google.com, pub-6663105814926378, DIRECT, f08c47fec0942fa0 Mega topic | จัดอันดับ | 10 อันดับ| เรื่องผี| เรื่องสยองขวัญ| ที่สุดในโลก| ดูดวง| ประวัติศาสตร์

เล่าเรื่องสยองขวัญ แถวนี้มีเยอะ

เล่าเรื่องสยองขวัญ แถวนี้มีเยอะ


     

เรื่องราวและเหตุการณ์ทั้งหมดนั้น เป็นประสบการณ์ตรงของเหมียว เกิดขึ้นตั้งแต่ 3 – 4 ปีที่แล้ว

เดิมทีนั้นเหมียวทำงานอยู่ต่างประเทศ ปีปีหนึ่งจะได้กลับบ้านแค่ 1 เดือน ช่วงเดือนกรกฎาคมจะเป็นช่วงหน้าร้อนของแถบยุโรป ปีนั้นเหมียวก็กลับบ้านตามปกติ ช่วงเวลาระหว่างที่อยู่ประเทศไทย เหมียวก็จะอยู่ที่บ้านแฟน

บ้านของแฟนนั้น ตั้งอยู่ห่างจากอำเภอประมาณสัก 4 กิโลเมตร ทางเข้าบ้านจะเป็นถนนลูกรังอยู่ระหว่างถนนสายหลัก ที่ใช้ขับจากอำเภอนี้ไปอีกอำเภอหนึ่ง ความกว้างนั้น ทางเข้าแค่สำหรับรถกระบะวิ่งได้เพียงคันเดียว บริเวณทางเข้าบ้านจะเป็นคูคลองทั้ง 2 ฝั่ง ซ้ายและขวา พอเลี้ยวตัวรถเข้าทางบ้าน ฝั่งขวาจะเป็นที่ดินเปล่า มีต้นไม้แล้วก็หญ้าสูง ส่วนซ้ายมือนั้นจะเป็นบ่อขนาดใหญ่ มีรั้วลวดหนามกั้น

ปีนั้นเหมียวก็กลับไปเที่ยวบ้าน ด้วยความที่นาน ๆ จะได้กลับที ก็ออกเที่ยวแถบทุกวัน ยิ่งถ้าเป็นวันศุกร์หรือว่าวันเสาร์ จะไปเที่ยวผับอยู่ในอำเภอเมือง ก็ต้องใช้เวลาขับรถไปกลับประมาณสัก 20 – 30 นาที

วันที่เกิดเหตุ เหมียวก็ได้ไปเที่ยวกับเพื่อนตามปกติ ส่วนแฟนนั้นอยู่บ้าน ผับปิดประมาณสักตี 2 เหมียวกับเพื่อนก็แวะทานข้าวต้มก่อนกลับบ้าน พอเสร็จแล้วก็แวะส่งเพื่อน ๆ ตอนนั้นเวลาประมาณตี 3 กว่า ๆ ก็เหลือเหมียวเพียงลำพังขับรถกลับบ้านคนเดียว

ระหว่างทางก็มืดมาก ทางแบบต่างจังหวัดมันมืดอยู่แล้ว ส่วนทางเข้าบ้าน ถ้าเกิดไม่ใช่คนที่อยู่ในซอยนั้น ก็มักจะหาทางเข้าแทบไม่เจอ ดูผ่าน ๆ ก็เหมือนกับไม่น่าจะมีทางเข้าออกอยู่บริเวณนั้นได้ พอเลี้ยวรถลงจากถนนใหญ่ ก็จะต้องขับรถให้ช้ามาก ๆ แค่ปล่อยให้รถนั้นไหล แล้วก็คอยแต่เบรกเอาประมาณนั้นเลย

ทีนี้รถของเหมียวเนี่ยเป็นรถแบบเล็ก 5 ประตู เป็นเกียร์ออโต้ ตอนนั้นก็ปล่อยให้รถนั้นไหล คือไม่ได้เหยียบคันเร่ง แต่ว่ารถนั้นกลับไม่ไป หยุดอยู่กับที่ ตอนกแรกก็คิดว่าน่าจะมีหินติดอยู่ใต้ล้อ ก็เลยเหยียบคันเร่ง ไมล์อยู่หน้ารถนั้นขึ้นไปที่ 30 แต่ว่ารถก็ไม่ไป พักหนึ่งก็มีเสียงดัง ครืด ครืด ครืด อยู่บริเวณ 2 ฝั่งท้ายรถ เหมือนกับเลี้ยงเล็บแมวเวลากระโดดขึ้นรถนั่นล่ะ แต่ว่าเสียงนี้ดังกว่ามาก ตอนแรกดังมาจากบริเวณท้ายรถ

เหมียวมองกระจกข้าง กระจกหลัง ไม่เห็นอะไรเลย เนื่องจากข้างหลังมืดมาก ๆ ตอนนั้นก็ได้แต่คิดน่าจะเป็นพวกต้นไม้เล็ก ๆ ริมทางโดนรถอยู่ ก็เลยเหยียบเบรกให้มีไฟสีแดงขึ้นด้านหลัง พอมองกระจกข้างอีกที ปรากฏว่าก็ไม่มีต้นไม้ หรือว่ามีอะไรที่สามารถเกี่ยวโดยรถเอาไว้ได้เลย จึงตัดสินใจเหยียบคันเร่งขึ้นไปอีกถึง 50 ทีนี้รถเริ่มที่จะไหล ไหลแบบช้า ๆ พร้อมเสียงครืด ครืด ครืด อยู่บริเวณท้ายรถแล้วก็ข้างรถ ตอนนั้นจากที่ง่วง ๆ เริ่มตกใจว่ารถเป็นอะไรหรือเปล่า ก็เลยเร่งเครื่องอยู่ประมาณ 2 – 3 นาที รถก็เริ่มพุ่งตัวออกไปอย่างแรง เกือบจะตกบ่อข้างทาง ดีที่เบรกทัน

ตอนนั้นก็รีบขับรถกลับเข้าบ้าน พอจะเลี้ยวเข้าประตูบ้าน ก็เห็นน้าของแฟนซึ่งอยู่บ้านอีกหลังข้าง ๆ กัน มายืนรออยู่บริเวณหน้าต่าง ซึ่งก็จะเป็นปกติ น้านั้นชอบรอจนกว่าเหมียวจะกลับเข้าบ้านถึงจะไปนอน พอเหมียวขับรถเข้าที่จอดรถในบ้านได้ เปิดประตูรถลงมา ก็เริ่มได้ยินเสียงหมาหอนดังสนั่น แปลกใจมากที่ตอนอยู่ในรถนั้นไม่ได้ยินเลย เพลงในรถก็ไม่ได้เปิด พอลงไปยืนข้างรถ ก็ตะโกนถามกับน้าแฟนว่าทำไมยังไม่นอน รออีกทำไม น้าแฟนก็ตะโกนกลับมาว่า ถ้ากูนอนแล้ว มึงจะเข้าบ้านได้ไหมล่ะ เหมียวก็เลยบ่นเรื่องรถที่ติดอยู่เมื่อกี้ น้าบอกว่ารีบเข้าบ้านไปนอนเลย พรุ่งนี้ค่อยคุยกัน เหมียวก็เลยโอเค เดินกลับเข้าบ้านไปนอน

