google.com, pub-6663105814926378, DIRECT, f08c47fec0942fa0 Mega topic | จัดอันดับ | 10 อันดับ| เรื่องผี| เรื่องสยองขวัญ| ที่สุดในโลก| ดูดวง| ประวัติศาสตร์

ตำนานผีญี่ปุ่น เรื่องผีคอยาว

ตำนานผีญี่ปุ่น เรื่องผีคอยาว


เก็นโซต้องตกใจอย่างมาก เมื่อเพื่อนของเขาบอกว่า “มีคน ลือกันว่าสาวใช้ที่บ้านของแกเป็น ผีคอยาว” เขาจึงตัดสินใจไปอยู่ ที่สำนักดาบของชิโซนิซิ โอซิซิเบะ เพื่อฝึกวิชาดาบ ต่อมาเขาถูกขู่ จากเพื่อนอีกว่า พอตกดึกผู้หญิง คนนั้นจะกลายเป็นผีคอยาวมา หลอก เก็นโซ จึงตัดสินใจจะ พิสูจน์ว่าเป็นความจริงหรือไม่



ในคืนหนึ่ง เก็นโซ รอคอยจนถึงกลางดึก แล้วแอบย่องไป ที่ห้องของสาวใช้คนนั้น แต่ว่า ผู้หญิงคนนั้นก็นอนหลับเฉย ๆ โดยไม่แสดงความน่ากลัวอะไร เลย เก็นโซ จึงคิดในใจว่าอาจจะ เร็วเกินไปเขาจึงตั้งใจจะรอดู เหตุการณ์อีกสักครู่ทันใดนั้นเอง ก็เกิดเหตุการณ์ประหลาดขึ้นคือมีสิ่งหนึ่งคล้าย ๆ ควันค่อย ๆ ลอยขึ้นมาจากบริเวณอกของสาวใช้ สิ่งทีคล้ายๆควันนั้น ค่อย ๆ เพิ่มปริมาณมากขึ้นเรื่อย ๆ แล้วก็ลอยหายไปข้างบน ต่อมา เขาก็เคลื่อนสายตามาที่ควันที่ ลอยขึ้นไปโดยออกมาจากปาก ของเธอ แล้วก็ต้องตกใจเมื่อเห็น หัวของเธอลอยขึ้นไปบนประตูเลื่อนทั้ง ๆ ที่เธอยังนอนหลับอยู่ แต่แล้วเธอก็รีบดึงหัวกลับไปนอน ตามเดิมเพราะเธออาจจะเห็นว่า เก็นโซ แอบดูอยู่ก็เป็นได้ และแล้ว ควันต่าง ๆ ก็ลอยหายไป เก็นโซเคลื่อนสายตามาที่ที่นอนของเธอ อีกครั้งก็เห็นเธอนอนอยู่เฉย ๆ เก็นโซขยี้ตาอย่างที่ไม่เชื่อสายตา ตัวเอง เขาคิดต่อไปว่า “ถ้าเป็น ผีคอยาวจริง ๆ ที่คอจะต้องมีรอย”

ตำนานผีญี่ปุ่น เรื่องหุบเหวนรก

ตำนานผีญี่ปุ่น เรื่องหุบเหวนรก


ตรงหุบเหวของภูเขานางาเนะ ที่เมืองฮอนโจ จังหวัดอาคิตะ จะมีสถานที่แห่งหนึ่งสิงถูก เรียกว่า “นรกโทเบ” ณ ทีแห่งนี้ ต่อไปนี่ มีคนเล่าลือกันว่า ถ้าผู้ใดเอาขาแหย่ลงไปแล้วจะขึ้นมาไม่ได้เป็นอัน และความเชื่อเช่นนั้นเกิดเป็นเรื่องน่ากลัวต่อไปนี้ ในปีเทนเมที่3 นับว่าเป็นปีที่มีความอดยากแห้งแล้งครั้งใหญ่ขึ้นแถว ๆ บริเวณ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ผู้คนล้มตายไปเป็นจำนวนมากมาย หมู่บ้านที่เชิงเขานางาเนะกิไม่ รอดพ้นจากเหดุการณ์ครั้งนี้ด้วย ชาวหมู่บ้านต้องมีชีวิตอยู่อย่างแร้นแค้น บางที่ถึงกับต้องกิน ต้นหญ้าหรือเปลือกไม้เฟ้อความ อยู่รอดทุก ๆ คนมีสภาพอยู่ อย่างรอวันตายเท่านั้น



