โจรสาวอินเดียปลอมเป็นชาย หลอกแต่งงานนานนับปี
แฟนละครไทยเราคงคุ้นกับบทประเภทนางเอกปลอมตัวเป็นผู้ชายมาหลอกพระเอกกัน แต่เราดูแล้วก็บ่นไปว่าพระเอกเชื่อเข้าไปได้อย่างไร แต่เหตุการณ์ปลอมตัวหญิงเป็นชายนี้ขึ้นมาแล้วและหลอกสำเร็จด้วย เมื่อหญิงสาวอินเดียคนหนึ่งแต่งงานมานานถึงหนึ่งปีเต็มก่อนจะพบว่าสามีของเธอเป็นผู้หญิงผู้หญิงที่อินเดียมักจะแต่งงานในวัย 20 ต้นๆ หรือถ้าเป็นเด็กสาวในชนบทก็จะเป็นฝั่งเป็นฝาตั้งแต่อายุเพียง 14-15 ปีเท่านั้น ผู้หญิงอายุ 26 ปี อย่างมินาตี คาทัว จึงอยู่ในวัยที่เกือบจะขึ้นคาน ตลอดเวลาที่ต้องตอบคำถามญาติๆ ว่าทำไมยังไม่แต่งงานเสียที มินาตีได้แต่ปลอบตัวเองว่าผู้หญิงทำงานยุคใหม่อย่างเธอมีอะไรให้ทำเยอะแยะ ก็ย่อมต้องแต่งงานช้าเป็นธรรมดา ทว่าลึกลงไปในใจเธอก็อยากได้พบว่าที่เจ้าบ่าว และรีบแต่งงานให้เร็วที่สุดเช่นกัน
แต่ดูเหมือนพระเจ้าจะไม่เข้าข้างมินาตีเอาเสียเลย เพราะเพื่อนชายทั้งหมดที่เธอรู้จักมีคุณสมบัติไม่ต้องตาต้องใจ หรือแม้แต่เฉียดใกล้สเป็คของเธอเลยสักคนเดียว มินาตีจึงต้องเก็บความโสดไว้บนหิ้งต่อไป จนกระทั่งวันหนึ่งเธอแวะไปเยี่ยมน้องสาวที่หมู่บ้านโรเกลลาในเมืองโอริสสา เธอถึงได้รู้ว่าพระเจ้าไม่ได้หลงลืมคำขอของเธอ
ศิทากานต์ ชายหนุ่มวัย 28 ปี เข้ามาแนะนำตัวกับมินาตีด้วยตัวเอง หลังจากเธอกลับจากเยี่ยมน้องสาว เจ้าหนุ่มก็ยังโทรมาหาอีกหลายครั้ง ก่อนที่ทั้งคู่จะเริ่มออกเดทกัน ศิทากานต์แตกต่างจากผู้ชายที่อยู่รอบตัวมินาตีมาก ถึงแม้หน้าตาของเขาจะไม่คมเข้มหล่อเหลา รูปร่างก็ไม่ใหญ่โตผึ่งผายแบบหนุ่มอินเดียทั่วไป แต่มินาตีก็ประทับใจในความสุภาพ อ่อนโยน และเป็นมิตรที่เขามีอย่างเหลือเฟือ ผิดกับผู้ชายขี้โอ่ส่วนใหญ่ชนิดหน้ามือเป็นหลังมือ ความเชื่อมั่นของหญิงสาวถูกตอกย้ำให้หนักแน่นขึ้นไปอีกเมื่อเธอพาชายคนรักไปรู้จักกับครอบครัว พ่อแม่ของเธอประทับใจในตัวศิทากานต์มาก
"ทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าฉันไม่มีทางหาเจ้าบ่าวได้ดีกว่านี้แล้ว ไม่เพียงแต่เขาจะพูดจานุ่มนวล มีวาทศิลป์ รู้จักเอาใจผู้ใหญ่ มุมมองความคิดเกี่ยวกับครอบครัวของเขายังน่าทึ่ง เขาบอกว่าผู้ชายควรช่วยภรรยาดูแลลูกๆ ฉันประทับใจมาก ผู้ชายอินเดียไม่มีทางมีความคิดอย่างนี้หรอก"
หากจะมีอะไรมาขวางกั้นไม่ให้ครอบครัวคาทัวรีบตกลงรับศิทากานต์เป็นลูกเขย ก็คงเป็นเพราะเขาไม่เคยพาพ่อแม่ญาติพี่น้องมาทำความรู้จักกับครอบครัวคาทัวเลย แม้ว่าพ่อแม่ของมินาตีจะพยายามเอ่ยเป็นนัยๆ หลายครั้ง เจ้าหนุ่มก็บ่ายเบี่ยงไปทุกครั้ง จนเวลาผ่านไปสองเดือนเต็มนับจากที่หนุ่มสาวทั้งสองเริ่มคบกันเป็นต้นมา ศิทากานต์ก็จนปัญญาจะบ่ายเบี่ยงอีก เขาจึงนำชายหญิงคู่หนึ่งมาแนะนำว่าเป็นพี่และป้าของเขา จากนั้นทั้งสองฝ่ายก็เจรจาสู่ขอและตกลงเรื่องสินสอดทองหมั้น โดยพ่อแม่ของมินาตียินดีให้รถยนต์ใหม่เอี่ยมหนึ่งคัน เงิน 25,000 รูปี กับเครื่องประดับทองจำนวนหนึ่งเป็นสินสอดแก่ลูกเขย