รุ่งเช้าพอตื่นมา ก็เดินไปดูที่รถ ทุกอย่างเป็นปกติ บริเวณหลังรถไม่มีรอยอะไรเลย ยายของแฟนเห็น ก็เลยเดินมาถามว่ารถเป็นอะไร เหมียวจึงเล่าทุกอย่างให้ยายได้ฟังเมื่อคืนนี้ ยายบอกว่าสมัยก่อนนานมาแล้ว มีรถลิเกเป็นรถบัสขนาดเล็ก ขนคณะลิเก ไม่ทราบว่าจะไปไหน แต่ว่ารถที่ว่านั้น ก็ได้มาเกิดอุบัติเหตุคว่ำอยู่บริเวณคูคลองตรงปากทางเข้าบ้านนี่ล่ะ เสียชีวิตเกือบทั้งคัน

ยายเล่าจบ เหมียวก็เริ่มตกใจ คิดในใจว่าอาจจะไม่ใช่ก็ได้มั้ง แต่ว่าตอนที่เกิดเหตุเมื่อคืนนี้ เหมือนกับมีใครพยายามมายื้อบริเวณท้ายรถเอาไว้ เหมือนกับตะกุย หรือไม่ก็ฉุดกระชากประมาณนั้นเลย

หลังจากนั้น เหมียวก็เจอน้าของแฟนมานั่งอยู่ข้าง ๆ รถ ซึ่งเป็นที่นั่งประจำของน้า น้าก็ทักว่าเป็นไงมึง เอาสักกูแทบไม่ได้นอนเลยนะ เหมียวก็ถามแล้วทำไมไม่นอน น้าบอกว่าหมาหอนเกรียวทั้งคืน ไม่ได้ยินเลยหรือไง เหมียวก็บอกว่าไม่นะ น้าสวนกลับมาว่าพอเองเข้าบ้านไป กำลังจะนอน หมาก็หอนหอนตลอด ยิ่งกว่านั้นยังได้ยินเสียงผู้หญิง มายืนร้องไห้อยู่ข้างบ้านอีกต่างหาก น้าบอกว่ากว่าจะหลับลงเกือบเช้า ตอนท้ายน้ายังบอกอีกว่า ถ้าเกิดยังไม่เข็ด คืนนี้ก็ออกแล้วกลับดึก ๆ อีกสิ น้าพูดแนวขู่ให้กลัว แต่ว่าในตอนนั้นเหมียวก็ไม่เกิดอาการกลัว

คืนนั้นก็เหมือนเดิมออกอีก แต่ว่าคราวนี้เพื่อนมารับ เนื่องจากตั้งใจจะดื่มสักนิดหน่อย คืนนั้นก็ไปนั่งกับเพื่อน จนถึงประมาณสักเที่ยงคืน ร้านอาหารก็ปิด เพื่อนก็ขับรถมอเตอร์ไซค์มาส่ง เนื่องจากทางเข้า ถ้าเกิดไม่ใช่คนในพื้นที่ ขับลงบ่อแน่ ๆ เพื่อนที่มาส่งนั้นมี 2 คน รวมตัวเหมียวด้วยก็เป็น 3 เหมียวนั่งหน้าสุด แต่ว่าไม่ได้เป็นคนขับ ถัดไปเป็นคนขับ แล้วก็คนซ้อนอยู่หลังสุด

ระหว่างทางก็คุยกันไป จนใกล้ถึง เหมียวก็บอกเพื่อนให้เตรียมตัวเบารถหน่อย จังหวะที่เจอทางเข้า แล้วกำลังจะข้ามฝั่ง ก็มีไฟรถที่อยู่อีกเลนส่องมาแบบไม่ไกลมากนัก เหมียวก็ด้วยสัญชาตญาณจะเลี้ยว เลยเหลือบมองกระจกหลัง ปรากฏว่าเห็นใครสักคนเอาหน้าเกยไหล่เพื่อนที่นั่งหลังสุดอยู่ แต่ว่าเพื่อนนั้นหันหน้าไปอีกฝั่งหนึ่ง ตอนนั้นเหมียวตกใจมาก เนื่องจากภาพที่เห็นนั้น มีแต่หัว แต่ว่าไม่เห็นตัว หน้าด้านหลังของเพื่อนนั้น เป็นหน้าซีด ๆ กำลังจ้องมองมาทางกระจกที่เหมียวมองไปพอดี เหมียวตกใจร้องเฮ้ย หันหน้าหลบ จนรถมอเตอร์ไซค์เกือบล้ม เพื่อนต้องดุไว้ให้นั่งนิ่ง ๆ

หลังจากที่เพื่อนส่งเหมียวถึงบ้านแล้ว เหมียวก็กลัวจนไม่กล้าจะพูดอะไรออกไป ได้แต่บอกกับเพื่อนว่าถ้าเกิดถึงบ้าน ให้ส่งข้อความบอกบ้างนะ เนื่องจากเป็นห่วง แล้วเพื่อนก็ถึงบ้านด้วยดี โดยที่ไม่เจอเหตุการณ์แปลกอะไร ตั้งแต่นั้นมา เหมียวก็ไม่ค่อยกลับบ้านดึกอีกเลย

ตอนหลังได้มาคุยกับญาติ ๆ ของแฟน เขาก็บอกกันว่าตั้งแต่อยู่แถวนั้นมา ช่วงกลางวันเนี่ยพอมีรถวิ่ง แต่ตกดึกนั้น ชาวบ้านบริเวณนั้นแทบจะไม่ผ่านสัญจรกันด้วยซ้ำ แล้วก็ยังบอกตามหลังมาว่าแถวเนี้ยมีเยอะ

ขอขอบคุณคุณเหมียว เดอะช็อคสตอรี่

บทความแนะนำ

เล่าเรื่องสยองขวัญ นั่งซากหวาดผวา ศพล่อเสือ

เล่าเรื่องสยองขวัญ สยองกลางทุ่ง

เล่าเรื่องสยองขวัญ เพื่อนเล่าให้ฟัง

เล่าเรื่องสยองขวัญ ทำไมไม่บวชให้

เล่าเรื่องสยองขวัญ ร้านเหล้าผี

เล่าเรื่องสยองขวัญ 6 ปีไม่เคยลืม

เล่าเรื่องสยองขวัญ บ้านเก่า

เล่าเรื่องสยองขวัญ อยากลองจนเจอดี

เล่าเรื่องสยองขวัญ คุณแม่เล่าให้ฟัง

ตำนานผีญี่ปุ่น คาซาเนะ

ตำนานผีญี่ปุ่น บ้านแห่งจาน

ตำนานผีญี่ปุ่น ผีตระกูลเฮอิเคะ

ตำนานผีญี่ปุ่น กาซาโดคุโร


10 อันดับฆาตกรเด็ก 25 แม่น้ำที่ยาวที่สุดในโลก การพบเห็นมนุษย์ต่างดาวในประวัติศาสตร์ โจน ออฟ อาร์ค วีรสตรีที่โลกไม่เคยลืม โรคกระดูกพรุนป้องกันได้ ประโยชน์จากใบเตย 8 สิ่งที่คุณควรต้องทำเมื่อไปนิวยอร์ค 10 วิธีขาวใสไม่พึ่งกลูต้าไธโอน