ณ หมู่บ้านแห่งนี้ มีชาย คนหนึ่งชื่อ ว่า โทเบ เขาเป็นคนยากจนและมีลูกถึง 12 คน ทุกคน หวาดกลัวต่อความตายกำลัง ใกล้เข้ามา ภรรยายองเขาจึงพูด กับเขาว่า “ถ้าเราไม่ทำอะไร ล่ะก้อ..ลูก ๆ ต้องอดตายแน่เลย.. พี่..ช่วยไปหาของกินมาจากที่ไหนสักที่เถอะ..” โทเบจึงตัดลันใจ เดินทางไปยังหมู่บ้านที่ชื่อว่า สึชิทานิ ที่อยู่ใกล้ ๆ เพื่อลูก ๆ ทุกคน หมู่บ้านสึชิทานิแห่งนี้ ไม่มีความอดอยากแห้งแล้งเกิดขึ้น สวนไร่นาให้ผลผลิตมากมาย
ภรรยาและลูกรอจนลูกของเธอตายในสภาพเลือด อาบใบหน้า ต่อมาเธอจึงเอาศพของลูกโยนลงไปในแม่น้า และ ก็เริ่มล้างหน้าที่แม่น้ำแห่งนั้น เหตุการณ์ครั้งนี้หาได้รอดสายตา ผู้ชายคนหนึ่งไปได้ แต่เขาไม่ สามารถห้ามเธอได้ทัน หลังจาก ผู้หญิงคนนั้นล้างหน้าที่แม่น้ำ เสร็จ เธอก็เดินจากไปโดยที่ไม่มิ ใครรู้ว่า เธอไปไหนหลังจากนั้นมา เด็กคนที่ถูกแม่ฆ่านั้นก็ปรากฏตัวขึ้นมา เสมอ ๆ บางครั้งก็มีคนเห็นเด็ก คนนั้นวิ่งเล่นอยู่ที่แม่น้ำด้วย

ตำนานผีญี่ปุ่น เรื่องห้องกลับหมอน

ตำนานผีญี่ปุ่น เรื่องห้องกลับหมอน


ณ หมู่บ้านไทเฮ ที่อยู่เชิงเขา ด้านใต้ของภูเขาไทเฮในจังหวัด โทซิกิ มิวัดอยู่แห่งหนึ่งชื่อ ไดซูจิ วัดนี้เป็นวัดเก่าแก่ซึ่งสร้างตั้งแต่ สมัยเฮอัน มีเรื่องแปลกประหลาด เกิดขึ้นมากมาย แต่เราจะแนะนำ ให้ท่านได้รู้จักเรื่องหนึ่งดังนี้ ที่ศาลาใหญ่ของวัดไดยูจิ แห่งนี้มีห้องมืด ๆ อยู่ห้องหนึ่ง มีชื่อว่า “ห้องกลับหมอน” สาเหตุ ที่มีชื่ออย่างนั้นก็เพราะว่า ใน สมัยโบราณ มีนักเดินทางคนหนึ่ง มานอนพักอาศัยอยู่ที่วัดนี้หนึ่งคืน นักเดินทางคนนี้นอนโดยหันเท้า ไปยังพระพุทธรูป คืนนั้นเขา นอนหลับด้วยความอ่อนเพลีย วันรุ่งขึ้นเมื่อเขาลืมตาขึ้นมา ก็ ต้องแปลกใจเพราะเขานอนโดย หันหัวไปทางพระพุทธรูป ตั้งแต่ นั้นเป็นต้นมาคนจึงเรียกห้องนี้ว่า “ห้องกลับหมอน” และไม่มีคนไป นอนพักอีกเลย





แต่ว่า ต่อมาวันหนึ่งมีพระ รูปหนึ่งเชื่อว่าตนเองมีพลังสูง ได้มาที่วัดแห่งนี้และขอนอนใน ห้องดังกล่าว แต่ก็ได้รับคำเตือน จากพระในวัดแห่งนั้นว่า “อย่า นอนในห้องนั้นเลยดีกว่า เพราะ จะถูกพระพุทธรูปในห้องนั้นลงโทษเอา” แต่พระรูปนั้นไม่เชื่อ นอกจากนั้นยังนอนโดยหันเท้า ไปทางพระพุทธรูปอีกด้วย และ ยังพูดท้าทายอีกว่า “ต้องเป็น พวกผีปีศาจแน่ๆเลย.. แน่จริง ก็โผล่ออกมา ข้าจะได้จับให้ดู” ในระหว่างที่รอให้ผีปรากฏตัวออกมา พระรูปนั้นก็เผลอหลับ ไป สักครู่ต่อมาพระองค์นั้นก็ รู้สึกแปลก ๆ จึงรีบลุกขึ้นมา แต่ว่า แม้ว่าจะออกแรงสักเท่าไร ก็ยังขยับเขยื่อนไม่ได้เหมือนกับ โดนอะไรรัดเอาไว้ ทันใดนั้นเอง พระก็ตะโกนออกมาอย่างเจ็บปวด ว่า “ช่วยด้วย..!!’’ หลังจากเกิด เหตุการณ์เช่นนี้แล้ว ห้องดังกล่าว

