google.com, pub-6663105814926378, DIRECT, f08c47fec0942fa0 Mega topic | จัดอันดับ | 10 อันดับ| เรื่องผี| เรื่องสยองขวัญ| ที่สุดในโลก| ดูดวง| ประวัติศาสตร์

10 อันดับสัตว์ที่สามารถเอาตัวรอดได้เก่งที่สุด

10 อันดับสัตว์ที่สามารถเอาตัวรอดได้เก่งที่สุด




คุณเอาตัวรอดเก่งไหม แล้วคุณแกร่งพอๆกับสัตว์ ที่อยู่ในสภาพแวดล้อม อันเลวร้ายที่สุดบนโลกหรือเปล่า เราจะมานับถอยหลังสู่ 10 อันดับสัตว์ ที่สามารถเอาตัวรอด ได้เก่งที่สุดในอาณาจักรสัตว์ แล้วมาดูกันว่า ความทรหดของพวกมันจะทำให้คนอึ้งและทึ่งมากแค่ไหน เราจะมาสำรวจ เส้นทางแห่งความแข็งแกร่ง ของสัตว์ใน 10 อันดับนี้กัน โลกคือดาวเคราะห์ ที่เต็มไปด้วยความสุดยอด สถานที่สุดยอด และสัตว์ที่สุดยอด แต่สัตว์บางชนิด สุดยอดยิ่งกว่าชนิดไหน ติดตามการนับถอยหลัง เพื่อค้นหาสัตว์ที่ไม่เหมือนใคร ไม่ธรรมดาที่สุดใน 10 อันดับ

อันดับที่ 10 อูฐ
สุดยอดสัตว์จอมทรหด อันดับแรกของเรามาเริ่มต้น ในดินแดนแห่งความสุดขั้ว อากาศร้อนสุดขั้ว และขั้วด้วย คุณต้องแกร่งพอตัว จึงจะอยู่รอดในทะเลทรายได้ และด้วยเหตุนี้ จึงทำให้อุดอยู่ในอันดับที่ 10 ของสัตว์ที่ได้ชื่อว่า เป็นจอมทรหดที่สุดในโลก เป็นเวลาหลายพันปี ที่ผู้คนต้องเดินทางข้ามดินแดน อันแห้งแล้งอย่างอาระเบีย โดยใช้สัตว์เป็นพาหนะ ที่มีฉายาว่า สำเภาทะเลทราย แต่บางคนไม่ได้เปรียบเทียบ พวกมันไว้ยิ่งใหญ่ขนาดนั้น บางคนเรียกมันว่า หมาตามใจคณะเดินทาง แต่คณะเดินทางย่อมรู้หน้าที่ของมัน แม้อูฐมีรูปร่างที่อัปลักษณ์ แต่มันก็อยู่รอดในสภาพแวดล้อม ที่แม้แต่ม้าก็อยู่ไม่ได้ กิล ริคเลอร์ ผู้เลี้ยงอูฐ ได้เปิดเผยว่า กูจะปรับตัวเข้ากับสภาพของทะเลทรายได้เก่งมาก ในที่ที่แห้งแล้งและร้อน อาหารไม่เพียงพอ แต่สัตว์ตัวใหญ่พวกนี้ยังเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง พวกมันแบกน้ำหนักได้ 600 ปอนด์ เป็นเวลา 10 ชั่วโมงต่อวัน โดยที่ไม่ต้องกินน้ำหรือกินอาหารเลย

ความเก่งกาจของพวกมันก็คือ การปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมรอบรอบตัว ถ้าสังเกตที่รูจมูกของมันจะมีรอยตัดเล็กๆเป็นทางยาว ซึ่งเป็นกล้ามเนื้อพิเศษที่ช่วยปิดจมูกไว้ เวลาเจอพายุทราย ขนจมูกในนั้น จะช่วยปัดเม็ดทราย ออกไปให้พวกมันหายใจคล่อง ถ้าสังเกตที่ตาของมัน คนตาของมันจะช่วยปกป้องลูกตา ผลจากเม็ดทราย และพวกมันยังมีเปลือกตาสองชั้น ที่ช่วยในการมองเห็น ทำให้พวกมันสามารถเดินข้ามทะเลทราย ได้โดยที่ยังหลับตาอยู่ ดังนั้นอูฐจึงกลายเป็นพระเอกอันโด่งดัง ที่ขาดไม่ได้ในการข้ามทะเลทราย แต่ที่ผิดไปจากความเข้าใจส่วนใหญ่ก็คือ โหนกของมันไม่ได้ใช้เก็บน้ำ แต่ที่จริงเต็มไปด้วยไขมัน ที่ใช้เป็นพลังงานสำรอง ในยามที่ต้องเผชิญกับ ความตรากตรำ คุณสมบัติทุกอย่างหล่อหลอมให้มันเป็นนักเอาตัวรอด แต่อูฐแข็งแกร่งมากแค่ไหน ลองคิดดูว่าถ้าคุณถูกทิ้งไว้กลางทะเลทราย ที่ไม่มีน้ำไม่มีร่ม อุณหภูมิร้อนฉ่ากว่า 120 องศาฟาเรนไฮต์ เป็นความร้อนที่ทำให้คุณเหงื่อแตก เหงื่อกาฬเปียกโชกไปทั้งร่างกาย น้ำหนักในตัวคุณ รถหายไป 12% และต้องเผชิญปัญหาครั้งใหญ่ เมื่อไม่มีน้ำดื่ม ภายในเวลาไม่ถึง 36 ชั่วโมง คุณก็ต้องตาย

ทีนี้ลองจินตนาการว่า ถ้าหากคุณมีความสามารถพิเศษเหมือนกับ อูฐ คุณก็จะสามารถ ทนทานกับความร้อนระอุได้มาก และยาวนาน กว่าคนธรรมดาทั่วไป ไม่เพียงแค่อูฐจะสามารถ สงวนน้ำในตัวไว้ได้ดี กว่าเราเท่านั้น แต่มันยังมีชีวิตรอดอยู่ได้ แม้จะสูญเสียน้ำหนัก ในร่างกายไปมากกว่า 25% และยังอยู่รอดโดยที่ไม่ต้องกินน้ำได้นานถึง 8 วันเลยทีเดียว จึงไม่น่าแปลกใจเลยว่า ทำไมอูฐถึงกระหายน้ำมาก และสามารถดื่มน้ำ ได้ถึง 21 แกลลอน ภายในแค่ 10 นาที อูฐมีวิธีการดื่มที่ต่างออกไป ซึ่งช่วยให้อูฐ สามารถข้ามพ้นทะเลทราย และกลับมาบ้านได้ นมอูฐช่วยบำรุงสุขภาพมาก ลองคิดถึงภาพทะเลทรายที่ไม่มีอะไรให้ดื่ม โดยเฉพาะเมื่อคุณคิดถึง พืชผักหรือผลไม้ ที่ช่วยเสริมสร้างวิตามินซี ในร่างกายของลูกอูฐ นมอูฐ อุดมไปด้วยวิตามินซี ที่มากกว่านมวัวถึง 3 เท่า และยังมีสารอินซูลิน ซึ่งนักวิจัยให้ความสนใจมาก ในการค้นคว้าว่า อินซูลินในนมอูฐ รักษาโรคเบาหวานได้มากแค่ไหน

อันดับที่ 9 หนู
ขอต้อนรับท่านสู่เมืองดรายโบนส์ เท็กซัส และถึงเวลาออกโรงของ นักควบคุมและกำจัดสัตว์ ไมเคิล โบดาน หนูถูกยกให้เป็นสัตว์จอมทรหดอันดับที่ 9 และเป็นศัตรูอันดับ 1 ของมหาชนด้วย หนูดำรงอยู่บนโลกใบนี้ มากกว่าหลายล้านปีแล้ว ซึ่งพวกมันก็มีปฏิสัมพันธ์กับมนุษย์อยู่ตลอด ซึ่งผลก็คือพวกมันปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตได้ แถมยังขยายพันธุ์ได้มาก พวกมันใช้เวลาตั้งท้องไม่นานเลย หลังจากมันคลอดแล้ว ใน 30 หรือ 45 วันต่อมา พวกมันก็โตพอ ที่จะหากินเองได้แล้ว ในปัจจุบันหนูเพียงคู่เดียว สามารถแพร่พันธุ์ลูกหลานของมัน ได้มากกว่า 15000 ตัวต่อปี ถ้าเผื่อว่าพวกมันรอดทุกตัว และการเอาตัวรอดคือสุดยอดทักษะของหนู หนูจึงถูกจัดให้เป็นสัตว์จอมทรหดอันดับที่ 9 เพราะพวกมันทนทายาด เพราะต้องใช้ความพยายามอย่างมาก ในการกำจัดมัน ไหนจะโรคที่พวกมันคอยแพร่เชื้อ แต่ไม่นานหนูฝูงใหม่ก็จะย้อนกลับคืนมาอีก

ลองดูตามเมืองใหญ่ๆดู ทุกคนจะได้เห็นหนูอย่างน้อย 1 ตัว วิ่งไปมาอย่างไม่เกรงใจใคร ราวกับเป็นบ้านของพวกมัน และเพราะอะไรหนูจรจัดเหล่านี้ ถึงสามารถกระโดดข้ามหัวเราไปอย่างง่ายดาย เหตุผลแรกคือ หนูเป็นนักกายกรรมที่เก่งกาจมาก พลังเหนือมนุษย์ของมัน ทำให้สามารถ เข้ามาในถิ่นที่อาศัยของเราได้ และเล็ดลอดเข้ามา แม้แต่ช่องทางที่แคบที่สุด หนูอาจเป็นฝันร้ายที่สุดของคุณ แต่คุณเคยคิดบ้างหรือไม่ว่า จะเป็นอย่างไร หากคุณมีพลังอันสุดยอดของหนูอยู่ในตัว หากคุณเป็นหนู คุณจะสามารถหดตัวเข้าสู่รู หรือหลุมที่เล็กกว่าตัวคุณได้ เป็นผลจากกระดูกของคุณ ที่ยืดหยุ่นได้ และคุณจะสามารถ เล็ดลอด ผ่านรูใดๆก็ตาม ที่มีความกว้างกว่าศีรษะของคุณนิดเดียว และคุณจะไม่มีทางติดอยู่ในท่อ เพราะฟันของหนู มีความแข็งแกร่งมากกว่าฟันของคนเราถึง 120 เท่าเลยทีเดียว นั่นแปลว่าคุณสามารถกัดท่อเหล็กให้เป็นรูได้อย่างง่ายดาย แม้แต่ถังขยะหรืออิฐถ่านหินก็ยังแพ้คุณ และหากว่าไม่มีท่อระบายน้ำ ให้ปีนลงข้างล่าง อย่าตกใจเพราะหนูนั้น มีรูปร่างที่เล็กและเรียวบางกว่าคนมาก ต่อให้ต้องตกจากที่สูง ก็ไม่มีปัญหาแต่อย่างใด และด้วยพลังอันสุดยอดของหนู ทำให้คุณรอดพ้นจากการตกตึก 5 ชั้นได้ เพราะเหตุนี้ เราจึงต้องนัดทุกกรณีออกมาจากตำรา