ดูบทความเมนูอาหารทั้งหมด ดูบทความภัยอันตรายทั้งหมด ดูบทความสุขภาพทั้งหมด ดูบทความวิทยาศาสตร์ทั้งหมด ดูบทความสยองขวัญทั้งหมด ดูบทความชีวิตสัตว์ทั้งหมด ดูบทความประวัติศาสตร์ทั้งหมด ดูบทความจัดอันดับทั้งหมด สารบัญบทความ


เล่าเรื่องสยองขวัญ 6 ปีไม่เคยลืม

เล่าเรื่องสยองขวัญ 6 ปีไม่เคยลืม


     

เรื่องราวและเหตุการณ์ทั้งหมดนั้น ต้องขอย้อนกลับไปตั้งแต่ปี 2553

ตอนนั้นผมเข้าเรียนปี 1 ที่มหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่งย่านรังสิต พักอยู่หอพักแห่งหนึ่งใกล้กับมหาวิทยาลัย หอพักที่ว่านี้มีทั้งหมด 7 ชั้น ชั้นหนึ่งมีห้องประมาณ 9 ห้อง

เรื่องของเรื่องก็มีอยู่ว่าห้องด้านบน ซึ่งอยู่ตรงกับห้องของผมมักจะไม่เสียงบ่อย ๆ วันหนึ่งนั้นหลายครั้ง เสียงเหมือนกับลากเหล็กบ้าง เสียงเหล็กตกลงพื้นบ้าง เวลาผมออกไปยืนสูบบุหรี่บริเวณที่ระเบียงตากผ้า ก็เหมือนจะมีคนคอยแอบมองมาจากด้านบน ช่วงแรกก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร แต่ว่าเรื่องมันก็เกิดขึ้นจนได้

มีอยู่วันหนึ่ง ผมเริ่มที่จะทนไม่ไหวกับเสียงที่น่ารำคาญ เนื่องจากเสียงที่ว่านี้ เป็นแบบนี้ตั้งแต่วันแรกที่ย้ายเข้ามาอยู่เลย วันนั้นก็เช่นเดียวกัน มีเสียงดังเออะอะอยู่หลายครั้ง คิดว่ายังไงวันนี้ต้องพูดกันบ้างแล้ว ก็เลยตัดสินใจเดินตรงขึ้นบันไดไปชั้นบนที่อยู่ห้องตรงกับห้องของผม

พอเดินขึ้นไปถึงหน้าประตูก็เอะใจนิดหน่อย เริ่มจากเคาะประตูก่อน วันแรกนั้นไม่มีใครออกมาเปิด วันต่อมาผมก็เดินขึ้นไปเคาะอีกครั้งหนึ่ง ปรากฏว่าครั้งนี้ประตูเปิดอยู่แล้ว คือจะบอกว่าในระหว่างที่ผมจะเอามือเอื้อมเพื่อไปเคาะประตูนั้น โดยที่ยังไม่โดน ประตูก็ค่อย ๆ แง้มออกเอง ผมค่อย ๆ เอามือผลักประตูเข้าไป

ปรากฏว่าห้องที่ว่านั้นไม่มีใคร แล้วก็เป็นห้องโล่ง ๆ สังเกตด้วยตาแล้ว มีแต่เพียงอุปกรณ์เฟอร์นิเจอร์ของหอพัก ที่ถูกผ้าขาวคลุมทับเอาไว้อีกชั้นหนึ่ง เต็มไปด้วยฝุ่นแล้วก็หยากไย่ ดูแล้วรู้เลยว่าไม่มีใครอาศัยอยู่มานานเป็นปี ๆ ตอนที่ก้าวขาเดินเข้าไปครั้งแรกนั้น กลิ่นสาบตลบอบอวลเต็มห้องไปหมด พื้นมีแต่ฝุ่น

ตอนนั้นในใจก็เริ่มกลัวแล้ว ได้แต่คิดอยู่คนเดียวว่านี่มันอะไรกัน ทุก ๆ วันที่ผ่านมา แม้กระทั่งเมื่อวานนี้ ก็ยังคงมีเสียงดังจากชั้นนี้อยู่เลย ตอนที่อยู่ในห้องของตัวเองชั้นล่าง เวลาเดินออกไปที่ระเบียง ก็รู้สึกตลอดว่ามีคนแอบมองลงมาจากระเบียงด้านบน ซึ่งก็คือห้องนี้ วันนี้ก็ยังคงเหมือนเดิม เป็นแบบนี้แทบทุกวันทุกคืน คิดได้แต่เพียงว่าลักษณะแบบนี้ ผมคงกำลังโดนแน่ ๆ

ผมลืมอธิบายลักษณะของพวกนี้ไปนิดหนึ่ง ตอนที่เปิดประตูห้องเข้ามาแล้ว มองตรงไปด้านหน้า ก็จะพบกับระเบียงบริเวณพื้นที่ระเบียงนั้นไม่กว้างมาก ยืนประมาณสัก 4 ก็จะเต็มพื้นที่แล้ว แล้วประตูระเบียงนั้นเป็นแบบกระจกเลื่อน เลื่อนได้เพียงฝั่งเดียว ห้องน้ำจะอยู่ทางซ้ายมือ ในห้องนั้นมีตู้เสื้อผ้า 2 ตู้ เตียงขนาด 3 ฟุตครึ่ง 2 เตียง กลางห้องนั้นมีพัดลมเพดานสีขาวอยู่ ความสูงจากใบพัดกับพื้นห้องน่าจะสักประมาณ 3 เมตร แต่ว่าห้องนี้มีความพิเศษกว่าห้องของผมชั้นล่างที่ไม่มี ก็คือบริเวณประตูหน้าห้องมียัญถูกติดเอาไว้ที่ประตูด้านใน แล้วสังเกตดี ๆ ก็จะพบกับเชือกเส้นหนึ่งเหมือนกับเชือกลูกเสือสีขาว เชือกไนล่อนนั่นเอง ถูกผูกติดไว้กับใบพัดลมเพดาน กลางห้องมีรอยพัดด้วย

ผมเห็นเพียงแค่นั้น ก็รู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น รีบหันหลังกลับ เพื่อจะออกจากห้องโดยเร็ว แต่ว่าพอกำลังจะก้าวขาเท่านั้น ผมรู้สึกได้ว่าตัวแข็ง ก้าวขาไม่ออก ไม่มีแรงเดิน ขาทั้ง 2 ข้างนั้นหนักมาก เหมือนถูกอะไรบางอย่างตรึงเอาไว้อยู่กับที่