ตำนานผีญี่ปุ่น เรื่องทุ่งนาที่ถูกสาปแช่ง

ตำนานผีญี่ปุ่น เรื่องทุ่งนาที่ถูกสาปแช่ง


(1)ณ หมู่บ้านแห่งหนึ่งในอำเภอ โองาชิ จังหวัด อาชิตะ  ที่มีทุ่งนาผืนหนึ่งซึ่ง ทุ่งแห่งนี้ก็เกิดเรื่องร้ายต่าง ๆขึ้น ที่ชาวนาในหมู่บ้านก็เอามาแย่งกัน  จนเจ้าของที่นาไม่มีนาผืนนี้มาแบ่งกัน จนชายตายไปในที่สุด แม้แต่ปัจจุบัน คนหนึ่งพูดว่า “คอยดูสิ ใครก็ ในคืนที่ฝนตก ก็จะได้ยินเสียงตามที่ครอบครองทุ่งนาแห่งนั้น ไก่ร้องอย่างเจ็บปวดของไก่และแม้แต่นิดเดียว เล่ากันว่า ใครก็ตามที่ได้ยินเสียง เป็นไป ดังนั้นจึงมีคนมากมาย ต้องพบกับเรื่องหายนะ ที่ปฏิเสธไม่ขอรับส่วนแบ่งของ อย่างแน่นอน ทำให้คนในหมู่ ที่นาผืนนั้น ดังนั้นคนในหมู่บ้านจึงปรึกษาหารือกัน หาคนมารับ ที่นาผืนนี้ และในที่สุด นาย วาย เจ้าของที่นา 18ไร่กำลังต้องการ ที่นาจำนวนมากอยู่พอดี จึงใด้ ทุ่งนาที่มีเสียงไก่ผืนนี้ไป ต่อมาเขาก็ ได้เชิญพระมาทำพิธีขับไล่วิญญาณ และเรื่องร้ายต่าง ๆ ก็ไม่ เกิดขึ้นอีกเลย เรื่องทุ่งนาที่ถูกสาปแช่งอย่างนี้ ไม่ได้มีแต่ทีนี้ เท่านั้นแต่เกิดขึ้นทั่วประเทศ



(2)ณ หมู่บ้านฟูจิ สันโรคุ มี ทุ่งนาผืนหนึ่งที่ถูกเรียกว่า "ทุ่งนา แห่งโรค’’ สิ่งเป็นที่มาของเรื่อง ต่อไปนี้ ในสมัยโบราณ ทุ่งนา ผืนนี้เป็นของผู้ชายคนหนึ่งที่มีนิสัยโลภมากจนใคร ๆ ก็รู้ วันนั้นสั่งผู้หญิงชาวนา คนหนึ่งว่า “ปลูกข้าวในนา ผืนนี้ให้เสร็จในหนึ่งวัน” ถึงแม้จะใช้ชาวนามากสักเท่าไร ก็เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย แต่ผู้หญิง คนหนึ่งนั้นก็ลงมือปลูกข้าวอย่างตั้งอก ตั้งใจ เนื่องจากมันเป็นงานที่ หนักเกินไป จึงทำให้เธอตาย ระหว่างปลูกข้าว หลังจากนั้น เป็นต้นมา เมื่อเก็บเกี่ยวข้าวที่นา ผืนนี้เมื่อไร ก็จะเกิดเรื่องร้ายๆ เสมอ ทำให้ชาวบ้านลือกันว่า เรื่องร้ายต่าง ๆ นั้นเกิดขึ้นเพราะคำสาปแช่งของผู้หญิงชาวนาคน นั้นนั่นเอง และสำหรับบ้านของ ผู้ชายโลภมากคนนั้น ก็เกิดเรื่องร้าย ๆ เช่นเดียวกัน
เทศกาลเทพเจ้าแห่งทุ่งนา.. ในสมัยโบราณ มีเทศกาลหนึ่งที่ เรียกว่า “เทศกาลเทพเจ้าแห่ง ทุ่งนา” เป็นเทศกาลที่สนุกสนานรื่นเริง สิ่งที่สำคัญที่สุดใน เทศกาลนี้คือผู้หญิงบริสุทธิ์ ทุ่งนาที่เคยเป็นที่ใช้จัดงานเทศกาล เทพเจ้าแห่งทุ่งนานี้เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิจะเข้าไปทำอะไรตามใจตัวเอง  แต่ว่าเมื่อความเชื่อหายไป สถานที่ศักดิ์สิทธิที่ห้ามเข้าถูกทุกๆ คน มองว่าเป็นสถานที่ที่น่ารังเกียจ อาจจะเป็นต้นตอ ทำไห้ทุ่งนานี้ถูกสาปแซงก็ได้