เพื่อกำจัดจอมทรหดตัวนี้ ยาเบื่อหนูคืออาวุธที่เราโปรดปราน แต่หนูก็ยังพบหนทางเอาตัวรอดจากสงครามเคมีไปได้ ดูเหมือนหนูจะกัดกินอาหารใหม่ที่มันพึ่งเจอได้เพียงนิดเดียวเท่านั้น รวมไปถึงยาเบื่อหนู ซึ่งทำให้มันมีเวลาสร้างภูมิต้านทาน หนู 1 คู่มีอัตราการแพร่พันธุ์ที่เร็วมาก นี่อาจเป็นวิวัฒนาการขั้นสูงของหนู นักวิทยาศาสตร์ยังพูดถึงมันว่า เจ้าถุงยาพิษตัวจิ๋วที่มี 4 ขาและมี 1 หาง แต่มีมนุษย์อีกคนที่ทนทานรับความทรมานจากยาเบื่อหนูได้ เขาคนนั้นคือนักบวชจอมโฉด รัสปูติน ปี 1916 ยุคพระเจ้าซาร์แห่งรัสเซีย รัสปูตินต้องดาวดิ้นสิ้นชื่อของตนจากแผนลอบสังหารด้วยการวางยาพิษเขาในอาหาร และเหล้าที่ผสมไซยาไนด์ แต่เขากลับไม่ตาย ยาพิษไม่อาจทำร้ายเขาได้ เพราะรัสปูตินเป็นโรคกระเพาะอาหารอักเสบเรื้อรัง ไซยาไนด์จึงไม่อาจกระจายพิษไปทั่วร่างเขาได้ เช่นเดียวกับหนูรัสปูตินแกล้งทำเป็นตาย จนเมื่อเหล่าผู้ลอบสังหารได้ตัดสินใจยิงเขาอีกหลายนัด แต่เขาก็ยังไม่ตายอีก จนกระทั่งเหล่าผู้ลอบสังหารรุมทุบตีที่ศีรษะเขา และจับเขาโยนลงแม่น้ำ รัสปูตินจึงสิ้นชื่อในที่สุด เขาไม่ได้ตายเพราะพิษหรือเพราะกระสุนปืน แต่ตายเพราะจมน้ำ และเพราะหนูกำจัดได้ยากยิ่งกว่าฆ่ารัสปูติน มันจึงถูกจัดในอันดับที่ 9 ของ 10 สุดยอดสัตว์จอมทรหดของเรา

อันดับที่ 8 นกแกนเน็ต
ทะเลคือสถานที่ที่อันตรายสุดขั้ว โดยเฉพาะถ้าคุณคือนกแกนเน็ต นกแกนเน็ตออสเตรเลเชี่ยน เป็นนักล่าปลาตัวฉกาจ แต่มีปัญหาอยู่อย่างคือมันจะจับปลากินยังไง ในเมื่อมันส่งเสียงร้องหรือทะเลอยู่ร้อยฟุต วิธีแก้ปัญหานั้นแสนง่าย แม้มันต้องเสี่ยงตาย นกแกนเน็ต จึงได้เป็นสัตว์จอมทรหดอันดับ 8 เพราะไม่มีสัตว์ตัวไหนในโลก ที่จะรอดชีวิตจากการดิ่งพสุธาลงทะเล ด้วยความเร็ว 90 ไมล์ต่อชั่วโมงได้ การพุ่งชนทุกอย่างด้วยความเร็วระดับนั้นอาจถึงขั้นตายได้ ถ้าคุณดิ่งลงทะเลด้วยความเร็วระดับนี้ ร่างกายคุณจะเละเป็นโจ๊ก แต่นกแกนเน็ต เป็นสุดยอดสัตว์จอมทรหดได้ ด้วยรูปลักษณ์อันแสนพิสดาร ที่รับประกันได้ว่ามันจะไม่จมน้ำ เพราะนกแกเน็ตไม่มีรูจมูก ซึ่งช่วยป้องกันจงอยปากของมันจากแรงกระแทกได้ดี ส่วนร่างกายของมันก็เต็มไปด้วยถุงลมที่อยู่ใต้ชั้นผิวหนัง ก่อนที่จะพุ่งลงน้ำ นกแกนเน็ตจะขยายถุงลมเหล่านั้นให้พอง เพื่อดูดซับความเจ็บจากแรงกระแทก

จะเป็นยังไงถ้ามีระบบนี้ติดในรถยนต์ เราต่างจากนกแกนเน็ต ตรงที่ร่างกายของคนเราไม่ได้ถูกสร้างมาเพื่อรองรับแรงกระแทก แล้วถ้าจะมีคนบางกลุ่มที่ต้องการดิ่งพสุธาลงน้ำ ด้วยความเร็วกว่า 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมงละ ขอต้อนรับสู่กีฬาอันสุดขั้วอย่างกีฬากระโดดหน้าผามืออาชีพ พวกเขากระโดดจากความสูงที่มากกว่ากีฬากระโดดน้ำโอลิมปิกถึง 2 เท่า และต้องกระแทกกับผิวน้ำแรงกว่าถึง 9 เท่า ถึงจะดูสนุก แต่กีฬากระโดดหน้าผาก็มีความอันตรายสูงมาก แม้แต่ก้าวแรกที่กระโดดลงไป ด้วยเหตุนี้นกแกนเน็ตจึงทำได้ดีเยี่ยม เพราะมันมีระบบรักษาความปลอดภัยอยู่ในร่างกาย และทนทานได้กับความเร็วระดับสูง

อันดับที่ 7 กัวนาโค่
จอมทรหดตัวต่อไปอยู่ในเทือกเขาแอนดิสแถบอเมริกาใต้ เจ้าตัวนี้เป็นญาติกับอูฐ ซึ่งไม่ได้อยู่รอดจากความร้อน แต่จากความสูง เชิญพบกับ กัวนาโค่ พวกมันจะอาศัยอยู่บนที่สูงเหนือระดับน้ำทะเลมากกว่า 5 กิโลเมตร บนที่ที่อากาศเบาบางจนแทบขาดใจ มีออกซิเจนแค่ 1 ใน 3 เมื่อเทียบกับความสูงระดับน้ำทะเล และด้วยเหตุนี้กัวนาโค่ จึงเป็นสัตว์จอมทรหดอันดับที่ 7 เพราะพวกมันสามารถปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อม ที่ทำให้มนุษย์อย่างเราอาจขาดใจตายได้

ลองคิดดูว่าถ้าหากคนถูกทิ้งให้อยู่บนภูเขาที่สูงกว่า 3000 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ในชั้นบรรยากาศที่แสนจะเบา ในชั้นบรรยากาศที่แสนจะเบาบาง อาจจะทำให้คุณเจ็บป่วยหรือหมดแรง เพราะอวัยวะทุกส่วนในร่างกายของคุณต้องการออกซิเจนที่เพียงพอ ในออกซิเจนนั้น อุดมไปด้วยเซลล์เม็ดเลือดแดง เลือดปริมาณ 1 ช้อนชาจะมีเซลล์เม็ดเลือดแดงอยู่ 19000 เซลล์ ฟังดูเหมือนเยอะแต่กลับอากาศเบาบางมันยังไม่มากพอ ด้วยเหตุนี้กีฬาปีนเขาจึงเป็นกีฬาที่อันตรายอย่างมาก บนความสูงกว่า 5000 เมตรจะทำให้คุณหายใจเร็วกว่าปกติถึง 4 เท่า แต่กระนั้นก็ยังไม่ได้รับออกซิเจนที่เพียงพอ จุดที่ทำให้คุณอาจถึงตายคือความสูงที่ 75000 ฟุต ระบบย่อยอาหารของคุณจะหยุด ออกซิเจนในตัวคุณจะค่อยๆหมดลง และเริ่มกลืนกินตัวเอง หากยังฝืนต่อไปคงแย่แน่ ลองคิดดูว่าถ้าเราเป็นเหมือนกัวนาโค่

มนุษย์ที่มีเลือดแบบกัวนาโค่นั้น จะมีเซลล์เม็ดเลือดแดงมากกว่าคนทั่วไปถึง 4 เท่า และเซลล์เม็ดเลือดแดงทุกเซลล์ก็ยาวกว่าเป็น 2 เท่า เซลล์เม็ดเลือดยิ่งมากก็ยิ่งสะสมออกซิเจนในที่ที่อากาศเบาบาง ดังนั้นกัวนาโค่จึงเหมาะจะอยู่อาศัยในพื้นที่ที่สูงกว่ามนุษย์เรา กัวนาโค่ เคยได้รับการพรรณนาว่า เป็นสัตว์รูปร่างพิลึกที่เกือบถูกจัดให้เป็นสัตว์ป่า แต่ความสามารถของมันยังต่ำกว่าเกณฑ์ แต่ก็เช่นเดียวกับสัตว์จอมทรหดอื่นๆ เมื่อถึงคราวต้องเอาตัวรอดอย่างถึงที่สุด สัตว์รูปร่างพิลึกนี้กับสอนบางอย่างให้เราได้

อันดับที่ 6 แมลงสาบ
หากหนูคือฝันร้ายที่สุดของคนเรา ฉะนั้นแมลงสาบก็เปรียบเสมือนกับฝันร้ายอันน่ากลัวของหนูอีกต่อหนึ่ง แมลงผู้เป็นทรราชนี้ ถูกจัดให้เป็นสัตว์จอมทรหดอันดับที่ 6 เพราะไม่ว่าเราจะจู่โจมมันด้วยอะไรมันก็รอดได้ทุกอย่าง ซึ่งก็ไม่แปลกเพราะมันมีหนวดที่ไวต่อประสาทสัมผัสอย่างมาก และมันมีสมองอยู่ที่กลางแผ่นหลัง แมลงสาบจึงหลบพ้นทุกอย่างที่พุ่งมาได้ นั่นเป็นเพราะพวกมันเรียนรู้มาอย่างโชกโชน ความจริงคือยาวนานกว่า 400 ล้านปี แมลงสาบกัดกินไดโนเสาร์มานานกว่าที่มันซุกอยู่ในห้องครัวของคุณเสียอีก

แต่มีห้องครัวแห่งหนึ่งในแถบชานเมืองของเนติค เมสซาซูเสตส์ ที่มีเรื่องเกี่ยวกับวีรกรรมการเอาตัวรอดของแมลงสาบ เมื่อ 30 ปีก่อน นักวิทยาศาสตร์ในฐานทัพภาคท้องถิ่น ได้ค้นคว้าศึกษา และทำการทดลองกับเหล่าแมลงสาบมาดากัสการ์ขนาดยักจำนวนหนึ่ง โดยการดมสารกัมมันตรังสีให้แมลงสาบเหล่านั้น แมลงสาบสามารถทนทานต่อสารกัมมันตรังสีได้มากกว่ามนุษย์ถึง 200 เท่า แต่ในตอนท้ายของการทดลอง นักวิทยาศาสตร์ถูกทิ้งให้อยู่กับกลุ่มแมลงสาบที่โดนสารกัมมันตรังสี พวกเขาจึงตัดสินใจ วางยาพิษแมลงสาบเหล่านั้น แล้วจัดการขังพวกมันไว้ในกระเป๋าพลาสติก เพื่อนำไปฝังกลบภายหลัง แต่ไม่ทราบว่าแมลงสาบเหล่านั้นได้หลุดออกมาเมื่อไหร่ พวกมันรอดพ้นจากยาพิษได้ และกัดกระเป๋าจนขาด ก่อนที่จะวิ่งพล่านไปมาอย่างบ้าคลั่ง มีบ้านหลังหนึ่งที่ในครอบครัวต้องกินแมลงสาบที่ถูกพิษเป็นอาหารเช้า ด้วยเหตุนี้กองทัพจึงมีการพิพากษาว่า วิธีเดียวที่จะฆ่าพวกมันได้ก็คือเอาค้อนทุบให้มันตาย แต่แม้กระนั้นคุณก็ต้องเล็งเป้าทุกมันให้ดีๆ เพราะแมลงสาบสามารถอยู่ได้ถึง 1 เดือนโดยที่ไม่มีหัว ก่อนจะตายลงด้วยความโหยหิว จุดเด่นของแมลงสาบคือพวกมันแกร่งเกินพิกัด เพราะการจะกำจัดมันให้พ้นนั้นทำได้ยากมาก คนส่วนใหญ่คิดว่าแมลงสาบเป็นสัตว์ที่น่ารังเกียจ