แล้วผมก็ได้เห็นเงาดำทะมึนร่างหนึ่ง เป็นเงาลักษณะของคนแบบผู้ชาย เงานั้นตัวไม่ใหญ่มาก สูงประมาณสัก 160 เท่านั้น เป็นผมลักษณะรองทรง เงาผู้ชายดำทะมึนทึงนี้ หน้าตา เสื้อผ้า มองไม่เห็นเลย ดูออกแค่เพียงว่าน่าจะเป็นเงาผู้ชาย เงานั้นเดินมาจากประตูหน้าห้องและเดินเข้ามาในห้อง เหมือนกับจะตรงมาหาผม แต่ว่าเปล่าเลย เงาร่างนั้นเดินผ่านผมไป แต่ดูดี ๆ แล้วจะว่าเดินก็ไม่ได้ เหมือนจะลอยมามากกว่า เท้าของเงานั้นไม่ติดกับพื้น เงาดำของชายคนนั้นลอยผ่านผมไป แล้วก็เริ่มต้นผูกคอตัวเองกับเชือกที่อยู่กลางห้อง ชายคนนั้นลากเก้าอี้เข้ามายืนใกล้ ๆ ค่อย ๆ ปืนขึ้นไปผูกเชือกแขวนคอตัวเอง แล้วก็ถีบเก้าอี้ล้มลงตึ้ง

ตอนนั้นผมขยับตัว ขยับขา ไม่ได้ จะร้องให้คนช่วยก็ร้องไม่ออก ได้แต่ยืนมองชายคนนั้นผูกคอ แล้วก็ค่อย ๆ ทิ้งตัวลง ดิ้นด้วยความทรมานตรงนั้นนานเท่าไหร่ไม่ทราบได้ พอรู้ตัวอีกทีสามารถขยับตัวหลุดออกจากพะวังได้ ก็รีบคลานออกมาจากห้องที่ว่า พอตัวของผมออกมาจากที่ห้องนั้นแล้ว ก็ค่อย ๆ เหลือบตาเข้าไปมอง ก็มองไม่เห็นเงาร่างนั้นอีก

วันรุ่งขึ้น ผมไม่คิดแม้แต่จะหาคำตอบว่าห้องชั้นบนนั้นเกิดอะไรขึ้น เงาดำร่างลักษณะผู้ชายคนนั้นเป็นใคร เกิดอะไรขึ้น ผมไม่หาคำตอบ ทำได้อย่างเดียวคือเก็บข้าวของย้ายออกจากห้องพักดังกล่าว และเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นผ่านมา 6 ปีเข้าไปแล้ว แต่ว่าทุก ๆ อย่างยังคงติดอยู่ในสายตาของผมไม่เคยลืม

ขอขอบคุณที่มาจาก เดอะช็อคสตอรี่

บทความแนะนำ

เล่าเรื่องสยองขวัญ นั่งซากหวาดผวา ศพล่อเสือ

เล่าเรื่องสยองขวัญ สยองกลางทุ่ง

เล่าเรื่องสยองขวัญ เพื่อนเล่าให้ฟัง

เล่าเรื่องสยองขวัญ ทำไมไม่บวชให้

เล่าเรื่องสยองขวัญ ร้านเหล้าผี

เล่าเรื่องสยองขวัญ แถวนี้มีเยอะ

เล่าเรื่องสยองขวัญ บ้านเก่า

เล่าเรื่องสยองขวัญ อยากลองจนเจอดี

เล่าเรื่องสยองขวัญ คุณแม่เล่าให้ฟัง

ตำนานผีญี่ปุ่น คาซาเนะ

ตำนานผีญี่ปุ่น บ้านแห่งจาน

ตำนานผีญี่ปุ่น ผีตระกูลเฮอิเคะ

ตำนานผีญี่ปุ่น กาซาโดคุโร


ฮาเร็มในเรือนไทย ตบตี สรงน้ำพระธาตุตามปีเกิดด้วยหัวใจอิ่มบุญ นิทานธรรมชาดก นิทานไทยเรื่อง เคราะห์ของตาจัน เล่าเรื่องผี มาเอาแม่ผมไปทำไม อาการของมะเร็งที่คนคิดไม่ถึง แมลงชีปะขาว ตายเพื่อรัก 20 เมนูกับข้าวยอดนิยมของญี่ปุ่น ไข่ปลาสีเหลือง


ดูบทความเมนูอาหารทั้งหมด ดูบทความภัยอันตรายทั้งหมด ดูบทความสุขภาพทั้งหมด ดูบทความวิทยาศาสตร์ทั้งหมด ดูบทความสยองขวัญทั้งหมด ดูบทความชีวิตสัตว์ทั้งหมด ดูบทความประวัติศาสตร์ทั้งหมด ดูบทความจัดอันดับทั้งหมด สารบัญบทความ


เล่าเรื่องสยองขวัญ บ้านเก่า

เล่าเรื่องสยองขวัญ บ้านเก่า


     

เรื่องราวและเหตุการณ์ทั้งหมดนั้น ต้องย้อนกลับไปเมื่อกว่า 20 ปีที่แล้ว ปัจจุบันก้องอายุ 27 ปี

ในตอนที่เกิดเหตุนั้น ก้องยังอายุไม่ถึง 10 ขวบ ตอนนั้นอาศัยอยู่ในบ้านทาวน์เฮ้าส์หลังเล็ก ๆ ย่านสลัมในตัวจังหวัดจังหวัดหนึ่งทางภาคตะวันออก

บริเวณแถวบ้าน ก็จะมีเด็กรุ่นราวคราวเดียวกันอยู่มากมาย โดยที่บ้านติดกันนั้น ก็มีเด็ก ๆ อยู่ 2 คนพี่น้อง สมมติว่าชื่อเอและบี อายุเท่ากับกับก้อง บ้านของเอและบีนั้น อยู่ทางด้านซ้ายมือของบ้านของก้อง ครอบครัวของเอและบีนั้นมาเช่าบ้านหลังนี้อยู่ ครอบครัวนี้ประกอบอาชีพรับจ้างทั่วไป โดยที่แม่ของเอและบีจะรับซักรีด ส่วนยายก็จะขายผักสดที่ตลาดแถวนั้น พ่อของเอเป็นอัมพาตอยู่ในบ้าน ส่วนก้องและน้องชาย รวมไปถึงเอและบีนั้น ก็เป็นเพื่อนเล่นกันอยู่ทุกวันเป็นประจำตามประสาเด็กผู้ชาย