ตำนานผีญี่ปุ่น เรื่องผู้หญิงกลายเป็นงู

ตำนานผีญี่ปุ่น เรื่องผู้หญิงกลายเป็นงู


ในสมัยโบราณ แถว ๆ เน็ตโยเนะฮาว่า  ในจังหวัดยามางาตะ มีเศรษฐีคนหนึ่งชื่อว่า ซาคาโนะ ชินคุโร่ เศรษฐีคนนี้ไม่มีลูกสืบสกุล วันหนึ่งเค้าจึงเชิญพวก ผู้หญิงมารวมกันที่บ้านและหาว่า “ในบรรดาพวกแกทั้งหมด ใครก็ตามที่แบกฟางข้าวแล้วใส่รองเท้าไม้ซี่เดียวปีนขึ้นไปบนยอดเขา โทคุระและกลับลงมาได้ ข้าจะยอมรับเป็นลูกสาว” ใน จำนวนผู้หญิงที่ถูกเชิญมานั้นมีคนหนึ่งชื่อ โทมิ ขอเข้าแข่งขันด้วย โทมิ ทำตามที่เศรษฐีพูด โดยแบกฟางข้าวไว้ที่หลังและ ใส่รองเทาไม้ซี่เดียวปีนขึ้นเขา แต่เธอปีนไปแค่กลางทางเดินกลับมา ตอนที่เธอกำลังจะเดินลงนั้นเกิดสะดุด เธอก็ก้มลงตัดเชือก รองเท้าไม้ให้ขาดและเธอก็ล้มลงมา เมื่อเธอล้มลงข้าวที่ หลังของเธอแบกอยู่ก็หลุดกระจาย ไปทั่ว เธอจึงก้มลงเก็บข้าวที ล่ะรวงด้วยความโมโห ทันใดนั้น เอง รวงข้าวเหล่านั้นก็กลายเป็นงูในปัจจุบันนี้มีคนเล่าสืบต่อกันมา ว่าสาเหตุที่ภูเขาโฑคุระ มีงูมาก มายก็เพราะเหตุนี้เอง



นอกจากเรื่องนี้ก็ยังมีอีก เรื่องหนึ่งที่ต่างกันคือว่า รินคิวโร่ เป็นสาวใช้ เธอขอลาเจ้านายกลับบ้านนอกเพื่อไปคลอดลูก และ เธอจะต้องผ่านการทดสอบเหมือน กับเรื่องที่ได้เล่ามาแล้ว แต่เธอ ทำไม่ได้ ไม่ได้แต่รวงข้าวเท้านั้น ที่กลายเป็นงู แม้แต่เส้นผมของเธอก็กลายเป็นงูด้วย ส่วนสาเหตุนั้น อาจจะเนื่องมาจากความแค้น ของเธอก็เป็นได้

นอกจากนี้ ก็ยังมีหลาย เรื่องงูปรากฏตัวออกมาเพื่อ แสดงความแค้นของมนุษย์อีก ด้วย ในจำนวนเรื่องพวกนั้นเรื่อง “โคโจจิ” ชิ่งเป็นเรื่องขององค์หญิงคิโยะ กับอันชิน ซึ่งรู้จักกัน ในละคะโนรึละครคาบูกิ เนื้อ เรื่องที่องค์หญิงคิโยะถูกหักหลัง และได้กลายเป็นงู และได้ไป หลอกอันชิน ซึ่งหนีไปแอบอยู่ใน ระฆังของวัด

วิญญาณสุดแค้นแสนรัก

วิญญาณสุดแค้นแสนรัก


เมื่อปลายปีและต่อเนื่องต้นปี ที่ผ่านมา เรามีโอกาสได้ดูแลเด็กสาวที่มา อยู่ในความดูแลเพราะมีข้อหาอุกฉกรรจ์ รุนแรงสะเทือนขวัญกับทุกคนที่ได้รับชม ข่าวทางสื่อ

เรื่องเกิดขึ้นในวันที่รับตัวเด็กเข้ามาควบคุม วันนั้นทางหน่วยงานได้จัดให้มีกิจกรรมเข้าค่ายธรรมะ จริยธรรม เป็น เวลา 3 วัน 2 คืน กิจกรรมมีทั้งกลางวัน และกลางคืน โดยมีพระวิทยากรมาเป็น ผู้นํากิจกรรม ซึ่งในช่วงจัดกิจกรรมนี้ก็มี เรื่องสยองขนลุกขนชันสําหรับพวกเรา ชาวคณะเจ้าหน้าที่เป็นระยะ เริ่มจากใน ช่วงพักฉันเพลของพระวิทยากรนั้น พวก เราชาวคณะเจ้าหน้าที่ก็ร่วมกันถวาย อาหารเพลไปตามปกติ หลังฉันอาหาร เพล พระท่านก็เอ่ยขึ้นว่า