ในวันแต่งงานซึ่งควรจะเป็นวันที่มีความสุขที่สุดในชีวิตของมินาตี เธอพบด้วยความอัศจรรย์ใจว่าสามีที่อัธยาศัยดีน่ารัก กลับไม่มีเพื่อนฝูงเลยแม้แต่คนเดียว แขกฝ่ายเจ้าบ่าวที่มาร่วมงานแต่งงานของศิทากานต์มีเพียงชายหญิงที่เขาอ้างว่าเป็นพี่และป้าเท่านั้น หลังงานแต่งงานผ่านพ้นไป ศิทากานต์ก็พาเจ้าสาวไปอาศัยอยู่ในหมู่บ้านกัวการ์ ในเขต 5 ห่างจากครอบครัวเธอออกไปหลายร้อยกิโลเมตร ความอัศจรรย์ใจของเจ้าสาวคนใหม่ยิ่งเพิ่มมากขึ้น เมื่อศิทากานต์ไม่ยอมแตะเนื้อต้องตัวเธอในวันเข้าหอ และในอีกหลายวันต่อมา
ศิทากานต์ให้เหตุผลว่าเขากำลังรักษาศีลเพื่อสะเดาะเคราะห์ จนกว่าจะครบกำหนดและได้ทำพิธีชำระบาปในวิหารศักดิ์สิทธิ์ให้เรียบร้อยก่อน ไม่อย่างนั้นเขาจะต้องถือพรหมจรรย์ ห้ามมีเพศสัมพันธ์กับผู้หญิงคนใดแม้แต่กับภรรยา เรื่องนี้ทำเอามินาตีซึ่งอยากมีลูกอดผิดหวังไม่ได้ แต่นอกจากเรื่องนี้แล้วมินาตียอมรับว่าเธอมีความสุขมากกับชีวิตแต่งงาน
"ศิทากานต์เป็นสามีที่ดี เขาไม่เคยตะคอกฉันอย่างที่สามีของเพื่อนๆ ฉันชอบทำ เขาทำกับข้าวเก่งและไม่เอาเปรียบฉัน เราแบ่งงานในบ้านกันทำ ส่วนตอนกลางคืนถึงเราจะไม่มีอะไรกัน แต่เขาก็มีเรื่องสนุกๆ มาเล่าให้ฉันฟังทุกคืน ฉันพอใจมาก" แต่แล้วชีวิตแสนสุขของมินาตีต้องพลิกผันไป เมื่อครอบครัวของเธอพากันมาเยี่ยมลูกสาวและลูกเขย หลังจากทุกคนกลับไป แม่ของเธออยู่เป็นเพื่อนลูกสาวอีกสองเดือน โดยอ้างว่าจะช่วยสอนการบ้านการเรือนให้มินาตี "ม่อยากอยู่ช่วยหลังจากฉันเล่าความลับให้แม่ฟัง ว่าฉันกับศิทากานต์ไม่เคยมีอะไรกัน ฉันเดาว่าแม่คงเริ่มสะกิดใจอะไรบางอย่างแต่ไม่ยอมบอกฉัน" มินาตีเล่า
หลังจากสังเกตกิริยาท่าทางและพฤติกรรมของลูกเขยอย่างใกล้ชิดอยู่ถึงสองเดือนเต็ม แม่ของมินาตีก็กระซิบบอกอะไรอย่างหนึ่งกับลูกสาว และสิ่งนั้นก็ทำให้โลกทั้งใบของมินาตีแตกออกเป็นเสี่ยงๆ นับจากวันนั้นมินาตีก็มองสามีในมุมที่ต่างออกไป และเริ่มพบว่าเขามีท่าทางที่น่าสงสัยจริงๆ เสียด้วย
"แม่บอกว่าศิทากานต์อาจจะเป็นผู้หญิง พอฉันเริ่มสังเกตเขาดีๆ ก็เห็นว่าเขามีส่วนคล้ายผู้หญิงอยู่มาก ฉันไม่เคยเห็นเขาเดินไปเดินมาในบ้านโดยไม่ใส่เสื้อผ้าที่ปกปิดมิดชิด แม้แต่วันหยุดก็ไม่เคยใส่กางเกงขาสั้น ผิวของเขาก็เนียนเกือบเท่าผิวของฉัน และไม่มีขนเลย ทั้งๆ ที่ผู้ชายอื่นมีขนตามหน้าอกและแขนขาดกครึ้มไปหมด"