อันดับที่ 5 หนอนท่อ
ถ้าขาดท่อหายใจใต้น้ำ ก็ไม่มีทางเจอสัตว์ในอันดับที่ 5 ต้องใช้อุปกรณ์อย่างแอลวิน แอลวินคือยานพาหนะที่ใช้สำรวจใต้ท้องทะเลลึก ทะเลลึกก็เปรียบเสมือนกับอวกาศอันกว้างไกล มืดมิดอันตรายและลึกลับ แอลวินจึงถูกสร้างขึ้นมา เพื่อให้สามารถทนทานต่อสภาพแวดล้อมทุกอย่างที่ธรรมชาติกระหน่ำเข้าหาเรา ลองนึกภาพคุณที่ดำดิ่งลงสู่ใต้ทะเลลึกกว่า 2 กิโลเมตรครึ่ง ลึกลงไปเพียงไม่กี่ร้อยเมตรแสงอาทิตย์ก็อันตรธานหายไป ไม่มีสิ่งมีชีวิตใดอยู่รอดในนั้นได้ แต่จากนั้นเมื่อผ่านของเสียทั้งหมดไป คุณก็จะพบภูเขาไฟขนาดเล็กรอการปะทุ เป็นปล่องเล็กๆที่เรียกว่า ปล่องควันดำ ซึ่งจะพ่นสารพิษอันร้อนแรงให้เกิดมลภาวะต่อท้องทะเล บริเวณนั้นจะต้องมีสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งจริงถึงจะอยู่รอดได้ ฉันต้องแข็งแกร่งพอๆกับ เจ้าหนอนท่อ หนอนท่อนับเป็นสัตว์ที่แปลกประหลาดอย่างมาก ในตัวมันมีแบคทีเรียหลายพันล้านตัว ซึ่งสามารถพ่นสารเคมีที่เป็นพิษสีดำออกมา เป็นอาหารให้กับหนอน ด้วยเหตุนี้จึงทำให้หนอนท่อไม่มีปาก ไม่มีท้อง และไม่มีแผ่นหลัง แต่มันก็ยังอยู่รอดในสภาพแวดล้อมอันโหดร้าย ที่สามารถฆ่าสัตว์ชนิดอื่นได้อย่างสบาย ลองคิดดูว่าถ้าคุณแข็งแกร่งพอๆกับหนอนท่อ คุณจะสามารถนอนแช่น้ำส้มสายชูไปได้ตลอดชีวิต เช่นเดียวกับน้ำกรดที่พ่นออกมาจากปล่องควันดำ และยังสามารถหายใจได้ด้วยไฮโดรเจนซัลไฟด์ แก๊สที่มีพิษร้ายเท่าไซยาไนด์ เท้าของคุณอาจอยู่ในน้ำได้แค่เหนือจุดเยือกแข็ง แต่หัวของคุณอาจกลายเป็นอาหารได้จากน้ำร้อนระอุที่พ่นออกมาจากปล่องควัน แต่ที่ร้ายแรงถึงชีวิต คือแรงดันระดับสุดยอดของน้ำที่ถังโถมมาจากทุกทิศทาง เรากับว่าต้องหายใจโดยมีวาฬสีน้ำเงินทับหน้าอกคุณไว้ แรงดันของน้ำจะเพิ่มขึ้น 200 กิโลกรัมต่อ 1 ตารางเซนติเมตร

อันดับที่ 4 หมีขั้วโลก
ขอต้อนรับสู่ทวีปอาร์กติก ในดินแดนธารน้ำแข็งนี้ สัตว์ที่อาศัยอยู่จะต้องหาวิธีเอาตัวรอดจากความหนาวสุดขั้ว โดยทั่วไปแล้วหมีขั้วโลกจะมีชั้นไขมันที่หนาถึง 20 เซนติเมตร และมีขนที่ให้ความอบอุ่นถึง 2 ชั้น ที่จริงนั้นหมีขั้วโลกตัวเต็มวัยต้องทนทุกข์กับอากาศร้อนในฤดูร้อน มากกว่าทนหนาวในฤดูหนาว แต่ลูกหมีไม่ได้มีฉันขนที่หนาขนาดนั้น ด้วยเหตุนี้แม่หมีที่ตั้งท้องอยู่จึงต้องหาหนทางอื่น เพื่อหนีสภาพอากาศอันเลวร้ายของอาร์กติก แม่หมีจึงลงไปที่ใต้พื้นดิน นักชีววิทยาในอลาสก้า สตีฟ แอมสตรัฟ กำลังค้นหาทำของแม่หมีขั้วโลกอยู่ ลึกลงไปใต้ถ้ำหิมะนี้ เป็นที่ที่แม่หมีขั้วโลกใช้หมกตัว ให้พ้นจากสภาพอากาศหนาวอันเลวร้ายในอาร์กติก แม่หมีขั้วโลกจะเก็บตัวอยู่ในถ้ำนานถึง 4 เดือน สงวนพลังงานไว้ โดยการลงไปจำศีลในที่ที่ลึกที่สุด อัตราการเต้นของหัวใจมันลดเหลือ 8 ครั้งต่อนาที ส่วนระบบเผาผลาญในร่างกายมันจะช้าลงกว่าปกติครึ่งหนึ่ง และมันจะตกลูกในขณะที่ยังจำศีลอยู่ แต่เหตุผลที่หมีขั้วโลกได้เป็นสัตว์จอมทรหดอันดับที่ 4 นั้น เป็นเพราะว่าในระหว่างที่มันกำลังจำศีลอยู่ตลอด 4 เดือนเต็ม มันจะไม่ยอมถ่ายหนักหรือถ่ายเบาเลย แม้แต่ครั้งเดียว ไม่เพียงแต่ความอดทนในระดับสุดยอดเท่านั้น แต่ยังเป็นเรื่องที่นักวิทยาศาสตร์สนใจอย่างมากด้วย

นั่นเพราะนักวิทยาศาสตร์เชื่อว่า หมีถูกสร้างให้มีความสามารถในด้านความอดทนอดกลั้น ซึ่งอาจช่วยเหลือคนที่เจ็บป่วยได้ เพราะสิ่งสำคัญอยู่ที่การตามหาความลับของระบบเผาผลาญในตัวของหมีขั้วโลก นักวิทยาศาสตร์ต้องคอยสังเกตหมีขั้วโลก ที่ถูกคุมตัวไว้อย่างใกล้ชิด เพราะพวกมันเป็นนักรีไซเคิลตัวยง แทนที่จะลุกไปถ่ายของเสีย หมีที่จำศีลอยู่จะเปลี่ยนของเสียให้เป็นโปรตีน บางครั้งมีขั้วโลกจะแบ่งของเสียบางส่วนให้กลายเป็นโมเลกุล และแปรเปลี่ยนของเสียเหล่านั้นให้กลายเป็นพลังงานเคมี ที่เสริมสร้างทางร่างกายให้กับพวกมัน นักวิทยาศาสตร์จึงหวังว่าหากวิเคราะห์ระบบรีไซเคิลที่อยู่ในตัวหมีได้สำเร็จ จ๊ะ ก็จะสามารถสร้างตัวยาที่รักษาโรคไตได้ ผู้ป่วยจะได้นำของเสียมาใช้ใหม่ ดีกว่าต้องอาศัยเครื่องกรองเลือด เพื่อหาเลือดมาเติมให้ในตัวพวกเขา แต่การที่หมีขั้วโลกต้องท้องผูกอย่างถึงที่สุดนั้น คงไม่ใช่ตัวอย่างที่ดีสำหรับคนทุกคน

อันดับที่ 3 เพนกวินจักรพรรดิ
ที่แอนตาร์กติก้า ความหนาวได้แผ่คลุมไปทุกอาณาบริเวณ และในบางแห่งก็มีอุณหภูมิโดยเฉลี่ยอยู่เพียงแค่ - 72 องศาเซลเซียสเท่านั้น และจุดที่หนาวที่สุดจนถูกบันทึกให้เป็นสถิติโลก คือ - 129 องศาเซลเซียส มีกลุ่มคนเพียงแค่หยิบมือที่ใช้ชีวิตใต้ลมหนาวของแอนตาร์กติกา ยิ่งกว่านั้นด้วยอุณหภูมิระดับนี้ ไม่ถึงนาทีก็ทำให้ผิวหนังลอกเป็นน้ำแข็งได้ สัตว์จอมทรหดอันดับที่ 3 ได้ตบเท้าเดินเข้ามาแล้ว พวกมันคือเหล่าเพนกวินจักรพรรดิ ในช่วงแรกเริ่มของฤดูหนาว เมื่อทะเลเย็นจนเป็นน้ำแข็ง และจับตัวกันได้แน่นหนาพอ สัดส่วนใหญ่ก็มุ่งหน้าสู่ทางเหนือเพื่อหาที่อบอุ่น ยกเว้นเหล่าเพนกวินจักรพรรดิ

เพราะสุดยอดจอมทรหดสายพันธุ์นี้ พวกมันได้ตัดสินใจผสมพันธุ์ในที่ที่หนาวที่สุดในโลก พวกมันเดินและคลานเป็นระยะทางไกลกว่า 80 กิโลเมตร เพื่อหาแหล่งผสมพันธุ์ พวกมันจะเกาะกลุ่มกันไว้ เพื่อหลบพ้นภัยลมหนาว เพนกวินตัวเมียจะวางขายตัวละ 1 ฟอง ก่อนที่จะทิ้งให้ตัวผู้ดูแลไข่ บรรดาคุณพ่อเลี้ยงเดี่ยวทั้งหลายจะต้องเผชิญหน้ากับความมืดมิดไป ตลอดช่วงฤดูหนาวในทวีปแอนตาร์กติกา แต่เหล่าตัวผู้ก็มีปัญหาอย่างหนึ่ง คือพวกมันไม่มีวัสดุที่จะใช้สร้างรังในการหลบภัยความหนาว พวกมันจึงสร้างรังขึ้นด้วยเท้าของตัวเอง พวกมันจะประคองไข่ของลูกรักเอาไว้ที่ปลายยอดนิ้วเท้า และปกป้องไข่เอาไว้ด้วยไออุ่นจากผิวหนัง จากนั้นก็ยืนกกไข่ไว้ตลอดหน้าหนาว พวกเราตัวผู้ยืนแข็งทื่อเป็นเวลากว่า 65 วัน และคอยกกไข่เอาไว้แม้จะต้องเผชิญกับอุณหภูมิที่หนาวสุดขั้ว ลมกรรโชก และพายุหิมะอันแรงกล้า จนผ่านอุปสรรคเหล่านี้มาได้ทั้งหมด โดยที่พวกมันไม่ได้กินอาหารแม้แต่คำเดียว