"อาตมาเข้ามาครั้งแรก อาตมาก็แปลกใจ คิดว่าทําไมกิจกรรมครั้งนี้ ถึงให้ผู้ปกครองเข้ามาร่วมตั้งแต่วันแรกเลยเหรอ แต่พอบรรยายไปเรื่อยๆ กลับ พบว่า ผู้หญิงที่เห็นมีลักษณะท้วม ตัวค่อนข้างใหญ่แต่ไม่สูงมากนัก มี รูปร่างใกล้เคียงกับเด็กนั้น ไม่น่าจะ ไปคน เพราะเวลาที่เด็กผู้หญิงนั้นนั่ง อยู่ ผู้หญิงคนท้วมๆ ที่นั่งอยู่ข้างๆ ก็จะ ลุกขึ้นไปนั่งบนไหล่ บนตัก หรือแม้แต่ นั่งกอดเด็กผู้หญิงเอาไว้รูปร่างหน้าตา นี่เหมือนเด็กผู้หญิงเนี้ยบเลยนะ"

ในขณะที่พระท่านเล่านั้น ต้องบอกว่าท่านเพิ่งเข้ามาเจอเด็กเป็นครั้งแรก และท่านก็ไม่ทราบข้อมูลด้วยว่า เด็กแต่ละคนมาถูกควบคุมตัวด้วยสาเหตุ อันใดมาก่อน หลังจากท่านให้ข้อมูลแล้ว ท่านก็ไปทํากิจกรรมต่อ

พวกเราที่ได้ฟังต่างหาข้อมูลกันใหญ่เพราะเรารับเด็กสาวผู้นั้นเข้ามาได้ เพียง 1 วันเท่านั้น ยังไม่มีการสอบถาม ใด ๆ กับเด็กเลย ปล่อยให้เด็กได้ปรับตัว ปรับใจกับเพื่อนใหม่ก่อน แต่ด้วยความ อยากรู้จึงได้ไปสอบถามเจ้าหน้าที่คน หนึ่งซึ่งมีบ้านอยู่ใกล้กับบ้านเด็กและ ค่อนข้างรู้จักกับครอบครัวเด็กพอสมควร ได้เล่าเรื่องที่พระท่านมองเห็นให้กับเจ้า หน้าที่คนนั้นฟัง ทางเจ้าหน้าที่ท่านนั้น ก็ยืนยันว่า นั่นคือผู้ปกครองของเด็ก ผู้หญิงแน่นอน ผู้ปกครองคนนี้ถูกเด็ก ฆ่าอย่างอุกอาจจนมาเป็นคดีในครั้งนี้ เล่นเอาเราทุกคนที่ฟังขนลุกไปตาม ๆ กัน

การทํากิจกรรมครั้งนี้อยู่ในช่วงปลายหน้าหนาว ซึ่งอากาศช่วงนั้นหนาวมาก แล้วพระอาจารย์ยังมีกิจกรรม “แสงเทียนส่องใจ" ช่วงกลางคืนค่อนข้างดึกด้วย
คืนนั้นอากาศหนาวมาก เด็กแทบทุกคนต้องใส่เสื้อกันหนาว แต่เด็กผู้หญิงของเราดูไม่สะทกสะท้านกับอากาศรอบตัวเลย
พระอาจารย์สอบถามเด็กหญิงว่า “ไม่หนาวเหรอ”
เด็กตอบ “ไม่หนาวเลยค่ะ รู้สึก อบอุ่นเหมือนมีคนตัวใหญ่มากอดเอาไว้”

พระอาจารย์เลยบอกว่า
"ให้ตั้งใจทํากิจกรรมและแผ่ เมตตาให้มาก ๆ มีคนเป็นห่วงเรามาก"
หลังจากกิจกรรมสิ้นสุดลงช่วง 4 ทุ่มครึ่ง เด็กแยกย้ายกันขึ้นหอนอนตัวเองแล้วพระอาจารย์จะกลับมาทําวัตร ที่ห้องพักต่อ จนกระทั่งถึงเที่ยงคืนได้มีเหตุการณ์ประหลาดเกิดขึ้น
บ้านพักของดิฉันอยู่ใกล้กับห้อง ที่พระท่านจําวัตรอยู่ ดิฉันลุกขึ้นมาเข้าห้องน้ํา เมื่อกลับมานอน พอจะเคลิ้มหลับกลับได้ยินเสียงหวีดแหลมลึกปนกับ เสียงของความเจ็บปวดทรมานสะอื้นดังอยู่หลังห้องพระอาจารย์ ดิฉันกลัวมาก พยายามข่มตาไม่ให้ลืมตาจนกระทั่งยืนทนได้ประมาณหนึ่งต้องฝืนใจสะลืมสะลือตื่นขึ้นมาเพื่อเข้าห้องน้ําอีกรอบ

พอกลับมาจะหลับตา เสียงที่ได้ยินก่อนหน้านี้กลับดังขึ้นมาอีก เล่นงานดิฉันจนกระทั่งเช้า และได้ยินเสียงเด็กถูกปลุกเพื่อลุกมาทําวัตรเช้ากับ พระอาจารย์อีกรอบในช่วงพักฉันเพลในวันต่อมา พระท่านบอกว่า

