาหารเช้าของชาวโลก

สมุนไพรเหงือกปลาหมอ

9 วิธีบำรุงตับ

ประโยชน์จากใบเตย

ทานอาหารล้างพิษ

นิ่วในถุงน้ำดี

มะเร็งตับอ่อน

ข้อควรระวังฉีดโบท็อกซ์

โรคกระดูกพรุนป้องกันได้

ประโยชน์จากดอกอัญชัน

ประโยชน์ของมะเฟือง

ทำไมท่อน้ำดีจึงอุดตัน

เห็ดมีพิษ

สรรพคุณของตะลิงปลิง

ประโยชน์อะเซอโรลาเชอรี่

6 อาหารช่วยให้ผมหนา

9 เคล็ดลับแก้ผมร่วง

น้ำมันกระเทียมลดผมร่วง

ชะลอผมหงอกด้วยงาดำ

ขิงช่วยลดผมร่วง

7 วิธีหยุดผมร่วงโดยธรรมชาติ

ปัญหาที่เกี่ยวกับเส้นผม

อาหารโปรไบโอติก

ประโยชน์น้ำมันมะพร้าว

สมุนไพรต้านไวรัส

12 สาเหตุที่ทำให้ร่างกายแก่เร็วในฤดูหนาว

การออกกำลังกายสามารถลดการอักเสบของสมองได้

20 เคล็ดลับง่ายๆในการลดความดันโลหิต

26 เคล็ดลับในการต่อต้านริ้วรอยแห่งวัย

50 เคล็ดลับต่อต้านความเครียดเพื่อการนอนหลับที่ดี


ปัญหาที่เกี่ยวกับเส้นผม
ปัญหารังแค
อาการของรังแคคือการเกิดขุยบนหนังศรีษะจนเกิดเป็นเกล็ดสีขาวหลุดร่วงลงมาให้เห็นตามบ่าหรือไหล่ เกิดอาการคันที่หนังศีรษะ บางครั้งหนังศีรษะก็มีอาการบวมแดง บางกรณีก็มีผมร่วงร่วมด้วย

รังแคก็คือการเกิดการอักเสบที่หนังศีรษะ ตัวที่เป็นสาเหตุจริงๆของรังแคก็คือตัวเชื้อราประจำถิ่น ของหนังศีรษะ เชื้อราประจำถิ่นนั้นหมายความว่าโดยปกติคนเรานั้นก็จะมีเชื้อราเชื้อจุลินทรีย์อยู่ตามหนังศีรษะอยู่แล้ว แต่มีปริมาณไม่มาก รังแคเกิดจากเชื้อราที่มีชื่อว่า มาลัสซีเซีย โกลโบซา (Malassezia Globosa) ซึ่งคนที่มีอาการรังแคเกิดขึ้นนั้นพบว่าจะมีเชื้อราตัวนี้มากกว่าคนปกติ 2 เท่า โดยเชื้อราตัวนี้มันจะไปกระตุ้นไปเปลี่ยนไขมันบนหนังศีรษะให้เป็นไขมันไม่อิ่มตัว ทำให้ไขมันแตกตัวได้ง่ายเกิดเป็นอาหารของจุลินทรีย์แล้วจึงทำให้เกิดการอักเสบ เมื่อเกิดการอักเสบแล้วผิวหนังชั้นหนังกำพร้าจึงหลุดร่อนออกมาเป็นรังแค อีกทั้งการอักเสบนี้ยังเป็นตัวการที่ทำให้เกิดอาการผมร่วงผมบางอีกด้วย

ปัจจัยที่ทำให้เชื้อราที่ทำให้เกิดรังแคมีเพิ่มขึ้น
ภาวะอดนอน พักผ่อนน้อย
เกิดความเครียด
โรคบางชนิดที่ทำให้ร่างกายอ่อนแอภูมิคุ้มกันต่ำลง
การสระผมในเวลากลางคืน เพราะความชื้นจะทำให้เชื้อราเจริญเติบโตได้ดี


ปัญหารังแคจะเป็นอาการที่ทำให้ผู้ป่วยเกิดความรำคาญ ขาดความมั่นใจในบุคลิกภาพ รู้สึกคุณภาพชีวิตไม่ดี และส่งเสริมให้เกิดภาวะผมบางที่เกิดจากพันธุกรรมและฮอร์โมนดำเนินโรคไปได้มากขึ้น

วิธีการรักษารังแค
-ใช้แชมพูที่มีส่วนผสมของคีโตโคนาโซลซึ่งมีฤทธิ์ยับยั้งและช่วยลดปริมาณของเชื้อรามาลัสซีเซีย โกลโบซา ที่ทำให้เกิดรังแค
-ใช้แชมพูที่มีส่วนผสมของ ซิงค์ ไพรีไธออน (Zinc Pyrithione) ซึ่งช่วยลดปริมาณเชื้อรามาลัสซีเซีย โกลโบซา ได้เหมือนกัน
-ใช้ ทาร์ แชมพู ซึ่งนอกจากจะช่วยลดปริมาณเชื้อราแล้วยังลดการอักเสบได้ด้วย
-ถ้ามีอาการมาก แพทย์อาจพิจารณาให้ใช้กลุ่มยาต้านอักเสบพวกสเตอรอยด์

ปัญหาชันนะตุหรือเชื้อราบนหนังศีรษะ
อาการจะรุนแรงกว่ารังแค เกิดขึ้นได้ง่ายในในบ้านเรา เนื่องจากภูมิอากาศที่ร้อนชื้น เกิดจากเชื้อราในกลุ่มที่เราเรียกว่าเชื้อกลาง มักจะเกิดขึ้นในเด็ก เมื่อเกิดขึ้นแล้วต้องรีบรักษาเพราะจะทำให้เนื้อเยื่อบนหนังศีรษะเกิดเป็นแผลเป็นทำให้ผมร่วงและไม่ขึ้นอีกเลย

วิธีการรักษาชันนะตุ
ควรพบแพทย์โดยเร็วเพื่อไม่ให้อาการเป็นหนัก

ปัญหาผมหงอก
เป็นภาวะที่เซลล์สร้างเม็ดสีผมนั้นเสื่อมสภาพหรือตายลง ซึ่งโดยปกติแล้วเกณฑ์สำหรับคนเอเชียจะมีเริ่มผมหงอกอยู่ที่อายุ 25 ปีขึ้นไป ถ้ามีผมหงอกเกิดขึ้นก่อนอายุ 25 ปีถือว่าผิดปกติ

ปัจจัยหลักที่ทำให้เกิดอาการผมหงอกคือกรรมพันธุ์ และอายุที่มากขึ้น วิธีรักษาทำได้ค่อนข้างยาก แต่ก็เชื่อว่าปัจจัยที่เร่งการเกิดผมหงอกคืออนุมูลอิสระ เช่นพวกฝุ่นควันมลภาวะ แสงแดด การสูบบุหรี่ สารเคมี อาหารที่ปนเปื้อนสารพิษ ถ้าหลีกเลี่ยงปัจจัยต่างๆเหล่านี้ก็จะช่วยชะลอการเกิดผมหงอกได้

ปัจจัยในการเลือกและใช้ผลิตภัณฑ์ปิดผมขาว
มีอ.ย.รับรองว่ามีความปลอดภัย
ปฏิบัติตามฉลากที่ผลิตภัณฑ์ระบุข้างกล่อง
ไม่ควรย้อมบ่อยเกินไป


ปัญหาผมบางผมร่วง
ในคนปกติจะมีผมร่วงต่อวัน ประมาณ 100 เส้น และคนปกติไม่ควรมีผมล่วงเกิน 200 เส้นต่อวันในวันที่สระผม

สาเหตุของผมร่วง
ผมร่วงที่เกิดจากพันธุกรรมและฮอร์โมน
ฮอร์โมนเพศชาย testosterone จะถูกเปลี่ยนสภาพโดยเอนไซม์ที่เรียกว่า ไฟว์อัลฟ่ารีดักเตส (5 Alpha-Reductase) เปลี่ยนเทสโทสเตอโรนให้กลายเป็น DHT ตัวฮอร์โมน DHT นี้เองที่ออกฤทธิ์ที่รากผม ทำให้รากผมลีบเล็ก เกิดอาการผมร่วง

ในเพศชายมีผมร่วงช่วงตรงกลางศรีษะทำให้เกิดเป็นไข่ดาว หรือผมร่วงตามง่ามตีนผม
ส่วนในเพศหญิงถ้ามีอาการผมร่วงมักจะเกิดขึ้นที่แนวกลางของศีรษะ

ผมร่วงจากการกินยารักษาโรคบางชนิด
การกินยารักษาสิวที่เป็นรุนแรงอาจทำให้เกิดภาวะผมร่วงได้

ความเครียด
ความเครียดทำให้ฮอร์โมนและระบบต่างๆภายในร่างกายนั้นแปรปรวน อวัยวะสำคัญต่างๆทำงานได้ไม่ดี ก็จะทำให้เกิดภาวะผมร่วงได้

การขาดสารอาหารที่จำเป็น
เนื่องจากเส้นผม ผิวหนัง เล็บ เป็นอวัยวะที่มีการผลัดเปลี่ยนบ่อย ต้องการสารอาหารที่จำเป็นเพื่อนำมาสร้างใหม่


