เล่าเรื่องสยองขวัญ คุณแม่เล่าให้ฟัง
พอดีผมมีเรื่องเล่าจากคุณแม่มาฝากเป็นเรื่องสั้น ๆ แต่ว่าคุณแม่นั้นเป็นคนที่มีประสบการณ์เหล่านี้เยอะมาก เรียกได้ว่าเจอตั้งแต่สาว ๆ แล้ว
ในเหตุการณ์แรกนั้น คุณแม่เจอตั้งแต่ยังทำงานอยู่แถวจรัญสนิทวงศ์ ตอนนั้นคุณแม่อยู่บนรถเมล์ รถเมล์กำลังวิ่งอยู่บนถนน ในช่วงที่กำลังจะถึงที่ทำงานนั้น แถวนั้นมันเป็นถนนเส้นเล็ก ๆ รอบด้านเป็นชุมชนตึกแถว แล้วก็คลอง รวมไปถึงยังมีถนนคนเดินข้างคลองแบบชุมชนชาวบ้าน รถเมล์ก็วิ่งไป
จนกระทั่งถึงช่วงหนึ่งเรื่องเกิดติด ตอนแรกคุณแม่ก็คิดว่าเป็นเรื่องปกติ แต่ว่าไป ๆ มา ๆ เริ่มสงสัย เนื่องจากรถมันติดนานเกินไป สักพักหนึ่งขณะที่รถกำลังค่อย ๆ เคลื่อนไป คุณแม่ก็นึกขึ้นว่าด้านหน้าน่าจะมีอุบัติเหตุ
ในช่วงนั้นคนในรถนั้นแน่นมาก คุณแม่เริ่มมองเห็นคนในรถเดินไปชะเง้อดูด้านข้างกันเต็มไปหมด แต่ว่าคุณแม่ไม่ได้เดินไปดูนะครับ ตรงกันข้าม แม่กลับพยายามเมินหนีมองออกไปไกล ๆ ในชุมชนแทน แต่ว่าตรงบริเวณนั้น แม่เห็นผู้ชายคนหนึ่งยืนอยู่ เขายืนอยู่ที่ถนนคนเดินเรียบคลองติดรั้วกั้น แม่มองชายคนนั้นเห็นได้ถนัด ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า กางเกง รวมไปถึงรองเท้า แต่ว่าชายคนนั้นไม่มีศีรษะ แม่เห็นภาพแบบนั้น จึงค่อย ๆ เคลื่อนสายตาหลบไป ไม่อยากเห็นอีก
จนกระทั่งรถนั้นเคลื่อนไปแถว ๆ ที่เกิดเหตุ บริเวณนั้นมีศพผู้เสียชีวิต คุณแม่เหลือบไปเห็นพอดี กางเกงของคนที่นอนอยู่บนถนน ก็เหมือนกับชายคนนั้น เหลือบไปมองที่รองเท้า ก็ยังเป็นรองเท้าแบบเดียวกัน พอดูเสื้อ เสื้อก็เหมือนกับชายคนที่อยู่เรียบคลอง แม่เริ่มสงสัยแล้วว่าหรืออาจจะเป็นคนเดียวกัน แต่ว่าพอเหลือบไปใกล้ ๆ ก็เห็นมีหมวกกันน๊อกกระเด็นกลิ้งออกไปห่าง ๆ คุณแม่มั่นใจแล้วว่าคนที่เห็นที่ยืนเรียบคลองนั้น น่าจะเป็นดวงวิญญาณของชายที่ประสบอุบัติเหตุอยู่ในขณะนั้นนั่นเอง
พอคิดได้แบบนี้ แม่จึงเอมือที่เท้าคางอยู่นั้นมาบังหน้าแทนทันที เนื่องจากไม่อยากจะให้ชายคนนั้นรับรู้ว่าแม่มองเห็นเขาด้วย
นั่นคือเหตุการณ์แรก
เรื่องที่ 2 คุณแม่ไปพบเจอตอนไปเที่ยว เป็นทางผ่านไปจังหวัดเลย ในช่วงระหว่างการเดินทางก็มีการแวะพักกันที่ปั๊ม เพื่อเข้าห้องน้ำแล้วก็เติมเสบียง เพื่อนคุณแม่ที่ขับรถ ก็ได้ขับรถเข้าไปจอดในปั๊มหน้าร้านค้าแห่งหนึ่ง โดยด้านหน้านั้นจะมีต้นหมากแดงตั้งตระหง่านอยู่ต้นหนึ่ง