“วิญญาณผู้หญิงคนนี้เขาก็เอา เรื่องนะ ถามอะไรไม่ตอบ ทําหน้าบึ้ง โกรธมาก ไม่ยอมพูดอะไร ท่าทีที่โกรธ นั้นจะจ้องไปที่ลูกอย่างเดียว แต่ในขณะเดียวกันเธอก็อ่อนโยนกับลูกมาก เห็นกอดลูกไว้ตลอดเวลาพร้อมกับหน้าตาที่เดี๋ยวก็โกรธ เดี๋ยวก็เศร้า เหมือนพอนึกอะไรได้ก็จะขึ้นไปที่คอเด็ก แล้วก็ทําท่ากดที่ใหล่แรงๆ ทําอยู่ แบบนี้ตลอดการร่วมกิจกรรม"



เมื่อดิฉันสอบถามถึงเหตุการณ์ ที่ตัวเองได้เผชิญมาเมื่อคืน พระอาจารย์ ท่านก็ยิ้มแล้วก็บอกว่า “จริง”
เหวอ! นี่มันของจริงนี่นา

จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วง แรกที่รับตัวเด็กผ่านไป หลังจากนั้นต่อ มาอีกหลายเดือน เด็กหญิงยังคงมีเรื่อง เล่าให้ฟังเสมอว่า หากเป็นช่วงคืนของ วันโกน ตัวเด็กจะนอนไม่ค่อยหลับด้วยมี อาการหนักที่หน้าอกเหมือนโดนคนกด ทับ หายใจไม่ออก บางทีหลับไปแล้ว ยังผวาสะดุ้งตื่นขึ้นมา เพื่อน ๆ ที่นอน ช้าง ๆ ตกใจกันเป็นประจํา

เหตุการณ์ทํานองนี้ยังเกิดขึ้น ซ้ํา ๆ จนกระทั่งน้องต้องย้ายที่ควบคุมตัว ไปที่อื่นแล้ว แต่พวกเราคณะเจ้าหน้าที่ยัง มีความทรงจําในเรื่องสยองขวัญกันอยู่เลย
นี่คือ วิญญาณสุดแค้นแสน รัก...ของจริง

ที่มาคุณแม่อยากเล่า/สถานพินิจภาคกลาง นิตยสารคู่สร้างคู่สม

เล่าเริ่องสยองขวัญ มันลากขา

เล่าเริ่องสยองขวัญ มันลากขา


ในสมัยที่ผมเป็นหนุ่มน้อยเพิ่งเรียนจบมาหมาด ๆ และพัก ผ่อนอ่านหนังสืออยู่บ้านเพื่อตั้งหน้าตั้งตาอ่านหนังสือสอบ เพื่อ จะได้มีอนาคตอันสดใสเหมือนคนที่เก่งๆ บ้าง ผมก็พอมีเรื่อง เล่าอันน่าตื่นเต้นสะพรึงกลัวตามที่พบประสบมา ซึ่งเป็นเรื่องราว ของผีๆ สางๆ ที่คนปัจจุบันไม่ค่อยอยากจะเชื่อนักแต่ผมเชื่อ และคงต้องเชื่อตลอดไปเพราะสิ่งที่เกิดขึ้นมันจริง ถ้าคนไม่เชื่อ ก็ควรใช้วิจารณญาณว่าเท็จจริงแค่ไหนตามที่เล่ามา



ในชนบทอันห่างไกลความเจริญซึ่งก็คือบ้านผมเอง ผมและเพื่อน ๆ มักไปอยู่วัดวาอารามตามสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวไทยเรานับถือเพราะมันสงบ ร่มรื่นดี สมเป็นสถานที่จะปลีกวิเวกได้ชั้นยอดดังนั้นพวกเราจึงมักทําเกี่ยว กับไสยศาสตร์เสมอ และพวกเพื่อนๆ ก็มักท้าทายให้ไปนอนตามที่ป่าช้า บ้างหลุมศพบ้างหรือนอนโกดังเก็บผี ซึ่งผมคงไม่ทําแน่เพราะขี้ขลาดและ หวาดกลัวอันเกิดจากต่อมสั่งการที่ผมมีมาแต่กําเนิดให้กลัวต่อทุกสิ่งทุกอย่าง ที่เรียกว่าภูตผีวิญญาณ

อยู่มาวันหนึ่งพวกเราก็ไปงานบวชพี่ชายของไอ้แดนซึ่งเป็น เพื่อนสนิทของผมและเพื่อนๆ พวกเราไปก็หมายไปกินข้าวปลา อาหารและเหล้าพร้อมกับสาวๆ ที่เล็งเอาไว้หมายปองจีบพวก เธอให้ชื่นฉ่ําอุราอะไรทํานองนั้นจึงพากันไปแต่เช้าตรู่เพื่อช่วยทุก อย่างตามที่ตั้งเป้ากันเอาไว้แล้ว
“เฮ้ย...ไอ้โอม ไอ้หงส์ ไอ้นุมาเลยเข้ามานี้กําลังจัดอาหารของคาว หวานไว้รอพระมาสวดตอนเที่ยงเลย พวกแกช่วยให้เสร็จด้วยข้าจะไปเอาเนื้อมาเพิ่มแล้วเราค่อยกินกันตอนเย็น"