ขออธิบายลักษณะของทาวน์เฮ้าส์สมัยนั้น พอเข้าไปในบ้านก็จะมีที่จอดรถได้หนึ่งคันอยู่หน้าบ้าน พอเดินเข้าไปต่อ ก็จะเป็นโถงกว้าง ๆ มีบันไดอยู่ทางซ้ายมือ และก็ห้องน้ำห้องเดียวของบ้านจะอยู่บริเวณใต้บันได ส่วนชั้น 2 นั้น ก็จะแบ่งเป็น 2 ห้อง ทางฝั่งหน้าบ้าน 1 ห้อง ฝั่งหลังบ้านอีก 1 ห้อง ตัวก้องและน้องชายนั้น อาศัยห้องที่อยู่ด้านหลังนี้ล่ะเป็นห้องนอน สมัยนั้นขโมยเยอะมาก บ้านของก้องเองก็ต้องระวัง เนื่องจากพ่อนั้นทำงานกลับบ้านดึก โดยประตูห้องจะมีกลอนตัวใหญ่ ๆ สีดำ คล้องด้วยแม่กุญจากในห้องได้อยู่ทั้งห้องของพ่อแม่ รวมไปถึงห้องของก้อง

ทุกคืนเวลาประมาณสัก 4 – 5 ทุ่ม ก้องมักจะได้ยินเสียงปิดประตูห้องชั้น 2 แบบดังสนั่น โดยเสียงปิดประตูนั้นไม่ได้ดังมาจากห้องของพ่อแม่ของก้อง ก็ต้องเป็นข้างบ้าน ตอนแรกก็คิดว่าเป็นบ้านของเอและบี ซึ่งอยู่ติดกับบ้านของก้องทางด้านซ้าย แต่ว่าทางด้านขวา คนที่เช่าบ้านอยู่อีกหลังหนึ่งเป็นสามีภรรยาคู่หนึ่ง ตัวสามีนั้นก็มักจะชอบนั่งดื่มเหล้า เมาอยู่เป็นประจำบริเวณหน้าบ้านตัวเอง ซึ่งก้องและเด็กแถวนั้นก็เห็นอยู่แล้ว ตอนนั้นจึงสรุปได้ว่าน่าจะเป็นลุงข้างบ้านอีกหลังหนึ่งนี่ล่ะ ที่เมาแล้วมักชอบปิดประตูเสียงดัง

วันเวลาก็ผ่านไป ก้องได้ยินเสียงปิดประตูดังสนั่นแบบนี้ทุกคืน ทุกคืนจริง ๆ จนกระทั่งวันหนึ่ง 2 สามีภรรยาบ้านนี้ก็ย้ายออกไป กลับต่างจังหวัดไปแล้ว พอก้องรู้ก็แอบดีใจ เนื่องจากบ้านทาวน์เฮ้าส์กำแพงมันติดกัน เสียงดังสนั่นทุกคืน และส่วนใหญ่เวลาก้องได้ยิน ก็มักจะสะดุ้งตื่นแทบทุกครั้ง บางคืน 2 -  3 ติดกันด้วยซ้ำ คืนนั้นก็คิดว่าเสียงปิดประตูดัง ๆ นั้น คงไม่ได้ยินอีกแล้ว แต่ทว่ามันก็ยังคงดังอยู่ ก้องคิดในใจไม่ผิดแน่แล้ว ต้องเป็นเจ้าเอ เจ้าบี แน่นอน พรุ่งนี้หลังเลิกเรียนเดี๋ยวเจอกันแน่

เช้าวันต่อมา หลังจากที่เลิกเรียนแล้ว ก้องก็รีบกลับไปที่บ้านเปลี่ยนชุด เตรียมพร้อมเดินไปที่บ้านของเอและบี แล้วก็ตวาดอย่างหงุดหงิดว่า เฮ้ยตกกลางคืนพวกมึงเล่นอะไรกันเนี่ย ปิดประตูดังทุกคืน ห้องข้างหลังน่ะสนั่นเลย ไอ้ตอนแรกก็นึกว่าเป็นบ้านอีกข้างหนึ่ง บ้านลุงขี้เมาน่ะ แต่ว่านี่เขาย้ายไปแล้ว ก็ต้องเป็นพวกเองแน่ ๆ

เอได้ยินแบบนั้นก็ตกใจ หน้าถอดสีนิด ๆ ก้องเองก็เข้าใจว่าที่เอหน้าถอดสี เนื่องจากโดนเพื่อนหงุดหงิดนั่นเอง เอตอบกลับมาว่าก้องบ้านเราไม่มีใครขึ้นชั้นบนเลยนะ พ่อเราเป็นอัมพาตนอนอยู่ชั้นล่าง เรากับแม่ก็ต้องนอนกันอยู่ด้านล่างดูแลพ่อ ยายนอนหน้าบ้านเลย เนื่องจากแกขี้ร้อน อีกอย่างข้างบนน่ะ เอหยุดพูดไป แล้วก็บอกต่อว่าเอางี้ เดี๋ยวพาขึ้นไปดูเลยดีกว่า

เอก็เดินไปหยิบไฟฉายบนทีวี แล้วก็เดินนำก้องไปขึ้นบันไดไป ซึ่งชั้นบนระหว่าง 2 ห้องนั้น เป็นโถงกลางค่อนข้างจะมืด ไฟเสีย เนื่องจากเปิดไม่ติด ห้องด้านหน้าของบ้านนั้นไม่มีประตู แสงก็พอมีสาดจากด้านนอกนิดหน่อย แต่ก็ยังคงมืดอยู่ เอส่งก้องที่ขั้นบนสุดของบันได แล้วก็ยื่นไฟฉายใส่มือของก้อง ตามด้วยพูดว่าเดินไปดูเองสิ

ก้องคิดในใจว่าถ้าเกิดให้บีแกล้งหลอกผีนะ จะฟาดด้วยไฟฉายเลย ก้องก็เลยเปิดไฟฉายเดินส่องไป แล้วก็ต้องผงาดก่อนที่จะถึงประตูห้องของทางด้านหลังบ้านนั้นประมาณสักเมตร 2 เมตร ก้องมองเห็นกลอนลูกบิดประตูนั้นมีสนิมขึ้นเขรอะ แบบว่ายังไงก็ไม่น่าจะเปิดปิดได้ แถมยังมีกลอนตัวใหญ่คล้องแม่กุญแจตัวยักษ์อีกด้วย รวมไปถึงมีโซ่คล้องไปคล้องมา แล้วก็แม่กุญแจตัวใหญ่อีกหนึ่งตัว ที่สำคัญมีทั้งฝุ่น ทั้งใยแมงมุม รวมไปถึงสนิม แล้วก็ร่องรอยที่บ่งบอกว่ามีไม่มีใครมาแตะนานมาแล้ว ก้องจึงนิ่งอยู่จังหวะหนึ่ง แล้วก็คิดว่าไม่ใช่ล่ะ มันแปลก ๆ และในช่วงจังหวะที่ก้องกำลังหันหลังกลับไปหาเอ ซึ่งเอก็ยืนมองอยู่ห่าง ๆ ก้องรู้สึกได้จริง ๆ ว่าได้ยินเสียงคนตบประตูอย่างแรงมาจากอีกฝั่งของประตูที่ปิดตาย เท่านั้นเองก้องจึงวิ่งตาลาก เอเห็นก้องวิ่งก่อน เอจึงวิ่งนำหน้าไปเลย แล้วก็ถามทีหลังว่าก้องเห็นอะไร วิ่งทำไม ก้องก็บอกว่าได้ยินเสียงคนตบประตูมาจากอีกฝั่งหนึ่ง แต่ว่าเอนั้นไม่ได้ยิน