เมื่อพระอาทิตย์กลับมาส่องแสงอีกครั้ง คือช่วงผ่อนคลายครั้งสำคัญ สำหรับใครก็ตามที่อยู่กับน้ำแข็งตลอดหน้าหนาว ฤดูใบไม้ผลิมาเยือน เป็นสัญญาณให้กลุ่มฐานสก็อตจัดงานอาบน้ำแข็งประจำปีขึ้น กติกาง่ายๆก็คือต้องถอดเสื้อผ้า และโดดลงไปในช่องน้ำแข็งจนมิดหัว แต่ไม่ควรแช่น้ำแข็งนานเนื่องจากน้ำเย็นจัดนั้น จะหยุดความร้อนในร่างกายเราได้เร็วกว่าลมหนาวถึง 32 เท่า การแช่น้ำเย็นจัด จะทำให้หัวใจคุณหยุดเต้นได้เพียงไม่กี่นาที

แต่ยังมีเรื่องราวของการเอาตัวรอดสุดชีวิต มีนาคม 1975 หนุ่มชาวมิชิแกนวัย 18 ปี ได้เผลอเดินจนพลัดตกลงไปในธารน้ำแข็ง เขาจมอยู่ในน้ำที่มีความเย็นจัดนานถึง 38 นาที เมื่อหน่วยกู้ภัยชุดร่างของเขาขึ้นมาจากน้ำ ชีพจรเขาก็หยุดเต้นแล้ว ขณะนำตัวส่งห้องดับจิต เขาก็กลับฟื้นขึ้นมาอย่างกะทันหัน เขารอดเพราะปฏิกิริยาของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ที่ปิดการแทบทุกระบบการทำงานของร่างกาย ยกเว้นระบบสำคัญที่ช่วยให้หัวใจและสมองยังทำงานอยู่ ใต้ผิวน้ำที่หนาวสุดขั้วนั้น ยังอาจช่วยให้มนุษย์หรือแม้แต่นักดำน้ำผู้เชี่ยวชาญ รอดชีวิตได้เป็นเวลานาน ฉะนั้นความแข็งแกร่งของเพนกวินจักรพรรดิ ก็อาจเป็นเพราะร่างกายของมนุษย์ระดับกระแสเลือดลง ให้เหลือแค่อวัยวะที่จำเป็น พวกมันจึงสามารถอยู่ใต้น้ำที่เย็นจัดได้ถึง 20 นาทีโดยหายใจเพียงครั้งเดียว เมื่อขึ้นมาบนธารน้ำแข็ง เพนกวินจักรพรรดิตัวเมียจะกลับไปหาตัวผู้ที่ยังหิวโหย โชคดีที่ตัวเมียคอยหาอาหารอยู่ตลอดหน้าหนาว เพราะลูกของพวกมันได้ฟักไข่ออกมา และอ้าปากกินอาหารได้แล้ว เพื่อรอดชีวิตในดินแดนธารน้ำแข็ง คุณต้องแข็งแกร่งพอ แต่เราเพนกวินจักรพรรดิก็ต้องอาศัยลำแข้งของมันเอง และหากพลัดตกลงไปในน้ำแข็ง พวกมันก็จะแข็งตายภายในเวลา 2 นาที

อันดับที่ 2 แมลงวีต้า
บนเทือกเขาแห่งนิวซีแลนด์ ยังมีสัตว์จอมทรหดอันดับ 2 อยู่ พวกมันก็มีวิธีเอาตัวรอดจากภัยหนาวได้อย่างมหัศจรรย์สุดๆ มันคือแมลงขนาดยักษ์ในตระกูลจิ้งหรีด แมลงวีต้า สุดยอดแมลงผู้แข็งแกร่ง มีเปลือกแข็งหุ้มทั่วทั้งลำตัว ฟันแข็งแกร่งและคมกริช แต่ที่มันต่างจากหมีขั้วโลกกับเพนกวินคือมันเป็นสัตว์เลือดเย็น และเมื่ออุณหภูมิต่ำลง เจ้า เจ้าวีต้าจะออกโรง แมลงวีต้ามักโดนแช่แข็งอยู่บ่อยครั้ง หัวใจของมันจะหยุดเต้น การทำงานทุกอย่างในสมองจะหยุดลง เช่นเดียวกับร่างของมันที่กลายเป็นน้ำแข็ง เป็นเช่นนี้บ่อยครั้งหลายเดือนติดต่อกัน ซึ่งต้องเป็นสัตว์ที่พิเศษที่สุดจริงๆ จึงจะรอดในสภาวะเยือกแข็งเช่นนี้ เพราะสัตว์ทั่วไป อย่างเก่งก็คงหายใจต่อได้เพียงแค่ไม่กี่นาที แต่ไม่ใช่กับวีต้า

ถ้าคนเราโดนผลึกน้ำแข็งจับทำตัวเข้าเมื่อไหร่ เห็นทีคงจะรอดยาก เพราะผลึกน้ำแข็งนั้นใหญ่แหลมและคมจนบาดเนื้อ ในยามที่นักปีนเขาโดนผลึกน้ำแข็งจับตามตัวมักเรียกอาการนี้ว่าเนื้อเยื่อตาย ผลึกน้ำแข็งจะทำลายเซลล์ทุกเซลล์ที่โดน เพราะมันจะทำให้เยื่อหุ้มเซลล์แตกออกจากกัน ความเย็นจัดก็ทำให้เนื้อเยื่อตายได้แม้จะอยู่ในที่อบอุ่น เซลล์ทุกเซลล์จะถูกทำลายจนตายลง จนเนื้อเยื่อที่ตายกลายเป็นเนื้อร้ายที่ต้องตัดทิ้ง แต่สิ่งเหล่านี้ไม่มีผลกับแมลงวีต้า เพราะทันทีที่น้ำแข็งละลาย พวกมันก็จะฟื้นคืนจากความตาย เนื้อเยื่อของมันไม่กาย มันไม่ถูกทำลาย แมลงวีต้าก็แค่หยุดเคลื่อนไหวไปเพียงชั่วครู่ชั่วคราวเท่านั้น แม้แต่นักวิทยาศาสตร์ก็ยังไม่พบคำตอบว่าพวกมันรอดได้อย่างไร

อันดับที่ 1 หมีน้ำ
สัตว์ที่ได้ชื่อว่าเป็นจอมทรหดอันดับที่ 1 นั้น เป็นสัตว์ที่คุณสามารถหาพวกมันเจอได้ทั่วทุกที่บนโลกใบนี้ ตั้งแต่ก้นสมุทร จนสูงสุดของเทือกเขาหิมาลัย มันอยู่รอดได้แม้ในอากาศร้อนจัด หรือหนาวเย็นจนเป็นน้ำแข็งในอาร์กติก หรือแม้แต่ในทะเลทราย และในป่าฝนเขตร้อน คุณจะสามารถพบสัตว์จอมทรหดอันดับหนึ่งได้ในทุกที่ที่มีหญ้ามอสหรือเห็ดราขึ้น อุปสรรคเดียวที่สัตว์จอมทรหดอันดับหนึ่งนี้มีอยู่ก็คือพวกมันตัวเล็กเกินไป ขอเชิญพบกับสัตว์จอมทรหดอันดับที่ 1 นั่นคือ เจ้าหมีน้ำ หมีน้ำตัวเล็กเกินไปจนมองด้วยตาเปล่าไม่เห็น แต่เมื่อลองมองมันดีๆจะพบว่า มันก็น่ารัก เหมือนตุ๊กตาหมีตัวน้อย โดยปกติแล้วเจ้าสัตว์ตัวจิ๋วชนิดนี้ จะเคลื่อนไหวโดยใช้ขาเล็กๆอ้วนท้วนทั้ง 4 คู่ คอยดูดน้ำเลี้ยงจากหญ้ามอสและเห็ดรา แต่เมื่อถึงคราวต้องเอาตัวรอด คำถามคือหนีน้ำที่ดูน่ารักและอ่อนแอนี้ จะแกร่งกว่าหมีกริซลี่ได้อย่างไร

หมีน้ำได้ขึ้นแท่นเป็นสัตว์จอมทรหดอันดับที่ 1 ของโลกได้ เพราะในยามที่สภาพแวดล้อมอันโหดร้าย จะมีผลให้สัตว์ตัวจิ๋วเหล่านี้ ต้องขดตัวและตายลง พวกมันต้องสูญเสียน้ำไปถึง 99 เปอร์เซ็นต์ และเข้าสู่สภาวะหยุดการเคลื่อนไหวโดยสิ้นเชิง พูดง่ายๆก็คือหมีน้ำกำลังจะแข็งตัวนั่นเอง พวกมันจะหดตัวหดแขนและขาเอาไว้ ปิดระบบการทำงานทุกอย่างในตัวจนกว่าสภาพแวดล้อมจะดีขึ้น เมื่อเข้าสู่สภาวะนี้ สิ่งแวดล้อมอันเลวร้ายก็ทำอะไรพวกมันไม่ได้ ลองคิดดูว่าถ้าคุณแข็งแกร่งพอพอๆกับหมีน้ำ เมื่อสภาพแวดล้อมเริ่มเย็นลง ที่คุณต้องทำก็คือหดตัวลง และปล่อยให้น้ำในร่างกายสูญเสียไปจนเกือบหมด คุณได้เข้าสู่สภาวะหยุดการเคลื่อนไหวไปแล้ว ดังนั้นความหนาวเย็นจึงไม่มีผล มีน้ำสามารถรอดชีวิตในจุดที่มีอุณหภูมิต่ำกว่าลบ 200 องศาเซลเซียสได้สบาย และแม้แต่สภาพอากาศที่ร้อนจัดก็ไม่เป็นผล เพราะมีน้ำสามารถอยู่รอดในอุณหภูมิที่สูงกว่า 150 องศาเซลเซียสได้

หรือลองคิดดูว่าถ้ามนุษย์ไปอยู่ใกล้กับวัตถุที่มีกัมมันตภาพรังสี คุณต้องเจอกับแรงลมปะทะของนิวเคลียร์ ที่มีความเร็วมากกว่า 200 กิโลเมตร และสารพิษอันร้ายแรง ที่อาจจะทำให้คุณตายได้ แรงพอพอๆกับรังสี x 500 สาย หากคิดตามมาตรวัดของกัมมันตภาพรังสี แต่กลับเจ้าหมีน้ำผู้ทนทายาดนั้น สามารถเอาตัวรอดจากสภาพที่เลวร้ายกว่านั้นได้มากกว่าเป็นพันเท่า รายการอยู่ในทะเลทรายก็ไม่มีปัญหาต่อหมีน้ำแต่อย่างใด หากไม่มีน้ำดื่ม มนุษย์ส่วนใหญ่ต้องตายภายในเวลาไม่เกิน 2 วัน แม้แต่ตูดก็ยังไม่แข็งแกร่งเทียบเท่ากับหมีน้ำผู้ทรหดเป็นเลิศ ในอดีตกาลนั้นมีน้ำตัวหนึ่งเคยถูกจับมาทดลองให้อยู่กับย่ามอสที่แห้งเฉาแล้ว มันกลับฟื้นคืนชีวิตอีกครั้ง หลังจากที่นักวิทยาศาสตร์เติมน้ำให้กับหญ้ามอส และในอีก 120 ปีต่อมา ความทรหดอดทนของหมีน้ำไม่เพียงแต่อยู่บนโลกนี้เท่านั้น เพราะมันยังอยู่รอดได้แม้แต่ในโอกาสที่เต็มไปด้วยสูญญากาศ ดูท่าว่าคุณจะตัดสินสัตว์ชนิดนี้ จากรูปร่างอันเล็กจิ๋วและอ่อนโยนของมันไม่ได้เลย ที่สุดแล้วหากพูดถึงความทรหดอดทนต้องให้หมีน้ำ เป็นสุดยอดที่สุดในอาณาจักรสัตว์