วิธีการรักษาผมร่วง ผมบาง
- รักษาด้วยยาทากลุ่ม ไมนอกซิดิล (Minoxidill) จะช่วยกระตุ้นรากผมให้เกิดการงอกขึ้นใหม่ได้ แต่กลุ่มยาชนิดนี้ในผู้ป่วยบางรายก็อาจเกิดอาการแพ้ได้ อาจแพ้ตัวยาไมนอกซิดิลเอง หรือที่พบบ่อยคือแพ้ตัวทำละลายที่ชื่อว่โพรพิลีนไกลคอล ซึ่งในผู้ป่วยบางรายที่แพ้ก็จะทำให้หนังศีรษะอักเสบเป็นผื่นแดง และมีผมหลุดร่วงมากขึ้น ควรเลี่ยงไปใช้ไมนอกซิดิลที่อยู่ในตัวทำละลายอื่นแทน


- การรักษาด้วยยากินในกลุ่มฟีแนสเตอร์ไรด์ กลุ่มยาตัวนี้จะช่วยยับยั้งเอนไซม์ที่เปลี่ยนฮอร์โมนเพศชายให้เป็นตัวที่ออกฤทธิ์ให้เกิดผมร่วง ก็จะทำให้ลดการหลุดร่วงของเส้นผมได้ แต่ตัวยานี้มีข้อเสียที่ร้ายแรงสำหรับผู้ชายก็คือ ทำให้อวัยวะเพศไม่แข็งตัว มีโอกาสเกิดประมาณ 2 ถึง 10 เปอร์เซ็นต์ และข้อห้ามอีกอย่างในการกินยานี้ก็คือห้ามบริจาคเลือด เพราะหากหญิงตั้งครรภ์ได้รับเลือดที่มียาในกลุ่มฟีแนสเตอร์ไรด์ อาจทำให้เกิดผลกระทบต่อเด็กในครรภ์ ทั้งนี้มีการวิจัยแล้วว่าการใช้กลุ่มยาตัวนี้ในเพศหญิงที่มีปัญหาผมร่วงผมบางจากฮอร์โมนนั้นไม่ได้ผล หรือได้ผลน้อย

- การรับประทานอาหารเสริมในกลุ่ม Zinc สังกะสีเป็นอย่างธาตุอาหารอย่างหนึ่งที่จำเป็นต่อการงอกของเส้นผม

- ส่วนในเพศหญิงที่มีปัญหาผมร่วงผมบางจะใช้ยาทาเป็นหลัก จึงควรพบแพทย์แล้วให้แพทย์วินิจฉัยว่าควรใช้ยากลุ่มใดเช่นถ้ามีอาการหนังศีรษะอักเสบร่วมด้วยแพทย์ก็อาจจะจ่ายยาที่มีสเตอรอยให้

- ถ้าการรักษาในรูปแบบของการใช้ยากินและยาทาแล้วยังไม่ได้ผลเป็นที่น่าพอใจ ก็อาจจะใช้เป็นการผ่าตัดปลูกถ่ายเส้นผม ซึ่งมีหลายเทคนิคคือ Follicular Unit Transplantation คือเป็นการย้ายเส้นผมมาปลูกบริเวณที่ผมหลุดร่วงทีละ 1 กอ เป็นการปลูกแบบมาตรฐาน คือตัดหนังศีรษะบางส่วนบริเวณท้ายทอยให้เป็นแผ่น แล้วมาตัดแบ่งให้เป็นแผ่นเล็กๆ แล้วเอาไปปลูกถ่ายในบริเวณที่เป็นปัญหา กับอีกแบบคือ Follicular Unit Extraction คือทำการถอนเส้นผมออกมาทีละ 1 กอ แล้วนำไปปลูกถ่ายในบริเวณที่มีปัญหา วิธีนี้จะเป็นแผลแค่จุดเล็กๆไม่เป็นแผลเย็บเหมือนวิธีแรก และในปัจจุบันนี้ก็ยังมีเทคโนโลยีใหม่ที่ใช้ในการปลูกผมคือการใช้หุ่นยนต์

วิธีปฏิบัติตนเมื่อมีอาการผมร่วง
-ไม่เครียด
-ทานอาหารให้ครบ 5 หมู่
-ออกกำลังกายเป็นประจำ ยิ่งถ้าเป็นการออกกำลังแบบคาร์ดิโอก็จะช่วยให้หัวใจสูบฉีดเลือดได้ดียิ่งขึ้น ผิวหนังบริเวณหนังศีรษะก็จะได้รับเลือดและสารอาหารมาหล่อเลี้ยงมากขึ้น เหงื่อจะช่วยชะล้างสารพิษที่ตกค้างอยู่ตามรูขุมขน ทําให้ผมงอกใหม่ได้สะดวก
-หลีกเลี่ยงอนุมูลอิสระต่างๆเช่น แสงแดด ฝุ่นควัน สารเคมีอันตราย

4 วิธีง่ายๆที่ช่วยป้องกันผมร่วง
ออกกำลังกายให้ร่างกายของคุณแข็งแรง
ร่างกายของคุณแข็งแรง ระบบต่างๆในร่างกายก็จะทำงานได้ดี

ไม่บีบรัดเส้นผมและหนังศีรษะ
การเกล้าผมหรือมัดผมที่ตึงเกินไป เป็นการดึงรั้งเส้นผมให้หลุดออกมาจากหนังศีรษะแถมยังทำให้เลือดไหลเวียนไม่ดี

หยุดนิสัยที่ไม่ดี
การสูบบุหรี่หรือการดื่มแอลกอฮอล์เป็นการเพิ่มสารพิษให้กับร่างกายโดยตรงมีผลต่อสุขภาพหนังศีรษะและเส้นผมแน่ๆ

กินอาหารที่ดีต่อสุขภาพ
แม้ว่าคุณจะปฏิบัติตนได้ทั้ง 3 ข้อข้างต้นเป็นอย่างดี แต่ถ้าคุณกินอาหารที่ไม่ดี กินแต่อาหารขยะ ได้รับสารอาหารน้อย ก็อาจทำให้เกิดผมร่วงได้

เคล็ดลับสำคัญ ซิลิก้านั้นมีอยู่มากอยู่ในผิวเปลือกของแตงกวาฉะนั้นถ้าอยากได้พระธาตุวิตามินที่ครบถ้วนควรทานทั้งเปลือก แต่อย่าลืมล้างให้สะอาด

2. เมล็ดแฟลกซ์
เมล็ดแฟลกซ์เป็นสุดยอดอาหารสำหรับผมของคุณมันอุดมไปด้วยกรดไขมันโอเมก้า 3 ที่เรียกว่า ALA (กรดอัลฟ่าลิโนลินิค) ซึ่งกรดไขมันที่จำเป็นเหล่านี้จะทำงานเป็นครีมนวดผมตามธรรมชาติและเพิ่มความมันวาวความยืดหยุ่นให้กับเส้นผมอีกทั้งยังช่วยบำรุงหนังศรีษะลดอาการแห้งและเป็นขุยของหนังศีรษะ เมล็ดแฟลกซ์ประกอบไปด้วยวิตามินบีหลายชนิดและแร่ธาตุเช่น ทองแดง แมงกานีส แมกนีเซียม และซีลีเนียม ทั้งหมดนี้ช่วยให้ผมของคุณแข็งแรงและมีสุขภาพที่ดี

3. เนื้อไก่
เนื้อไก่มีกรดอะมิโนชนิดพิเศษที่เรียกว่าซิสเทอีนซึ่งมีความสำคัญต่อการเจริญเติบโตของเส้นผม
ทำไมซิสเทอีนจึงมีความสำคัญต่อเส้นผม อย่างที่ทราบกันว่าผมของคนเราประกอบไปด้วยโปรตีนที่เรียกว่าเคราติน เจลาตินนั้นก็ถูกสร้างขึ้นโดยซิสเทอีนเป็นส่วนใหญ่ โมเลกุลของซิสเทอีนจะถูกรวมเข้าด้วยกันในพันธะที่แข็งแรงซึ่งก็จะทำให้โครงสร้างเส้นผมของคุณนั้นแข็งแรงมีความยืดหยุ่นด้วย ดังนั้นการกินอาหารที่อุดมไปด้วยซิสเทอีน จึงทำให้เส้นผมแข็งแรงส่งเสริมการเจริญเติบโตของเส้นผมได้เร็วขึ้น

หากคุณเป็นมังสวิรัติมีแหล่งของซิสเทอีนในผัก เช่น หัวหอม กระเทียม นม ถั่วงอก จมูกข้าวสาลีและข้าวโอ๊ต

4. แครอท
แครอทมีเบต้าแคโรทีนซึ่งมีประโยชน์มากมายสำหรับเส้นผมประการแรกมันจะช่วยปกป้อง จากรังสี UV  มลภาวะต่างๆ อนุมูลอิสระที่เกิดจากความเครียด

ประการที่ 2  แครอทจะช่วยในการผลิตไขมันหรือน้ำมันตามธรรมชาติในเส้นผมของคุณ น้ำมันธรรมชาติเหล่านี้จะช่วยให้คุณมีผมที่นุ่มสลวยเป็นประกายโดยไม่จำเป็นต้องใช้ผลิตภัณฑ์ใดๆ นอกจากนี้แครอทยังเป็นแหล่งของไบโอติน วิตามินเค กรดแพนโทธินิค B6  ไฟเบอร์
อาหารที่มีเบต้าแคโรทีนสูงชนิดอื่นๆได้แก่ผักที่มีส้มและสีเหลืองหรือผักใบเขียวเข้ม เช่น มันเทศ มะละกอ ฟักทอง มะม่วง แคนตาลูป ผักโขม ผักเคล บล็อกโคลี่