เรื่องในตอนนี้ก็ผ่านพ้นไป ก้องพยายามไม่คิดถึงอีก แต่ก็ยังคงได้ยินเสียงปิดประตูทุกคืน แล้วก็จำได้ว่าวันนั้นที่หนักจริง ๆ เป็นวันที่หยุดเรียน สมัยนั้นเกือบ 20 ปีก่อน เด็กอายุไม่ถึง 10 ขวบ ถือว่ายังเด็กนะครับ ตอนนั้นก้องก็แก้ผ้าอาบน้ำอยู่หลังบ้าน ซึ่งแน่นอนว่าหลังบ้านของก้องกับเอนั้นติดกัน บริเวณหลังบ้านนั้นจะมีโอ่งเรียงกันอยู่ยาวเลย รวมไปถึงราวตากผ้า ส่วนบ้านของเอจะมีถังน้ำพลาสติกขนาดใหญ่สีดำ ไซส์แบบสูงเมตรครึ่งได้ ใหญ่ขนาดจุดผู้ใหญ่ลงไปได้มากกว่า 3 คน วางยกระดับขึ้น แล้วก็ต่อก๊อกเพื่อเอาไว้สำหรับการรับซักรีด ซึ่งไอ้ถังเนี้ยเจ้าปัญหา พอเอได้ยินเสียงอาบน้ำมาจากบ้านของก้อง เอก็ชอบปืนถังขึ้นมาแอบดู ล้อเลียนด้วยความสะใจแบบประสาเด็ก ๆ

วันนี้ก็เช่นกัน เอปืนถังมาดูแบบเดิม แต่ว่าก้องนั้นโมโหมาก จึงตะโกนโวยวายไปด้วยความโกรธ พร้อมกันนั้นก็ยังเขวี้ยงขันอย่างเต็มแรงและก็แม่นยำเสียด้วย โดนหน้าผากของเอแบบเต็ม ๆ ขันนั้นก็กระเด็นขึ้นไปค้างอยู่ตรงระแนงบริเวณหน้าตางของห้องชั้น 2 ของบ้านเอนั่นเอง ซึ่งดูแล้วเข้าใจได้ว่าโครงสร้างนี้ เอาไว้วางคอมเพรสเซอร์แอร์แอร์นั่นเอง เอนั้นเห็นกิริยาทุกอย่าง ก็เลยเจ็บปนขำ ก้องก็โวยวายด่าเอ พร้อมกันก็สั่งให้เอนั้นปืนขึ้นไปเก็บขันให้ด้วย เอก็ยอมขึ้นไปเก็บให้โดยดี

พอปืนขึ้นไปหยิบขันได้ ก็โยนขันนั้นลงมาที่ก้อง จังหวะที่เอกำลังจะลงมานั้นเอง เหมือนกับว่าเอชะงักกับอะไรสักอย่าง จังหวะที่หยุดแล้วก็หันไปที่หน้าต่างของห้องนอนชั้น 2 ด้านหลังที่ล็อกอยู่ ซึ่งจะมีช่องที่กระจกแตกเล็ก ๆ เอเกาะมองอยู่ประมาณสัก 3 – 4 วินาที จากที่เอนั่งยอง ๆ หันหน้าไปทางหน้าต่าง เอกลับเอ็นหลังตกจากชั้น 2 ลงมาแบบคนไร้สติ แต่ว่าเคราะห์ดีที่ตกลงไปในถังน้ำใหญ่ เอจึงไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร ลำบากถึงก้องที่ต้องลงไปกู้เอขึ้นมาจากถังน้ำ ซึ่งวันนั้นเออยู่บ้านคนเดียวสักด้วย ส่วนคนอื่น ๆ นั้นพาพ่อไปหาหมอที่โรงพยาบาล

ก้องจึงถามกับเอว่าเล่นอะไรแผลง ๆ ตายได้เลยนะ แต่ว่าเอเล่าในสิ่งที่เห็นให้กับก้องได้ฟังว่า จังหวะที่ปืนขึ้นไปหยิบขันและโยนลงมาได้ กำลังจะปืนกลับนั้น เอได้ยินเสียงดังตุ๊บ ตุ๊บ ตุ๊บ ตุ๊บ รัว ๆ เหมือนกับเสียงคนเอาส้นเท้าตอกลงไปบนไม้กระดานแรง ๆ ด้วยความที่ลืมตัว บวกกับความเป็นเด็กซน และก็ลืมด้วยว่าห้องที่ว่านั้นมันเป็นห้องร้างปิดตาย เอจึงเกาะหน้าต่าง แล้วก็มองผ่านรูกระจกที่แตกเข้าไปด้านใน

เอเล่าว่าเห็นโรงศพสีขาวที่เหลืองตามกาลเวลาตั้งอยู่กลางห้อง เป็นโรงศพแบบไทย แล้วก็ยังเห็นผู้ชายคนหนึ่งบอกว่าน่าจะเป็นเด็กที่โตกว่า ประมาณสัก 12 – 15 ขวบ นั่งอยู่บนโรงศพห้อยขาลงมาด้านล่าง แล้วก็แกว่งขาเอาส้นเท้ากระแทกลงดังตุ๊บ ตุ๊บ ตุ๊บ ตุ๊บ พร้อมกันนั้นก็หันหน้ามามองเอ ด้วยความตกใจ เอหงายหลังลงมาทันที หลังจากนั้นบ้านของเอ ไม่มีใครกล้าขึ้นไปที่ชั้น 2 อีกเลย

ก้องจึงมาคิดย้อนหลังว่าเสียงที่ได้ยินตอนที่เอาไฟฉายไปส่องดูนั้น เป็นเสียงนี้หรือเปล่า แล้วเสียงปิดประตูที่ได้ยินทุกคน หรือจะไม่ใช่เสียงเปิด ปิด ประตู อาจจะเป็นเสียงเจ้าของโรงเปิด ปิด หรือว่านั่งอยู่บนโรง เอาขาเคาะโรงเล่นหรือเปล่าก็ไม่ทราบได้

บ้านหลังนี้ทุกวันนี้ ก็ยังไม่ทราบประวัติ ครอบครัวของเอและบีนั้น ก็ย้ายออกไปนานแล้ว เรื่องราวทั้งหมดก็จบลงเพียงเท่านี้ ขอขอบคุณเจ้าของเรื่องบ้านเก่า