บทความแนะนำ

10 อันดับการคิดค้นของสัตว์ อัจฉริยะจอมโฉดมือระเบิดต่อเนื่องยูนาบอมเบอร์ อาชญากรรมดำดิน เอล ชาโป กุซมัน หนทางที่สตีฟ จ๊อบส์ เปลี่ยนแปลงโลก 10 อันดับสัตว์มีพิษ 10 อันดับสัตว์สถาปนิก 10 อันดับสัตว์สุดยอดคุณพ่อ 10 อันดับสัตว์ยอดแหยะ

เมนูอาหาร ภัยอันตราย บทความสุขภาพ บทความวิทยาศาสตร์ เรื่องเล่าสยองขวัญ บทความชีวิตสัตว์ บทความประวัติศาสตร์ จัดอันดับ, สิบอันดับ, 10 อันดับ, ที่สุดในโลก จัดอันดับ, 10 อันดับ, เรื่องสยองขวัญ, เรื่องเล่าสยองขวัญ, ดูดวง, นิทาน, ภัยอันตราย, สมุนไพร, สุขภาพ


อาชญากรรมดำดิน เอล ชาโป กุซมัน

อาชญากรรมดำดิน เอล ชาโป กุซมัน


ราชายาเสพติดที่ทรงอิทธิพลที่สุดในโลก ทำเงินนับพันล้านจากการขนยาเสพติดเข้าสหรัฐ โดยไม่ได้ข้ามพรมแดนได้อย่างไร ก็ดำดินไปไงล่ะ



ที่ อกวา พริเอต้า (Aqua Prieta) เม็กซิโก 19 พฤษภาคม 1990 ห่างจากพรมแดนสหรัฐแค่เอื้อม ตำรวจเม็กซิกันได้รับรายงานจากสายข่าวในท้องถิ่น ให้บุกบ้านทนาย เหมือนจะไม่มีอะไรผิดกฎหมาย จนกระทั้งหนึ่งในเจ้าหน้าที่ลองเปิดก๊อกน้ำในสนามหญ้า ทันใดนั้นแรงดันน้ำก็ผลักดันให้ระบบไฮดรอลิกภายในบ้านทำงาน ในห้องเกมโต๊ะพูลได้ยกตัวสูงขึ้น ตอนนั้นประตูลับที่อยู่ใต้โต๊ะพูก็เปิดออก อยู่ตรงกลางบ้านเลยเหมือนกับในหนังเลย เมื่อโต๊ะเลื่อนขึ้นจนสูงมากพอ เจ้าหน้าที่เห็นช่องที่ต้องไต่บันไดลงไป 30 ฟุต ซึ่งมันก็คือปากประตูอุโมงค์ยาเสพติดยักษ์

ในนั้นมีครบครันทั้งบันได ไฟส่องสว่าง ปล่องระบายอากาศ ตลอดความยาว 4 กิโลเมตร มันไม่เคยมีแบบนี้มาก่อน ทางการรู้เป็นอย่างดีว่ามีคนเดียวที่ทำได้ขนาดนี้ คือราชายาเสพติดนานาชาติ เอลชาโป

เอล ชาโป กุซมัน เป็นนักค้ายาเสพติดที่ทางการเม็กซิโกต้องการตัวที่สุด และเป็นราชายาเสพติดที่ทรงอิทธิพลที่สุด โจควิน กุซมัน โลเอร่า (Joaquin  Guzman Loera) เติบโตในเม็กซิโกทศวรรษที่ 60 ได้รับฉายาว่า EL chapo หรือเจ้าเตี้ยในภาษาสเปน เมื่อเขาอายุได้ 15 เขาเริ่มบริหารไร่กัญชาของตัวเองในซินาโลอา (Sinaloa) นี่คือดินแดนแห่งการค้ายา เจ้าพ่อค้ายาชื่อกระฉ่อนแต่มาจาก ซินาโลอา มันเหมือนกับเป็นดินแดนแห่งแก๊งมาเฟียยุคดั้งเดิม


เอล ชาโปเริ่มเกเรมาตั้งแต่เป็นวัยรุ่น เขาตัดสินใจว่า ยาเสพติดจะเป็นหนทางให้เขาร่ำรวยได้ คุณจะเป็นใหญ่ก็ด้วยความกลัว การขู่กรรโชก และความรุนแรงนั่นเอง

เขาไต่เต้าขึ้นมาในขบวนการค้ายาในกัวดาราฮาร่า EL chapo มีชื่อเสียงอันร่ำลือเรื่องการปฏิบัติการอันเฉียบแหลม คอยควบคุมการลำเลียงยาเสพติดด้วยวิธีการอันซับซ้อนเข้าสหรัฐ หลายคนอาจจะคิดว่าเพราะคุณพกปืนผาหน้าไม้ เพราะคุณแข็งแรง เพราะโตมาข้างถนน จึงมาเป็นนักค้ายา แต่เอลชาโปไม่ใช่ หมอนี่ฉลาดเป็นกรด ขณะที่พวกขนยาปลายแถวซ่อนยาเอาไว้ในกระป๋องกาแฟ หรือของเด็กเล่น เอลชาโปเล่นของใหญ่อย่างใจถึง เขาไม่ใช่แค่ขนโคเคนจากโคลัมเบียมาทางเครื่องบิน แต่เขามีทั้งกองบิน ตามรายงานระบุว่าเขาน่าจะมีเครื่องบินเกิน 500 ลำ เรียกได้ว่าแทบจะครองน่านฟ้าเลย แต่การยกระดับกิจการขึ้นอีกขั้น และนำหน้า fbi หนึ่งก้าวเสมอ เอลชาโปได้คิดแผนลักลอบขนยาขึ้นใหม่ทั้งหมด เขาคิดขึ้นมาว่าเราใช้วิธีแบบคนงานเหมืองได้นี่ ด้วยการขนยาลอดผ่านพรมแดนมาทางใต้ดิน

เอล ชาโป (El Chapo) ราชายาเสพติดโลก อุโมงค์ที่ใช้ขนยา

การสร้างอุโมงค์ส่งยาที่ล้ำยุคที่สุดในโลก EL chapo สร้างทีมวิศวกรผู้เชี่ยวชาญสร้างอุโมงค์สูง 5 ฟุต ลึก 30 ฟุตใต้พื้นดิน ซึ่งเริ่มจากทางใต้ของพรมแดนสหรัฐเม็กซิโก ในหมู่บ้านอะกวาพริเอต้า ซึ่งเหยียดยาวเข้าไปถึง 200 ฟุตในอริโซน่า วิทยาการล้ำยุคที่เอลชาโปต้องการ ค่าก่อสร้างจึงสูงถึง 1.5 ล้านดอลลาร์ ความท้าทายแรกคืออุโมงค์ต้องใช้เส้นทางที่สั้นที่สุด เมื่ออยู่ใต้ดินจึงเป็นงานที่พูดได้ว่า พูดง่ายกว่าทำ

เวลาทำงานเจาะใต้พื้นดิน คุณอาจจะเฉออกข้าง ทิ่มลงดิน หรือว่าเป๋ไปมา คุณจึงต้องขนพวกอุปกรณ์รังวัด เพื่อดูว่าจะสามารถเจาะเป็นเส้นตรงได้ตลอดเวลา ขณะทำงานอยู่ใต้ดิน วิศวกรของเอลชาโป ต้องตรวจสอบมุมและทิศทางของอุโมงค์ ด้วยเครื่องมือใช้ส่องที่เรียกว่ากล้องประมวลผลรวม อุปกรณ์นี้จะยิงเลเซอร์เข้าไปที่สุดกำแพงอุโมงค์ เลเซอร์จะสะท้อนกลับมาว่าพวกเขาจะเป็นเส้นตรงไหม ที่ต้องทำแบบนี้เพราะ gps ใช้ใต้ดินไม่ได้

เวลาคุณเจาะพื้นดินลงไปเป็นช่อง เป็นปล่อง หรืออุโมงค์ ในนั้นจะทั้งอึดอัดทั้งชื้น ไม่นานก็จะเต็มไปด้วยคาร์บอนไดออกไซด์ ที่คุณพ่นออกมา คุณจะต้องปั๊มอากาศเข้าไป การเจาะอุโมงค์ใต้ดินจึงต้องติดตั้งระบบระบายอากาศ

อุโมงค์ระบายอากาศด้วยท่อลม ซึ่งมีปั๊มระบบวงรอบ ที่ทำอัดอากาศและให้แสงสว่าง ภายในอุโมงค์เดินระบบไฟฟ้าด้วยท่อพลาสติก จะปรับทางบนบ้านในอะกวาพริเอต้า โครงการนี้ใช้กำลังคนอย่างมหาศาล คุณต้องมีคนงานที่คอยขนดินออกจากอุโมงค์ ไหนจะต้องขนไม้มาค้ำยัน ทั้งเครื่องมือนั่นโน่นนี่ และคนงานที่ไม่ใช่แค่คนสองคน จะต้องลงกันไปเป็นร้อยคน

หลังทำการก่อสร้างอยู่ 1 ปี อุโมงค์อันซับซ้อนของเอลชาโป มีความยาวเท่ากับสนามฟุตบอล และทอดตัวอยู่ใต้เส้นพรมแดนสหรัฐเม็กซิโก อุโมงเริ่มจากบ้านในอะกวาพริเอต้า ไปถึงโกดังในดัลลัส อริโซน่า สิ่งที่น่าตกตะลึงมากกว่าตัวอุโมงค์ก็คือ ปริมาณของยาเสพติดที่ขนถ่ายกันในระยะ 6 เดือนแรก ที่เปิดใช้อุโมงค์ มีรายงานว่ามีการขนถ่ายโคเคนจำนวน 144 ตันผ่านทางอุโมงค์นี้

อเมริกาเป็นผู้บริโภคยาเสพติดรายใหญ่ของโลก ส่วนเม็กซิโกเป็นหนึ่งในผู้ผลิตยาเสพติดรายใหญ่ของโลก การเป็นเพื่อนบ้านกันก็เป็นเหมือนกับอุปสงค์อุปทานอย่างดี เมื่อหย่าข้ามพรมแดนไปอย่างเรียบร้อยก็จะถูกกระจายไปอย่างรวดเร็ว ตามเครือข่ายของเอลชาโปที่ทำงานอยู่ในอเมริกา เมื่อขายยาแล้วก็ต้องได้เงินซึ่งเงินทั้งหมดก็จะถูกรวบรวมแล้วส่งกลับมาที่เม็กซิโก เป็นเวลาเกิดปีที่เอลชาโปขนยาเสพติดผ่านอุโมงค์อย่างราบรื่น จนเมื่อตำรวจเม็กซิโกพบประตูทางเข้าไฮดรอลิก เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 1990 และปิดมันลง แต่ราชายานรกที่หายเข้ากลีบเมฆได้เตรียมแผนสำรองไว้สำหรับเรื่องนี้แล้ว วิศวกรของเขาออกแบบอุโมงค์ขนยาไว้ที่อื่นด้วย ไล่ยังไงก็ไม่มีทางทันเพราะมันมีอยู่ทั่วไปหมด ตลอดสองทศวรรษที่ผ่านมา อุโมงค์ของเอลชาโปปฏิวัติวิธีการส่งยาทั่วโลก เข้ายึดแก๊งค้ายา sinaloa แล้วเปลี่ยนมันเป็นธุรกิจ 3 พันล้านดอลลาร์ต่อปี ปี 2013 เขากลายเป็นศัตรูหมายเลข 1 ของประชาชนสหรัฐ เป็นอาชญากรคนแรกที่เป็นตัวอันตรายต่อจากอัลคาโปน ดูเหมือนว่างานของเอลชาโป ส่วนหนึ่งก็คือต้องคิดหาวิธีการที่จะคอยนำหน้าทางการอยู่หนึ่งก้าวเสมอ หลังตามตัวเขาอยู่หลายปีวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2014 fbi ก็ล้อมจับเอลชาโปได้สำเร็จ โดยจับกุมได้ที่เมืองตากอากาศของเม็กซิโกชื่อมาซัทลาน(Mazatlan ) และส่งไปยังเรือนจำความมั่นคงสูงสุดอัลติพลาโน่(Altiplano) หรืออัลคาทราซของเม็กซิโก