5. ถั่วเขียว
ถั่วเขียวมีสารอาหารบำรุงเส้นผมมากมายเช่นโปรตีน วิตามินบี  สังกะสี แมกนีเซียม ธาตุเหล็ก แคลเซียม ฯลฯ  คุณสามารถเรียกมันได้เลยว่าถั่วเขียวเป็นวิตามินสำหรับผม

โฟเลตซึ่งเป็นหนึ่งในวิตามินบีมีอยู่ในถั่วจำนวนมากจะช่วยป้องกันการเกิดผมหงอกก่อนวัยอันควรและยังช่วยคืนความเงางามความดีชีวาของเส้นผม สารอาหารที่สำคัญอีกอย่างที่ควรกล่าวถึงก็คือสังกะสี สังกะสีมีความสำคัญต่อการฟื้นฟูเซลล์ รวมถึงเซลล์ขน ช่วยในการดูดซึมโปรตีน คุณสมบัติเหล่านี้จำเป็นต่อการบำรุงเส้นผมให้หนาและมีสุขภาพที่ดี

6. อัลมอนด์
อัลมอนด์เป็นแหล่งของไบโอตินที่ดี ไบโอตินก็เป็นหนึ่งในวิตามินที่สำคัญในการบำรุงเส้นผมให้มีสุขภาพดี หากคุณพบว่าคุณมีผมหงอก อัลมอนด์นั้นช่วยบรรเทาอาการ พวกมันมี catalase เป็นเอนไซม์พิเศษที่ช่วยให้เม็ดสีผมของเราเป็นเหมือนเดิม

7 วิธีธรรมชาติสำหรับดูแลเส้นผม
มีเคล็ดลับมากมายบนโลกนี้ที่ช่วยเยียวยาอาการผมร่วงผมบาง แต่วิธีที่จะมาแนะนำนี้เป็นการนำเอาของใช้ในครัวที่หาได้ง่าย ประหยัดเวลา เป็นวิธีปฏิบัติตนแบบง่ายๆ ที่ช่วยให้ปัญหาผมร่วงลดลงได้ค่ะ

1. การใช้น้ำส้มสายชูแอปเปิ้ล
น้ําส้มสายชูแอปเปิ้ลไซเดอร์ผสมกับน้ำอุ่นชโลมศีรษะไว้ 5 นาทีแล้วล้างออกให้สะอาด สิ่งนี้จะช่วยปิดเกล็ดผมทำให้ผมเรียบลื่นไม่ขาดง่าย

2. เบกกิ้งโซดา
เบกกิ้งโซดา 3 ช้อนโต๊ะกับน้ำ 1 ถ้วยใช้หมักผมไว้ประมาณ 5-10 นาที จากนั้นก็ล้างออกด้วยแชมพูปกติ ด้วยคุณสมบัติที่ยอดเยี่ยมของเบกกิ้งโซดาที่เราทราบกันเป็นอย่างดีว่ามันถูกนำมาใช้ในการล้างผักผลไม้เพื่อกำจัดสารเคมีที่เกษตรกรใช้ฆ่าแมลง ด้วยคุณสมบัตินี้มันถึงช่วยล้างสารพิษต่างๆบนหนังศีรษะได้ดีเช่นกัน

3. น้ำมะระ
น้ำมะระช่วยดูดซึมสารพิษ และเชื้อโรคต่างๆที่อยู่ใกล้เส้นผมและหนังศีรษะ ใช้น้ำคั้นจากมะระนำมาหมักผมเสร็จแล้วก็ล้างออก

4. น้ำมันมะกอก
อีกหนึ่งน้ำมันวิเศษที่ช่วยให้เส้นผมแข็งแรงมีสุขภาพดีใช้น้ำมันมะกอกบนหนังศีรษะนวดวนให้ทั่วอย่าลืมอัดลมให้ทั่วเส้นผมเสร็จแล้วก็ล้างออกด้วยแชมพูตามปกติเท่านี้ผมคุณก็นุ่มลื่นพริ้วสวยแล้ว

5. น้ำมะขามป้อม
มะขามป้อมมีวิตามินซีสูง ถ้าผมของคุณโดนฝุ่นควันในชีวิตประจำวันมามาก ก็เยียวยาด้วยน้ำมะขามป้อม หมักทิ้งไว้ประมาณ 15 นาทีฝุ่นควันสารพิษที่สะสมอยู่บนศีรษะและหนังศีรษะก็จะถูกดูดซับออกไปได้ด้วยมะขามป้อมค่ะ

6. หลีกเลี่ยงน้ำอุ่นจัด
ในหน้าหนาวการได้อาบน้ำอุ่นก็เป็นความสุขอย่างหนึ่ง แต่อย่าลืมนึกถึงผมและหนังศีรษะด้วยนะคะ เพราะน้ำที่ร้อนมากเกินไปจะล้างเอาไขมันที่ดีออกไปด้วย

7. ไข่
ไข่มีประโยชน์และหาได้ง่ายในครัวถ้าคุณหาอะไรไม่เจอแล้วเอาไข่มาหมักผมง่ายๆก็ได้ค่ะ

7 วิธีหยุดผมร่วงโดยธรรมชาติ
1. ลดความเครียดลง
ความเครียดส่งผลกระทบต่อร่างกายของคุณในหลายๆด้าน เส้นผมก็เช่นกัน ความเครียดทำให้ฮอร์โมนแปรปรวน ทุกระบบในร่างกายทำงานได้ไม่ดีส่งผลให้ผมหลุดร่วง ถ้าเครียดบ่อยๆอาจทำให้หัวล้านได้

ข่าวดีก็คืออาการผมร่วงที่เกิดจากความเครียดนั้นเกิดเพียงชั่วคราวตราบใดที่คุณหยุดมันได้คุณก็จะสามารถลดอาการผมร่วงผมบางได้

สิ่งที่ต้องทำ
เมื่อเกิดความเครียด หากิจกรรมที่ลดความเครียดเช่นการเล่นโยคะ ยิ่งการเล่นโยคะในท่าที่ทำให้ ศีรษะอยู่ที่พื้นจะทำให้เลือดมาเลี้ยงรากผมและหนังศีรษะได้ดีขึ้นลดอาการหลุดร่วงของเส้นผมได้ เป็นการปลูกผมด้วยวิธีธรรมชาติโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายแพงๆเลย

2. ละเว้นการมัดผมหางม้าหรือการถักผมเปียแบบแน่นๆ
การดึง รั้ง เส้นผมและหนังศีรษะเป็นเวลานานๆจะทำให้เลือดไม่ไปหล่อเลี้ยงหนังศีรษะ รากผมขาดสารอาหารโดยไม่รู้ตัว

สิ่งที่ต้องทำ
เปลี่ยนทรงผมของคุณซะ

3. เคลื่อนไหวร่างกายเป็นประจำ
การออกกำลังกายจะช่วยลดปัญหาผมร่วงผมบางได้อย่างไร เมื่อคุณออกกำลังกายจะมีการไหลเวียนของโลหิตไปทุกส่วนของร่างกายรวมถึงหนังศีรษะด้วย ปกติแล้วคนเราจะอยู่ในท่ายืนหรือท่านั่ง ทำให้ศีรษะอยู่ด้านบนสุด การสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงศีรษะเป็นการต้านแรงโน้มถ่วง เมื่อออกกำลังกายก็จะช่วยให้เลือดไปเลี้ยงศีรษะได้มากขึ้น อีกทั้งเวลาที่ ออกกำลังกายคุณจะมีเหงื่อเหงื่อจะช่วยล้างสารพิษต่างๆที่ค้างอยู่ในรูขุมขนและทำให้รูขุมขนมีขนาดกว้างขึ้นมีพื้นที่สำหรับการเกิดของเส้นผมใหม่มากขึ้น

สิ่งที่ต้องทำ
หากคุณต้องการให้ผมสวยผมหนาผมมีสุขภาพดี ลูกไปออกกำลังกายเสียตั้งแต่วันนี้ดีกว่ามานั่งเครียดวิตกว่าเมื่อไหร่ผมจะหยุดหลุดร่วงเสียที

4. อ่านฉลากผลิตภัณฑ์ของคุณ
ผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับเส้นผมต่างๆทั้งแชมพูครีมนวดผม เซรั่ม รวมไปถึงผลิตภัณฑ์เปลี่ยนสีผม อาจมีสารเคมีที่รุนแรง เช่นโพรพิลีนไกลคอล แอลกอฮอล์ไอโซโพรพิล เมธิลไอโซไทอาโซลีน สี น้ำหอม พาราเบน สารเคมีสังเคราะห์เหล่านี้จะทำให้หนังศีรษะคันและทำให้เกิดอาการผมร่วง

สิ่งที่ต้องทำ หากคุณมีปัญหาผมหลุดร่วงควรหลีกเลี่ยงสารเคมีสังเคราะห์แล้วเปลี่ยนมาใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติ แม้ว่าผลิตภัณฑ์บางชนิดจะอาว่าผลิตจากสารธรรมชาติแต่ก็ควรดูฉลากเอาไว้ว่ามีสารเคมีสังเคราะห์เหล่านี้หรือไม่