หลังจากแอบจับผิดสามีอยู่นานนับเดือน มินาตีก็ตัดสินใจพิสูจน์ความจริงให้รู้ดำรู้แดงไปเลยด้วยการบุกเข้าไปในห้องน้ำขณะที่ศิทากานต์กำลังอาบน้ำอยู่ และแล้วสิ่งที่เธอกลัวที่สุดก็เป็นความจริง สามีของเธอเป็นผู้หญิง ทันทีที่ความลับแตก ศิทากานต์ก็ร้องไห้โฮ เธอละล่ำละลักขอให้มินาตียกโทษให้และเสนอว่าจะจ่ายค่าชดเชยให้เธอและครอบครัวจนจุใจ
ความจริงที่เพิ่งได้รู้โหดร้ายเกินไปสำหรับผู้หญิงซื่อๆ อย่างมินาตี เธอช็อคจนคิดอะไรไม่ออกไปครู่หนึ่ง กว่าจะตั้งสติได้เจ้าบ่าวกำมะลอก็เก็บข้าวของหนีหายไปเสียแล้ว วันรุ่งขึ้นครอบครัวของมินาตีรีบมาพาเธอไปหาญาติๆ ของศิทากานต์ ซึ่งอาศัยอยู่ในหมู่บ้านเดียวกันนั้นเอง พอเธอประกาศว่ารู้ทุกอย่างหมดแล้ว ญาติของเจ้าบ่าวตัวแสบก็หน้าถอดสี นั่นทำให้มินาตีรู้ว่าทุกคนรวมหัวกันหลอกต้มเธอมาตั้งแต่ต้น มินาตียังได้รู้อีกว่าชื่อจริงของเจ้าบ่าวของเธอคือนางสาวสมูติโมยี และพี่ชายกับป้าที่มาเป็นสักขีพยานในวันแต่งงานก็เป็นเพียงตัวละครที่สมูติโมยีจ้างมาบังหน้า หาใช่ญาติโยมอะไร
หลังจากถูกกระชากหน้ากาก ครอบครัวของสมูติโมยีก็เริ่มออกลายอันธพาล วันต่อมามินาตีได้รับโทรศัพท์ข่มขู่จากพี่ชายของสมูติโมยีว่าสั่งห้ามไม่ให้เธแพร่งพรายเรื่องเลวร้ายต่างๆ ให้รู้ไปถึงคนนอก "พี่ชายของเธอโทรมาขู่ฉันอย่างหยาบคาย เขาว่าถ้าฉันบอกคนอื่นว่าสมูติโมยีเป็นผู้หญิง เขาจะฆ่าทั้งฉันและคนในครอบครัว ฉันกลัวมาก มันเหมือนฝันร้ายจริงๆ และในตอนนั้นสมูติโมยีก็หนีไปแล้ว ฉันไม่รู้จะพึ่งใครได้ ในที่สุดพ่อจึงแนะนำให้ฉันไปแจ้งความไว้ก่อน"
การตัดสินใจของมินาตีอาจจะชักช้าไปหน่อย แต่ก็เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง เพราะหลังจากแจ้งความเพียง 3 วัน เธอก็พบว่าเจ้าบ่าวกำมะลอได้คายพิษเอาไว้ก่อนจะดำดินหายไป ด้วยการถอนเงินในบัญชีเงินฝากร่วมกันของทั้งคู่ไปจนหมด และยังใช้ชื่อของมินาตีกู้เงินจากธนาคารไปอีกก้อนหนึ่งด้วย ตำรวจมั่นใจว่าสมูติโมยีต้องวางแผนการทั้งหมดนี้ไว้ล่วงหน้าแล้ว ไม่อย่างนั้นเจ้าบ่าวกำมะลอคงไม่สามารถทำสัญญาเงินกู้และหอบเงินหนีไปได้เร็วขนาดนี้
"แน่นอน เธอต้องรู้อยู่แล้วว่าไม่วันใดก็วันหนึ่งความลับเรื่องเพศที่แท้จริงของเธอต้องถูกเปิดเผย เธอจึงเตรียมการทุกอย่างเอาไว้พร้อม หรือไม่อย่างนั้นเธอก็คงกำลังเตรียมจะหนีไปอยู่แล้ว แต่ความลับมาแตกเสียก่อน มินาตีทำถูกแล้วที่มาแจ้งความกับเรา แต่เธอตัดสินใจช้าเกินไป มาถึงตอนนี้คงยากที่จะตามตัวนักต้มตุ๋นรายนี้ได้แล้วล่ะ" ตำรวจบอก
แม้ว่าอินเดียจะเป็นประเทศที่มีเรื่องแปลกเกิดขึ้นแทบทุกวัน แต่เรื่องของมินาตีเป็นเรื่องที่ใหม่เอี่ยมไม่ซ้ำใครจริงๆ จนน่าหนักใจว่าอาจมีคนร้ายเลียนแบบพฤติกรรมของสมูติโมยีอีกหลายราย "เรากลัวว่าคนร้ายที่ได้ยินข่าวจะใช้วิธีเดียวกับสมูติโมยี ไปหลอกแต่งงานกับพวกผู้หญิง ถึงแม้จะจับตัวคนร้ายรายนี้ได้ แต่ผู้หญิงอีกหลายคนก็ยังคงไม่ปลอดภัยอยู่ดี" ตำรวจสรุป