เอล ชาโป (El Chapo) ราชายาเสพติดโลก

อัลติพลาโน่ ไปทางตะวันตกของเม็กซิโกซิตี้ ประมาณ 50 ไมล์ เป็นหนึ่งในคุกที่ดีที่สุดของเม็กซิโก มันคือคุกไฮเทคของเม็กซิโก เหนือขึ้นไปจากคุกเป็นน่านฟ้าปิด ห้ามเครื่องบินผ่านตรงนั้นอย่างเด็ดขาด แต่เอลชาโปไม่ตั้งใจจะไปนอนในคุกนานอยู่แล้ว

หลังจากเปลี่ยนแก๊งค์ค้ายาในซินาโลอา เป็นธุรกิจค้ายาที่ทำเงินได้มากกว่า 3000 ล้านดอลลาร์ต่อปี EL chapo guzman เป็นราชายาเสพติดที่รวยและส่งอิทธิพลคนหนึ่งของโลก และเขาถูกจับกุมในเดือนกุมภาพันธ์ปี 2014 ทั้งการเม็กซิโกก็รวบตัวเจ้าพ่อคนนี้ได้ และจับขังอยู่ที่เรือนจำความมั่นคงสูงสุดอัลติปลาโน หลังลูกกรง al chapo เจอความท้าทายที่ใหญ่กว่าเดิม จะมีการส่งผู้ร้ายข้ามแดน รัฐบาลสหรัฐจะเล่นงานเขาในฐานะพ่อค้ายา ฝันร้ายของผู้ค้ายาทุกคนคือการโดนส่งตัวมารับโทษยังสหรัฐ เพราะขบวนการและอำนาจของเขาจะสิ้นสุด เพื่อเลี่ยงการถูกดำเนินคดีในสหรัฐอเมริกา ชายผู้เลื่องชื่อในการขุดอุโมงค์ เหลือทางเลือกเดียวคือขุดอุโมงค์อีก และเป็นอีกครั้งที่มีการวางแผนก่อนลงมืออย่างดี

รายงานอ้างว่าวิศวกรของอัลชาโปเรียนจบมาจากเยอรมนี เห็นได้ชัดว่าปฏิบัติการแหกคุกนี้ทุ่มไม่อั้นเลย เส้นทางหลบหนีกระหึ่มโลก จะอยู่ใต้พื้นดิน 30 ฟุต พร้อมความยาวเกือบ 1 ไมล์ หรือเทียบเท่า 13 สนามฟุตบอล สนนราคาราว 5 ล้านดอลลาร์ แต่ก็มีอุปสรรคทางธรณีวิทยาขวางอยู่ เพราะอัลติปลาโนล้อมรอบด้วยแม่น้ำและทะเลสาบ เหนือระบบน้ำใต้ดินอีกที ระบบน้ำใต้ดินเป็นน้ำบาดาลที่อยู่ใกล้กับพื้นผิว ซึ่งการก่อตัวอยู่ใต้ชั้นผิวดินนั้น น้ำจะเยอะมากจนคุณต้องปั๊มออก หรือต้องรอให้น้ำแห้งเท่านั้น

พวกเขาใช้วิธีสูบน้ำออกจากตรงที่ขุด วิศวกรสร้างอุโมงค์จากบริเวณก่อสร้างไปสู่เรือนจำ พวกเขาใช้ท่อ PVC ร้อยสายไฟ เดินระบบไฟฟ้าและปั๊มอากาศ เข้าสู่ทางเดินใต้ดิน วิศวกรถึงกับต้องสร้างมอเตอร์ไซค์บนรางเพื่อใช้ขนเศษดิน กว่า 3000 ตัน ระบบรางที่ถูกเขาใช้ขนเศษดินออกมานั้นมันเหลือเชื่อจริงๆ อำนาจเงินและอิทธิพลของเอลชาโปในเม็กซิโก ทำให้เขามีข้อมูลทุกอย่างที่ต้องการ แม้กระทั่งการขุดอุโมงค์ไปถึงห้องอาบน้ำของเขาในเรือนจำ เป็นจุดเดียวในเรือนจำที่ไม่มีกล้องวงจรปิดคอยจับตาเขาตลอด 24 ชั่วโมง

มีการคาดการณ์ว่าเอลชาโปน่าจะมีข้อมูลพิมพ์เขียวของคุกหรือสถานที่สำคัญทางความมั่นคงต่างๆของเม็กซิโกอยู่ในมือตั้งแต่ก่อนถูกจับตัว แสดงให้เห็นว่าเขามีแผนสำรองและนำหน้าทางการอยู่เสมอ ผู้คุมในเรือนจำก็กลับแกล้งตาบอด ขณะที่การก่อสร้างดำเนินไป เพราะพวกเขารับได้โต๊ะจากเอลชาโปนั่นเอง เขาสามารถจ่ายเงินจ้างเจ้าหน้าที่หน่วยรัฐบาล ตำรวจ พวกผู้คุม เขามีทั้งเงินและอิทธิพล



กรกฎาคมปี 2015 เอลชาโปเริ่มลงมือ ใต้พื้นห้องอาบน้ำมีอุโมงอยู่ แล้วเขาก็กระโดดลงรู แล้วก็หายตัวไป ราชาอุโมงค์ยักษ์ กระโดดควบมอเตอร์ไซค์ พุ่งสุอิสรภาพ การแหกคุกแบบช็อคโลกผ่านอุโมงค์ยาว 1 ไมล์ มีการพาดหัวข่าวไปทั่วโลก ชื่อเสียงของเอลชาโปยิ่งกระฉ่อน อุโมงค์แหกคุกของเขาเป็นเหมือนการตอกหน้าทางการ เหมือนกับพูดว่า คิดจะจัดการฉันได้หรือมันเป็นไปไม่ได้หรอก แต่ 6 เดือนให้หลัง ในเดือนมกราคมปี 2016 เอลชาโปถูกรวบตัวได้อีกครั้ง โดยนาวิกโยธินเม็กซิโก ราชาอุโมงค์ส่งยา กลับเข้าเรือนจำอีกครั้ง เอลชาโป เขาสร้างอุโมงค์ที่สลับซับซ้อนที่สุด ในประวัติศาสตร์การค้ายาของโลก ระดับนี้ขนาดเจมส์บอนด์ยังต้องหันมาร้องว้าว

ที่มา รายการอัจฉริยะจอมโฉด

บทความแนะนำ

อัจฉริยะจอมโฉดมือระเบิดต่อเนื่องยูนาบอมเบอร์ สารคดีสงครามเย็น บทบาทของผู้นำโซเวียต นิกิต้า ครุสชอฟ (Nikita Khrushchev) ปริศนาฆาตกรรม ใครฆ่านางงามเด็กแห่งโคโลราโด้ พระนางเลือดขาว ตำนานรักและคำสาปแห่งเกาะลังกาวี รักต่างวัยของพระเจ้าเฮนรี่ที่ 8 และ แคทเธอรีน โฮเวิร์ด ย้อนรอยคดีเพชรซาอุ รักร่วมสายเลือด คู่รักพี่น้องชาวเยอรมัน 7 สิ่งมหัศจรรย์ในระบบสุริยะจักรวาล


ฝันเห็นงู ฝันเห็นงูสีขาว ฝันเห็นงูเหลือม
ฝันเห็นงูเหลือมตัวใหญ่ ฝันเห็นงูเหลือมสีทอง ฝันเห็นงูใหญ่
ฝันเห็นงูตัวใหญ่ ฝันเห็นงูหลายตัว ฝันเห็นงูลาย
ฝันเห็นงูเขียว ฝันเห็นงูเห่า ฝันเห็นงูจงอาง
ฝันเห็นงูจงอางยักษ์ ฝันเห็นงูจงอางเข้าบ้าน ฝันเห็นงูจงอางหลายตัว
ฝันเห็นงูจงอางกัด ฝันเห็นงูจงอางเผือก ฝันเห็นงูจงอางชูคอ
ฝันเห็นงูจงอางตัวใหญ่มาก ฝันเห็นงูจงอางตัวใหญ่สีดำ ฝันเห็นงูแมวเซา
ฝันเห็นงูหลาม ฝันเห็นงูตัวสีฟ้า ฝันเห็นงูตัวสีดำ
ฝันเห็นงูตัวสีแดง ฝันเห็นงูสีทอง ฝันเห็นงูหลายตัว
ฝันเห็นงูสองตัว ฝันเห็นงูเผือก ฝันเห็นงูหลาม
ฝันเห็นงูตัวใหญ่มาก ฝันเห็นงูตัวใหญ่สีดำ ฝันเห็นงูตัวใหญ่หลายตัว
ฝันเห็นพญานาค ฝันเห็นพญานาคตัวใหญ่ ฝันเห็นพญานาคสีทอง
ฝันเห็นพญานาคสีเขียว ฝันเห็นพญานาคสีแดง ฝันเห็นพญานาคเล่นน้ำ
ฝันเห็นพญานาคไล่ตาม ฝันเห็นหงอนพญานาค ฝันเห็นพญานาคสีเงิน
ฝันเห็นพญานาคหลายตัว ฝันเห็นพญานาคพูดได้ ฝันเห็นพญานาคพ่นน้ำ
ฝันว่างูรัด ฝันว่างูกัด ฝันว่างูกัดขา
ฝันว่างูกัดเท้า ฝันว่าฆ่างู ฝันว่าตีงู
ฝันว่างูเลื้อยผ่าน ฝันว่างูกัดแขน ฝันว่างูกัดนิ้ว
ฝันว่างูไล่กัด ฝันว่างูฉก ฝันว่ากินงู

เรื่องราวน่ารู้เรียบเรียงจากสารคดีคุณภาพในรูปแบบบทความ
กดถูกใจแฟนเพจเพื่อติดตามและอัพเดตบทความใหม่ๆ คลิกเลย


กดถูกใจ ANYAPEDIA

ราชินีมินของกษัตริย์เกาหลีองค์สุดท้าย รักจำพรากหลังวังมังกร มาตาฮารี ยอดจารชนหญิงของโลก จักรพรรดิปูยี มังกรไร้บัลลังค์ อโดนิส ตำนานดอกไม้แห่งความรัก โจน ออฟ อาร์ค วีรสตรีที่โลกไม่เคยลืม ขุนศึกหญิงแดนมังกร มู่กุ้ยอิง หวางชิงเอ๋อ และฮัวมู่หลาน จักรพรรดิเนโร ที่โหดก็เพราะรัก