5. เลือกสีผมธรรมชาติ
สารเคมีรุนแรงในสีย้อมผมสังเคราะห์เช่น แอมโมเนีย ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ ในผลิตภัณฑ์เปลี่ยนสีผม จะทำให้เส้นผมเสีย เปราะบาง ระคายเคืองต่อหนังศีรษะ เป็นสาเหตุของผมร่วงผมบางศีรษะล้าน

สิ่งที่ต้องทำ
หากมีความจำเป็นที่จะต้องย้อมผมควรเลือกใช้สีย้อมผมจากพืชเช่น เฮนน่า bhringraj(กะเม็ง) มะขามป้อม กาแฟ ดีกว่า


6. เพิ่มปริมาณธาตุเหล็กให้กับร่างกาย
ร่างกายของคนเราต้องการธาตุเหล็กเพื่อผลิตเซลล์เม็ดเลือดแดง เซลล์เม็ดเลือดแดงนี้จะช่วยลำเลียงออกซิเจนและสารอาหารต่างๆไปเลี้ยงเซลล์และเนื้อเยื่อทั่วร่างกาย การขาดธาตุเหล็กก็เท่ากับเซลล์เม็ดเลือดแดงลดลงประสิทธิภาพในการส่งต่อสารอาหารต่างๆไปอวัยวะต่างๆก็น้อยลง ก็จะทำให้ผมค่อยๆร่วง ธาตุเหล็กจึงเป็นอาหารที่จำเป็นต่อเส้นผม เป็นอาหารที่ช่วยให้ผมหนา ทั้งนี้ควรระวังในผู้ป่วยโรคธาลัสซีเมีย

สิ่งที่ต้องทำ
กินอาหารที่มีธาตุเหล็กสูงเช่น ถั่ว ผักใบเขียว เนื้อสัตว์ ตับ

7. นวดศีรษะเพื่อกระตุ้นรูขุมขน
การนวดช่วยเพิ่มการไหลเวียนของหนังศีรษะ ช่วยบำรุงเส้นผมจากราก ทั้งยังช่วยกำจัดสารพิษที่สะสมในหนังศีรษะของคุณ ช่วยกระจายน้ำมันตามธรรมชาติบนหนังศีรษะไปตามเส้นผม ให้น้ำมันเหล่านั้นช่วยปกป้องเส้นผมของคุณ

สิ่งที่ต้องทำ
การนวดศีรษะอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้งจะช่วยกระตุ้นรูขุมขนบนหนังศีรษะ ทำให้เส้นผมงอกขึ้นมาอีกครั้ง ใช้ตัวช่วยเป็นน้ำมันต่างๆระหว่างการนวดเช่นน้ำมันมะพร้าว น้ำมันมะกอก ยิ่งใช้เป็นแบบ ได้ก็ยิ่งดี

คำแนะนำอื่นๆเพื่อป้องกันผมร่วงและบำรุงเส้นผมให้แข็งแรง
- อย่าจัดแต่งทรงผมของคุณเมื่อผมเปียก ผมจะบอบบางที่สุดเมื่อยังเปียกอยู่ดังนั้นการหวีหรือการจัดแต่งทรงผมหลังอาบน้ำสระผมจึงเป็นเรื่องใหญ่ ควรปล่อยให้ผมแห้งประมาณ 80-90 เปอร์เซ็นต์แล้วค่อยจัดแต่งทรงผม
- ปล่อยให้ผมของคุณแห้งตามธรรมชาติ การเป่าผมให้แห้งด้วยไดร์เป่าผมเป็นการล้างความชุ่มชื้นไปจากเส้นผมมากเกินไป เมื่อทำบ่อยๆจะทำให้เส้นผมเปราะและอ่อนแอ ควรใช้ในเวลาไม่นานหรือเปลี่ยนไปใช้การเป่าด้วยพัดลมแทน

- พยายามอย่าสระผมด้วยน้ำอุ่น การสระผมด้วยน้ำอุ่นล้างน้ำมันที่ดีต่อเส้นผมออกไปทำให้ผมแห้ง ถ้าคุณไม่ได้อยู่ในที่ที่หนาวเย็นจนเกินไปควรอาบน้ำสระผมด้วยอุณหภูมิที่ธรรมดาดีกว่า

- เช็ดผมให้แห้งอย่างเบามือ ควรซับให้แห้งเบาๆ ไม่ควรขยี้หรือถูผมแรง

- ลดการดัด ยืด ย้อม ม้วนลอน กระบวนการต่างๆเหล่านี้ต้องใช้ทำความร้อนสารเคมี ส่งผลกระทบต่อรากผมและหนังศีรษะถ้าไม่ห่วงสวยจนเกินไป ปล่อยตามธรรมชาติจะดีกว่าถ้าคุณมีอาการผมร่วงที่รุนแรง

7 อาหารที่ช่วยให้ผมยาวเร็ว
ปลาแซลมอน
ปลาแซลมอนเต็มไปด้วยสารอาหารที่ช่วยกระตุ้นการเจริญเติบโตของเส้นผมมันมีทั้งวิตามินดี โปรตีนและกรดไขมันโอเมก้า 3

พริกหยวกสีเหลือง
พริกหยวกสีเหลืองมีวิตามินซีมากกว่าส้มเกือบ 5 เท่าครึ่ง ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ดี เสริมความแข็งแรงให้กับเส้นผมและรูขุมขน

หอยนางรม
หอยนางรมอุดมไปด้วยสังกะสี ที่ช่วยบำรุงผม

ไข่
มันเป็นแหล่งโปรตีนที่ดีและก็ยังมีไบโอตินที่จำเป็นต่อการสร้างเส้นผมด้วย

เมล็ดดอกทานตะวัน
แน่ละสิเพราะมันอุดมไปด้วยวิตามินอีที่ช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือดไปยังหนังศีรษะ

มันเทศ
มันเทศเต็มไปด้วยเบต้าแคโรทีนที่เป็นสารตั้งต้นของวิตามินเอไม่ไม่เพียงแต่ช่วยให้หนังศีรษะแข็งแรงเท่านั้นแต่ยังทำให้ผมงอกงามได้รวดเร็ว

อะโวคาโด
ใครที่เคยกินอะโวคาโดก็คงจะรู้ดีว่ามันมีไขมันสูงที่เต็มไปด้วยกรดไขมันที่ดีต่อร่างกายทั้งนั้น

9 เคล็ดลับแก้ปัญหาผมร่วงผมบางหัวล้าน
1. กินผัก
ผักเป็นแหล่งต้านอนุมูลอิสระที่โดดเด่นช่วยปกป้องรากผมและเส้นผมของคุณจากการถูกทำลาย

2. เรียนรู้การปรุงอาหารด้วยตนเอง
ถ้าคุณปรุงอาหารด้วยตัวเองคุณจะสามารถควบคุมให้มันมีความสมดุลทางโภชนาการได้ อาหารของคุณจะสะอาดและปลอดภัย ได้รับสารอาหารครบถ้วนที่จำเป็นต่อการงอกของเส้นผม แถมยังปลอดสารพิษอีกด้วย

3. ปฏิบัติตามกฎการกิน 80 20
 ทานอาหารสุขภาพให้ได้ 80 ส่วน ที่เหลืออีก 20 ส่วนก็ตามใจปากได้

4. อย่าลดน้ำหนักเร็วเกินไป
การลดน้ำหนักอย่างกะทันหันจะทำให้ร่างกายของคุณเกิดอาการช็อค และทำให้เกิดภาวะผมร่วงที่เรียกว่า Telogen Effluvium หากคุณกำลังลดน้ำหนักด้วยการอดอาหาร คุณจะสูญเสียสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายแล้วนำไปสู่การขาดวิตามินและแร่ธาตุ เพราะฉะนั้นถ้าคุณต้องการลดน้ำหนักควรทำแบบค่อยเป็นค่อยไปดีกว่า

5. ลดน้ำตาลและลดการทานคาร์โบไฮเดรต
น้ำตาลนั้นมีแคลอรี่สูง เมื่อทานมากๆจะทำให้ระบบเลือดมีปัญหา ระบบเลือดที่มีน้ำตาลสูง โมเลกุลของน้ำตาลในเลือดนั้นจะทำลายเซลล์และเนื้อเยื่อต่างๆในร่างกาย ไม่เว้นแม้แต่เซลล์รากขนหรือเซลล์เส้นผมของคนเรานั่นเอง วิธีการทำลายก็จะทำให้เกิดปัญหาการหลุดร่วงของเส้นผมได้ง่าย การทานแป้งขัดขาวก็มีผลให้น้ำตาลในเลือดสูงขึ้นได้ง่ายเหมือนกันควรเปลี่ยนมาทานธัญพืชหรือแป้งที่ไม่ขัดขาวจะดีกว่า

6. อย่ามองข้ามไขมันดี
หากคุณมีผมที่แห้งเปราะ หรือหนังศีรษะแห้งเป็นขุย มันเป็นสัญญาณว่าคุณมีกรดไขมันที่จำเป็นต่ำ ตัวอย่างของไขมันดีเช่นน้ำมันมะพร้าว ถั่วต่างๆ เม็ดมะม่วงหิมพานต์ วอลนัท น้ำมันงา อะโวคาโด และน้ำมันจากปลา

7. ตรวจสอบการขาดวิตามินบี 12
การเกิดปัญหาผมร่วงหรือผมหงอกก่อนวัยอันควรเป็นเพราะวิตามินบี 12 ต่ำ พบบ่อยในผู้ที่เป็นมังสวิรัติ เนื่องจากวิตามินบี 12 นั้นส่วนใหญ่พบในผลิตภัณฑ์จากสัตว์ เช่นนม ไข่ เนื้อสัตว์ต่างๆ