แหวนบอกเพื่อน ๆ พวกเราก็ลุยเข้าครัวซึ่งมีสาวๆ 4-5 คนทั้งแก่และสาวๆ วัยเดียวกัน
ผมเข้าหาก้อยกับกุ้งที่ชุลมุนกับหม้อแกงซึ่งตั้งอยู่บนเตา “มีอะไรให้ช่วยรึเปล่าก้อย กุ้ง”
ผมทักทายขึ้นสองสาวหันมายิ้มๆ ให้ก่อนจะใช้ผมโน้นนี่ รู้สึกเป็นต่อไอ้พวกเพื่อนๆ ขึ้นมาเยอะครับ แบบนี้ผมมีหวังได้ สัมพันธ์กับพวกเธอก่อนใคร ๆ แน่
เมื่อจัดการอาหารที่เตรียมถวายพระเสร็จเราก็ช่วยกันจัดผัก และ อาหารไว้รอพวกที่มาทําบุญเอาไว้อีกจนครบ”
“พักก่อนเถอะหาอะไรเย็นๆ ดื่มกันรอไอ้แหวนจะได้ครบสูตร"
หงส์พูดพร้อมหาที่ใต้ร่มไม้ใหญ่ข้างบ้านเพื่อนั่งคุยกันกับสาวๆ 34 คนซึ่งดูพวกเธอจะสนใจกลุ่มเราเป็นพิเศษ จนหนุ่มๆ แถวบ้านนั้นเหล่ เราเป็นมัน แต่ไม่มีอะไรเพราะสาวๆ ยังไม่เป็นของใครพวกเรามีสิทธิ์เสมอ มันขึ้นอยู่กับคารมและวุฒิฐานะอันสําคัญ
+ นะ
ตกเย็นพวเรามานั่งดูหนังที่จัดฉลองงานบวชมันเป็นสิ่งที่ทุกคนชอบ เพราะชนบทอันห่างไกลนี้จะได้ดูหนังจอยักษ์สักครั้งและเป็นหนังดีชนโรง อะไรประเภทนั้น จึงสนุกสนานผมและก้อยสาวสวยคู่กันส่วนหงส์ก็คู่กับกุ้ง ไอ้นคู่กับแอ๋ว นับว่าเป็นสิริมงคลทุกคู่ส่วนแหวนเมาอยู่กับเพื่อนๆ เพราะ ต้อนรับแขกจึงไม่มีเวลามาแอ่วสาวเหมือนกับพวกเรา