เจ้าพระยาวิชเยนทร์ หรือจะเป็นรักร่วมเพศในราชสำนักสยาม

ผู้หญิงสองคนในชีวิต อับราฮัม ลินคอล์น

พระเจ้าซุกจง แห่งเกาหลี เมื่อผู้หญิงเป็นหมากการเมือง

รักบนบัลลังก์เลือดของกษัตริย์เกาหลีองค์สุดท้าย

รักจำพรากหลังวังมังกร

อู๋ซันกุ้ย ยามจอมทัพมีความรัก ชาติก็ล่มสลาย

จักรพรรดิปูยี มังกรไร้บัลลังค์

อโดนิส ตำนานดอกไม้แห่งความรัก

มาตาฮารี ยอดจารชนหญิงของโลก

เจ้าฟ้าหญิงบุญรอด ต้นกำเนิดกาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวาน

ขุนศึกหญิงแดนมังกร มู่กุ้ยอิง หวางชิงเอ๋อ และฮัวมู่หลาน 

ตำนานธอร์ (Thor) เทพสายฟ้า

สารคดีสงครามเย็น บทบาทของผู้นำโซเวียต นิกิต้า ครุสชอฟ (Nikita Khrushchev)

การพบเห็นมนุษย์ต่างดาวในประวัติศาสตร์ 

ความขัดแย้งในคาบสมุทรเกาหลี

ประวัติศาสตร์กำแพงเมืองจีน (The Great Wall of China)

รักต่างวัยของพระเจ้าเฮนรี่ที่ 8 และ แคทเธอรีน โฮเวิร์ด

ฮาเร็ม สวรรค์ของหนึ่งบุรุษหรือทุกข์ของอิสตรี

โจน ออฟ อาร์ค วีรสตรีที่โลกไม่เคยลืม

เปิดแฟ้มลับชีวิตรัก อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ (Adolf Hitler)

จักรพรรดิเนโร ที่โหดก็เพราะรัก

พระนางเลือดขาว ตำนานรักและคำสาปแห่งเกาะลังกาวี


ดูบทความเมนูอาหารทั้งหมด ดูบทความภัยอันตรายทั้งหมด ดูบทความสุขภาพทั้งหมด ดูบทความวิทยาศาสตร์ทั้งหมด ดูบทความสยองขวัญทั้งหมด ดูบทความชีวิตสัตว์ทั้งหมด ดูบทความประวัติศาสตร์ทั้งหมด ดูบทความจัดอันดับทั้งหมด สารบัญบทความ

เจ้าพระยาวิชเยนทร์ หรือจะเป็นรักร่วมเพศในราชสำนักสยาม

เจ้าพระยาวิชเยนทร์ หรือจะเป็นรักร่วมเพศในราชสำนักสยาม




ในรัชสมัยของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช เป็นยุคที่ฝรั่งตะวันตกหลั่งไหลมาแสวงโชคในสยามกันหนาตา แต่คนที่ก้าวขึ้นไปถึงจุดสูงสุดจนกลายเป็นไอดอลของนักแสวงโชคทั้งมวล มีเพียง "คอนสแตนติน ฟอลคอน" (Constantine Phaulkon) หรือ "เจ้าพระยาวิชเยนทร์" ขุนนางคนโปรดของสมเด็จพระนารายณ์มหาราชเท่านั้น

ประวัติของเจ้าพระยาท่านนี้ถูกบันทึกไว้ในหนังสือสยามและคณะมิชชั่นนารีฝรั่งเศสว่า "กงสตองส์ หรือคอนสแตนติน ฟอลคอน มีชื่อเสียงมากในหมู่นักผจญภัย ในอดีตฟอลคอนเคยใช้ชีวิตเร่ร่อน และบัดนี้กลายเป็นเจ้าพระยาพระคลัง เสนาบดีชั้นสูงสุดของสยาม ฟอลคอนเป็นคนฉลาดและทะเยอทะยาน บ้างกล่าวว่า เขาเป็นบุตรคนขายเหล้าชาวกรีก"

เจ้าพระยาวิชเยนทร์,ประวัติศาสตร์, บทความประวัติศาสตร์, เรื่องราวในประวัติศาสตร์,

คุณสมบัติความเป็นลูกพ่อค้า น่าจะเป็นปัจจัยสำคัญที่สอนให้ฟอลคอนมีคารมดี รู้จักหว่านล้อม จับช่องเอาอกเอาใจคนฟังได้อยู่หมัด เมื่อบวกกับหน้าตาที่หล่อเหลาคมเข้มแบบชาวกรีกเข้าไปอีก เขาจึงเป็นที่รักของบรรดานายเรือทุกคน และพร้อมกันนั้นแววสีม่วงในตัวฟอลคอนก็เริ่มจะฉายชัดออกมา เนื่องจากสังคมกรีกมีค่านิยมที่ออกจะแปลกๆ สำหรับคนไทยเราอยู่สักหน่อย คือเมื่อผู้ชายย่างเข้าสู่วัยกลางคน จากที่เคยชอบผู้หญิงก็จะเปลี่ยนมานิยมหลับนอนกับเด็กหนุ่มรุ่นๆ แทน เป็นเรื่องที่คนชาตินี้เขาถือว่าไม่เสียหายอะไรและไม่จำเป็นต้องปิดบัง ตัวฟอลคอนเองก็ถูกพ่อแม่ยกให้กับกัปตันเรือคนหนึ่งตั้งแต่เพิ่งรุ่นหนุ่ม เพื่อไปเป็นคนสนิทให้รับใช้ใกล้ชิดทั้งในบ้านและบนเตียง นักเขียนบันทึกพงศาวดารบางเล่มจึงเดาเอาว่า ชะรอยฟอลคอนคงจะได้รับรสนิยมแบบไบเซ็กช่วลมาตั้งแต่ตอนนั้น

เมื่อฟอลคอนมาถึงราชสำนักสยาม ก็เป็นที่โปรดปรานของสมเด็จพระนารายณ์ ตั้งแต่ได้เข้าเฝ้าครั้งแรก เพราะฟอลคอนนั้นมีความสามารถอันไร้เทียมทานที่ฝรั่งคนอื่นไม่มี นั่นคือ สามารถพูดไทยได้ชัดเจน แถมยังเดาะคำราชาศัพท์ได้คล่องลิ้น ชนิดที่ตาสีตาสาที่เกิดในเมืองไทยแท้ๆยังต้องอาย อีกทั้งฟัลคอนเคยเดินทางไปทั่วยุโรป จึงมีเรื่องของเจ้านายในทวีปต่างๆ ลักษณะการเมืองการปกครอง และอาวุธยุทโธปกรณ์ทันสมัย มาทูลถวายสมเด็จพระนารายณ์ได้ไม่รู้จบ สมเด็จพระนารายณ์จึงโปรดปรานมาก ถึงขนาดประธานชื่อให้ว่าวิชเยนทร์ และเรียกให้มาเข้าเฝ้าแทบทุกวัน บางวันก็อยู่ด้วยกันสองต่อสองตั้งแต่เช้าจนค่ำ ทำให้เกิดข้อครหาที่ยังไม่มีใครกล้าพิสูจน์ มาจนถึงทุกวันนี้ ถึงความสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดาของชายผู้ทรงศักดิ์ทั้งสอง

นอกจากนี้ยังมีสิ่งละอันพันละน้อยอีกหลายเรื่องที่ตอกย้ำความคลางแคลงใจในเรื่องนี้ เช่น ความห่วงใยและใส่พระทัยที่สมเด็จพระนารายทรงมีให้วิชเยนทร์ ที่ออกจะมากมายผิดเจ้านายกับบ่าว ในบันทึกของบาทหลวง เดอ เบซ ซึ่งมาสอนศาสนาอยู่ในสมัยนั้นเล่าไว้ว่า

เคยมีเหตุการณ์หวาดเสียวครั้งหนึ่ง เมื่อเสด็จไปล่าสัตว์ด้วยกัน วิชเยนทร์ถูกฝูงควายป่าเข้าใส่ หนุ่มชาวกรีกพยายามวิ่งหนีแต่ไม่ทัน ถูกฝูงควายล้อมไว้ ควายป่าตัวหนึ่งพุ่งเข้าใส่เชียวเอาเสื้อคลุมของวิชเยนทร์ขาดไป สมเด็จพระนารายทรงทอดพระเนตรเห็นเช่นนั้นก็วิ่งไปประทับข้างๆโดยไม่คำนึงถึงอันตราย หลังจากที่ทหารไล่ฝูงควายไปได้แล้วสมเด็จพระนารายณ์ก็พระราชทานภาพแพสวยงามจากเมืองจีน พร้อมเงินทองให้วิชเยนทร์และมีพระลายลักษณ์อักษรว่า

"เสื้อผ้าขาดชำรุดก็พอหาใหม่ได้ แต่ตัวท่านหากเป็นอะไรไป จะเป็นการสูญเสียที่ไม่มีสิ่งใดทดแทนได้เลย เพราะฉะนั้นอย่าทําตัวให้อยู่ในอันตรายเช่นนั้นเอง"

ธรรมชาติของคนเรารักชีวิตด้วยกันทุกคนการที่เราจะโดดเข้าไปช่วยคนอีกคนกลางฝูงควายที่กำลังคลั่ง จึงต้องออกมาจากสัญชาตญาณอย่างแท้จริง สิ่งที่สมเด็จพระนารายณ์ทรงทำลงไปจึงแสดงให้เห็นว่า ทรงรักและดีฆ่าฝรั่งกรีกคนนี้ไว้สูงเพียงใด ต่อมาวิทยาล้มป่วยนอนซมอยู่ในเรือน ก็ทรงกลัดกลุ้มพระทัย ถึงขนาดสั่งให้งดประโคมดนตรีในวังทั้งหมด และทุกชั่วโมงหมอหลวงจะต้องเข้ามาทุนรายงานอาการของฝรั่งคนโปรด ว่าเป็นตายร้ายดีมีแววว่าจะซี้ม่องเท่งหรือไม่ คราวนั้นอาการของวิชเยนทร์คงจะหนักหนาสาหัสเอาจริงๆ เพราะรักษากันอยู่หลายวันก็ยังไม่ทุเลา สมเด็จพระนารายณ์จึงรับสั่งให้หมอหลวงมาจับยามทำนายชะตาชีวิตของพระสหายต่างชาติ เมื่อรู้ว่าชะตาของวิชเยนทร์ยังไม่ขาด ก็ส่งโล่งพระทัย

พระกรุณาอันมากล้นเช่นนี้ ทำให้คนไทยขี้สงสัยบางคนเริ่มตั้งปุจฉาว่า ความสัมพันธ์ของสมเด็จพระนารายณ์กับนายฝรั่งวิชเยนทร์ จะเป็นเพียงเจ้านายกับขุนนางเท่านั้นน่ะหรือ ในเมื่อวิชเยนทร์ก็เจนจบในเรื่องทวนทองคะนองศึก สามารถไล่เพลงทวนสมรักษ์ได้ทั้งชายหญิง ฝ่ายสมเด็จพระนารายณ์นั้นเล่า แม้จะไม่เคยปรากฏ ว่าทรงรับสั่งเรียกได้มหาดเล็กเข้าไปบีบบีบนวดนวด แต่ก็มีหลักฐานว่าทรงชื่นชมฝรั่งรูปงามมากจนน่าสงสัย