8. กินอาหารที่อุดมไปด้วยธาตุเหล็ก
ภาวะโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็กเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ผมร่วงหรือผมบางในผู้หญิงที่มีสุขภาพดี นอกจากนี้ยังพบว่าผู้หญิงที่มีผมร่วงจะมีระดับธาตุเหล็กในเลือดต่ำกว่าผู้หญิงที่ไม่มีผมร่วง อาหารที่อุดมไปด้วยธาตุเหล็กได้แก่ เห็ดฟาง ผักกูด มะเขือพวง เมล็ดฟักทอง เมล็ดงา ถั่วฝักยาว เนื้อแดง ตับ

9. โดนแดดเสียบ้าง
การได้รับแดดอ่อนๆในช่วงเวลาเช้า นั่นคือการได้รับวิตามินดี ซึ่งจำเป็นต่อผิวผมและกระดูกของคุณ วิตามินดีเป็นวิตามินที่จำเป็นอีกชนิดหนึ่งสำหรับการเจริญเติบโตของเส้นผมและสามารถลดการขาดหลุดร่วง ลดการเกิดผมร่วงได้ ตรวจสอบให้แน่ใจว่าแขนหรือขาของคุณถูกแสงแดดอ่อนๆเพราะผิวที่อยู่ใต้ร่มผ้านั้นไม่สามารถสังเคราะห์วิตามินดีจากแสงแดดได้

ขิงช่วยลดผมร่วงและกระตุ้นการงอกของเส้นผม
ขิงมีคุณสมบัติกระตุ้นและรักษาผมร่วงที่น่าอัศจรรย์ กลิ่นหอมฉุนและรสชาติเผ็ดร้อนจะช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของหนังศีรษะช่วยให้เส้นเลือดนำสารอาหารมาเลี้ยงเส้นผมได้ดีต้านอนุมูลอิสระที่จะทำลายเซลล์ผม ขิงยังเป็นครีมนวดผมที่ดีเพราะอุดมไปด้วยน้ำมันหอมระเหยที่มีแร่ธาตุมากมายช่วยให้ผมจัดทรงง่าย นุ่มและเงางามมากขึ้น

นอกจากนี้ยังมีสรรพคุณในการรักษารังแคช่วยให้หนังศีรษะชุ่มชื้นลดอาการคันเพราะมันมีคุณสมบัติต้านการอักเสบและมีน้ำยาฆ่าเชื้อตามธรรมชาติที่ช่วยให้หนังศีรษะสะอาดมีสุขภาพดี

วิธีใช้ขิงในการปลูกผม ลดผมร่วงผมบาง
ส่วนผสม
ขิงขูดละเอียดหรือขิงคั้นน้ำแล้ว 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำมันมะพร้าวหรือน้ำมันงาก็ได้ 2 ช้อนโต๊ะ

นำส่วนผสมทั้งหมดมาผสมกัน เอามาชโลมบนหนังศีรษะ นวดวนให้ทั่ว ทิ้งไว้ประมาณ 1 ชั่วโมง คุณควรรู้สึกร้อนขึ้นเล็กน้อยบนหนังศีรษะ เมื่อครบกำหนดเวลาก็ล้างออกแล้วสระด้วยแชมพูตามปกติ ทำซ้ำ 1 หรือ 2 ครั้งต่อสัปดาห์เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

เคล็ดลับผมสวยทานอาหาร 5 อย่างนี้เพื่อสุขภาพผมที่ดี
เราทุกคนรู้กันดีอยู่แล้วว่าการรับประทานอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการมีแร่ธาตุและวิตามินเพียงพอที่เราต้องการจะช่วยให้ร่างกายนั้นแข็งแรง แต่ถ้าต้องการอาหารบำรุงเส้นผมเป็นพิเศษให้รับประทานอาหาร 5 อย่างนี้ค่ะ

1. ผักโขมหรือผักใบเขียว
ผักโขมหรือผักใบเขียวอื่นๆ เช่นผักคะน้า บล็อคเคอรี่ กวางตุ้ง ผักเคล เป็นแหล่งธาตุเหล็กที่น่าอัศจรรย์ ซึ่งมันจะทำงานร่วมกับโปรตีนที่เราทานเข้าไปแล้วสร้างเส้นผมที่สวยงาม

2. วอลนัท
วอลนัทเป็นแหล่งโปรตีนชั้นเยี่ยมซึ่งเป็นสิ่งที่เส้นผมต้องการมันไม่ได้มีเพียงแต่โปรตีนเท่านั้นยังมีสังกะสีและซีลีเนียมซึ่งเป็นแร่ธาตุ 2 ชนิดที่ช่วยบำรุงหนังศรีษะของคุณให้ชุ่มชื้นและอยู่ในสภาวะปกติ แถมด้วยสารอาหารพิเศษอีก 1 อย่างคือกรดไขมันโอเมก้า 3 ที่ช่วยให้เส้นผมของเราเงางาม

3. ไข่
เราทราบกันดีอยู่แล้วว่าไข่เป็นแหล่งโปรตีนชั้นเยี่ยมช่วยให้เส้นผมงอกขึ้นใหม่และบำรุงเส้นผมให้แข็งแรง อีกทั้งโปรตีนไม่ใช่สิ่งเดียวที่ไข่มีมาก ไข่ยังเป็นแหล่งพิเศษของวิตามินดีและวิตามินบี สองสามชนิด ที่มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาเส้นผมให้แข็งแรงอีกด้วย

4. ปลาแซลมอน
การกินปลาแซลมอนนั้นจะได้รับสารอาหารที่จำเป็นต่อการสร้างเส้นผมเกือบครบองค์ประกอบเพราะมันมีทั้งโปรตีน ไขมันโอเมก้า 3  และวิตามินที่จำเป็นอีกหลายชนิด เรียกได้ว่าเพียงแค่คุณทานสเต็กปลาแซลมอน เสริมด้วยผักแกล้มอีกนิดหน่อย คุณก็จะมีผมดกดำเงางามแล้ว

5. มันเทศ
สีเหลืองส้มในมันเทศคือแหล่งวิตามินเอหรือเบต้าแคโรทีนชั้นดี เหมาะสำหรับการทานเพื่อบำรุงเส้นผม และยังเป็นแหล่งของคาร์โบไฮเดรตที่ดี ที่มีค่าการแปลงเป็นน้ำตาลค่อนข้างต่ำ ทำให้น้ำตาลในเลือดไม่แกว่งจนเกินไปตับอ่อนก็ไม่ต้องทำงานหนักที่จะผลิตอินซูลิน เหตุผลที่สำคัญอีกหนึ่งอย่างก็คือราคามันไม่แรงนั่นเอง

ชะลอการเกิดผมหงอกด้วยงาดำ
ในการแพทย์แผนจีนเมล็ดงาดำถือเป็นหนึ่งในอาหารต่อต้านริ้วรอยที่ดีที่สุด นอกเหนือจากการบำรุงหนังศีรษะและกระตุ้นการเจริญเติบโตของเส้นผมแล้ว งาดำยังสามารถส่งเสริมการสร้างเม็ดสีเมลานินเพื่อลดปัญหาผมขาวผมหงอกได้ งาดำน้ำอุดมไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการอีกทั้งยังมีสารต้านอนุมูลอิสระจำนวนมาก การวิจัยแสดงให้เห็นว่าสารต้านอนุมูลอิสระที่มีอยู่ในเมล็ดงาดำสามารถช่วยชะลอการเกิดริ้วรอย รวมถึงชะลอการเกิดผมหงอกผมร่วง เมล็ดงาดำเป็นแหล่งของวิตามินและแร่ธาตุบำรุงเส้นผม เช่น ทองแดง แมงกานีส แคลเซียม แมกนีเซียม ธาตุเหล็ก สังกะสี ฟอสฟอรัส วิตามินบี 1 กรดอะมิโน ซีลีเนียม ใยอาหาร นอกจากนี้ในเมล็ดงาเล็กๆเหล่านี้ยังมีสารต้านอนุมูลอิสระจากธรรมชาติเช่น สารเซซามิน ซามาโมลิน และ เซซามอล

การแพทย์แผนจีนถือว่าผมและผิวหนังเป็นกระจกสะท้อนสภาวะสุขภาพในร่างกาย สุขภาพของผมแสดงถึงว่ามันได้รับการบำรุงโดยเลือดและได้รับความชุ่มชื้นจากหยินของร่างกายเพียงใด เมื่อหยินได้รับผลกระทบก็อาจจะทำให้ผิวแห้งหรือคัน กลายเป็นรังแค และเมื่อเลือดไม่เพียงพอก็จะทำให้เกิดปัญหาผมร่วงและผมหงอก เมล็ดงาดำสามารถบำรุงอวัยวะในร่างกาย คุณค่าทางโภชนาการมาสู่เส้นผมและผิวหนัง วิธีรับคุณประโยชน์จากงาดำก็ได้แก่ การรับประทานงาดำบดหรือน้ำมันงาดำเป็นประจำ หรือการใช้น้ำมันงาดำมาหมักผมเป็นต้น