ตกดึกพวกเราก็เริ่มเข้ากลุ่มกินเหล้ากันเพราะสาวๆ กลับบ้านกันหมด แล้วพวกเราจึงเล่าเรื่องสยองต่างๆ หลอกกันไปมา
“ข้าว่าเอาอย่างนี้เราไปดูที่ศาลาพักศพท้ายหมู่บ้านกันดีกว่าเผื่อเจอ จะได้เลิกถกเถียงกันเสียที"
หงส์พูดขึ้นด้วยความเซ็งเพราะเรื่องมันไม่จบลงง่ายๆ "งั้นก็ได้เลยเพราะข้าชอบพิสูจน์อยู่แล้ว”
ผมพูดอย่างเต็มใจเพราะพระที่แขวนคอคือสมเด็จเก่าแก่ที่ปู่ให้มาคุ้ม ครองเฉพาะตัว
"ได้ๆ แบบนี้ต้องลองดูว่าใครเจ๋งไม่เจ๋งดื่ม
นุยกแก้วขึ้นดื่มส่วนไอ้แหวนเมาพับหลับไปแล้วเพราะมันดวลหนักไป ในค่ําคืนนั้น
พวกเราเดินโซเซกลิ่นเหล้ากุ้งมาที่ศาลาพักศพซึ่งโล่งเตียน หาได้มี อะไรอยู่ที่แห่งนั้นไม่จึงเดินขึ้นไปนั่งพร้อมขวดเหล้าอีก 2 ขวดวางลงก่อน จะเทลงแก้วและชนกันฉลองในความกล้าพวกเราด้วย
"เฮ..ดูจะมีความสุขที่สุดเลยเพื่อนเงียบดีแถมไม่มีสิ่งใดทําให้เรา หวาดหวั่นหวาดกลัวด้วย เอ็ก”
หงส์พูดก่อนเพื่อนและเดินสํารวจพื้นที่แห่งนั้นเพื่อความแน่ใจ “ข้าว่าไม่มีอะไรหรอกทุกอย่างในโลกก็มีคําอธิบายแบบนี้เสมอ”
ผมบอกเพื่อนๆ เอนตัวลงนอนราบกับพื้นไม้นั้นเองดูคานไม้ที่ซ้อน กันไปมาตาชักลายเต็มทนก่อนจะหลับตาลงพักผ่อนสักหน่อย
"เฮ้ยไอ้โอมตื่นสิวะแกจะนอนที่นี่ ไอ้นเขย่าร่างของผมก่อนที่มันจะลงนอนเช่นกัน “อา...ทุกคนนอนเถอะเดินไปไหนไม่ไหวแล้วเพื่อน"
หงส์บอกก่อนนอนลงข้างๆ เพื่อนแล้วทุกอย่างก็หลับลงตรงนั้นด้วย ความเมาในรสแอลกลอฮอล์ที่เข้าสู่สายเลือดและเส้นประสาท
“โบร์น...โบร์นนน”
เสียงหมาเห่าหอนขึ้นมาอย่างเยือกเย็นบรรยากาศเปลี่ยนแปลงไปจน หมด ความมืดทําให้ไม่เห็นอะไรมากนอกจากเงาของต้นไม้ใหญ่ที่แกว่ง ไหวอยู่รอบๆ บริเวณศาลาแห่งนั้น
“หือ...."
ผมลืมตาขึ้นมองไปทั่วศาลาและมันเกิดอะไรบางอย่างที่ผมไม่รู้เลย ว่าเป็นสิ่งที่ไม่น่าสัมผัสกับมันเลย
“ใครกัน”
ผมพยายามเพ่งเข้าหาตัวนั้นที่ค่อยๆ ลุกขึ้นมายืนหันหน้ามาทาง พวกเรานอนอยู่มันเดินที่อเข้ามาหาพวกเราให้ตายเถอะคุณพระคุณเจ้าช่วย ผมด้วยเพราะน่าตามันช่างน่าเกลียดน่ากลัวมาก
“สาธุ สาธุ สาธุ"
ผมภาวนาอย่าให้มันจับพิรุธได้เลยเพราะไม่เป็นผลดีที่จะ ถูกผีร้ายเล่นงาน
“แกเป็นใครเข้ามาได้ไง”
ผมถามออกไปก่อนมันจะหยุดและทําตาวาวประกายผมวิ่งออกจาก ศาลาแห่งนั้นทันทีแต่ทว่ามันยืดแขนตามผมอย่างรวดเร็ว
“เหวอ...อ้ากก
ผมร้องลั่นทําให้เพื่อนผมตื่นตามองเห็นชายลึกลับชุดดํานั้นหัวเราะ ขึ้นก้องศาลา
“เหอะ เหอๆๆๆ”
เสียงมันเยือกเย็นนมากผสมผสานกับหมาบ้าสามสี่ตัวที่เห่าหอนบน คู่ใหญ่ที่กักน้ําเอาไว้ใช้ในยามน้ําแล้งแห้ง
“ช่วยด้วย ผีหลอก"
พวกเราวิ่งหนีอีกครั้งมันยืดแขนออกมากระชากพวกเรากลับและลาก ไปรอบๆ บริเวณศาลาอย่างสนุกสนานตามอารมณ์ของมัน
"โอ้ย..เจ็บโว้ย ช่วยด้วย ช่วยด้วย”
พวกเราร้องลั่นจนแทบจะหูแตกดูจะไม่มีอะไรโผล่มาช่วยเอาเลยนอก จากเสียงหมาและกลิ่นธูปที่ร้ายแรงครุกรุ่นที่แห่งนั้น
"ช่วยด้วย ผีผีผี"
ผมร้องสุดเสียงก่อนจะผวาขึ้นมาพร้อมๆ กับทุกคนที่ดูจะตาสว่าง พร้อมกัน
“อา...พวกเราฝันรีว่าจริงวะไอ้โอม" นุถามเร็วปาดเหงื่อที่ออกเต็มหน้าไปหมด
 “กูว่าเหมือนจริงมากกว่าว่ะ"
หงส์บอกทุกคนต่างมองหน้ากันไปมาก่อนสายตาจะพบประสบกับสิ่ง ลึกลับในศาลาแห่งนั้น
“พรึบ ฟูๆๆ”
ควันสีขาวพุ่งขึ้นมาโดยไม่ได้นัดหมายก่อนจะเป็นรูปร่างและชัดเจน ขึ้นเรื่อยๆ
“จ้ากกก ผะผะผะผีหลอก ไม่คิดชีวิต
“เหอ ๆ ๆ ๆ กลับมาก่อน ฮะฮะ"
เสียงนั้นพวกเราจําติดใจมาจนทุกวันนี้ ผมเองไม่อยากเชื่อจริงๆ ว่าวิญญาณที่สิงสถิตย์อยู่ที่แห่งนั้นจะร้ายกาจมากมายอะไรปานนั้นมันเป็นประสบการณ์ที่ผม่ไม่อาจลืมเลือนตลอดไป ช่างน่ากลัวเหลือเกินครับ



Popular Posts