ขอขอบคุณที่มาจาก เดอะช็อคสตอรี่

บทความแนะนำ

เล่าเรื่องสยองขวัญ นั่งซากหวาดผวา ศพล่อเสือ

เล่าเรื่องสยองขวัญ สยองกลางทุ่ง

เล่าเรื่องสยองขวัญ เพื่อนเล่าให้ฟัง

เล่าเรื่องสยองขวัญ ทำไมไม่บวชให้

เล่าเรื่องสยองขวัญ ร้านเหล้าผี

เล่าเรื่องสยองขวัญ แถวนี้มีเยอะ

เล่าเรื่องสยองขวัญ 6 ปีไม่เคยลืม

เล่าเรื่องสยองขวัญ อยากลองจนเจอดี

เล่าเรื่องสยองขวัญ คุณแม่เล่าให้ฟัง

ตำนานผีญี่ปุ่น คาซาเนะ

ตำนานผีญี่ปุ่น บ้านแห่งจาน

ตำนานผีญี่ปุ่น ผีตระกูลเฮอิเคะ

ตำนานผีญี่ปุ่น กาซาโดคุโร


10 อันดับฆาตกรเด็ก 25 แม่น้ำที่ยาวที่สุดในโลก การพบเห็นมนุษย์ต่างดาวในประวัติศาสตร์ โจน ออฟ อาร์ค วีรสตรีที่โลกไม่เคยลืม โรคกระดูกพรุนป้องกันได้ ประโยชน์จากใบเตย 8 สิ่งที่คุณควรต้องทำเมื่อไปนิวยอร์ค 10 วิธีขาวใสไม่พึ่งกลูต้าไธโอน


ดูบทความเมนูอาหารทั้งหมด ดูบทความภัยอันตรายทั้งหมด ดูบทความสุขภาพทั้งหมด ดูบทความวิทยาศาสตร์ทั้งหมด ดูบทความสยองขวัญทั้งหมด ดูบทความชีวิตสัตว์ทั้งหมด ดูบทความประวัติศาสตร์ทั้งหมด ดูบทความจัดอันดับทั้งหมด สารบัญบทความ


เล่าเรื่องสยองขวัญ อยากลองจนเจอดี

เล่าเรื่องสยองขวัญ อยากลองจนเจอดี


     

เรื่องราวและเหตุการณ์ทั้งหมดนั้น เกิดขึ้นเมื่อ 4 – 5 ปีที่แล้ว เป็นประสบการณ์ที่แตงกวานั้นอยู่ร่วมในเหตุการณ์ด้วย

พี่โอมเป็นรุ่นพี่ที่รู้จัก วันนั้นเป็นวันเสาร์ พี่โอมได้นัดแตงกวา รวมไปถึงกลุ่มเพื่อน ๆ ของแตงกวาว่าจะพาไปเที่ยวห้าง ก็ไปกันทั้งหมด 8 คน มีรถยนต์ส่วนตัวไป 2 คัน คือรถของพี่โอมแล้วก็พี่เซีย พอไปถึงที่ห้างสรรพสินค้า เราทุกก็เดินเที่ยว กินข้าว กันตามปกติประสาพี่น้องเพื่อนฝูง พอเสร็จเรียบร้อยก็เตรียมตัวกลับบ้าน แตงกวานั้นขึ้นรถของพี่โอม โดยที่มีเพื่อนในกลุ่มตามขึ้นมานั่งด้วยอีก 2 คน และด้วยความเหนื่อยล้าจากการเดินห้างมาทั้งวัน ก็ผล็อยหลับไป

แตงกวามารู้สึกตัวขึ้นอีกครั้งหนึ่ง อ้าว ที่นี่ไม่ใช่บ้าน แต่ว่าเป็นที่ไหนก็ไม่รู้ เป็นตึกร้าง มันมืดมาก ตอนนั้นเป็นเวลาเกือบจะ 4 ทุ่มอยู่แล้ว ตึกร้างที่ว่านี้ มีสภาพที่โทรมมาก แล้วพี่โอมก็หันหลังมาพูดกับทุกคนในรถว่า ป่ะ ขึ้นไปดูข้างบนกัน เขาว่าที่นี่ผีดุ แต่ว่าแตงกวานั้นก็รีบบอกปฏิเสธไปเลยทันที เนื่องจากส่วนตัวแตงกวาเป็นคนที่กลัว แล้วก็เห็นเรื่องอะไรแบบนี้บ่อยมาก ตอนแรกยังไงก็ไม่ยอมขึ้น แต่ในที่สุดก็โดนเพื่อน ๆ รบเร้า ครั้นจะให้อยู่รอในรถเพียงคนเดียวก็ไม่กล้าอีก จึงตัดสินใจงั้นไปก็ไป ไปกันเป็นกลุ่ม พี่โอมก็เดินนำทางไป

ตึกแล้วดูแล้วน่าจะเคยเป็นอพาร์ทเม้นท์มาก่อน เนื่องจากมีช่อง ๆ เหมือนห้องพัก ทุกคนทั้งกลุ่มก็เดินสำรวจกันขึ้นไป จนกระทั่งถึงชั้นดาดฟ้า ในระหว่างทางที่เดินนั้น พี่โอมก็พูดท้าทายอยู่ตลอดเวลาว่าอยากเจอ อยากรู้ว่าผีที่นี่มันจะโหดสักแค่ไหน ออกมาสิ

พอทุกคนถึงชั้นดาดฟ้า ก็เตรียมของมาด้วย พอจัดแจงทุกอย่างเสร็จ แตงกวาก็เห็นพี่โอมกับพวกนั้น เริ่มนั่งลงนั่งผีถ้วยแก้วอยู่ในวงสายสิญจน์ ก็มีคนเล่น คนยืนดู อยู่ทั้งหมด 6 คน แต่ว่าแตงกวากับเพื่อนอีก 2 คนนั้นไม่ยอมเล่น แล้วก็ไม่ยอมดูด้วย เนื่องจากกลัว แต่ว่าพอยืนรออยู่นาน ๆ ก็ค่อย ๆ เขยิบเข้าไปใกล้วง แล้วก็มองดูทุกคนเล่นกันอยู่

ในช่วงหนึ่ง คนในวงถามคำถามว่าเจ้าของวิญญาณนั้น เป็นอะไรถึงเสียชีวิต แก้วที่อยู่กลางวงนั้น ก็ค่อย ๆ เลื่อนไปตกที่พยัญชนะรวมกันออกมาได้ว่าตก นั่นก็คือ ต. และ ก.