ประโยชน์ด้านสุขภาพของเมล็ดงาดำ
เพิ่มมวลกระดูกและป้องกันโรคกระดูกพรุน
เมล็ดงาดำเป็นแหล่งแร่ธาตุที่ช่วยสร้างกระดูกไม่เพียงแต่แคลเซียมเท่านั้นยังมีฟอสฟอรัสและแมกนีเซียม เมล็ดงาดำ 1 ช้อนโต๊ะจะมีแคลเซียมอยู่ประมาณ 88 mg มากกว่าแคลเซียมในนม 1 แก้ว อีกทั้งยังมีสังกะสีที่สูงที่จะช่วยเพิ่มความหนาแน่นของกระดูก

ช่วยให้คุณนอนหลับดี
งาดำมีแร่ธาตุแมกนีเซียมและแคลเซียมสามารถช่วยลดความเครียด นอกจากนี้ยังมีกรดอะมิโนคลิปตกเบ็ดทริปโตเฟน ที่ช่วยสร้างเซโรโทนินซึ่งช่วยให้อารมณ์ดีขึ้นช่วยให้นอนหลับได้ดี

ช่วยบำรุงผิวให้นุ่มลื่น
กรดโอเลอิกในเมล็ดงาดำมีคุณสมบัติในการผลัดเซลล์ผิวให้นุ่มนวล และกรดไลโนเลอิกก็ช่วยคืนสภาพผิวป้องกันการสูญเสียความชุ่มชื้น ในขณะที่สารไฟโตสเตอรอลที่มีปริมาณสูงในงาดำนั้นมีประสิทธิภาพยอดเยี่ยมในการลดรอยแดงและอาการคันช่วยต่อสู้กับสภาพอากาศเลวร้าย

ช่วยบรรเทาโรคไขข้อ
ทองแดงที่มีอยู่สูงในเมล็ดยาช่วยในการลดอาการปวดและบวมที่เกี่ยวข้องกับโรคไขข้ออักเสบนอกจากนี้ยังช่วยให้กระดูกและข้อต่อของคุณมีความยืดหยุ่นสุขภาพดี

เมล็ดงาดำช่วยป้องกันมะเร็ง
เมล็ดงาดำมีสารต่อต้านมะเร็งได้แก่ กรดไฟติก แมกนีเซียมและไฟโตสเตอรอลที่มีอยู่มากที่สุดในเมล็ดงาดำเมื่อเทียบอาหารทั่วไป การดองนี้เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูง จึงช่วยป้องกันมะเร็งได้นั่นเอง

ปกป้องตับ
สารต้านอนุมูลอิสระในงาดำช่วยให้ตับที่มีหน้าที่ทำลายสารพิษทำงานน้อยลง ช่วยปกป้องตับจากความเสียหายที่เกิดจากปฏิกิริยาออกซิเดชันในร่างกาย

บรรเทาโรคโลหิตจาง
เมล็ดงาดำมีปริมาณธาตุเหล็กที่สูงซึ่งช่วยในการผลิตเม็ดเลือดแดง เมื่อร่างกายมีระบบเลือดที่สมบูรณ์ก็จะช่วยให้การถ่ายเทสารอาหารไปในเซลล์และเนื้อเยื่อต่างๆ นั้นดียิ่งขึ้นรวมถึงเซลล์รากผมด้วย

งาดำนั้นดีต่อสุขภาพหัวใจและหลอดเลือด
สารเซซามินและเซซาโมลิน ที่มีอยู่ในเมล็ดงาดำเชื่อว่าจะช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือดป้องกันโรคความดันโลหิตสูง นอกจากนี้แมกนีเซียมและแคลเซียมยังเป็นแร่ธาตุที่มีบทบาทสำคัญที่ช่วยควบคุมความดันโลหิต

ป้องกันโรคหืด
แมกนีเซียมในเมล็ดงาดำช่วยป้องกันอาการกระตุกของทางเดินหายใจในผู้ป่วยโรคหอบหืด

ปรับปรุงสุขภาพของดวงตา
ตามหลักการแพทย์แผนจีนดวงตานั้นเกี่ยวข้องสัมพันธ์กับตับ เมื่อตับได้รับผลกระทบ ดวงตาก็จะเริ่มอ่อนล้าและแห้งผาก การมองเห็นที่มีประสิทธิภาพลดลง งาดำนั้นเป็นยาชูกำลังธรรมชาติสำหรับตับ เมื่อตับแข็งแรงดวงตาก็แข็งแรงไปด้วย

น้ำมันกระเทียมลดผมร่วงช่วยกระตุ้นการงอกของเส้นผม
หากคุณกำลังมองหาวิธีการลดการหลุดร่วงของเส้นผม น้ำมันกระเทียมเป็นอีกวิธีหนึ่งที่ช่วยเรื่องนี้ได้ แม้ว่ามันจะมีกลิ่นฉุนอยู่บ้างแต่ถ้าคุณลองใช้แล้วเห็นผลลัพธ์ของมันว่ามันเร็วแค่ไหนที่สามารถช่วยลดการหลุดร่วงของเส้นผม และลดปัญหาศีรษะล้าน คุณจะมองข้ามเรื่องนี้ไปได้เลย

ก่อนจะดูวิธีการทำน้ำมันกระเทียมโฮมเมดเพื่อใช้รักษาผมบางผมร่วง เรามาดูประโยชน์ของกระเทียมกันก่อนค่ะ

กระเทียมไม่ได้เป็นเพียงเครื่องปรุงรสเท่านั้น มันยังมีฤทธิ์ในการรักษาโรคภัยต่างๆมากมาย เช่นโรคหวัด ช่วยลดความดันโลหิต ลดคลอเรสเตอรอล และยังเพิ่มระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย กระเทียมมีวิตามินซี ซีลีเนียม ทองแดง  manganese ในปริมาณที่สูง แต่ส่วนประกอบหนึ่งในกระเทียมที่ค่อนข้างจะเด่นและทำให้มันมีกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ก็คือสารประกอบกำมะถัน

สารประกอบกำมะถันที่ไม่เหมือนใครเหล่านี้มันมีคุณสมบัติต่อต้านริ้วรอยและชะลอริ้วรอย พวกมันทำงานโดยการชดเชยความเสียหายที่เกิดจากมลพิษและสารพิษ มันมีประโยชน์ในด้านต้านการอักเสบที่มีประสิทธิภาพ ลดการสะสมของคราบจุลินทรีย์และการอุดตันของหลอดเลือดแดง การรับประทานกระเทียมเป็นประจำทุกวันจะช่วยให้สุขภาพของหลอดเลือดดีขึ้นซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงการเกิดโรคหลอดเลือดต่างๆเช่นในหัวใจและในสมอง

แล้วประโยชน์ที่เกี่ยวกับเส้นผมล่ะ
กระเทียมมีผลในด้านการรักษาผมร่วงอย่างที่คุณนึกไม่ถึงมาก่อน กระเทียมนั้นจะเพิ่มการเจริญเติบโตของเส้นผมได้อย่างไร สารประกอบกำมะถันเดียวกันนี้ที่ประโยชน์ด้านสุขภาพหลายอย่างก็มีประโยชน์ต่อเส้นผมด้วย ผมของคุณประกอบไปด้วยโปรตีนที่เรียกว่าเคราติน ซึ่งมีปริมาณกำมะถันสูง ดังนั้นเมื่อคุณใช้กระเทียมหมักผมของคุณก็เหมือนกับการให้อาหารที่บริสุทธิ์แก่เส้นผม กำมะถันในกระเทียมจะช่วยเพิ่มความแข็งแรงและช่วยให้เส้นผมยืดหยุ่น ช่วยให้ผมงอกและลดการหลุดร่วง ช่วยให้เกล็ดผมไม่เปิด

นอกจากนี้กำมะถันในกระเทียมยังช่วยล้างพิษและชำระรูขุมขน เมื่อมีผมที่งอกขึ้นใหม่ก็จะไม่มีสิ่งกีดขวางใดๆอยู่ในรูขุมขน กระเทียมยังเป็นเลิศในการกำจัดสะเก็ดและหนังศีรษะที่แห้งกร้าน เนื่องจากคุณสมบัติในการต้านการอักเสบและต่อต้านเชื้อจุลินทรีย์ต่างๆ กระเทียมยังช่วยในเรื่องของโรคสะเก็ดเงิน รังแค และสุขภาพหนังศีรษะโดยรวม

ยิ่งไปกว่านั้นกระเทียมยังมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพ เพราะกระเทียมมีทั้งวิตามินซี  แมงกานีส  ซีลีเนียมที่ช่วยปกป้องเส้นผมจากการถูกทำลายของอนุมูลอิสระทำให้เส้นผมหนาขึ้นแข็งแรงขึ้นมีสุขภาพดีขึ้น

วิธีการทำน้ำมันกระเทียมสำหรับหมักผมเพื่อลดปัญหาศีรษะล้าน
ส่วนผสม
กระเทียมสับประมาณ 3 หัว
น้ำมันมะพร้าว 1/4 ถ้วย หรือประมาณ 50 กรัม

วิธีทำ
ตั้งไฟอ่อนนำน้ำมันมะพร้าวใส่กระทะ
ใส่กระเทียมสับลงไป คนให้ทั่ว
คนไปเรื่อยๆจนกว่ากระเทียมจะเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลอ่อน จากนั้นก็ปิดไฟ จะใช้เวลาประมาณ 5 นาที
ทิ้งไว้ให้เย็น แยกเอากากกระเทียมออก แล้วใช้น้ำมัน