ในหนังสือ สยามและคณะมิชชันนารีฝรั่งเศส มีหน้าหนึ่งเล่าว่า สมเด็จพระสังฆราชปาลลู ได้นำพระบรมฉายาลักษณ์ของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 แห่งฝรั่งเศสมาถวาย จากนั้นพระนารายณ์ก็พินิจพิเคราะห์และตรัสชมเชยอยู่เป็นเวลานานวันละ 3 หรือ 4 ครั้ง พระองค์ทรงสมุนพระทัยกับเส้นพระเกศาหยักศกสวยงามของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 โดยที่พระองค์ทรงหาทราบไม่ว่าทำได้อย่างไรและกับพระพักตร์ที่สง่างาม และเข้มแข็งด้วย พระองค์ตรัสซ้ำด้วยความปลาบปลื้มพระทัยกับพระบรมฉายาลักษณ์นั้น อ่านแล้วก็คล้ายๆกับ วรรณคดีไทยเรา ตอนพระอภัยมณีหลงรูปนางละเวง หากแต่สมเด็จพระนารายณ์ทรงเป็นชายทั้งแท่ง เมื่อทรงมานั่งชมโฉมผู้ชายด้วยกัน ซ้ำยังตรัสถามถึงกลเม็ดเคล็ดลับการดูแลความงาม คนที่ได้ยินก็เลยอดสะดุ้งไม่ได้

เจ้าพระยาวิชเยนทร์,ประวัติศาสตร์, บทความประวัติศาสตร์, เรื่องราวในประวัติศาสตร์,

แต่ถ้าจะมองกันอย่างให้ความเป็นธรรมกับเจ้าเหนือหัวของเรา ต้องไม่ลืมว่าสมเด็จพระนารายณ์นั้น ทรงเคยได้ยินกิตติศัพท์ฝรั่งมามากมาย แต่พระองค์ไม่เคยเสด็จออกจากกรุงสยามไปเจริญสัมพันธไมตรีกับฝรั่งตาน้ำข้าวพวกนี้เลย เมื่อได้มาเห็นภาพพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 แต่งองค์ทรงเครื่องแพรวพราว ผมลอนหน้าเด้ง ทาแก้มสีชมพูตามค่านิยมของฝรั่งยุคเรเนสซองส์ จะไม่ให้ทรงเพ่งพิศตะลึงมองได้อย่างไร และที่ทรงตรัสชมนั้น ในพระทัยอาจจะแอบขำกับเสื้อผ้าหน้าผมของกษัตริย์ฝรั่งก็เป็นได้ เพียงแต่ในท้องพระโรงมีสมเด็จพระสังฆราชปาลลู กับพ่อค้าขุนนางฝรั่งอีกหลายคนนั่งกันหน้าสลอน หากทรงวิจารณ์ออกมาตรงตรง ฝรั่งพวกนี้ก็อาจจะคิดว่าเจ้ากรุงสยามดูถูกกษัตริย์ชาติตน สมเด็จพระนารายณ์จึงต้องตรัสแก้เกี้ยว เป็นทำนองอยากรู้ว่าผมลอนงามอย่างนี้ทำอย่างไร

หลักฐานอีกเรื่องหนึ่งที่น่าจะยืนยันได้เป็นอย่างดีที่สุด ว่าสมเด็จพระนารายณ์ไม่ได้ทรงเสน่หาขุนนางกริชแบบคนรัก คือพระองค์ทรงโปรดให้แหม่มลูกครึ่งญี่ปุ่นโปรตุเกส "มารี ปินยา เดอ กีย์มาร์" ซึ่งมีกิตติศัพท์เลื่องลือว่านางสวยงามนักหนา เข้าพิธีแต่งงานกับ วิชเยนทร์ และในงานแต่งงานก็พระราชทานทรัพย์สินเงินทองเป็นเงินก้นถุงให้คู่บ่าวสาวจนจุใจ และตัววิชเยนทร์เองนั้นแม้ในอดีตจะเคยเป็นเสือไบ แต่เมื่อมาสุขสบายในกรุงสยามก็ได้ชื่อว่าขี้หลีเหลือรับประทาน สาวงามบ้านไหนชะม้ายชายตาให้ ชายตาให้ พ่อเป็นฟาดเรียบ ดูไปแล้วฝรั่งคนนี้ น่าจะลาขาดจากนิสัยชายรักชายอย่างถาวรเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าสมเด็จพระนารายณ์ จะมีความสัมพันธ์ในเชิงชายเหนือชายกับวิชเยนทร์หรือไม่แต่ตลอดรัชสมัย ฝรั่งผู้นี้ก็เป็นขุนนางที่ทรงรักและไว้ใจมากที่สุด เพราะเป็นผู้มีหูตากว้างไกล สามารถสนองพระราชประสงค์ของพระองค์ได้ ทั้งในเรื่องการเมือง การค้า งานต่างประเทศ หลังจากรับราชการได้เพียง 9 ปี ฝรั่งวิชเยนทร์ก็สามารถพาตัวขึ้นถึงระดับเสนาบดี เป็นพระยาวิชเยนทร์ที่แม้แต่คนไทยก็ยังต้องนบนอบ

เมื่อมีอำนาจ เจ้าพระยาวิชเยนทร์ก็ได้ใช้เล่ห์เหลี่ยมกำจัดขุนนางที่ไม่ถูกชะตาไปหลายคน สร้างความแค้นให้ข้าเก่าเต่าเลี้ยงชาวสยาม อย่างเอาเป็นเอาตาย จวบจนสมเด็จพระนารายทรงประชวรหนัก จวนเจียนจะสิ้นพระชนม์ บรรดาขุนนาง นำทีมโดยขุนหลวงสรศักดิ์ ( พระเจ้าเสือในเวลาต่อมา) ก็วางแผนปิดบัญชีกับเจ้าพระยาวิชเยนทร์แบบทบต้นทบดอก โจรท่านถึงแก่ความตายที่ทะเลสาบชุบศร เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2231



ในหนังสือประวัติศาสตร์ของหลวงวิจิตรวาทการได้กล่าวถึงเจ้าพระยาวิชเยนทร์ว่า
" รัศมีของวิชเยนทร์เป็นเหมือนแสงจันทร์ มีอยู่ได้โดยอาศัยแสงสะท้อนจากพระอาทิตย์ อันได้แก่สมเด็จพระนารายณ์ เมื่อสิ้นลมสมเด็จพระนารายณ์แล้ว บุญของวิชเยนทร์ก็สิ้นไปด้วย"

ทิ้งไว้แต่ข้อกังขาเรื่องความสัมพันธ์อันคลุมเครือ ระหว่างท่านกับสมเด็จพระนารายณ์มาจนถึงทุกวันนี้

ประวัติพระเจ้าเฮนรี่ที่ 8

เจ้าพระยาวิชเยนทร์ หรือจะเป็นรักร่วมเพศในราชสำนักสยาม

ผู้หญิงสองคนในชีวิต อับราฮัม ลินคอล์น

พระเจ้าซุกจง แห่งเกาหลี เมื่อผู้หญิงเป็นหมากการเมือง

รักบนบัลลังก์เลือดของกษัตริย์เกาหลีองค์สุดท้าย

รักจำพรากหลังวังมังกร

อู๋ซันกุ้ย ยามจอมทัพมีความรัก ชาติก็ล่มสลาย

จักรพรรดิปูยี มังกรไร้บัลลังค์

อโดนิส ตำนานดอกไม้แห่งความรัก

มาตาฮารี ยอดจารชนหญิงของโลก

เจ้าฟ้าหญิงบุญรอด ต้นกำเนิดกาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวาน

ขุนศึกหญิงแดนมังกร มู่กุ้ยอิง หวางชิงเอ๋อ และฮัวมู่หลาน 

ตำนานธอร์ (Thor) เทพสายฟ้า

สารคดีสงครามเย็น บทบาทของผู้นำโซเวียต นิกิต้า ครุสชอฟ (Nikita Khrushchev)

การพบเห็นมนุษย์ต่างดาวในประวัติศาสตร์ 

ความขัดแย้งในคาบสมุทรเกาหลี

ประวัติศาสตร์กำแพงเมืองจีน (The Great Wall of China)

รักต่างวัยของพระเจ้าเฮนรี่ที่ 8 และ แคทเธอรีน โฮเวิร์ด

ฮาเร็ม สวรรค์ของหนึ่งบุรุษหรือทุกข์ของอิสตรี

โจน ออฟ อาร์ค วีรสตรีที่โลกไม่เคยลืม

เปิดแฟ้มลับชีวิตรัก อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ (Adolf Hitler)

จักรพรรดิเนโร ที่โหดก็เพราะรัก

พระนางเลือดขาว ตำนานรักและคำสาปแห่งเกาะลังกาวี

10 อารยธรรมโบราณที่เก่าแก่ที่สุดที่เคยมีมา

10 อันดับโรคระบาดที่เลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์

7 เหตุการณ์ที่สำคัญที่สุดในเปอร์เซียโบราณ

12 สุดยอดข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเจงกิสข่าน

18 สุดยอดสิ่งประดิษฐ์และการค้นพบของจีนโบราณ

10 ตำนานยอดนิยมและน่าสนใจในกรุงโรมโบราณ

ผู้ปกครองหญิง 9 อันดับแรกของโลกโบราณ

9 อันดับนักรบหญิงของโลกยุคโบราณ

8 อันดับผลงานของฮัมมูราบี

12 อันดับผลงานของโสกราตีส


บทความแนะนำ

ประวัติศาสตร์, บทความประวัติศาสตร์, เรื่องราวในประวัติศาสตร์, ผู้นำสงคราม, สงคราม, สงครามเย็น, สงครามนิวเคลียร์, ทหารในสงคราม, อาวุธสงคราม, อลิซาเบธ บาโธรี่ เคานท์เตสกระหายเลือด ประวัติศาสตร์, บทความประวัติศาสตร์, เรื่องราวในประวัติศาสตร์, ผู้นำสงคราม, สงคราม, สงครามเย็น, สงครามนิวเคลียร์, ทหารในสงคราม, อาวุธสงคราม, 25 การทรมานสุดโหดในประวัติศาสตร์ ประวัติศาสตร์, บทความประวัติศาสตร์, เรื่องราวในประวัติศาสตร์, ผู้นำสงคราม, สงคราม, สงครามเย็น, สงครามนิวเคลียร์, ทหารในสงคราม, อาวุธสงคราม, ประวัติหลวงปู่ทวดวัดช้างไห้ สรงน้ำพระธาตุตามปีเกิดด้วยหัวใจอิ่มบุญ โจรสาวอินเดียปลอมเป็นชาย หลอกแต่งงานนานนับปี โจโจ้ซัง แม้เป็นเพียงเกอิชาก็ขอมีรักแท้ อาหาร, เมนูอาหาร, เมนูขนมหวาน, อันดับอาหาร, รีวิวอาหาร, รีวิวขนม, ร้านอาหารอร่อย, เจ้าฟ้าหญิงบุญรอด ต้นกำเนิดกาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวาน อาหาร, เมนูอาหาร, เมนูขนมหวาน, อันดับอาหาร, รีวิวอาหาร, รีวิวขนม, ร้านอาหารอร่อย, ก๋วยเตี๋ยวปากหม้อ

เมนูอาหาร ภัยอันตราย บทความสุขภาพ บทความวิทยาศาสตร์ เรื่องเล่าสยองขวัญ บทความชีวิตสัตว์ บทความประวัติศาสตร์ จัดอันดับ, สิบอันดับ, 10 อันดับ, ที่สุดในโลก จัดอันดับ, 10 อันดับ, เรื่องสยองขวัญ, เรื่องเล่าสยองขวัญ, ดูดวง, นิทาน, ภัยอันตราย, สมุนไพร, สุขภาพ


Popular Posts