ในตอนนั้นเองหางตาข้างซ้ายของแตงกวา ก็เห็นอะไรหยุกหยิก ๆ อยู่ในมุมซ้ายของดาดฟ้า แตงกวาค่อย ๆ หันหน้าไปมองแบบระมัดระวัง ก็เจอเข้ากับผู้หญิงคนหนึ่งผมยาวมาก ใส่ชุดมอมแมมขาดรุ่งริ่ง กำลังเดินออกมาจากตรงไหนก็ไม่ทราบได้ เธอคนนั้นเดินมา แล้วก็ค่อย ๆ หันมามองทางแตงกวานิดหนึ่ง แล้วก็เดินต่อไป จนไปอยู่ที่ขอบกั้นของชั้นดาดฟ้า แล้วเธอคนนั้นก็ค่อย ๆ ทิ้งตัวลงไปด้านล่างของตึก

แตงกวาเห็นภาพเพียงแค่นั้น ก็ร้องไห้ออกมา ทุกคนตกใจ เริ่มเข้ามาถาม แต่ว่าแตงกวานั้นพูดไม่ออก บอกอะไรไม่ได้ รู้สึกได้เพียงอย่างเดียวว่าตอนนี้อยากกลับบ้านมากที่สุด เพื่อน ๆ ที่เล่นจึงฝากให้เพื่อนของแตงกวาที่ไม่ได้เล่นนั้น ดูแลแตงกวาเอาไว้ก่อน แล้วทุกคนก็กลับลงไปที่วงนั่งเล่นเหมือนเดิม

ส่วนแตงกวาที่ยืนอยู่กับเพื่อน ก็มองเห็นผู้หญิงคนเดิม เดินกลับขึ้นมาที่ดาดฟ้า แล้วเธอก็คนนั้นก็เดินไปที่ริมดาดฟ้า ทิ้งตัวลงไป เดินกลับขึ้นมาใหม่ เป็นแบบนี้อยู่ 2 – 3 รอบ จนกระทั่งทุกคนนั้นเล่นผีถ้วยแก้วกันเสร็จ ก็เริ่มเก็บของ แล้วจึงกลับบ้าน

คืนนั้นพอถึงบ้าน แตงกวานอนไม่หลับ จึงขอไปนอนกับแม่ เหตุการณ์ทุกอย่างก็ผ่านไป ทุกอย่างดูแล้วเหมือนจะเป็นปกติ

กระทั่งล่วงเข้าวันที่ 4 หรือ 5 นี่ล่ะ จำไม่ได้ หลังจากที่เล่นผีถ้วยแก้วมา แตงกวาก็ได้รับโทรศัพท์จากแม่ของพี่โอมว่า พี่โอมนั้นเสียชีวิตลงแล้ว จากอุบัติเหตุขับรถชนกับรถสิบแปดล้อ เสียชีวิตคาที่ แต่ว่าเพื่อนที่นั่งไปด้วยนั้นบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย แตงกวานั้นตกใจมาก ทำอะไรไม่ถูก ก็เลยรีบโทรศัพท์โทรไปถามเพื่อนของพี่โอม คนที่นั่งรถกับพี่โอมไปด้วยกัน แล้วก็เจออุบัติเหตุเหมือนกัน เพียงแต่ว่าเพื่อนของพี่โอมคนนี้ บาดเจ็บเพียงเล็กน้อย

แตงกวาอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แล้วก็ได้ความว่าตอนขากลับจากที่ทำงาน พี่โอมนั้นเป็นคนขับรถ ส่วนเพื่อนนั้นนั่งอาศัยมาด้วย ระหว่างที่พี่โอมกำลังขับรถอยู่ดี ๆ อยู่ ๆ พี่โอมก็ร้องเฮ้ย เพื่อนของพี่โอมนั้นก็ตกใจ หันไปมองตามเสียงเฮ้ย แล้วรุ่นพี่ทั้ง 2 คน ก็ได้มองเห็นผู้หญิงผมยาวคนหนึ่ง ใส่ชุดขาดรุ่งริ้ง วิ่งอ้าปากกว้างมาก ๆ กว้างจนจะฉีกถึงหู หน้าของเธอนั้นเล๊ะ ตัวก็เล๊ะ กำลังวิ่งเข้าใส่รถ พี่โอมก็ตกใจ ก็รีบหักหลบ เพียงแต่ว่ารถนั้นเสียหลักพุ่งเข้าไปชนกับรถสิบแปดล้อที่กำลังสวนมา แต่เนื่องจากเพื่อนของพี่โอมนั้นนั่งอยู่เบาะหลัง เลยไม่เป็นอะไรมาก ส่วนพี่โอมนั่งด้านหน้า ไม่ได้คาด safety belt ร่างของพี่โอมจึงพุ่งทะลุกระจกหน้ารถออกไป เสียชีวิตคาที่บนตัวรถ

แตงกวากลับมานั่งคิดดูแล้ว ลักษณะของผู้หญิงและเพื่อนได้มองเห็นก่อนเสียชีวิตนั้น มีลักษณะท่างคล้ายกับคนที่แตงกวาได้เจอบนชั้นดาดฟ้าเมื่อ 4 – 5 วันที่แล้วนั่นเอง หรือว่าเขาจะตามพี่โอมไปจนกระทั่งวาระสุดท้าย

บทความแนะนำ

เล่าเรื่องสยองขวัญ นั่งซากหวาดผวา ศพล่อเสือ

เล่าเรื่องสยองขวัญ สยองกลางทุ่ง

เล่าเรื่องสยองขวัญ เพื่อนเล่าให้ฟัง

เล่าเรื่องสยองขวัญ ทำไมไม่บวชให้

เล่าเรื่องสยองขวัญ ร้านเหล้าผี

เล่าเรื่องสยองขวัญ แถวนี้มีเยอะ

เล่าเรื่องสยองขวัญ 6 ปีไม่เคยลืม

เล่าเรื่องสยองขวัญ บ้านเก่า

เล่าเรื่องสยองขวัญ คุณแม่เล่าให้ฟัง

ตำนานผีญี่ปุ่น คาซาเนะ

ตำนานผีญี่ปุ่น บ้านแห่งจาน

ตำนานผีญี่ปุ่น ผีตระกูลเฮอิเคะ

ตำนานผีญี่ปุ่น กาซาโดคุโร


10 อันดับพระผงพิมพ์นิยมที่นักสะสมใฝ่ฝัน ศพนิรนาม 25 เรื่องบ้าบอและน่าทึ่งที่โลกบันทึกไว้ โจรสาวอินเดียปลอมเป็นชาย หลอกแต่งงานนานนับปี โจโจ้ซัง แม้เป็นเพียงเกอิชาก็ขอมีรักแท้ ไขปริศนาใครคือ แจ๊คเดอะริปเปอร์ ภาพพระจันทร์เต็มดวงในสถานที่ต่างๆ ทั่วโลก มาร์กาเร็ต & โคซิโม คู่รักคู่แค้นแห่งทัสคานี


ดูบทความเมนูอาหารทั้งหมด ดูบทความภัยอันตรายทั้งหมด ดูบทความสุขภาพทั้งหมด ดูบทความวิทยาศาสตร์ทั้งหมด ดูบทความสยองขวัญทั้งหมด ดูบทความชีวิตสัตว์ทั้งหมด ดูบทความประวัติศาสตร์ทั้งหมด ดูบทความจัดอันดับทั้งหมด สารบัญบทความ


Popular Posts