วิธีใช้
นำน้ำมันมาชโลมบนหนังศีรษะและเส้นผมให้ทั่วนวดเบาๆเพื่อเป็นการกระตุ้น จากนั้นทิ้งไว้เป็นเวลา 1 ชั่วโมง เพื่อไม่ให้กลิ่นกระเทียมเปื้อนเฟอร์นิเจอร์ภายในบ้าน ให้ใช้ผ้าอุ่นๆปกคลุมผมเอาไว้
เมื่อครบกำหนดก็ล้างออกด้วยแชมพูและน้ำสะอาด
เก็บน้ำมันที่เหลือไว้ในที่แห้งและเย็น
หลังจากการรักษาผมร่วงผมบ้างศีรษะล้านด้วยน้ำมันกระเทียม ผมของคุณจะหนานุ่มขึ้นและเงางามอย่างเห็นได้ชัด

ประโยชน์ของดอกอัญชันเพื่อสุขภาพผมที่ดี
การมีปัญหาเกี่ยวกับเส้นผมและหนังศีรษะ ไม่ใช่โรคร้ายแรง ไม่ถึงกับดำเนินชีวิตประจำวันไม่ได้ แต่หลายคนก็อยากมีสุขภาพผมที่ดี เพราะเส้นผมและหนังศีรษะเป็นตัวช่วยเสริมบุคลิกภาพ ถ้าเกิดปัญหามีผมร่วง หัวล้าน ผมบางหรือเป็นรังแคก็อาจทำให้เสียความมั่นใจได้ อีกทั้งปัญหาผมร่วงนั้นเป็นปัจจัยที่บ่งบอกถึงปัญหาสุขภาพภายใน การแก้ปัญหาสุขภาพผมจึงควรดูแลแบบองค์รวมคือดูแลทั้งภายนอกและภายในร่างกาย ดอกอัญชันนั้นเป็นสมุนไพรรักษาผมร่วง เป็นสมุนไพรที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระได้ดีจึงเหมาะอย่างยิ่งที่จะนำมาใช้ทั้งการกินโดยทำน้ำดอกอัญชัน และนำมาคั้นเป็นยาทาบริเวณที่ผมร่วงได้

ดอกอัญชันมีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Clitoria ternatea มีถิ่นกำเนิดในบางประเทศในภูมิภาคเอเชีย ดอกไม้นี้ถูกใช้เป็นสมุนไพรดั้งเดิมมาตั้งแต่สมัยโบราณโดยชาวจีน และเป็นส่วนหนึ่งของการแพทย์แผนจีนมานานกว่าศตวรรษ ปัจจุบันดอกอัญชันถูกนำมาใช้เป็นสีผสมอาหารธรรมชาติและนำมาทำเป็นชาสมุนไพร ดอกอัญชันนั้นมีสีฟ้าออกน้ำเงิน ซึ่งสารสีน้ำเงินตัวนี้เรียกว่าแอนโทไซยานิน เป็นสารพฤกษเคมี หรือ ไฟโตนิวเทรียนท์ ชนิดหนึ่งที่มีฤทธิ์ต่อต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูง สารแอนโทไซยานินนี้พบได้ในพืชผักผลไม้ที่มีสีออกม่วง เช่น Black currant  บลูเบอรี่ หรือสีน้ำเงินแบบในดอกอัญชัน สารตัวนี้มีประโยชน์มากต่อดวงตา มีฤทธิ์ต้านเซลล์มะเร็ง เรามาดูประโยชน์ของดอกอัญชันกันค่ะ

1. ดอกอัญชันเป็นแหล่งที่ดีของสารต้านอนุมูลอิสระ
การศึกษาทางวิทยาศาสตร์มีบางงานวิจัยค้นพบว่าสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพมากถูกพบในดอกอัญชันหลายอย่างไม่ว่าจะเป็นแอนโทไซยานิน  ฟลาโวนอยด์และฟีนอลจำนวนมาก สารต้านอนุมูลอิสระเหล่านี้จะช่วยฟื้นฟูคอลลาเจนมีประโยชน์ต่อผิวหนังทุกส่วนบนร่างกายรวมถึงหนังศีรษะ

2. ช่วยในการเจริญเติบโตของเส้นผม
น้ำคั้นดอกอัญชันหรือชาดอกอัญชันช่วยล้างพิษในร่างกายได้ดี สุขภาพโดยรวมดี การผลัดเซลล์ผิวหนังและการงอกใหม่ของเส้นผมก็ดีตามไปด้วย

3. ป้องกันการเกิดผมหงอก
สารต้านอนุมูลอิสระที่มีในดอกอัญชันมีบทบาทสำคัญในการป้องกันความเครียดจากปฏิกิริยาออกซิเดชันในเซลล์ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการแก่ก่อนวัย หนึ่งในสัญญาณของริ้วรอยก่อนวัยก็คือผมหงอก หากคุณต้องการให้ผมดกดำอยู่กับคุณไปนานๆทำให้ดื่มชาดอกอัญชัน

4. ช่วยแก้ปัญหาผมร่วงโดยธรรมชาติ
การบริโภคดอกอัญชันเป็นประจำยังช่วยช่วยให้ฮอร์โมนมีความสมดุล ช่วยลดความเครียด ลดอาการซึมเศร้าที่อาจเป็นสาเหตุของผมร่วงได้อีกด้วย

5. เสริมสร้างรูขุมขน
ไม่เพียงแค่สารต้านอนุมูลอิสระต่างๆเท่านั้น ดอกอัญชันยังอุดมไปด้วยแร่ธาตุบางชนิดเช่นโพแทสเซียมและแมงกานีส ซึ่งแร่ธาตุเหล่านี้จะเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของรูขุมขนช่วยส่งเสริมการเจริญเติบโตของเส้นผมทำให้ผมไม่ขาดหลุดร่วงได้ง่าย

6. ช่วยกระตุ้นการผลิตคอลลาเจน
ดอกอัญชันนั้นยังอุดมไปด้วยวิตามินซีซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่าช่วยในการผลิตคอลลาเจนนั่นเอง

7. รักษาสุขภาพหนังศีรษะ
ดอกอัญชันช่วยดีท็อกซ์หนังศรีษะ ทั้งยังช่วยยับยั้งจุลินทรีย์บางชนิดบนหนังศรีษะได้

8. มีคุณสมบัติต่อต้านการอักเสบ
ดอกอัญชันมีความที่มีฤทธิ์ต้านการอักเสบ ช่วยให้หนังศีรษะแข็งแรง

9. ช่วยต่อต้านจุลินทรีย์
ที่หนังศีรษะของคนเราจะมีเชื้อราประจำถิ่นที่สามารถทำให้เกิดรังแคได้เมื่อร่างกายอ่อนแอ การใช้ดอกอัญชันก็จะช่วยควบคุมให้เชื้อราเหล่านี้ไม่เพิ่มจำนวนและอยู่ในภาวะปกติ


10. ดอกอัญชันช่วยในเรื่องการหมุนเวียนของโลหิต
เนื่องจากอัญชันนั้นช่วยล้างสารพิษและล้างหลอดเลือด ระบบหมุนเวียนโลหิตในร่างกายก็มีประสิทธิภาพดี ทำให้เลือดลำเลียงออกซิเจนและสารอาหารต่างๆมาเลี้ยงหนังศีรษะได้เป็นอย่างดี

ข้อควรระวังในการใช้ดอกอัญชัน
เม็ดสีที่มีในดอกอัญชันถ้าบริโภคเป็นจำนวนมากเกินไปในระยะยาวอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพไตของคุณ

มีการศึกษาบางส่วนพบว่าดอกอัญชันมีไซโคลด์ ซึ่งอาจเป็นพิษได้เมื่อบริโภคในปริมาณมาก

วิธีปกป้องเส้นผมจากความเสียหายด้วยคลอรีนในสระว่ายน้ำ
หากคุณชอบออกกำลังกายด้วยการว่ายน้ำสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ก็คือคลอรีนที่อยู่ในน้ำแม้ว่าคลอรีนจะเป็นตัวช่วยฆ่าเชื้อโรคเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดโรคติดต่อต่างๆเมื่อไปว่ายน้ำ แต่คลอรีนก็สามารถทำลายผมของคุณให้เสียหายได้ด้วยเหมือนกัน เรามาดูวิธีที่จะช่วยลดความเสียหายที่เกิดจากคลอรีนกันค่ะ

วิธีปฏิบัติตัวก่อนลงสระ
อาบน้ำก่อนลงสระ
ปกติแล้วในสระว่ายน้ำส่วนใหญ่จะมีกฎให้ล้างตัวให้เปียกก่อนลงน้ำอยู่แล้ว แต่สิ่งที่คุณควรทำคือควรเน้นให้ผมเปียกชื่อที่สุดเท่าที่จะทำได้เพราะผมหรือหนังศีรษะที่แห้งจะสามารถดูดซับคลอรีนได้ดีกว่าผมเปียก

สวมหมวก
หมวกว่ายน้ำที่ทำจากซิลิโคนจะเป็นตัวป้องกันศีรษะได้ดีช่วยลดปริมาณน้ำและคลอรีนได้

วิธีปฏิบัติตัวหลังว่ายน้ำ
ทำความสะอาดเส้นผมของคุณอย่างทั่วถึง ใช้แชมพูอ่อนๆที่ช่วยล้างคลอรีนออกจากเส้นผม

