ประโยชน์ของอะเซอโรลาเชอรี่ (Acerola Cherry)
Acerola (Malpighia emarginata) เป็นแหล่งสำคัญของวิตามินซีในรูปแบบธรรมชาติที่มีมากที่สุดถึง1,000-4,500 มิลลิกรัมต่อ 100 กรัม วิตามินซีเป็นสารอาหารโภชนาการที่สำคัญมีบทบาทในระบบภูมิคุ้มกัน ยังเป็นสิ่งสำคัญในการสังเคราะห์คอลลาเจนที่เป็นส่วนประกอบของโครงสร้างของกระดูก ผิวหนัง เลือด เส้นเลือด และการสังเคราะห์ของสารเคมีในสมองที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมอารมณ์ ปริมาณวิตามินซีในอะเซอโรลามีน้อยกว่าในผลสุก โดยหลังการเก็บเกี่ยวปริมาณของวิตามินซีสามารถเก็บรักษาไว้ด้วยการแช่แข็ง
วิตามินเอเป็นอีกหนึ่งสารอาหารสำคัญที่พบในอะเซอโรล่า พบมากที่สุดเท่ากับแครอทขนาดเต็มกำหรือประมาณ 3,400 ถึง 12,500 หน่วยนานาชาติต่อ 100 กรัม วิตามินเอมีบทบาทในการดูแลสุขภาพสายตา การเจริญเติบโตและการพัฒนาของการผลิตเซลล์เม็ดแดงเลือดอย่างต่อเนื่อง และช่วยปกป้องระบบภูมิคุ้มกัน
อะเซอโรล่าเป็นที่รู้จักกันในชื่อ บาร์เบโดสเชอร์รี่, เวสต์อินเดียนเชอร์รี่ และ Cereza มีต้นกำเนิดในยูคาทันและกระจายอยู่ทั่วไป ทั้งสภาพอากาศที่ร้อนทางภาคใต้ของสหรัฐอเมริกา เช่นฟลอริดาและเท็กซัส เช่นเดียวกับภาคกลางและภาคเหนือของทวีปอเมริกาใต้ เป็นพืชที่มีการปลูกตลอดทั้งภูมิภาคแคริบเบียนและกึ่งเขตร้อน ณ ปัจจุบันบราซิลเป็นที่ๆมีการเพาะปลูกมากที่สุด
อะเซอโรล่าเป็นต้นไม้ขนาดเล็กหรือไม้พุ่มที่เจริญเติบโตได้ดีที่สุดในภูมิอากาศเขตร้อนและเป็นพืชประเภทที่มีความทนทานต่อความหนาวเย็นไม่ดี เพราะระบบรากตื้น ใบของมันเป็นสีเขียวเป็นมัน ดอกสีขาวหรือชมพูขนาดเล็ก 5 กลีบ ผลสีแดงหรือสีเหลืองส้ม ผลแบ่งเป็นกลีบ เนื้อสัมผัสละเอียด รสชาติและกลิ่นหอมหวาน แต่มีความเป็นกรด เมื่อเก็บเกี่ยวแล้วต้องรีบแปรรูปเป็นอาหารเสริม เพราะสารสำคัญที่เป็นประโยชน์จะเสื่อมสภาพอย่างรวดเร็วภายในสามถึงห้าวัน การนำไปดองหรือหมักก็ทำให้เกิดเชื้อราได้ง่ายและสูญเสียประโยชน์ด้านสุขภาพ
ในอดีตผลอะเซอโรล่าใช้รักษาโรคที่เกี่ยวกับท้องร่วงและการอักเสบของลำไส้ แต่ในปัจจุบันการบริโภคอะเซอโรลาที่เป็นอาหารเสริมช่วยบรรเทาอาการและป้องกันไข้หวัด เพิ่มความแข็งแรงทนทานให้ร่างกาย ซึ่งช่วยลดอาการของโรคซึมเศร้า และการบรรเทาการติดเชื้อของเหงือกและฟัน ผลิตภัณฑ์ Acerola ที่เป็นสารสกัดแบบผงจะผสมลงในน้ำผลไม้หรือน้ำผัก การนำอะเซอโรล่าไปทำเป็นครีมสูตรเฉพาะเพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นและเพิ่มการผลิตคอลลาเจนหรือสำหรับใช้เป็นยาต้านเชื้อรา ปริมาณมาตรฐานในการบริโภคผลิตภัณฑ์เสริมอาหารอะเซโรล่าจะขึ้นอยู่กับตัวแปรหลายอย่าง เช่น อายุ สุขภาพ ปริมาณทั่วไปที่แนะนำคืออะเซอโรล่าแบบผง 1 ช้อนชา (3.6 กรัม) รับประทาน 3-5 ครั้งต่อสัปดาห์ ถ้าเป็นแบบแคปซูลก็ให้ดูจำนวนแคปซูลที่ผู้ผลิตแนะนำที่ฉลากข้างบรรจุภัณฑ์
ผลข้างเคียงอะเซอโรล่า
โดยทั่วไปถือว่าปลอดภัยเมื่อมีการใช้ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารโดยตรง แต่อะเซโรล่ายังอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงเช่นอาการคลื่นไส้ ปวดท้องและอาการท้องร่วงถ้ารับประทานในปริมาณสูง บุคคลที่มีโรคเกาต์ หรือนิ่วในไต สามารถมีภาวะแทรกซ้อนจากการใช้อะเซโรล่าเนื่องจากปริมาณวิตามินซี เป็นที่รู้จักกันว่าถ้าใช้อะเซโรล่าในระหว่างตั้งครรภ์หรือให้นมบุตรทำให้เกิดผลข้างเคียงที่เป็นอันตราย ควรปรึกษาแพทย์ก่อนบริโภคอะเซโรล่าเป็นอาหารเสริม
บทความแนะนำ