ตอนจอดนั้น คุณแม่ก็เหลือบมองไปเห็นผู้ชายคนหนึ่งยืนอยู่ อายุราว ๆ สัก 25 ปี แม่บอกว่าตอนที่เหลือบไปเห็นนั้น สังหรณ์ได้บอกเล็ก ๆ ว่า ชายคนนี้ไม่น่าจะใช่คนแน่ ๆ ตอนที่หลบจากรถ แล้วก็เดินผ่านชายคนนั้นไปตรงที่นั่งหน้าร้านขายของ คุณแม่พยายามไม่มองหน้าเขา โดยเดินก้มหน้าผ่านไป แต่ว่าชายคนนั้นเหมือนกับรู้ว่าแม่พยายามหลบเลี่ยง
ในระหว่างที่กำลังจะเดินผ่านนั้น เพื่อนของคุณแม่ที่ขับรถ ก็ได้ตะโกนบอกแม่ว่าฝากซื้อน้ำมาด้วย แล้วเพื่อนคุณแม่ก็เดินมาหาคุณแม่เพื่อส่งเงินให้ ระหว่างนั้นหูของคุณแม่ก็ได้ยินชัดเจนว่า ชายคนที่อยู่ใต้ต้นหมากนั้นพูดขึ้นมาว่าขอน้ำแดงนะ แม่ได้ยินแบบนั้นก็ถึงกับชะงักไปนิดหนึ่ง เนื่องจากอุตส่าห์หลบแล้ว ชายคนนั้นยังจะมองเห็นอีก แม่จึงเลยตามเลย เลยเดินเข้าไปซื้อของ แล้วก็ซื้อน้ำแดงติดมาให้ชายคนนั้นด้วย แต่ว่าเพราะมัวแต่คิดเรื่องนี้ แม่กลับลืมซื้อน้ำของเพื่อน ตอนนั้นพอเดินออกมาจากร้านค้า แม่ก็เอาน้ำดื่มไปให้เพื่อนที่รออีกคนในรถก่อน แล้วก็เดินมาเปิดของตัวเอง ดื่มหน้ารถตรงบริเวณม้านั่ง ส่วนเพื่อนที่ฝากซื้อน้ำนั้นได้แยกไปเข้าห้องน้ำ
หลังจากที่คุณแม่ดื่มน้ำเสร็จ ก็หยิบเอาขวดน้ำแดงออกมาเปิดใส่หลอด แล้วก็เอาออกไปตั้งไว้หน้าต้นหมาก แม่พูดเบา ๆ ว่า อ่า ซื้อให้แล้วนะ พอแม่หันหน้ากลับมา เพื่อนอีกคนที่นั่งรออยู่ในรถนั้นก็กำลังมองแม่อยู่ แล้วก็ได้แต่ถามแม่ว่าพูดกับใครน่ะ ขณะนั้นเรียกได้ว่าแม่เห็นอยู่เพียงลำพังคนเดียว
สักพักเพื่อนที่ไปเข้าห้องน้ำนั้นก็เดินออกมา แล้วก็บ่น เนื่องจากแม่นั้นลืมซื้อน้ำมาเผื่อ แม่เลยเดินกลับไปซื้อน้ำอีกครั้งหนึ่ง พอออกมาจากร้านค้า คุณแม่ก็ต้องเดินผ่านชายคนนั้น ก็บอกกับเขาเบา ๆ ว่าไม่ต้องตามไปนะ ในรถมีพระอยู่ อยู่ที่นี่ล่ะ เพื่อนที่ขับยืนอยู่ใกล้ ๆ ก็งง ไม่รู้ว่าคุณแม่พูดอยู่กับใคร มีแต่เพียงแม่เท่านั้นที่มอง และก็ได้ยินเสียงของชายคนนั้นชัดเจนอยู่เพียงลำพังคนเดียว
เรื่องต่อมา เป็นตอนที่คุณแม่กับคุณยายจะไปเยี่ยมน้าแถวลาดพร้าว 80 ตอนนั้นคุณยายเป็นคนขับรถ คุณแม่เป็นคนดูทาง ดูป้าย ให้
พอไปถึงทางกลับรถบริเวณหนึ่ง คุณแม่ก็เห็นชายคนหนึ่งยืนอยู่ข้างทาง แม่บอกว่าดูแล้วชายคนนั้นอายุน่าจะราว ๆ 20 ต้น ๆ เสื้อผ้าขาดวิ่น บริเวณเนื้อตัวผิวกายมีรอยฉีกขาดเป็นแผลเลือดเปรอะเต็มไปหมด ตอนนั้นคุณแม่คิดว่าน่าจะเป็นคนที่ได้รับอุบัติเหตุ เห็นแบบนั้นก็ตกใจ ตะโกนร้องออกไปคำเดียวว่า เฮ้ย เท่านั้นเอง วูบเดียวเท่านั้น ชายคนนั้นกลับเข้ามานั่งในรถที่เบาะหลัง คุณแม่ได้แต่ชะงัก แล้วก็นึกในใจว่าเอาแล้วไง ไม่น่าทักเลย คุณแม่มองกระจกหลัง เห็นชายคนเดิมนั่งอยู่ ทำหน้าตานิ่ง ๆ