ใช้ครีมนวดผมที่ดีเพื่อลดการพันกันและช่วยบำรุงเส้นผมที่เสียหายจากคลอรีน

อย่าลืมนวดหนังศีรษะของคุณ

สาเหตุของอาการผมร่วงที่คุณควรรู้
อยู่ดีๆผมก็หลุดร่วงอย่างน่าตกใจ ทั้งๆที่ก็ปฏิบัติตัวเหมือนเช่นทุกวัน คุณอาจจะลืมนึกไปว่าพฤติกรรมเหล่านี้คุณอาจจะทำมันโดยไม่รู้ตัว เรามาดูกันว่าอะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดปัญหาผมร่วงผมบางกันค่ะ

ความเครียดหรืออาการเจ็บป่วย
ความเครียดทางร่างกายหรือความเครียดทางจิตใจรวมถึงอาการเจ็บป่วยเรื้อรังบางอย่างทำให้เกิดผมร่วงฉับพลัน คนเรามีความเครียดได้มากมายหลายร้อยแปดประการตั้งแต่วิกฤตทางการเงิน ปัญหาที่ทำงาน ปัญหาครอบครัว อุบัติเหตุที่เกิดโดยไม่คาดคิด ทำให้คุณเครียดโดยไม่รู้ตัว ความเครียดต่างๆเหล่านี้ส่งผลโดยตรงถึงเซลล์รากผม ถ้าผมเส้นไหนอ่อนแอพร้อมที่จะหลุดร่วงอยู่แล้วก็ร่วงได้ง่ายขึ้น

การตั้งครรภ์
ช่วงที่คุณผู้หญิงตั้งครรภ์จะมีภาวะฮอร์โมนที่แปรปรวนอาจทำให้เกิดปัญหาผมร่วงได้

วิตามินเอที่มากเกินไป
หากคุณบริโภควิตามินเอในปริมาณที่มากกว่าที่ร่างกายต้องการคุณอาจจะพบกับปัญหาการหลุดร่วงของเส้นผมได้

การขาดโปรตีน
แน่นอนอยู่แล้วว่าโปรตีนนั้นเป็นสารอาหารที่สำคัญช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอในร่างกาย หากคุณได้รับโปรตีนน้อยเกินไปในแต่ละวันก็จะทำให้เกิดผมร่วง

ความไม่สมดุลของฮอร์โมนเนื่องจากยาบางชนิด
ยาบางอย่างที่ใช้ในการรักษาภาวะมีบุตรยากหรือแม้กระทั่งการใช้เคมีบำบัดโรคมะเร็ง ยาต่างๆเหล่านี้ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในร่างกายของคุณได้และนั่นก็เป็นสาเหตุของผมร่วงอย่างหนึ่ง

โลหิตจาง
อาจเกิดจากโรคบางชนิดหรือแม้กระทั่งการได้รับธาตุเหล็กไม่เพียงพอ เมื่อเกิดภาวะโลหิตจางก็จะส่งผลให้ระบบหมุนเวียนโลหิตบกพร่องไปด้วย ดังนั้นเซลล์รากผมจึงได้รับสารอาหารไม่เพียงพอจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดผมร่วงนั่นเอง

การขาดวิตามินบี
วิตามินบีเป็นวิตามินสำคัญที่จำเป็นต่อร่างกายอย่างไรมีส่วนช่วยในการเสริมสร้างเซลล์ต่างๆรวมไปถึงเซลล์รากผม และเซลล์ผม เพราะฉะนั้นถึงระวังอย่าให้ร่างกายขาดวิตามินบี

การลดน้ําหนักอย่างฉับพลัน
สิ่งมีชีวิตต่างๆบนโลกมีวิวัฒนาการที่เหมือนกันอย่างหนึ่งก็คือเมื่ออยู่ในสภาวะอันตราย ขาดสารอาหารหรือแร่ธาตุในการหล่อเลี้ยงชีวิต ก็จะสละอวัยวะบางส่วนเพื่อรักษาอวัยวะสำคัญเอาไว้ เช่นในต้นไม้เมื่อถึงฤดูที่แห้งแล้งหรือหนาวเย็นมันก็จะทำการผลัดใบทิ้ง ส่วนคนเราก็เช่นกันเมื่ออยู่ในสภาวะที่ร่างกายไม่ปกติในช่วงของการลดน้ำหนักที่เร็วเกินไป สมองจะสั่งการให้สารอาหารมาหล่อเลี้ยงอวัยวะที่สำคัญก่อน ทำให้เซลล์ที่เกี่ยวกับผิวหนังหรือขนไม่ได้รับอาหารก็ทำให้ผมร่วงนั่นเอง

อาหารป้องกันผมร่วง
ผมร่วงเป็นปัญหาด้านสุขภาพและความสวยความงามที่เราเผชิญอยู่ทุกวันนี้ มันส่งผลกระทบต่อทั้งชายและหญิง มีสาเหตุหลายอย่างที่ทำให้ผมร่วงได้แก่ ความไม่สมดุลของฮอร์โมน การขาดอาหาร การไหลเวียนของเลือดที่หนังศีรษะไม่เพียงพอ มลภาวะต่างๆ หากคุณเริ่มมีอาการผมร่วงมากกว่าปกติก็ถึงเวลาที่ต้องใส่ใจกับตัวเองเพื่อป้องกันไม่ให้ผมร่วงมากเกินไปวิธีหนึ่งที่จะช่วยป้องกันผมร่วงได้ก็คือการทานอาหารที่จะช่วยดูแลปกป้องเส้นผมและหนังศีรษะและยังช่วยในการเจริญเติบโตของรากผม

อาหารเพื่อการเจริญเติบโตของเส้นผมที่ดี
ไบโอติน
ไบโอตินเป็นวิตามินที่ละลายน้ำได้ ส่วนเคราตินนั้นเป็นโปรตีนพื้นฐานที่ใช้สร้างเส้นผมผิวหนังและเล็บ ไบโอตินจะช่วยเพิ่มระดับเคราตินของร่างกาย มันมีหน้าที่ในการเพิ่มการเจริญเติบโตของเส้นผม ไบโอตินช่วยบำรุงรูขุมขนและรากผม ให้มีความแข็งแรงและมีความยืดหยุ่น คุณอาจจะทานไบโอตินในรูปแบบอาหารเสริม หรือรับประทานไข่ที่เป็นแหล่งของไบโอตินที่ดีได้

กรดไขมันโอเมก้า 3
กรดไขมันโอเมก้า 3 ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้เส้นผมและหนังศีรษะของคุณ มันมีอยู่มากในถั่วเช่นอัลมอนด์ ถั่วเหลือง อะโวคาโด เมล็ดฟักทอง เมล็ดแฟล็ก ปลาทะเล

โปรตีน
เป็นองค์ประกอบที่สำคัญที่สุดที่ทำให้ผมแข็งแรง เพราะส่วนใหญ่แล้วเส้นผมก็ผลิตมาจากโปรตีนนั่นเอง

เหล็ก
ธาตุเหล็กจะช่วยให้เส้นผมของคุณแข็งแรงเพราะธาตุเหล็กเป็นส่วนประกอบในการสร้างเม็ดเลือดแดงที่จะทำหน้าที่ลำเลียงสารอาหารออกซิเจนมาเลี้ยงทุกส่วนในร่างกาย พูดง่ายๆก็คือต้องได้รับธาตุเหล็กเพื่อให้ระบบหมุนเวียนเลือดทำงานได้ดี ธาตุเหล็กมีมากในผักใบเขียว เห็ดฟาง บีทรูท เนื้อแดง ตับ ซึ่งหลายคนก็คงจะรู้แหล่งธาตุเหล็กในอาหารกันดีอยู่แล้ว

วิตามินเอ
วิตามินเอเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการเจริญเติบโตของทุกเซลล์และทำหน้าที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระปกป้องรูขุมขนจากความเสียหายต่างๆที่เกิดจากแสงแดด ควันจากการเผาไหม้ต่างๆ หรือปัจจัยอื่นๆ มีมากในผักผลไม้ที่มีสีแดงหรือเหลืองอมส้มเช่นแครอท มันเทศ ฟักทอง มะม่วงและอีกมากมาย

วิตามินอี
วิตามินอีช่วยสร้างและซ่อมแซมเนื้อเยื่อ คล้ายกับวิตามินเอที่ก็ทำหน้าที่ปกป้องเซลล์ต่างๆในร่างกายจากอนุมูลอิสระ วิตามินอีมีมากใน น้ำมันมะกอก น้ำมันมะพร้าว อะโวคาโด น้ำมันดอกทานตะวัน

วิตามินซี
ธาตุเหล็กและวิตามินซีจะเป็นสารอาหารที่เมื่อได้รับคู่กันก็จะมีประสิทธิภาพมาก การกินอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินซีจะช่วยในการดูดซึมธาตุเหล็กในร่างกาย วิตามินซียังมีส่วนสำคัญในการเสริมสร้างคอลลาเจน ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในอวัยวะอย่างผิวหนัง ซึ่งหนังศีรษะก็เป็นผิวหนังส่วนหนึ่งนั่นเอง

โยเกิร์ต
โยเกิร์ตอุดมไปด้วยวิตามินบี 5  มีจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์เป็นอาหารให้แบคทีเรียในลำไส้เล็กซึ่งถ้าลำไส้เล็กทำงานได้ดีก็จะดูดซึมอาหารต่างๆได้ดีนั่นเอง

Popular Posts