พอกลับรถได้ คุณแม่ก็บอกคุณยายว่าหาที่จอดข้างทางหน่อย พอดีมีคนติดรถมาโดยไม่ตั้งใจ คุณยายได้ยินแบบนั้นก็ตกใจ แล้วก็ค่อย ๆ เบี่ยงรถเข้าข้างทางหาที่จอดหน้าปั๊มแห่งหนึ่ง แล้วก็เปิดไฟฉุกเฉินเอาไว้ จากนั้นคุณแม่ก็เดินลงไปเปิดประตูที่เบาะด้านหลัง แล้วก็บอกว่าส่งได้แค่นี้นะ เดี๋ยวต้องไปธุระต่อ ถ้าเกิดจะไปไหนต่อล่ะก็ โบกรถคนอื่นเขาเอาเถอะนะ ชายคนนั้นได้ยิน ก็ค่อยก้าวลงมา คุณแม่เริ่มประตู แล้วพนมมือสวดแผ่เมตตาให้กับเขา แม่บอกอีกครั้งก่อนขึ้นรถว่าอยู่ที่นี่เถอะนะ ไม่ต้องตามมา ชายคนนั้นก็เริ่มพยักหน้าช้า ๆ ครั้งหนึ่ง สีหน้านิ่งแบบเดิม คุณแม่รีบขึ้นรถ แล้วก็หันไปพนมมือสวดแผ่เมตตาอีกครั้งหนึ่ง แล้วคุณยายก็ขับรถออไปโดยเร็ว
นั่นคือเหตุการณ์ที่ 3
แล้วก็มาถึงเหตุการณ์สุดท้าย อันนี้เจอกันทั้งบ้าน เรื่องนี้เกิดเกิดขึ้นตอนที่คุณยายยังอยู่ราว ๆ 15 ปีที่แล้ว วันนั้นมีคนมาหาคุณตาบ่อย ๆ เป็นลูกศิษย์ คุณตาเป็นอาจารย์ ตอนเขามาคุณยายก็ออกไปรับ แล้วก็ชวนคนนั้นเข้าบ้าน คุยกันสนุกสนาน
แต่พอคุณแม่เห็นเข้า คุณยายพาแกเข้ามาในตัวบ้านนั้น เมื่อมีผู้ชายคนหนึ่งเดินตามเข้ามาด้วย โดยที่คนอื่นไม่เห็น แม่บอกว่าพอชายแปลกหน้าคนนั้นเดินเข้ามาในบ้าน กลิ่นแรง ๆ ก็ตามมาทันที
หลังจากนั้นแทบทุกวัน ในบ้านก็จะมีกลิ่นแบบนี้ เป็นกลิ่นสาบสางเหมือนกับขยะแห้ง ๆ รวมไปถึงกลิ่นศพที่ลอยตลบอบอวลไปทั่วบ้าน ได้กลิ่นกันแทบทุกคนในบ้านเลย คุณแม่บอกว่าวันนั้นมีคนตามมาด้วย แล้วก็บอกว่ากลิ่นนี้มาจากชายคนนี้นี่ล่ะ ทุกคนในบ้านนั้นไม่มีใครได้เห็นเจ้าของของกลิ่น มีแต่แม่คนเดียวเห็นชายคนนี้เดินอยู่ในบ้าน เป็นชายตัวผอม ๆ แต่ว่ามีกลิ่นตัวเหม็นมาก และทุกครั้งที่ชายคนนี้เดินอยู่ในบ้านให้แม่เห็น จะมีกลิ่นที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น
แม่บอกว่าลักษณะของชายคนนี้นั้น เป็นชายอายุวัยกลางคนน่าจะประมาณสัก 40 ลักษณะเป็นคนผอม ผอมมาก ใส่เสื้อผ้าขาด ๆ เก่า ๆ ลักษณะเหมือนกับคนจรจัด ชายคนนี้เดินวนไปวนมาอยู่ในบ้านหลายครั้ง
จนกระทั่งวันหนึ่งคุณแม่กำลังทำกับข้าว แล้วก็เห็นชายคนนี้อีก โดยที่กลิ่นนั้นก็ตามมา ทำให้คุณแม่นึกอารมณ์เสียเป็นอย่างมาก จึงตะโกนถามขึ้นไปลอย ๆ ว่าจะโผล่มาทำไม ชายคนนั้นทำหน้าคิ้วกุโก่งแบบว่างง ๆ ปนสับสน แล้วก็เดินไปที่อื่น หลังจากนั้นคุณแม่และทุกคนในบ้านก็ไม่มีใครได้กลิ่นแรง ๆ แบบนี้อีกเลย
เท่าที่ฟังจากคุณแม่เล่ามานั้น น่าจะสรุปได้ว่าโลกของวิญญาณ โลกแห่งความตายนั้น อาจจะซ้อนทับกันอยู่กับเราทุกวันนี้ก็ได้ ใครจะไปรู้ ระหว่างที่คุณผู้ฟังกำลังนั่งฟังรายการนี้อยู่ อาจจะมีใครนั่งห่าง ๆ คุณก็เป็นได้
ขอขอบคุณ เดอะช็อคสตอรี่
บทความแนะนำ